เธอคือภรรยา...ที่หาแต่เรื่องให้สามีต้องหมดเรี่ยวแรงทุกวัน
เธอคือภรรยา...ที่หาแต่เรื่องให้สามีต้องหมดเรี่ยวแรงทุกวัน
“ทำไมพวกเราสามคนต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ด้วยวะ” อิงนรีเอ่ยขึ้นหลังยกแอลกอฮอล์ในแก้วตัวเองสาดลงคอไปจนหมดเกลี้ยง เพื่อนสาวอีกสองคนก็ได้ตั่งมองตาแป๋ว อีกคนก็หัวเสียไม่แพ้กัน ส่วนอีกคนด้วยความที่เป็นคนหัวอ่อนเธอไม่ได้ร้อนใจกับเรื่องที่เพิ่งจะระบายกันสักเท่าไหร่
“แกยังดีหยาด อย่างน้อยก็เคยเห็นหน้าค่าตากันบ้าง ว่าเจ้าบ่าวเป็นใครมาจากไหน ฉันสิ...จนจะต้องบินไปหาเขาที่เชียงใหม่แล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่า ว่าที่ผัวเนี่ยชื่ออะไร” อิงนรีเอ่ยขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาแก้วเหล้าของเพื่อนที่ดูไม่มีวี่แววจะยกขึ้นดื่มมาสาดลงคอ
“อิงใจเย็น ๆ” เจ้าของแก้วรีบร้องห้าม
“ไม่ต้องมาห้ามฉันเลยนะยายแก้ว แกมัวแต่นั่งฟังฉันกับยายหยาดไม่ยอมยกสักที จนมันจืดหมดแล้วเนี่ย”
“แกจะมาบอกว่าฉันดีกว่าแก เพราะรู้จักกันกับไอ้หมอสิบนั่นก็ไม่ได้หรอกนะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันกับมันไม่ถูกกันมาตั้งแต่มัธยม คนเกลียดกันจะแต่งงานกันได้ยังไง” หยาดฟ้าโวยขึ้นบ้าง
“อย่างน้อยแกก็มั่นใจได้ ว่าหมอสิบทิศน่ะหล่อ แล้วก็ร่างกายครบสามสิบสองส่วน เป็นคนแข็งแรงสมบูรณ์ดี ฉันสิ...พิการหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องขี้ริ้วขี้เหร่จนไม่มีใครเอาแน่ แม่ถึงต้องมาหาจับผู้หญิงไปคลุมถุงชนกับลูกชายแบบนี้”
“อิง...ใจเย็น ๆ เขาอาจจะไม่ได้แย่แบบนั้นก็ได้ ดูพวกเราสิ ก็แค่ไม่มีแฟนเลยโดนบังคับแต่งงาน เขาเองก็อาจจะไม่มีแฟนสักที แม่เลยบังคับแต่งงานก็ได้” มาลาแก้วที่ดูจะใจเย็นที่สุดกับเรื่องนี้พูดขึ้น ทั้งอิงนรีและหยาดฟ้าต่างหันไปฟาดสายตาลงที่คนพูดพร้อมกัน
“อย่ามาโลกสวยแถวนี้นะยายแก้ว คนอย่างไอ้หมอสิบน่ะ ถ้ามันจะไม่มีแฟนก็เพราะปากกับนิสัยมันนั่นแหละ ใครจะเอา”
“นี่ไง อย่างน้อยแกก็ยังรู้ ว่าหมอสิบทิศเขาเป็นคนยังไง ฉันไม่รู้อะไรเลยนะ” อิงนรีแทรกขึ้น
“เหอะ ถ้าฉันเลือกได้นะ ขอแต่งกับคนที่ไม่รู้จักแบบแกดีกว่า ไปเรียนรู้กันใหม่ ไม่ใช่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดี แบบนี้ เป็นตายยังไงฉันก็ไม่ยอมแต่งหรอก แกล่ะ”
“ฉันจะไปขัดป้าได้ยังไง อีกอย่างคิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน แต่งแล้วก็ต้องไปอยู่ที่โน่น ป้าจะได้ไม่มาบ่นอะไรฉันอีก” อิงนรีปลงเสียแล้ว เรื่องถูกป้าจับคลุมถุงชน เธอเหนื่อยหน่ายที่จะต้องถูกลากไปดูตัวอยู่บ่อย ๆ แล้ว แต่ง ๆ ไปให้มันจบ ๆ ดีกว่า ไม่แต่งกับคนนี้ ป้าของเธอก็ต้องหาคนนั้น คนโน้น มาบังคับให้เธอแต่งเหมือนเดิม
“แล้วแกล่ะยายแก้ว ยังไง” หยาดฟ้าหันไปถามเพื่อนอีกคน
“ก็คิดเหมือนอิง ว่าแต่ง ๆ ไปให้มันจบ ๆ ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แม่เลือกมาแล้วว่าดี มันก็น่าจะดีแหละ”
“แกดูใจเย็นกับเรื่องนี้มากนะ เฮ้อ!!!” หยาดฟ้าถอนหายใจ ก่อนจะยกแก้วที่อิงนรีเพิ่งเทน้ำสีทองเติมให้ซดจนหมด
“เบา ๆ แกขับรถกลับเองไม่ใช่หรือไง” คนรินว่าพร้อมกับดึงแก้วออกมาจากมือของเพื่อนสนิท
“ก็ฉันเครียดนี่"
"เครียดน่ะรู้ แต่มันอันตราย พอเลยนะแกไม่ต้องกินแล้ว" อิงนรีว่าพร้อมกับหันไปเทน้ำสีทองที่เหลือใส่แก้วตัวเองจนหมด
"แล้วนี่แกจะไปเชียงใหม่เมื่อไหร่" มาลาแก้ว คนที่ดื่มน้อยที่สุดในโต๊ะเอ่ยถามขึ้น
"น่าจะอีกไม่กี่วันนี้แหละ เห็นป้าโทรคุยกับเพื่อนทุกวัน"
"อ๋อ..."
"กลับยัง? แม่โทรตามแล้ว" หยาดฟ้าเอ่ยถามขึ้น เธอดูจะเมามากแล้ว อิงนรีหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนเพื่อขอความเห็น แต่มาลาแก้วก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมาเท่านั้น
"เดี๋ยวฉันไปส่งแกดีกว่า รถก็จอดไว้นี่แหละ ฉันว่าแกขับรถไม่ไหวแล้วนะหยาด" อิงนรีเสนอขึ้น
"ไม่ต้อง!! ฉันไหว พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน จอดรถไว้นี่แล้วฉันจะไปทำงานยังไง แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ระดับหยาด กินได้ก็กลับบ้านได้ สบายใจหายห่วง"
"จะไม่ห่วงยังไง นั่งยังไม่ตรงเลยเนี่ย"
ครืดดด ครืดดด
-คุณป้าขา-
"ป้าโทรตามแล้ว รีบกลับเถอะ ฉันขี้เกียจจะโดนบ่นอีก" อิงนรีหันไปบอกกับมาลาแก้ว ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบรับว่าเห็นด้วย สามสาวพากันเดินออกมาจากร้านอย่างทุลักทะเลเพราะต้องคอยประคองคนเมา
"แกกลับไม่ไหวหรอกหยาด เชื่อฉันเถอะ กลับแท็กซี่กับยายแก้ว แล้วจอดรถไว้นี่ซะ"
"ไม่!! ฉันไหว"
"หยาดอย่าดื้อได้ไหม เป็นอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มหรอกนะ"
"นี่พวกแกจำวันเกิดพี่ต้อมแฟนเก่าฉันไม่ได้เหรอ เมายิ่งกว่านี้อีกฉันยังกลับถึงบ้านปลอดภัยเลย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กลับบ้านดี ๆ นะ บ๊ายบาย"
"เอ้า!! หยาด!! เฮ้ยเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ" เผลอแวบเดียวเท่านั้นหยาดฟ้าก็เปิดประตูรถแล้วหนีเพื่อน ๆ สองคนเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย ทิ้งให้อิงนรีและมาลาแก้วยืนงุนงงกับเหตุการณ์กันสองคน
"คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วมั้ง อิงก็ขับรถกลับดี ๆ นะ"
"แล้วแกล่ะ"
"แก้วนั่งแท็กซี่แป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าถึงแล้วจะไลน์บอกนะ"
"อืม ๆ กลับดี ๆ" หลังล่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามสาวก็แยกย้ายกันกลับ ส่วนอิงนรีนั้นขับรถไม่ค่อยจะเป็นสุขเท่าไหร่ เพราะมีเสียงโทรศัพท์สั่นตามจิกจนถึงบ้าน
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
ภารกิจสำคัญของนักเขียนที่ข้ามเวลามาเกิดใหม่ในยุคโบราณคือการเป็นผู้ช่วยมารดาหลบหนีจากบิดาไร้หัวใจ และพามารดาไปพบโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันงดงาม เมิ่งสืออีถูก ย่าและอนุของหานชางเหยียนผู้เป็นสามีรังแกจนเกือบจะต้องตายไปพร้อมกับลูก ในเวลานี้สามีที่จากไปรบที่ชายแดนกลับมาแล้ว หวังในใจว่าสามีที่กลับมาจะคอยปกป้องดูแล ทว่านางกลับได้รับความเจ็บช้ำที่มากยิ่งกว่าจนแทบทนไม่ไหวและคิดหนี กรุณาอ่านตัวอย่างก่อนกดซื้อ ซื้อหน้าเว็บถูกกว่าแอปเปิ้ลค่ะ กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะที่อุดหนุน
ในขณะที่เขาเฝ้ารักสตรีผู้นั้น ทว่าในขณะเดียวกันนางก็เฝ้ารอความรักจากเขาอย่างมีความหวัง 'ความรักทำให้คนโง่งม' คำกล่าวนี้ช่างเหมาะสมกับนางยิ่ง หรือชั่วชีวิตนี้ของนางจะเป็นได้เพียงอากาศ วนเวียนอยู่รอบกายแต่กลับไร้ค่าไม่มีตัวตน "พระองค์จะหันมาเหลียวแลหม่อมฉันบ้างได้หรือไม่ หม่อมฉันก็มีหัวใจไม่ต่างจากผู้อื่นเช่นกัน"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY