จะเกิดอะไรขึ้นหากสาวจากยุคอนาคตอย่างขวัญยิกา ต้องย้อนเวลามาอยู่ในร่างเด็ก ในยุคจีนโบราณแถมจะมาทั้งที มาดีๆแบบคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ เธอดันมาตอนเจ้าของร่างกำลังถูกโบย คุณพระ! แล้วสาวจากยุคอนาคตอย่างเธอจะสามารถเอาชีวิตรอดได้รึไม่?
จะเกิดอะไรขึ้นหากสาวจากยุคอนาคตอย่างขวัญยิกา ต้องย้อนเวลามาอยู่ในร่างเด็ก ในยุคจีนโบราณแถมจะมาทั้งที มาดีๆแบบคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ เธอดันมาตอนเจ้าของร่างกำลังถูกโบย คุณพระ! แล้วสาวจากยุคอนาคตอย่างเธอจะสามารถเอาชีวิตรอดได้รึไม่?
เพล้ง!!!
เสียงของแจกันเคลือบลายคราวอย่างดี ตกกระแทกพื้นก่อนจะแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี ก่อนมีสาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งไปแจ้งแก่นายท่านของบ้าน
อี้ชุนสาวใช้ของอนุเซียง รีบวิ่งมายังห้องของนายท่านต้วน ก่อนจะรีบรายงาน "เรียนนายท่านเจ้าค่ะ คุณหนูสามทำแจกันลายครามในห้องโถงแตกเจ้าค่ะ"
ตุ๊บ!!!
นายท่านต้วน รึต้วน อู๋เอิ๋น ตบโต๊ะเสียงดังลั่น ทันที่เมื่อได้ยินสิ่งที่สาวใช้รายงาน นังลูกสารเลววันๆก่อแต่เรื่อง แจกันลายครามใบนั้นเขาเพิ่งได้มามิกี่วันก่อน เขาตั้งใจจะเอาไปมอบแกขุนนางท่านหนึ่ง แล้วเช่นนี้จะทำเยี่ยงไรต่อ
"ไปลากนังเด็กสารเลวนั้นมา"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
อนุเซียงที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างกับนายท่านต้วน นางถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนการ ก่อนจะรีบตีหน้าเศร้า "ท่านพี่ใจเย็นๆก่อน อย่าได้ทำอันใดรุนแรงนักนะเจ้าค่ะ นางยังเด็กมิค่อยรู้ความเท่าใด"
"ฮึ!! เจ้าอย่าเข้าข้างนังตัวซวยนั้นเลย ครานี้ข้าจะเฆียนนางให้ตาย ตัวกาละกิณี"
มินานคุณหนูสามก็ถูกลากและนำตัวมายังลานกลางบ้าน นางตัวสั่นไปหมด วันนี้อยู่ดีๆคนของอนุเซียงก็เข้ามาหานาง บอกว่าท่านย่าเรียกหา ระหว่างทางนางเห็นแจกันอันใหม่ที่ท่านพ่อเพิ่งได้มา มันถูกตั้งวางไว้ที่ห้องโถงใหญ่ นางเห็นว่ามีกระดาษบางอย่างตกอยู่ข้างๆ ไม่คิดเลยว่าตอนที่กำลังจะหยิบกระดาษชิ้นนั้นขึ้นมาดู
นางกลับถูกสาวใช้ของอนุเซียงพลักจากด้านหลัง ทำให้ร่างนางเซเล็กน้อย แต่แจกันที่อยู่เบื้องหน้ากลับถูกกระแทกและตกหล่นลงพื้น พอนางหันมาอีกทีสาวใช้คนนั้นก็มิได้อยู่ตรงนั้นแล้ว กลายเป็นบ่าวที่เห็นเหตุกราณ์ เห็นว่านางเป็นคนทำแจกันตกลงมาแตก
"ทะ ท่านพ่อให้คนไปตามข้ารึเจ้าค่ะ"
เพี๊ยะ!!!
ต้วน อู๋เอิ๋นยั้งมือไว้ไม่ทัน เขาเข้ามาตบหน้าบุตรสาวตัวน้อยทันที ก่อนจะชี้หน้านางอย่างโมโห "นางสารเลว วันนี้ถ้าข้ามิตีเจ้าให้ตายคามือ ข้าคงอกแตกตาย เด็กๆไปเอาหวายมาให้ข้า"
"ท่านพ่อเจ้าค่ะ ข้ามิได้ทำนะเจ้าค่ะฮื่อๆๆ มีคนผลักข้าท่านต้องเชื่อข้านะ"
"ทำผิดมิยอมรับผิด มารดาเจ้าสั่งสอนมาเยี่ยงไรกัน "
ระหว่างนั้นฮูหยินหลันฮวามารดาของคุณหนูสาม และบุตรสาวอีกสองคน ก็พากันมาถึงยังลานกลางบ้าน ที่ตอนนี้สามีของนางต้วน อู๋เอิ่นใช้เป็นที่ลงโทษบุตรสาวคนเล็กของนาง ไม่รู้กรรมอันใดของเด็กคนนี้มิว่านางทำอันใดล้วนแต่ผิดตาสามีไปเสียทุกอย่าง
"ท่านพี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าค่ะ ท่านถึงกับลงไม้ลงมือกับบุตรสาวตัวน้อยเพียงนี้"
"เป็นเพราะเจ้าสั่งสอนนางมิดี พวกเจ้าแม่ลูกล้วนแต่ไร้ค่า วันนี้ข้าจะตีนางให้ตาย"
เมื่อนายท่านต้วนได้หวายมาอยู่ในมือแล้ว เขาก็สั่งให้บ่าวไพร่จับลูกสาวคนเล็กไว้ ก่อนจะลงมือเฆียนด้วยความโมโห โดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของฮูหยินใหญ่เลย
"กรี๊ด!!!โอ๊ย!!! ท่านพ่อข้าเจ็บ ข้าผิดไปแล้ว ท่านย่าเจ้าขาขอโทษฮื่อๆๆๆ อย่าตีข้าเลย" เสียงร้องโหยหวนของคุณหนูร้องดังลั้นแต่ก็มิมีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งดูบุตรชายตนเองลงโทษหลานสาว ตั้งแต่ก่อนเด็กคนนี้จะคลอดออกมา อนุเซียงได้พบกับหมอดูเทวดาท่านหนึ่ง ก่อนจะเชิญมาตรวจดูดวงชะตาของตระกลูต้วน หมอดูท่านนั้นบอกว่าต่อไปตระกลูต้วนจะล้มสลาย เพราะมีตัวอัปโชคอาศัยอยู่ในจวน ต่อมาพอหลานคนนี้คลอดออกมาล้วนแต่มีเรื่องมิดีเกิดขึ้นตลอดเวลา ตายๆไปได้เสียก็ดีนางคิดอยู่ในใจ
"ท่านแม่โปรดห้ามท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ ลีลี่นางยังเล็กนัก" ฮูหยินใหญ่รีบถลาไปกอดขาแม่สามี หวังให้ท่านช่วยเมตตาหลานสาวบ้าง
"ฮึ ตัวซวยตายไปก็มิเห็นเป็นอันใด"
"ท่านพ่อเจ้าอย่าตีน้องเลย"
"ฮื่อๆๆท่านพ่ออย่าทำน้องสามเลย"
บุตรสาวทั้งสองรีบสะบัดตัวออกจากการจับกุมของบ่าวไพร่ ก่อนจะมากอดขาบิดาไว้ หากบิดายังคงเฆียนต่อน้องสาวคนเล็กคงมิรอด ตอนนี้นางเจ็บจนสลบไปแล้วด้วย
ระหว่างที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น จู่ๆร่างของคุณหนูสามที่ถูกเฆียนไปสิบกว่าครั้งก็ว่าได้ ที่สลบอยู่ในตอนนี้นางกลับรู้สึกตัวขึ้นมา "เจ็บ ทำไมเจ็บจังเลย"
ขวัญยิกาครางได้เพียงเท่านั้น เธอจำได้ว่ากำลังนั่งทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเด้งอยู่ แล้วเกิดอะไรขึ้น รึเธอจะถูกรถชน เพราะร้านที่นั่งกินอยู่ข้างทางริมฟุตบาท ห่างออกไปก็ถนนใหญ่มีรถวิ่งพลุกพล่าน แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ อยู่ๆก็มีบางอย่างวิ่งเข้ามาในหัวของเธอ มันคือความทรงจำของเจ้าของร่างที่เธออยู่ในตอนนี้ "บ้าไปแล้วนี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน"
เธอย้อนเวลามาอยู่ในร่างใคร แล้วที่นี้ที่ไหนเธอมาได้ยังไง เธอตายแล้วเหรอ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่เธอมิมีเวลามาใคร่ครวญในตอนนี้ สถานกราณ์ตอนนี้ร้ายแรงเกินไปแล้ว
"ฮื่อๆๆ ท่านพี่ข้ากับลูกผิดไปแล้ว ท่านอย่าได้เฆียนนางอีกเลย ต่อไปข้าจะมิให้นางมาเพ่นพ่านให้รกหูรกตาท่าน"
อนุเซียงเข้าไปกระซิบบางอย่างกับแม่สามี "อู๋เอิ๋นมาหาแม่ประเดี๋ยว" เสียงมารดาของนายท่านต้วนดังขึ้น เมื่อนายท่านเดินเข้าไปหามารดา นางก็กระซิบอะไรบางอย่าง ก่อนจะลุกเดินจากไปโดยมีอนุเซียงคอยพยุงอยู่มิห่างกาย
นายท่านต้วนคิดอะไรสักอย่าง ก่อนจะหันกลับมาที่สี่คนแม่ลูก "พวกเจ้าจงไปเสีย"
"ข้าจะพานางกลับจวนเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะมิให้นางมาสร้างความรำคาญให้ท่านอีก" ฮูหยินใหญ่เอ่ยทั้งน้ำตา
"ข้าหมายถึงพวกเจ้าแม่ลูกจงไปจากจวนของข้าเสีย ข้าทนเห็นหน้าพวกเจ้าแม่ลูกมิไหวแล้ว"
"ท่านพี่ ท่านหมายความเยี่ยงไรกันแน่ ท่านจะให้พวกเราแม่ลูกไปไหน"
"แล้วแต่พวกเจ้า พวกเจ้าจะไปกันเองรึรอให้คนจับโยนออกไปเลือกเอา"
"อู๋เอิ๋น ท่านยังเป็นคนอยู่รึไม่"
"สารเลว พวกเจ้าแม่ลูกล้วนแต่เป็นตัวอับปรีย์ มีพวกอยู่ในจวนต่อไป มิแคล้วพวกข้าคงต้องตายกันหมดจงไปเสีย พ่อบ้านเฟิงคอยดูพวกนางไว อย่าให้พวกนางหยิบจับสิ่งของมีค่าอันใดไปได้"
"ท่านพี่เหตุใดถึงใจร้ายนัก ข้ากับบุตรสาวทำผิดอันใด" หลันฮวาภรรยาของต้วน อู๋เอิ๋น กล่าวถามสามีของนาง
อี๋นั่วรีบคลานเข่าเข้าไปกอดบิดา ก่อนจะร้องอ้อนวอนขอความเมตตาแก่พวกนาง "ท่านพ่อเมตตาพวกข้าด้วย ท่านมิรักพวกข้าแล้วหรือ?"
แต่ก่อนที่ร่างของนาท่านต้วนจะจากไป อยู่ๆร่างเล็กที่โชกไปด้วยเลือด นางกัดฟันลุกขึ้นยืน ก่อนจะชี้ไปที่หน้าของชายใจดำตรงหน้า "ท่านมันมิใช่คน ท่านทำกับบุตรกับภรรยาของท่านเยี่ยงนี้หรือ ถุย! ข้ามิน่ามีท่านเป็นบิดาเลย"
เพี๊ยะ!!!
"ถุย!! ตบเลยตบอีกซิ"
ฮูหยินหลันมารดาจองนางรีบเข้ามากอดร่างของนาง ก่อนที่สามีจะลงมือทุบตีบุตรสาวเพิ่มหนักเข้าไปอีก "ลีลี่ลูกแม่เจ้ามิควรพูดกับท่านพ่อเยี่ยงนี้ ฮื่อๆ ขอโทษท่านพ่อเร็วเข้า"
"ท่านแม่ท่านมิได้ยินรึเยี่ยงไร เขามิต้องการพวกเราแล้ว ท่านได้ยินรึไม่" ลีลี่พูดทั้งน้ำตา นางตะโกนลั่นด้วยความโกรธ นางมิใช่ลีลี่บตรสาวของคนเบื้องหน้า เหตุใดต้องรู้สึกผิดนางอยากจะด่าเสียให้เข็ด พวกผูชายหน้าตัวเมีย รังแกแม้แต่บุตรภรรยาของตน
"นังสารเลว เด็กๆมาลากพวกนางออกไปให้พ้นจวนข้าเดี๋ยวนี้"
"มิต้อง พวกข้าไปกันเองได้ ท่านจำไว้ในวันนี้ท่านทอดทิ้งมารดาข้า พี่สาวข้าและตัวข้า ต่อไปพวกข้ามิใช่คนตระกลูต้วนอีกต่อไป ถุย!! ไปเถอะเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่อย่าได้อยู่ในจวนที่น่ารังเกียจนี่เลย"
ซีฮันพี่สาวคนโต อี๋นั่วพี่สาวคนรอง พวกนางทำได้แค่ค่อยๆประคองร่างน้องสาวคนเล็กขึ้นมา น้ำตาที่ไหลอาบเต็มแก้ม หัวใจที่แตกสลาย พวกนางมองดูมารดาที่ตอนนี้แทบจะมิมีแรงเดิน พวกนางเจ็บเข้าไปที่ใจถึงเพียงนี้ แล้วมารดาของพวกนางเล่า จะเจ็บเพียงใด
เหตุผลน้ำเน่าของยุคก็ว่าได้ เพียงแค่มารดาพวกนางให้กำเนิดแต่เพียงบุตรสาว ความซวยความอัปมงคลทั้งหลายจึงถูกประเคนให้แบบอัตโนมัติ นี้คือความคิดของคนจีนโบราณของแท้ มีบุตรสาวคือพวกไร้ค่า ยิ่งมีบิดาโง่เง่าเบาสมองเยี่ยงนี้มิมีเสียดีกว่า
"น้องเล็กเจ้าเจ็บมารึไม่ อดทนหน่อยนะ" ซีฮั่นเอ่ยถามทั้งน้ำตา
"เจ็บมากเจ้าค่ะ" คำตอบสั้นๆ
นางหลันฮวานางมองดูสามีที่อยู่ร่วมกันมาหลายสิบปีครั้งสุดท้าย ช่างน่าเวทนาวาสนาตัวเองยิ่งนักได้สามีก็สามีโง่เขลา รักเพียงแค่ตัวเอง บุตรสาวของนางหาได้กระทำผิดอันใดไม่ หากดันทุรันอยู่ต่อคงไม่แคล้วเป็นทาสในเรือนรึไม่ก็คงถูกตีจนตายเข้าสักวัน
ปัง!!!
เสียงปิดประตูจวนเสียงดัง สี่คนแม่ลูกประคองกันเดินออกจากจวน ลีลี่เลียวมองดูมารดาที่เอาแต่ร้องไห้ตลอดทาง เป็นใครบ้างจะไม่เสียใจหากถูกคนที่รักและไวใจหักหลัง คนตระกลูต้วนช่างใจดำเสียเหลือเกิน "ท่านแม่อย่าร้องไห้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะเลี้ยงดูพวกท่านเอง" นางเจ็บทั่วแผ่นหลังแต่ยังกัดฟันพูดและเดินต่อไป
ซีฮัน อี๋นั่ว ก็เข้ามาล้อมและกอดมารดา ก่อนจะพาร้องไห้โฮ ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาต่างยืนมอง เหตุใดพวกนางถึงร้องไห้ปาดจะขาดใจตายให้ได้เพียงนั้น แต่ก็มิได้มีใครยื่นมาเข้าไปยุ่ง
"ท่านแม่ ท่านต้องเข้มแข็งนะเจ้าค่ะ พวกข้ายังต้องพึ่งพิงท่าน" ซีฮั่นเอ่ยปลอบมารดา
หลันฮวาหันมามองหน้าบุตรสาวคนเล็กที่ซีดขาว ตอนนี้มีเลือดไหลอาบเต็มแผ่นหลังเล็กๆ "เจ็บมากรึไม่ อดทนหน่อยนะ" ว่าพลางเอามือลูบหัวนางเบาๆ
"เจ็บเจ้าค่ะ แต่ข้าทนได้ แล้วเราจะไปไหนกันต่อเจ้าค่ะ"
สามพี่น้องมองหน้ามารดา พวกนางไม่มีแม้แต่เงินทองติดตัว "แม่ว่าพวกเราคงต้องไปยังหมู่บ้านซานตง มันเคยเป็นบ้านเก่าท่านตาท่านยาย แต่ก็นานหลายปีแล้วหลังจากที่ท่านตาท่านยายเสีย แม่ก็มิเคยได้ไปดูแลมันเลย แต่คงพอให้พวกเราแม่ลูกได้พักพิง"
สี่คนแม่ลูกเดินออกมาจากจวนตระกลูต้วนได้สักพัก ก่อนจะพากันนั่งพักตอนนี้เสื้อของลูกสาวคนเล็กอาบไปด้วยเลือด "แม่ว่าเราไปโรงหมอกันก่อนเถอะ"
"แต่เรามิมีแม้แต่เงินอีแปะเดียวนะเจ้าค่ะ"
นางหลันฮวาเอามือลูกหัวบุตรสาวคนโต ก่อนจะยิ้มเบาๆ นางจะร้องไห้อีกไม่ได้นางยังมีลูกๆที่ต้องดูแล "แม่จะเอาปิ่นปักผมกับแหวนหยกไปขาย พวกเจ้านั่งรอแม่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ "
สามพี่น้องพยักหน้าตอบรับ ตอนนี้ลีลี่นางไม่มีแรงตอบโต้อันใดแล้ว นางเจ็บเหลือเกินไม่นานนางก็หมดสติไปอีกรอบ สองพี่น้องได้แต่กอดน้องสาวคนเล็กและร้องไห้ รอจนมารดาพวกนางกลับมา นางหลันรีบอุ้มบุตรสาวที่หมดสติขึ้นมา ก่อนจะรีบไปตรงไปที่โรงหมอใกล้ๆ
"แม่ขายปิ่นกับแหวนหยกได้มาเพียงห้าตำเงินเงิน ซีฮั่นอี๋นั่วเจ้าสองคนไปหาซื้อชุดมาให้น้องได้เปลียนสักชุด กับแวะซื้อหมั่นโถวมาด้วยนะ"
"เจ้าค่ะ"
นางหลันหยิบเงินให้บุตรสาวไป ส่วนตัวนางตอนนี้อยู่รอดูบุตรสาวคนเล็กที่โรงหมอต่อ "นางเป็นเช่นไรบ้างท่านหมอ"
"ข้าใส่ยาให้แล้ว ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ สักสิบวันก็น่าจะดีขึ้น แผลมิได้ลึกมาก ว่าแต่นางโดนใครเฆียนมาล่ะ แรงไม่เบาเลย เด็กตัวแค่นี้ช่างโหดเหี้ยมเกินคน"
นางหลันฮวามิได้ตอบ ทำเพียงแค่จ่ายค่ารักษา เมื่อบุตรสาวคนโตกับคนรองกลับมาถีง นางก็อุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้น ก่อนจะเอ่ยลาท่านหมอและจากไป
"เห็นทีเราคงต้องจ้างรถม้า"
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็ตรงไปยังจุดจอดรถม้ารับจ้าง "น้องชายท่านนี้ ข้ากับบุตรต้องการเดินทางไปยังหมู่บ้านซานตงเจ้าคิดราคาเท่าใดหรือ?"
"เรียนฮูหยินท่านนี้ หมู่บ้านซานตงห่างออกไปหลายสิบลี้ ข้าคิดเพียงหนึ่งตำลึงเงิน ท่านตบลงรึไม่ขอรับ"
"รบกวนน้องชายแล้ว"
เมื่อตกลงราคากันได้นางก็พาบุตรสาวขึ้นรถม้าทันที จะว่าแพงก็ไม่จะว่าถูกก็มิเชิง คนขับรถม้าเห็นว่ามีเด็กบาดเจ็บมาด้วยจึงสงสารคิดราคากึ่งกลางมิมากและมิได้น้อยจนเกินไป นางต้องยอมเสียเงินเพราะจะให้พวกนางเดินเท้าไปคงไปมิถึงง่ายๆ
"น้องชายวิ่งตรงไปทางนั้นเมื่อเจอแยกให้เลี้ยวซ้ายมือ"
"ขอรับ"
เมื่อรถม้ามาถึงก็เกือบเลยยามซวีไปแล้ว รถม้าที่วิ่งเข้ามาชาวบ้านบางคนก็สังเกตุเห็น คนที่เห็นต่างสงสัยใครกันมาที่บ้านเก่าของตระกลูมู่ "ขอบคุณน้องชายที่มาส่งนี้เงินหนึ่งตำลึงตามที่ตกลงกันไว้"
"ฮูหยินท่านนี้บ้านหลังนี้คงมิมีคนอยู่ท่านแน่ใจนะว่ามาถูก"
"ขอบคุณน้องชายที่เป็นห่วง ข้ากับบุตรสาวขอตัวก่อน"
นางหลันฮวาอุ้มบุตรสาวคนเล็กลงรถม้า ตอนนี้บุตรสาวของนางเริ่มมีอาการไข้ขึ้นมาแล้ว คงต้องรีบเข้าไปในบ้านก่อน
"เข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะ ระวังกันด้วยล่ะ"
"เจ้าค่ะ"
บ้านเก่าของนางหลันฮวา เป็นบ้านก่อด้วยอิฐโคลน มีสองห้องนอน มีครัวเล็กๆด้านหลัง แต่สภาพค่อนข้างผุพัง "ช่วยกันปัดกวาดที่นอนกันก่อน แม่จะไปหาดูหลังบ้านยังพอมีน้ำหลงเหลืออยู่รึไม่ "
"เจ้าค่ะ//เจ้าค่ะ"
สองพี่น้องช่วยกันปัดกวาดที่เตียงเบาๆ หยากใยแมงมุมที่เต็มไปหมด ความมืดที่แทบจะมองมิค่อยเห็น พวกนางทำเพียงแค่คลำๆเอา อาศัยแสงสว่างจากแสงจันทร์ จากด้านนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"โชคดีที่หลังบ้านยังพอมีน้ำอยู่บ้าง พวกเจ้าสองพี่น้องไปล้างหน้าล้างตากันก่อน เดินไปทางนั้นนะระวังกันด้วย"
เมื่อได้น้ำกับอ่างน้ำมา นางก็เข้าไปอีกห้องหนึ่งลองค้นหาเทียนมาจุดให้แสงสว่างภายในห้อง ดีที่นางรู้ว่าท่านแม่ของนางชอบเก็บของใช้ไว้ตรงไหน มิเช่นนั้นพวกนางแม่ลูกคงต้องยุในความมืดทั้งคืนแน่
สางหลันค่อยๆเช็ดตัวให้บุตรสาวคนเล็กอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆป้อนยาสมุนไพรต้มให้นาง ดีที่บ้านท่านแม่ยังคงมีเครื่องครัวอยู่ครบ ขาดแต่เพียงข้าวสารอาหารแห้ง ดีที่นางให้บุตรสาวคนโตไปซื้อหมั่นโถวมาไว้กินประทังหิวไปก่อน มิเช่นนั้นพวกนางคงเป็นลมล้มไปกันหมดนี้
คืนนั้นทั้งสี่ชีวิตนอนเบียดกันในห้องเดียวกัน เพราะอากาศที่หนาวเย็นในช่วงกลางคืน ทำให้พวกนางแทบจะนอนไม่หลับ ดีที่ในบ้านยังมีผ้าห่มเก่าๆของท่านยายอยู่ มิเช่นนั้นพวกนางทั้งห้าคงหนาวตายกันหมดแน่ แต่นางหลันก็นอนมิค่อยหลับเท่าใด เหตุด้วยต้องตื่มาคอยดูอาการของบุตรสาวคนเล็กอยู่ตลอดเวลานั้นเอง
เช้าวันต่อมานางหลันตื่นนอนแต่เช้ามืด นางออกมายังลานหน้าบ้านก่อนจำสำรวจดูความรกร้าง ระหว่างที่นางกำลังก้มๆเงยยกของลากไม้ออกจากหน้าลานบ้านอยู่นั้น ก็มีเพื่อนบ้านแวะเข้ามาทักทาย
"อ้าว!! นั้นใช่ มู่หลันฮวารึไม่"
"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านป้าฟาง ข้าหลันฮวาเองเจ้าค่ะ"
"เจ้ามาเมื่อใดป้ามิเห็น แล้วนี้บุตรกับสามีเจ้าล่ะมาด้วยรึไม่"
หลันฮวาได้แต่ยิ้มอย่างฝืดๆ "ข้ามากับลูกๆเจ้าค่ะ มาถึงเมื่อคืน"
นางฟางมองออกทันที นี้คงถูกขับไล่ออกมาเป็นแน่ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ แต่นางฟางก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ นางอยู่มาจนปูนนี้แล้วรู้ว่าอันใดควรพูดมิควรพูด "ข้าต้องไปก่อนแล้ว มีเรื่องอันใดไปหาป้าได้อย่าได้เกรงใจรู้รึไม่"
"ขอบคุณท่านป้านฟางเจ้าค่ะ"
นางหลันกำลังจะลากเศษไม้ไปกองรวมไว้อีกด้านต่อ แต่ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น "นั้นใช่หลันฮวารึไม่"
หลันฮวาหันไม่มองตามเสียง ก็พบเข้ากับท่านพี่สวีข่าย นางรู้สึกอับอายยิ่งนัก นางยังไม่พร้อมสู้หน้าคนตรงหน้า แต่ก่อนพี่สวีข่ายเคยชอบพอกันกับนาง แต่ท่านพ่อท่านแม่ของนางกลับยกนางให้ตระกลูต้วนไปเสียก่อน ทำให้นางกับท่านพี่สวีข่ายไร้วาสนาต่อกัน แล้วตอนนี้กลับต้องมาอยู่และพบเจอกันเช่นนี้
"เจ้าค่ะข้าเอง ท่านพี่สวีสบายดีรึไม่เจ้าค่ะ"
"เจ้าย้ายกลับมารึ "
"เจ้าค่ะ"
"เจ้ามาแต่เพียงผู้เดียวรึอย่างไร สามีเจ้าเล่า?"
"ข้ามากับบุตรสาวอีกสามคนเท่านั้นเจ้าค่ะ" นางยิ้มอย่างเศร้าๆ ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ
"ให้พี่ช่วยเถอะ เจ้าตัวแค่นี้จะเอาแรงจากไหนมาถากถางได้"
"ข้าทำเองได้ เดี๋ยวลูกๆของข้าก็ออกมาช่วยอีกแรงเจ้าค่ะ" ยังไม่ทันที่นางจะพูดต่อบุตรสาวทั้งสองก็เดินออกมาพอดี
"ซีฮั่นอี๋นั่ว รีบคาราวะท่านลุงสวีก่อนซิลูก"
"คราวะท่านลุงสวีเจ้าค่ะ//เจ้าค่ะ" บุตรสาวของนางหลันรีบคำนับท่านลุง ตามคำแนะนำของมารดาร
"พวกนางคือบุตรสาวของข้าเจ้าค่ะ คนโตชื่อซีฮัน คนนี้อายุ12ปี คนรองชื่ออี๋นั่ว คนนี้อายุ10ปีส่วนคนที่สามนางชื่อลีลี่อายุ8ปี เจ้าค่ะท่านพี่สวี"
สวีข่ายพยักหน้าและคำนับตอบกลับเล็กน้อย ตอบรับการคาราวะของเด็กๆเบื้องหน้า ทำไมเขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจเยี่ยงนี้เล่า เขาเฝ้ามองสามแม่ลูกคุยกระซิบอะไรกันบางอย่าง
"ประเดี๋ยวแม่เข้าไป พวกเจ้าเข้าไปอยู่กับน้องก่อนเถอะ"
"เจ้าค่ะ"
เมื่อบุตรสาวทั้งสองเดินเข้าไปยังด้านใน นางก็รีบเอ่ยปากขอตัวกับท่านพี่สวีข่ายทันที "ขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ วันหลังข้าจะไปเยี่ยมเยียนท่านลุงท่านป้าสวีนะเจ้าค่ะ"
สวีข่ายได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะมองคนรักเก่า เดินเข้าไปในบ้านที่เกือบพังตรงหน้า เขาจะปล่อยให้พวกนางอยู่แบบนี้ได้เหรอ? ไม่ได้การต้องรีบหาคนมาช่วยจัดการโดยเร่งด่วน
ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมคนในหมู่บ้านสามสี่คน เมื่อชาวบ้านรู้ว่าบุตรสาวของตาเฒ่ามู่กลับมาอยู่ที่หมู่บ้าน และบ้านเดิมของตาเฒ่ามู่ก็ผุฟังไปมาก บางคนก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยถากถางหญ้าที่รกร้าง และช่วยซ่อมบ้านที่ผุฟังนั้นด้วยความเต็มใจ
เรื่องราวของสาวจากยุค2022 ที่ต้องหลงการเวลามายังยุคจีนโบราณ แล้วสาวสวยแถมยังโสดอย่างคุณหนูลูกปลา ที่ต้องย้ายมาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มีครอบครัวแล้ว คุณหนูลูกปลาจะสามารถรอดพ้นจากความหื่นของสามี และความจนที่ถูกมอบให้ได้รึไม่?
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
แต่งงานกับมู่หนานจือมาเป็นเวลาสามปี ซูป้านเซี่ยคอยดูแลและเอาใจเขามาโดยตลอด แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้รับจากเขาคือความเย็นชาและความรังเกียจ เมื่อคนรักของมู่หนานจือกลับมา เธอก็รู้สึกว่าสามีของเธอยิ่งห่างเหินจากเธอ ในที่สุด เธอไม่สามารถทนต่ออีกต่อไปและเป็นฝ่ายเสนอให้หย่ากัน มู่หนานจือมองตามหลังซูป้านเซี่ยที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้าน ก็พนันกับเพื่อนว่า "ดูเอาเถอะ สักวันหนึ่งเธอจะต้องเสียใจและกลับมาอ้อนวอนแน่ ๆ " ซูป้านเซี่ยได้ยินก็ยิ้มอย่างเย็นชา"มู่หนานจือ ฝันไปเถอะ" ผ่านไปหลายวัน มู่หนานจือบังเอิญพบว่าอดีตภรรยาของตนฉลองการหย่าร้างในบาร์ และจากนี้ไปอีกไม่นาน เธอก็มีแฟนหนุ่มใหม่แล้วด้วย เวลานี้เอง มู่หนานจือถึงเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา เพราะเขาพบว่าผู้หญิงที่เคยรักเขาอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ตอนนี้ดูเหมือนไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว แล้วเขาควรจะทำอย่างไร
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด