จะเกิดอะไรขึ้นหากสาวจากยุคอนาคตอย่างขวัญยิกา ต้องย้อนเวลามาอยู่ในร่างเด็ก ในยุคจีนโบราณแถมจะมาทั้งที มาดีๆแบบคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ เธอดันมาตอนเจ้าของร่างกำลังถูกโบย คุณพระ! แล้วสาวจากยุคอนาคตอย่างเธอจะสามารถเอาชีวิตรอดได้รึไม่?
จะเกิดอะไรขึ้นหากสาวจากยุคอนาคตอย่างขวัญยิกา ต้องย้อนเวลามาอยู่ในร่างเด็ก ในยุคจีนโบราณแถมจะมาทั้งที มาดีๆแบบคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ เธอดันมาตอนเจ้าของร่างกำลังถูกโบย คุณพระ! แล้วสาวจากยุคอนาคตอย่างเธอจะสามารถเอาชีวิตรอดได้รึไม่?
เพล้ง!!!
เสียงของแจกันเคลือบลายคราวอย่างดี ตกกระแทกพื้นก่อนจะแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี ก่อนมีสาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งไปแจ้งแก่นายท่านของบ้าน
อี้ชุนสาวใช้ของอนุเซียง รีบวิ่งมายังห้องของนายท่านต้วน ก่อนจะรีบรายงาน "เรียนนายท่านเจ้าค่ะ คุณหนูสามทำแจกันลายครามในห้องโถงแตกเจ้าค่ะ"
ตุ๊บ!!!
นายท่านต้วน รึต้วน อู๋เอิ๋น ตบโต๊ะเสียงดังลั่น ทันที่เมื่อได้ยินสิ่งที่สาวใช้รายงาน นังลูกสารเลววันๆก่อแต่เรื่อง แจกันลายครามใบนั้นเขาเพิ่งได้มามิกี่วันก่อน เขาตั้งใจจะเอาไปมอบแกขุนนางท่านหนึ่ง แล้วเช่นนี้จะทำเยี่ยงไรต่อ
"ไปลากนังเด็กสารเลวนั้นมา"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
อนุเซียงที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างกับนายท่านต้วน นางถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนการ ก่อนจะรีบตีหน้าเศร้า "ท่านพี่ใจเย็นๆก่อน อย่าได้ทำอันใดรุนแรงนักนะเจ้าค่ะ นางยังเด็กมิค่อยรู้ความเท่าใด"
"ฮึ!! เจ้าอย่าเข้าข้างนังตัวซวยนั้นเลย ครานี้ข้าจะเฆียนนางให้ตาย ตัวกาละกิณี"
มินานคุณหนูสามก็ถูกลากและนำตัวมายังลานกลางบ้าน นางตัวสั่นไปหมด วันนี้อยู่ดีๆคนของอนุเซียงก็เข้ามาหานาง บอกว่าท่านย่าเรียกหา ระหว่างทางนางเห็นแจกันอันใหม่ที่ท่านพ่อเพิ่งได้มา มันถูกตั้งวางไว้ที่ห้องโถงใหญ่ นางเห็นว่ามีกระดาษบางอย่างตกอยู่ข้างๆ ไม่คิดเลยว่าตอนที่กำลังจะหยิบกระดาษชิ้นนั้นขึ้นมาดู
นางกลับถูกสาวใช้ของอนุเซียงพลักจากด้านหลัง ทำให้ร่างนางเซเล็กน้อย แต่แจกันที่อยู่เบื้องหน้ากลับถูกกระแทกและตกหล่นลงพื้น พอนางหันมาอีกทีสาวใช้คนนั้นก็มิได้อยู่ตรงนั้นแล้ว กลายเป็นบ่าวที่เห็นเหตุกราณ์ เห็นว่านางเป็นคนทำแจกันตกลงมาแตก
"ทะ ท่านพ่อให้คนไปตามข้ารึเจ้าค่ะ"
เพี๊ยะ!!!
ต้วน อู๋เอิ๋นยั้งมือไว้ไม่ทัน เขาเข้ามาตบหน้าบุตรสาวตัวน้อยทันที ก่อนจะชี้หน้านางอย่างโมโห "นางสารเลว วันนี้ถ้าข้ามิตีเจ้าให้ตายคามือ ข้าคงอกแตกตาย เด็กๆไปเอาหวายมาให้ข้า"
"ท่านพ่อเจ้าค่ะ ข้ามิได้ทำนะเจ้าค่ะฮื่อๆๆ มีคนผลักข้าท่านต้องเชื่อข้านะ"
"ทำผิดมิยอมรับผิด มารดาเจ้าสั่งสอนมาเยี่ยงไรกัน "
ระหว่างนั้นฮูหยินหลันฮวามารดาของคุณหนูสาม และบุตรสาวอีกสองคน ก็พากันมาถึงยังลานกลางบ้าน ที่ตอนนี้สามีของนางต้วน อู๋เอิ่นใช้เป็นที่ลงโทษบุตรสาวคนเล็กของนาง ไม่รู้กรรมอันใดของเด็กคนนี้มิว่านางทำอันใดล้วนแต่ผิดตาสามีไปเสียทุกอย่าง
"ท่านพี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าค่ะ ท่านถึงกับลงไม้ลงมือกับบุตรสาวตัวน้อยเพียงนี้"
"เป็นเพราะเจ้าสั่งสอนนางมิดี พวกเจ้าแม่ลูกล้วนแต่ไร้ค่า วันนี้ข้าจะตีนางให้ตาย"
เมื่อนายท่านต้วนได้หวายมาอยู่ในมือแล้ว เขาก็สั่งให้บ่าวไพร่จับลูกสาวคนเล็กไว้ ก่อนจะลงมือเฆียนด้วยความโมโห โดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของฮูหยินใหญ่เลย
"กรี๊ด!!!โอ๊ย!!! ท่านพ่อข้าเจ็บ ข้าผิดไปแล้ว ท่านย่าเจ้าขาขอโทษฮื่อๆๆๆ อย่าตีข้าเลย" เสียงร้องโหยหวนของคุณหนูร้องดังลั้นแต่ก็มิมีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งดูบุตรชายตนเองลงโทษหลานสาว ตั้งแต่ก่อนเด็กคนนี้จะคลอดออกมา อนุเซียงได้พบกับหมอดูเทวดาท่านหนึ่ง ก่อนจะเชิญมาตรวจดูดวงชะตาของตระกลูต้วน หมอดูท่านนั้นบอกว่าต่อไปตระกลูต้วนจะล้มสลาย เพราะมีตัวอัปโชคอาศัยอยู่ในจวน ต่อมาพอหลานคนนี้คลอดออกมาล้วนแต่มีเรื่องมิดีเกิดขึ้นตลอดเวลา ตายๆไปได้เสียก็ดีนางคิดอยู่ในใจ
"ท่านแม่โปรดห้ามท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ ลีลี่นางยังเล็กนัก" ฮูหยินใหญ่รีบถลาไปกอดขาแม่สามี หวังให้ท่านช่วยเมตตาหลานสาวบ้าง
"ฮึ ตัวซวยตายไปก็มิเห็นเป็นอันใด"
"ท่านพ่อเจ้าอย่าตีน้องเลย"
"ฮื่อๆๆท่านพ่ออย่าทำน้องสามเลย"
บุตรสาวทั้งสองรีบสะบัดตัวออกจากการจับกุมของบ่าวไพร่ ก่อนจะมากอดขาบิดาไว้ หากบิดายังคงเฆียนต่อน้องสาวคนเล็กคงมิรอด ตอนนี้นางเจ็บจนสลบไปแล้วด้วย
ระหว่างที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น จู่ๆร่างของคุณหนูสามที่ถูกเฆียนไปสิบกว่าครั้งก็ว่าได้ ที่สลบอยู่ในตอนนี้นางกลับรู้สึกตัวขึ้นมา "เจ็บ ทำไมเจ็บจังเลย"
ขวัญยิกาครางได้เพียงเท่านั้น เธอจำได้ว่ากำลังนั่งทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเด้งอยู่ แล้วเกิดอะไรขึ้น รึเธอจะถูกรถชน เพราะร้านที่นั่งกินอยู่ข้างทางริมฟุตบาท ห่างออกไปก็ถนนใหญ่มีรถวิ่งพลุกพล่าน แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ อยู่ๆก็มีบางอย่างวิ่งเข้ามาในหัวของเธอ มันคือความทรงจำของเจ้าของร่างที่เธออยู่ในตอนนี้ "บ้าไปแล้วนี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน"
เธอย้อนเวลามาอยู่ในร่างใคร แล้วที่นี้ที่ไหนเธอมาได้ยังไง เธอตายแล้วเหรอ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่เธอมิมีเวลามาใคร่ครวญในตอนนี้ สถานกราณ์ตอนนี้ร้ายแรงเกินไปแล้ว
"ฮื่อๆๆ ท่านพี่ข้ากับลูกผิดไปแล้ว ท่านอย่าได้เฆียนนางอีกเลย ต่อไปข้าจะมิให้นางมาเพ่นพ่านให้รกหูรกตาท่าน"
อนุเซียงเข้าไปกระซิบบางอย่างกับแม่สามี "อู๋เอิ๋นมาหาแม่ประเดี๋ยว" เสียงมารดาของนายท่านต้วนดังขึ้น เมื่อนายท่านเดินเข้าไปหามารดา นางก็กระซิบอะไรบางอย่าง ก่อนจะลุกเดินจากไปโดยมีอนุเซียงคอยพยุงอยู่มิห่างกาย
นายท่านต้วนคิดอะไรสักอย่าง ก่อนจะหันกลับมาที่สี่คนแม่ลูก "พวกเจ้าจงไปเสีย"
"ข้าจะพานางกลับจวนเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะมิให้นางมาสร้างความรำคาญให้ท่านอีก" ฮูหยินใหญ่เอ่ยทั้งน้ำตา
"ข้าหมายถึงพวกเจ้าแม่ลูกจงไปจากจวนของข้าเสีย ข้าทนเห็นหน้าพวกเจ้าแม่ลูกมิไหวแล้ว"
"ท่านพี่ ท่านหมายความเยี่ยงไรกันแน่ ท่านจะให้พวกเราแม่ลูกไปไหน"
"แล้วแต่พวกเจ้า พวกเจ้าจะไปกันเองรึรอให้คนจับโยนออกไปเลือกเอา"
"อู๋เอิ๋น ท่านยังเป็นคนอยู่รึไม่"
"สารเลว พวกเจ้าแม่ลูกล้วนแต่เป็นตัวอับปรีย์ มีพวกอยู่ในจวนต่อไป มิแคล้วพวกข้าคงต้องตายกันหมดจงไปเสีย พ่อบ้านเฟิงคอยดูพวกนางไว อย่าให้พวกนางหยิบจับสิ่งของมีค่าอันใดไปได้"
"ท่านพี่เหตุใดถึงใจร้ายนัก ข้ากับบุตรสาวทำผิดอันใด" หลันฮวาภรรยาของต้วน อู๋เอิ๋น กล่าวถามสามีของนาง
อี๋นั่วรีบคลานเข่าเข้าไปกอดบิดา ก่อนจะร้องอ้อนวอนขอความเมตตาแก่พวกนาง "ท่านพ่อเมตตาพวกข้าด้วย ท่านมิรักพวกข้าแล้วหรือ?"
แต่ก่อนที่ร่างของนาท่านต้วนจะจากไป อยู่ๆร่างเล็กที่โชกไปด้วยเลือด นางกัดฟันลุกขึ้นยืน ก่อนจะชี้ไปที่หน้าของชายใจดำตรงหน้า "ท่านมันมิใช่คน ท่านทำกับบุตรกับภรรยาของท่านเยี่ยงนี้หรือ ถุย! ข้ามิน่ามีท่านเป็นบิดาเลย"
เพี๊ยะ!!!
"ถุย!! ตบเลยตบอีกซิ"
ฮูหยินหลันมารดาจองนางรีบเข้ามากอดร่างของนาง ก่อนที่สามีจะลงมือทุบตีบุตรสาวเพิ่มหนักเข้าไปอีก "ลีลี่ลูกแม่เจ้ามิควรพูดกับท่านพ่อเยี่ยงนี้ ฮื่อๆ ขอโทษท่านพ่อเร็วเข้า"
"ท่านแม่ท่านมิได้ยินรึเยี่ยงไร เขามิต้องการพวกเราแล้ว ท่านได้ยินรึไม่" ลีลี่พูดทั้งน้ำตา นางตะโกนลั่นด้วยความโกรธ นางมิใช่ลีลี่บตรสาวของคนเบื้องหน้า เหตุใดต้องรู้สึกผิดนางอยากจะด่าเสียให้เข็ด พวกผูชายหน้าตัวเมีย รังแกแม้แต่บุตรภรรยาของตน
"นังสารเลว เด็กๆมาลากพวกนางออกไปให้พ้นจวนข้าเดี๋ยวนี้"
"มิต้อง พวกข้าไปกันเองได้ ท่านจำไว้ในวันนี้ท่านทอดทิ้งมารดาข้า พี่สาวข้าและตัวข้า ต่อไปพวกข้ามิใช่คนตระกลูต้วนอีกต่อไป ถุย!! ไปเถอะเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่อย่าได้อยู่ในจวนที่น่ารังเกียจนี่เลย"
ซีฮันพี่สาวคนโต อี๋นั่วพี่สาวคนรอง พวกนางทำได้แค่ค่อยๆประคองร่างน้องสาวคนเล็กขึ้นมา น้ำตาที่ไหลอาบเต็มแก้ม หัวใจที่แตกสลาย พวกนางมองดูมารดาที่ตอนนี้แทบจะมิมีแรงเดิน พวกนางเจ็บเข้าไปที่ใจถึงเพียงนี้ แล้วมารดาของพวกนางเล่า จะเจ็บเพียงใด
เหตุผลน้ำเน่าของยุคก็ว่าได้ เพียงแค่มารดาพวกนางให้กำเนิดแต่เพียงบุตรสาว ความซวยความอัปมงคลทั้งหลายจึงถูกประเคนให้แบบอัตโนมัติ นี้คือความคิดของคนจีนโบราณของแท้ มีบุตรสาวคือพวกไร้ค่า ยิ่งมีบิดาโง่เง่าเบาสมองเยี่ยงนี้มิมีเสียดีกว่า
"น้องเล็กเจ้าเจ็บมารึไม่ อดทนหน่อยนะ" ซีฮั่นเอ่ยถามทั้งน้ำตา
"เจ็บมากเจ้าค่ะ" คำตอบสั้นๆ
นางหลันฮวานางมองดูสามีที่อยู่ร่วมกันมาหลายสิบปีครั้งสุดท้าย ช่างน่าเวทนาวาสนาตัวเองยิ่งนักได้สามีก็สามีโง่เขลา รักเพียงแค่ตัวเอง บุตรสาวของนางหาได้กระทำผิดอันใดไม่ หากดันทุรันอยู่ต่อคงไม่แคล้วเป็นทาสในเรือนรึไม่ก็คงถูกตีจนตายเข้าสักวัน
ปัง!!!
เสียงปิดประตูจวนเสียงดัง สี่คนแม่ลูกประคองกันเดินออกจากจวน ลีลี่เลียวมองดูมารดาที่เอาแต่ร้องไห้ตลอดทาง เป็นใครบ้างจะไม่เสียใจหากถูกคนที่รักและไวใจหักหลัง คนตระกลูต้วนช่างใจดำเสียเหลือเกิน "ท่านแม่อย่าร้องไห้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะเลี้ยงดูพวกท่านเอง" นางเจ็บทั่วแผ่นหลังแต่ยังกัดฟันพูดและเดินต่อไป
ซีฮัน อี๋นั่ว ก็เข้ามาล้อมและกอดมารดา ก่อนจะพาร้องไห้โฮ ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาต่างยืนมอง เหตุใดพวกนางถึงร้องไห้ปาดจะขาดใจตายให้ได้เพียงนั้น แต่ก็มิได้มีใครยื่นมาเข้าไปยุ่ง
"ท่านแม่ ท่านต้องเข้มแข็งนะเจ้าค่ะ พวกข้ายังต้องพึ่งพิงท่าน" ซีฮั่นเอ่ยปลอบมารดา
หลันฮวาหันมามองหน้าบุตรสาวคนเล็กที่ซีดขาว ตอนนี้มีเลือดไหลอาบเต็มแผ่นหลังเล็กๆ "เจ็บมากรึไม่ อดทนหน่อยนะ" ว่าพลางเอามือลูบหัวนางเบาๆ
"เจ็บเจ้าค่ะ แต่ข้าทนได้ แล้วเราจะไปไหนกันต่อเจ้าค่ะ"
สามพี่น้องมองหน้ามารดา พวกนางไม่มีแม้แต่เงินทองติดตัว "แม่ว่าพวกเราคงต้องไปยังหมู่บ้านซานตง มันเคยเป็นบ้านเก่าท่านตาท่านยาย แต่ก็นานหลายปีแล้วหลังจากที่ท่านตาท่านยายเสีย แม่ก็มิเคยได้ไปดูแลมันเลย แต่คงพอให้พวกเราแม่ลูกได้พักพิง"
สี่คนแม่ลูกเดินออกมาจากจวนตระกลูต้วนได้สักพัก ก่อนจะพากันนั่งพักตอนนี้เสื้อของลูกสาวคนเล็กอาบไปด้วยเลือด "แม่ว่าเราไปโรงหมอกันก่อนเถอะ"
"แต่เรามิมีแม้แต่เงินอีแปะเดียวนะเจ้าค่ะ"
นางหลันฮวาเอามือลูกหัวบุตรสาวคนโต ก่อนจะยิ้มเบาๆ นางจะร้องไห้อีกไม่ได้นางยังมีลูกๆที่ต้องดูแล "แม่จะเอาปิ่นปักผมกับแหวนหยกไปขาย พวกเจ้านั่งรอแม่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ "
สามพี่น้องพยักหน้าตอบรับ ตอนนี้ลีลี่นางไม่มีแรงตอบโต้อันใดแล้ว นางเจ็บเหลือเกินไม่นานนางก็หมดสติไปอีกรอบ สองพี่น้องได้แต่กอดน้องสาวคนเล็กและร้องไห้ รอจนมารดาพวกนางกลับมา นางหลันรีบอุ้มบุตรสาวที่หมดสติขึ้นมา ก่อนจะรีบไปตรงไปที่โรงหมอใกล้ๆ
"แม่ขายปิ่นกับแหวนหยกได้มาเพียงห้าตำเงินเงิน ซีฮั่นอี๋นั่วเจ้าสองคนไปหาซื้อชุดมาให้น้องได้เปลียนสักชุด กับแวะซื้อหมั่นโถวมาด้วยนะ"
"เจ้าค่ะ"
นางหลันหยิบเงินให้บุตรสาวไป ส่วนตัวนางตอนนี้อยู่รอดูบุตรสาวคนเล็กที่โรงหมอต่อ "นางเป็นเช่นไรบ้างท่านหมอ"
"ข้าใส่ยาให้แล้ว ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ สักสิบวันก็น่าจะดีขึ้น แผลมิได้ลึกมาก ว่าแต่นางโดนใครเฆียนมาล่ะ แรงไม่เบาเลย เด็กตัวแค่นี้ช่างโหดเหี้ยมเกินคน"
นางหลันฮวามิได้ตอบ ทำเพียงแค่จ่ายค่ารักษา เมื่อบุตรสาวคนโตกับคนรองกลับมาถีง นางก็อุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้น ก่อนจะเอ่ยลาท่านหมอและจากไป
"เห็นทีเราคงต้องจ้างรถม้า"
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็ตรงไปยังจุดจอดรถม้ารับจ้าง "น้องชายท่านนี้ ข้ากับบุตรต้องการเดินทางไปยังหมู่บ้านซานตงเจ้าคิดราคาเท่าใดหรือ?"
"เรียนฮูหยินท่านนี้ หมู่บ้านซานตงห่างออกไปหลายสิบลี้ ข้าคิดเพียงหนึ่งตำลึงเงิน ท่านตบลงรึไม่ขอรับ"
"รบกวนน้องชายแล้ว"
เมื่อตกลงราคากันได้นางก็พาบุตรสาวขึ้นรถม้าทันที จะว่าแพงก็ไม่จะว่าถูกก็มิเชิง คนขับรถม้าเห็นว่ามีเด็กบาดเจ็บมาด้วยจึงสงสารคิดราคากึ่งกลางมิมากและมิได้น้อยจนเกินไป นางต้องยอมเสียเงินเพราะจะให้พวกนางเดินเท้าไปคงไปมิถึงง่ายๆ
"น้องชายวิ่งตรงไปทางนั้นเมื่อเจอแยกให้เลี้ยวซ้ายมือ"
"ขอรับ"
เมื่อรถม้ามาถึงก็เกือบเลยยามซวีไปแล้ว รถม้าที่วิ่งเข้ามาชาวบ้านบางคนก็สังเกตุเห็น คนที่เห็นต่างสงสัยใครกันมาที่บ้านเก่าของตระกลูมู่ "ขอบคุณน้องชายที่มาส่งนี้เงินหนึ่งตำลึงตามที่ตกลงกันไว้"
"ฮูหยินท่านนี้บ้านหลังนี้คงมิมีคนอยู่ท่านแน่ใจนะว่ามาถูก"
"ขอบคุณน้องชายที่เป็นห่วง ข้ากับบุตรสาวขอตัวก่อน"
นางหลันฮวาอุ้มบุตรสาวคนเล็กลงรถม้า ตอนนี้บุตรสาวของนางเริ่มมีอาการไข้ขึ้นมาแล้ว คงต้องรีบเข้าไปในบ้านก่อน
"เข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะ ระวังกันด้วยล่ะ"
"เจ้าค่ะ"
บ้านเก่าของนางหลันฮวา เป็นบ้านก่อด้วยอิฐโคลน มีสองห้องนอน มีครัวเล็กๆด้านหลัง แต่สภาพค่อนข้างผุพัง "ช่วยกันปัดกวาดที่นอนกันก่อน แม่จะไปหาดูหลังบ้านยังพอมีน้ำหลงเหลืออยู่รึไม่ "
"เจ้าค่ะ//เจ้าค่ะ"
สองพี่น้องช่วยกันปัดกวาดที่เตียงเบาๆ หยากใยแมงมุมที่เต็มไปหมด ความมืดที่แทบจะมองมิค่อยเห็น พวกนางทำเพียงแค่คลำๆเอา อาศัยแสงสว่างจากแสงจันทร์ จากด้านนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"โชคดีที่หลังบ้านยังพอมีน้ำอยู่บ้าง พวกเจ้าสองพี่น้องไปล้างหน้าล้างตากันก่อน เดินไปทางนั้นนะระวังกันด้วย"
เมื่อได้น้ำกับอ่างน้ำมา นางก็เข้าไปอีกห้องหนึ่งลองค้นหาเทียนมาจุดให้แสงสว่างภายในห้อง ดีที่นางรู้ว่าท่านแม่ของนางชอบเก็บของใช้ไว้ตรงไหน มิเช่นนั้นพวกนางแม่ลูกคงต้องยุในความมืดทั้งคืนแน่
สางหลันค่อยๆเช็ดตัวให้บุตรสาวคนเล็กอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆป้อนยาสมุนไพรต้มให้นาง ดีที่บ้านท่านแม่ยังคงมีเครื่องครัวอยู่ครบ ขาดแต่เพียงข้าวสารอาหารแห้ง ดีที่นางให้บุตรสาวคนโตไปซื้อหมั่นโถวมาไว้กินประทังหิวไปก่อน มิเช่นนั้นพวกนางคงเป็นลมล้มไปกันหมดนี้
คืนนั้นทั้งสี่ชีวิตนอนเบียดกันในห้องเดียวกัน เพราะอากาศที่หนาวเย็นในช่วงกลางคืน ทำให้พวกนางแทบจะนอนไม่หลับ ดีที่ในบ้านยังมีผ้าห่มเก่าๆของท่านยายอยู่ มิเช่นนั้นพวกนางทั้งห้าคงหนาวตายกันหมดแน่ แต่นางหลันก็นอนมิค่อยหลับเท่าใด เหตุด้วยต้องตื่มาคอยดูอาการของบุตรสาวคนเล็กอยู่ตลอดเวลานั้นเอง
เช้าวันต่อมานางหลันตื่นนอนแต่เช้ามืด นางออกมายังลานหน้าบ้านก่อนจำสำรวจดูความรกร้าง ระหว่างที่นางกำลังก้มๆเงยยกของลากไม้ออกจากหน้าลานบ้านอยู่นั้น ก็มีเพื่อนบ้านแวะเข้ามาทักทาย
"อ้าว!! นั้นใช่ มู่หลันฮวารึไม่"
"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านป้าฟาง ข้าหลันฮวาเองเจ้าค่ะ"
"เจ้ามาเมื่อใดป้ามิเห็น แล้วนี้บุตรกับสามีเจ้าล่ะมาด้วยรึไม่"
หลันฮวาได้แต่ยิ้มอย่างฝืดๆ "ข้ามากับลูกๆเจ้าค่ะ มาถึงเมื่อคืน"
นางฟางมองออกทันที นี้คงถูกขับไล่ออกมาเป็นแน่ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ แต่นางฟางก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ นางอยู่มาจนปูนนี้แล้วรู้ว่าอันใดควรพูดมิควรพูด "ข้าต้องไปก่อนแล้ว มีเรื่องอันใดไปหาป้าได้อย่าได้เกรงใจรู้รึไม่"
"ขอบคุณท่านป้านฟางเจ้าค่ะ"
นางหลันกำลังจะลากเศษไม้ไปกองรวมไว้อีกด้านต่อ แต่ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น "นั้นใช่หลันฮวารึไม่"
หลันฮวาหันไม่มองตามเสียง ก็พบเข้ากับท่านพี่สวีข่าย นางรู้สึกอับอายยิ่งนัก นางยังไม่พร้อมสู้หน้าคนตรงหน้า แต่ก่อนพี่สวีข่ายเคยชอบพอกันกับนาง แต่ท่านพ่อท่านแม่ของนางกลับยกนางให้ตระกลูต้วนไปเสียก่อน ทำให้นางกับท่านพี่สวีข่ายไร้วาสนาต่อกัน แล้วตอนนี้กลับต้องมาอยู่และพบเจอกันเช่นนี้
"เจ้าค่ะข้าเอง ท่านพี่สวีสบายดีรึไม่เจ้าค่ะ"
"เจ้าย้ายกลับมารึ "
"เจ้าค่ะ"
"เจ้ามาแต่เพียงผู้เดียวรึอย่างไร สามีเจ้าเล่า?"
"ข้ามากับบุตรสาวอีกสามคนเท่านั้นเจ้าค่ะ" นางยิ้มอย่างเศร้าๆ ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ
"ให้พี่ช่วยเถอะ เจ้าตัวแค่นี้จะเอาแรงจากไหนมาถากถางได้"
"ข้าทำเองได้ เดี๋ยวลูกๆของข้าก็ออกมาช่วยอีกแรงเจ้าค่ะ" ยังไม่ทันที่นางจะพูดต่อบุตรสาวทั้งสองก็เดินออกมาพอดี
"ซีฮั่นอี๋นั่ว รีบคาราวะท่านลุงสวีก่อนซิลูก"
"คราวะท่านลุงสวีเจ้าค่ะ//เจ้าค่ะ" บุตรสาวของนางหลันรีบคำนับท่านลุง ตามคำแนะนำของมารดาร
"พวกนางคือบุตรสาวของข้าเจ้าค่ะ คนโตชื่อซีฮัน คนนี้อายุ12ปี คนรองชื่ออี๋นั่ว คนนี้อายุ10ปีส่วนคนที่สามนางชื่อลีลี่อายุ8ปี เจ้าค่ะท่านพี่สวี"
สวีข่ายพยักหน้าและคำนับตอบกลับเล็กน้อย ตอบรับการคาราวะของเด็กๆเบื้องหน้า ทำไมเขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจเยี่ยงนี้เล่า เขาเฝ้ามองสามแม่ลูกคุยกระซิบอะไรกันบางอย่าง
"ประเดี๋ยวแม่เข้าไป พวกเจ้าเข้าไปอยู่กับน้องก่อนเถอะ"
"เจ้าค่ะ"
เมื่อบุตรสาวทั้งสองเดินเข้าไปยังด้านใน นางก็รีบเอ่ยปากขอตัวกับท่านพี่สวีข่ายทันที "ขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ วันหลังข้าจะไปเยี่ยมเยียนท่านลุงท่านป้าสวีนะเจ้าค่ะ"
สวีข่ายได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะมองคนรักเก่า เดินเข้าไปในบ้านที่เกือบพังตรงหน้า เขาจะปล่อยให้พวกนางอยู่แบบนี้ได้เหรอ? ไม่ได้การต้องรีบหาคนมาช่วยจัดการโดยเร่งด่วน
ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมคนในหมู่บ้านสามสี่คน เมื่อชาวบ้านรู้ว่าบุตรสาวของตาเฒ่ามู่กลับมาอยู่ที่หมู่บ้าน และบ้านเดิมของตาเฒ่ามู่ก็ผุฟังไปมาก บางคนก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยถากถางหญ้าที่รกร้าง และช่วยซ่อมบ้านที่ผุฟังนั้นด้วยความเต็มใจ
เรื่องราวของสาวจากยุค2022 ที่ต้องหลงการเวลามายังยุคจีนโบราณ แล้วสาวสวยแถมยังโสดอย่างคุณหนูลูกปลา ที่ต้องย้ายมาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มีครอบครัวแล้ว คุณหนูลูกปลาจะสามารถรอดพ้นจากความหื่นของสามี และความจนที่ถูกมอบให้ได้รึไม่?
เรื่อง สลับรักยัยเลขาฝาแฝด โปรย...หญิงสาวฝาแฝด ที่พบกันโดยบังเอิญ พวกเธอเกิดความสงสัยแล้วอยากจะหาความจริงกับเรื่องนี้ คนหนึ่งเก่งฉลาด อีกคนน่ารักเรียบร้อย แนะนำตัวละคร กัญญารัตน์ วัชรจิรกุล (กรีน) อายุ 26 ปี ลูกสาวคนเดียวของคุณภูมิพัฒน์ กับ คุณศิริวรรณ เรียนจบมาจาก เยอรมัน แต่ด้วยที่ว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียว จึงต้องมาเรียนรู้งานในไร่กาแฟ ตอนแรก เธอก็อยากจะไปหาประสบการณ์ ในสิ่งที่ตัวเองเรียนมา แต่ก็ถูกผู้เป็นมารดาขอร้องให้มาช่วยงานคุณพ่อซะก่อน เพราะพ่อของเธอก็อายุมากแล้ว เธอจึงยอมมาเรียนรู้งานในไร่กาแฟ ไร่ที่ทำให้เธอ ได้ไปเรียนเมืองนอก ไร่ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัวเธอ และตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว เธอได้มาทำงานแทนผู้เป็นบิดา ได้เต็มตัวแล้ว เธอมีเพื่อนที่สนิทคนหนึ่งชื่อ อคิณ เป็นเจ้าของไร่ชา ที่อยู่ติดกับไร่กาแฟของเธอ เควิน เตชะวงศ์วรากุล (คุณเค) อายุ 35 ปี นักธุรกิจหนุ่มหล่อ เป็นผู้ชายที่สาวๆ ต่างหมายปอง เขาทั้งหล่อ ทั้งรวย ก็ไม่แปลกที่จะมีสาวๆ เข้ามาหา "ผมเป็นผู้ชายนะครับ มีผู้หญิงมาทอดสะพานให้ถึงที่ ผมก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิครับ จะปล่อยผ่านได้ยังไง ผมขึ้นเตียงกับพวกเธออยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกคนผมก็จะตกลงกับพวกเธอว่าไม่มีการผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น แฟนเหรอ...ผมไม่คิดจะมีหรอก แค่งานก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ขออยู่แบบโสดๆ แบบนี้ดีกว่า อีกอย่างผู้หญิงพวกนั้นเข้ามา ก็เพราะเงินของผมทั้งนั้น เวลาที่ผมนอนกับพวกเธอแต่ละคน ผมไม่ได้เอาฟรีๆ หรอกนะครับ ผมจ่ายหนักทุกครั้ง ส่วนยัยเลขาของผมก็งั้นๆ ผมไม่เคยคิดอะไรกับเธอ ถึงเธอจะสวย เธอเป็นคนวางตัวดี คนดีอย่างผมไม่กินไก่วัดหรอกครับ เธอทำงานกับผมมาสามปี ทำงานก็พอใช้ได้ก็ทั่วๆไป ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ไม่ใช่ว่าเธอทำงานไม่ดีนะครับ แต่มาตรฐานของผมคงจะสูงไป" กัญญาณี วรกฤตติกา (แกรนด์) อายุ 26 ปี หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวตาโต ขนตายาว เธอเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอทำงานเป็นเลขาให้เควินมาสามปี เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร พูดน้อย ตั้งใจทำงานและเธอก็ทำงานของเธอได้เป็นอย่างดี ไหนจะงานราษงานหลวง แล้วแต่บอสของเธอจะสั่ง และเธอก็เบื่อชีวิตในเมืองหลวงมาก เมืองที่มีแต่ความแออัด รีบเร่ง วุ่นวาย รถก็ติดอากาศก็มีแต่มลพิษ แล้วก็งานเลขาที่มีเจ้านายเจ้าชู้ เข้มงวด เนียบ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เธออยากใช้ชีวิตที่สงบสุข ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นชีวิตที่เธอใฝ่ฝัน อคิณ ทวีทรัพย์ธาดา (คิณ) อายุ 26 ปี "ผมอคิณ เจ้าของไร่ชา อายุอานามก็พอๆ กับกรีนนั่นแหละครับ เพราะผมกับกรีนเป็นเพื่อนกัน เราเรียนมาด้วยกัน พอโตมา เราก็สนิทกันเหมือนตอนเด็กๆ นั่นแหละครับ พูดถึงเพื่อนผม ความอ่อนหวานสักนิดก็ไม่มี ทำงานก็อย่างกับผู้ชาย แถมมันยังดุมากอีกด้วย เวลามันดุลูกน้องที่ทำงานผิดพลาดนะ ผมนี่ขนลุกเลย ถ้าผมเอามันมาเป็นเมียนะ ผมได้แม่เพิ่มมาอีกคนนึงแน่ ฮึ้ยยยย!! แค่คิดก็ขนลุก แต่ผู้ใหญ่นี่สิครับ รวมถึงไอ้น้องเวรของผมด้วย อยากได้เธอมาเป็นสะใภ้ แต่ผมไม่เล่นด้วยหรอกครับ ขอเป็นเพื่อนกับมันแบบนี้ไปนานๆ ดีกว่า" บทนำ ณ ไร่กาแฟที่เป็นบ้านเกิดของหญิงสาวที่มีนามว่ากรีน เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กผิวขาว หน้าตาน่ารัก ผมยาวรูปร่างทะมัดทะแมง เธอทำงานในไร่ ได้เหมือนคนงานคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เธอทั้งสวยและเก่งแถมยังฉลาด พูดจาฉะฉาน กำลังเดินตรวจงานในไร่ ไร่ที่ผู้เป็นบิดาสร้างไว้ให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของท่าน ที่ท่านเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ กรีนเธอเป็นผู้หญิงเก่ง ถึงตัวเธอจะเล็กแต่เธอก็สู้งาน ทำงานในไร่ได้เสมือนกับลูกน้องของเธอทุกคน แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่เธอเรียนจบจากต่างประเทศมา เธอก็อยากจะมีประสบการณ์ในการทำงานที่เธอได้ศึกษาเรียนรู้มา ที่ไม่ใช่ไร่ของเธอ เธอเรียนด้านบริหารธุรกิจ และยังพูดได้ตั้งหลายภาษาด้วยความเก่งและหัวดีของเธอ ทำให้เธออยากจะลองไปใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมา และในขณะเดียวกันก็มีผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับเธออย่างกับแกะมีนามว่า แกรนด์ เธออยู่เมืองหลวงของประเทศไทยตั้งแต่เกิด
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
"ชาร์ลีถูกทิ้งไว้ที่ห้องจัดงานและกลายเป็นตัวตลก เธอพยายามทำตัวให้ว่านอนสอนง่าย แต่สุดท้ายกลับได้รับคลิปวีดีโอที่เกี่ยวกับคู่หมั้นและน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอเสียใจมากและใช้เวลาทั้งคืนอย่างสุดเหวี่ยงกับคนแปลกหน้าที่ร้อนแรง ซึ่งควรจะเป็นแค่ครั้งเดียว แต่เขากลับโผล่มาช่วยเธอทำโปรเจ็กต์ต่างๆ และแก้แค้น ในขณะที่คอยจีบเธออยู่ตลอดเวลา ในไม่ช้า ชาร์ลีก็ตระหนักว่าการมีเขาอยู่ใกล้ๆ เป็นเรื่องดี จนกระทั่งแฟนเก่าของเธอปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของเธอและขอร้องให้โอกาสอีกครั้ง คนรักที่ร่ำรวยของเธอถามว่า “คุณจะเลือกใคร คิดให้ดีก่อนตอบ”"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ยัยเด็กขาดสารอาหารคนนี้หรอ คือลูกสาวคนใหม่ของแม่.. เด็กอะไร ขวางหูขวางตาชะมัด เจอหน้ากันเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ทำไมยัยเด็กนี่ถึงสวยวันสวยคืน..ถ้าเขาจะแอบกินเด็กของแม่..จะผิดไหม
เขาเสนอตัวขอรับเลี้ยงเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ… เธอปฏิเสธมัน แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือก เธอกลับต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีกครั้ง ในข้อตกลงที่ไม่มีทางเลือกนั้น กลับกลายเป็นเงื่อนไขที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน… "ที่พี่บอกว่าจ่ายหนัก... หนักแค่ไหนคะ?" "หึ... ก็อยู่ที่ว่าเธอทำให้ฉันพอใจแค่ไหน" ในข้อตกลงที่มีราคาสูง... เธออาจจะต้องจ่ายมากกว่าที่คิด
© 2018-now MeghaBook
บนสุด