จันทร์เจ้า... เจ้าสาวบ้านป่าผู้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง กับ...พี่ช้าง บทเรียนรักอันสุดแสนจะเร่าร้อน และสุดหื่นหฤหรรษ์ คุณอย่าหวังว่าจะมีเรื่องราว แต่มีเรื่องหวานเรื่องคาว จัดเต็ม!!
จันทร์เจ้า... เจ้าสาวบ้านป่าผู้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง กับ...พี่ช้าง บทเรียนรักอันสุดแสนจะเร่าร้อน และสุดหื่นหฤหรรษ์ คุณอย่าหวังว่าจะมีเรื่องราว แต่มีเรื่องหวานเรื่องคาว จัดเต็ม!!
จันทร์เจ้าใจคอไม่เป็นปกติ ตั้งแต่รู้ว่า คืนนี้ ไม่แคล้วต้องกลายเป็นของเขาอย่างถูกต้อง...
การแต่งงานอันเกิดจากความเห็นชอบของพ่อแม่ แต่ไม่ได้เกิดจากความรักใด ๆ ของจันทร์เจ้า ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักความรักหรอก หาก...เธอยังไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย
ชีวิตของจันทร์เจ้า ก็เหมือนกับสาวบ้านป่า ไม่เคยรู้จักรสชาติอื่นใด นอกจากการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวัน ๆ
มีคนจากในหมู่บ้าน ได้ออกไปเผชิญชีวิตแล้วกลับมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
และคนคนนั้นก็แนะนำ เจ้าบ่าวหนุ่มใหญ่คนนี้มาให้กับเธอ เขาชื่อ ช้าง เป็นนักธุรกิจอะไรสักอย่างในเมืองกรุง
หนุ่มใหญ่หอบเอาเงินทองตามที่พ่อแม่ของเธอเรียกร้องมาแต่งงานอย่างถูกต้อง
พิธีกรรมอันถูกต้องตามประเพณีได้ผ่านพ้นไปแล้ว คืนนี้ ในห้องหอ... เขาจึงมีสิทธิ์ในตัวเธอ
การพูดคุยระหว่างจันทร์เจ้ากับพี่ช้างเพิ่งจะเกิดขึ้นแค่ไม่กี่ประโยค เขาพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ส่วนเธอก็พยายามระงับความตื่นเต้น
“เป็นไงบ้างจันทร์เจ้า”
ร่างสูงของเขาขยับเข้ามาใกล้
“ไม่เป็นไงค่ะ”
ตอบเสียงพร่า แค่เขาเข้าใกล้ หัวใจของเธอก็แทบกระดอนออกมานอกอกอยู่แล้ว
จันทร์เจ้าหน้าแดง เขิน ไม่กล้ากระทั่งจะสบสายตากับเขา
“พี่ได้ยินเสียงเต้นหัวใจของจันทร์”
สามีที่เพิ่งผ่านพิธีกรรมแต่งงานมาอย่างถูกต้องรวบร่างของเจ้าสาวร่างอวบอิ่มงดงามไปทั้งตัวเข้าสู่อ้อมกอด
“พี่ขอหอมแก้มได้ไหม”
ทำไมต้องถามด้วยนะ จันทร์เจ้านึกในใจ แต่พยักหน้าพร้อมตอบเสียงเบา
“ค่ะ”
“ว่าไงนะ ไม่ได้ยิน”
“ค่ะ หอมสิคะ”
เอียงแก้ม จมูกโตของพี่ช้างก็จรดลงผิวแก้มนวลเนียน
สำหรับเขา อาจจะเป็นหอมไม่รู้ตั้งกี่ครั้งกับผู้หญิงสักกี่คนมาแล้ว จันทร์เจ้าไม่อาจล่วงรู้ แต่กับเธอ... มันคือหอมแรกในชีวิต หอมแรกที่อาจจะแผ่วเบา ประทับลงไปอย่างหนักหน่วงกลางดวงใจบริสุทธิ์ของเธอ
ความรู้สึกของหญิงสาว สะท้านสะบัดร้อนสะบัดหนาว และยิ่งเมื่อร่างอวบอิ่มถูกอ้อมกอดกระชับ ก็ยิ่งเติมความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
เธออายุเพิ่งครบ 20 ปี เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ชีวิตสาวบ้านป่า ตั้งแต่ลืมตาตื่นก็คือเรื่องปากท้อง ซ่อนความงดงามของเรือนร่างทั้งหมดอยู่ในชุดมอซอ แม้แต่ใบหน้าก็แทบไม่ได้โผล่ออกมาให้ใครเห็น งานหนักในไร่ ทำให้ความเป็นลูกผู้หญิงแข็งแกร่งไม่ต่างจากเพศตรงข้าม
ถึงอย่างไร ความสวยแบบสาวบ้าน ๆ ก็ทำให้มีหนุ่ม ๆ มากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้ามาทักทาย เกี้ยวพาราณสี
เพียงแต่หญิงสาวรู้จักวางตัวดี
ไม่ได้หยิ่ง แค่ไม่พยายามให้ความหวังกับใครเท่านั้น
หอมของพี่ช้าง...จึงเป็นหอมแรกที่สะเทือนสะท้านเข้าไปในทุกอณูความรู้สึกของจันทร์เจ้า
“แก้มหอมจังเลย”
พี่ช้างพึมพำ
จันทร์เจ้ายิ้มอาย ไม่กล้าสบตากับเขาเอาเสียเลย
“พี่ช้าง หนูอายนะคะ”
“อายทำไม เราแต่งงานเป็นผัวเมียกันแล้วนะครับ”
“หนูไม่เคยน่ะสิคะ”
เธอบ่นอุบ หากมีแสงไฟเติมลงมาอีก จะเห็นว่าใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อ ดวงตาเป็นประกายสุกสกาว มันเป็นความสุขที่เจือด้วยความเขินอาย สะท้านสะเทิ้นสุดขีดของความเป็นสาว
กลิ่นกายของพี่ช้างหอมประหลาด ซอกซอนเข้าไปในทุกอณูขุมขนของเธอ
จันทร์เจ้าไม่เคยใกล้ชิดผู้ชาย กลิ่นของพี่ช้างจึงเป็นกลิ่นของผู้ชายคนแรกที่ซอกซอนเข้าไปความรู้สึกของหญิงสาวบริสุทธิ์
เธอสะเทิ้นหนักเข้าไปอีก เมื่อแก้มอีกข้างถูกพี่ช้างฝังจมูกสูดดม
“จันทร์สั่นนะ”
“หนูอาย”
พี่ช้างนึกสงสาร รู้ได้ทันทีว่าเจ้าสาวใหม่หมาดของเขา ยังคงความบริสุทธิ์สมกับเป็นสาวบ้านป่า เขาชอบที่เธอนุ่งผ้าถุงกับเสื้อยืดเป็นชุดนอน แค่เห็นก็กระตุ้นให้เกิดอารมณ์วาบหวามจนแทบระงับความต้องการเอาไว้ไม่ไหว
แต่ตอนนี้ ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจต้องการ ทั้ง ๆ ที่ช้างน้อยลุกผงาด เมือกเหนียวซึมทะลักออกมาจากส่วนปลายลำกล้องเกินระงับ
ชุ่มตรงเป้าของกางเกงใน
ทั้ง ๆ ที่คืนนี้ จันทร์เจ้าเป็นของเขาอย่างถูกต้อง แต่เขาก็ยังอยากทำอย่างนุ่มนวล อ่อนโยน อย่างที่สุด แม้ว่า...ความต้องการลึก ๆ แล้ว อยากทาบทับลงไปด้วยพละกำลังที่มีเหลือเฟือ กระหน่ำซัดดอกไม้กลีบบางบริสุทธิ์ให้ย่อยยับอย่างใจปรารถนา
“พี่ขอจูบนะ”
พี่ช้างกระซิบขออนุญาต
หญิงสาวพยักหน้า แต่ไม่วายเขิน... “พี่ปิดไฟได้ไหมคะ”
“พี่ไม่อยากปิดไฟ”
“โธ่ พี่จ๋า หนูอายนะคะ”
หญิงสาวเสียงสะท้าน
พี่ช้างกระชับกอด “ขอพี่เปิดไฟนะครับ พี่อยากเห็น”
“อยากเห็นอะไรคะพี่ช้าง”
“เห็นตอนที่จันทร์แก้ผ้าหมด”
“อุ๊ย พี่ช้าง...”
หน้าแดงไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แก้มถูกจมูกของพี่ช้างชน สูดเอาความหอมบริสุทธิ์ รู้สึกเขินจนต้องหลับตาลง เพราะแสงไฟนีออนแรงเทียนต่ำ แม้ว่าจะไม่ได้สว่างมากนัก แต่มันก็มากเกินพอสำหรับความเขินอายที่มีอยู่ในตัวเธอ
จันทร์เจ้าไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวชายใดมาก่อน
ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว
ความวาบหวาม อาจจะเคยมีบ้าง แต่ด้วยความที่เธออยู่บ้านนอกคอกนา กรำงานหนักมาทั้งวัน ไม่ได้ว่างพอที่จะคิดฟุ้งซ่าน
ต่อให้รู้สึกวาบหวาม สุดท้ายพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย ไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ
เรือนหอ... เป็นห้องเดียวของบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง ความจริง ยังไม่ได้มีการกั้นห้องใด ๆ ทั้งสิ้นจนกระทั่งวันแต่งงานของจันทร์เจ้า
พ่อกับแม่แยกไปนอนในเพิงที่ต่อออกมาจากฉางข้าว เพื่อเปิดโอกาสให้บ่าวสาวคู่ใหม่
“พี่ช้างจ๋า หนูกลัวจังค่ะ”
พี่ช้างที่กำลังซุกไซ้สูดดมความหอมจากเรือนกายของเจ้าสาวใหม่หมาดชะงัก กับน้ำเสียงสารภาพสั่นพร่าของหญิงสาว
หื่นกระหายในอารมณ์ของพี่ช้าง มีมากมายเหลือล้น เป้ากางเกงในซึมแล้วซึมอีก จากเมือกรักที่ผุดซึมออกมาเกินสะกดกลั้น
จับมือของหญิงสาว รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้โกหก เพราะมือเย็นชืด
พี่ช้างนึกสงสารกับความไร้เดียงสาของเธอ ขณะเดียวกันก็นึกดีใจกับความโชคดีของตัวเองในวัย 40 เศษ เจ้าสาวบริสุทธิ์แบบนี้จะหาได้จากที่ไหน
แค่ถูกเนื้อต้องตัวของเธอเท่านั้น ก็สัมผัสได้ว่าเธอสั่นสะท้าน ใบหน้าร้อนผ่าวแดงเรื่อ ในดวงตามีประกายแห่งความหวั่นซ่อนไม่มิด
นี่คือความงดงามของหญิงสาว
เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา เธอแตกต่างลิบลับ...
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เพียงข้ามคืนที่หล่อนต้องสูญเสียพรหมจรรย์เพราะเขาเดินเข้าผิดห้อง จากนั้นแล้วชีวิตหล่อนกับเขาก็ผูกพันกันยุ่งเหยิงอิรุงตุงนัง _________________________________________________________ “ไม่มีใครทำให้ผมกังวลที่สุดเท่าไอ้พีท สายตาที่คุณมองมันวันนั้น แล้วการที่มันโทรหาคุณค่ำๆ มืดๆ มันทำให้ผม...” เฟื่องฟ้าไม่อยากฟังคำตัดพ้อที่เด่นชัดทั้งปากทั้งตานั่นอีก เขายังพูดไม่ทันจบเพราะหล่อนขยับเข้าหาและกดริมฝีปากไว้กับปากของเขา... “ถ้าคุณจะให้ความมั่นใจผม คุณก็ไม่ควรหยุดแค่จูบ การปิดปากผมไห้หยุดพูดไม่ได้ทำให้ผมหายกังวลใจหรอกนะ” “ฉันทำอะไรมากกว่านี้ไม่เป็น คุณก็รู้ นี่ครั้งแรก ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน” “ผมจะสอนเอง ผมอยากให้ผมเป็นผู้รับ ผมจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ต้องการอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าผมทำ มันจะทำให้ผมรู้สึกว่าผมฝืนใจคุณ คุณไม่รู้หรือไงว่าเรื่องนี้มันกระทบจิตใจผมแค่ไหน” “แต่...” “ผมเสียขวัญมากเลยนะ คุณจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือไง” หล่อนชักเริ่มจะไม่คิดว่าเขากำลังกังวลใจเรื่องหล่อนกับหมอพีท แต่กำลังเจ้าเล่ห์ให้หล่อนทำอะไรที่หล่อนทำไม่เป็นแถมน่าอายสุดๆ อีกด้วย... อยากปฏิเสธแต่แล้วทำไมเขาต้องทำหน้าจริงจังปนเศร้าแบบนั้นด้วย... เฟื่องฟ้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกซ่านซ่าแปลกๆ กับบางสิ่งที่ดุนดันหน้าท้อง คล้ายมันสั่นระริกเพียงแค่คิดถึงหล่อนก็แก้มแดงเห่อ... “ฉันต้องทำอะไรบ้าง” เสียงพูดและคำถามที่ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคือเสียงหล่อน อาชว์ดูเหมือนอารมณ์ดีขึ้นหากแต่ไม่ยอมยิ้ม เขาตอบหล่อนด้วยสีหน้าจริงจัง “เริ่มจากถอดเสื้อก่อนเป็นไง...” ครางอิดออดนิดเดียวหล่อนก็ยอมทำตามที่เขาบอก มือสั่นเทานิดๆ เมื่อแกะกระดุมเสื้อนอนปาจามาของเขาออกและแก้มเห่อร้อนยามเมื่อแหวกสาบเสื้อออก “ผมหมายถึงถอดเสื้อคุณ” “เอ๊ะ” หญิงสาวทำท่าจะถลึงตาใส่เขา แต่เขาก็ทำหน้านิ่งๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโกรธจริงหรือโกรธเล่นกันแน่ เห็นเขานอนมองหน้าเหมือนรอว่าหล่อนจะทำอะไรหล่อนก็จำต้องถอดผ้าตัวเองมือไม้สั่นไปหมด แกะกระดุมไปพลางเอ็ดตัวเองไปว่าทำไมต้องยอมเขาขนาดนั้นทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เพียงแค่เห็นว่าเขาโกรธและเต็มไปด้วยความกังวลใจหล่อนก็ต้องรีบทำให้เขาสบายใจ เขาสำคัญขนาดนั้นกับหล่อนมากหรือไงกัน ถามไปก็ได้คำตอบอยู่ตรงหน้า... เสื้อนอนหล่อนถูกถอดออกด้วยฝีมือตัวเองเพียงเพราะไม่อยากเห็นเขามึนตึงใส่
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อถูกคู่หมั้น(ที่ไม่ได้รัก แต่หมั้นเพราะผู้ใหญ่) หักหลังด้วยการซ่อนผู้หญิงเอาไว้ข้างหลังเป็นหางว่าว ทำให้อัปสรสวรรค์ รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ผู้หญิงเก่งรอบด้านอย่างเธอทำไมถึงถูกหักหน้าเช่นนี้ได้ หญิงสาวไปดื่มเหล้ากลบความโมโห แต่ดันดื่มมากเกินไปจึงเมาเละ มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็แดดแจ๋ฟ้าแจ้งจางปางแล้ว อาการปวดหัวตึบ ๆ ยังไม่น่าช็อคซีนีม่า เท่ากับมีผู้ชายหน้าตาเหมือนเทวดาแปลงกายนอนอยู่ข้างๆ แถมเนื้อตัวและสภาพเตียงก็ทำให้คิดดีไม่ได้เลย! เธอรีบหนีออกมาโดยพลันและคิดว่าเรื่องคงจบแล้ว แต่ไหงเจ้ากรรมนายเวรในรูปแบบผู้ชายหล่อโฮกกกยังตามติดมาถึงบริษัทล่ะ แถมยังข่มขู่ว่าถ้าไม่รับเขาเข้ามาเป็นผู้ช่วยส่วนตั๊วส่วนตัว จะแฉวีรกามบนเตียงของเธอให้โลกรู้ แล้วแบบนี้เธอมีทางเลือกอื่นไหมล่ะ ก็ไม่มี๊ นอกจากยอมให้เจ้ากรรมนายเวรสุดหล่อมาอยู่ใกล้ๆ ประดุจดั่งหอกข้างแคร่ ที่พร้อมเสียบพร้อมแทงทุกที่ทุกเวลา แม้แต่บนระเบียงก็แทงจนยับไม่มีละเว้น ใครก็ได้... มาอันเชิญเจ้ากรรมนายเวรตนนี้ไปสักทีเถอะ เธอไม่ไหวแล้ว เมื่อยขามาก!
“ปล่อยฉันนะ” “ไม่ เก่งมากไม่ใช่เหรอ ทำไมจะต้องหนี” “ฉันจะอยากอยู่กับพวกนายทำไม ไอ้พวกมาเฟีย อย่าให้เครื่องร่อนลงนะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับพวกนายตั้งแต่ยังไม่ออกจากสนามบินเลย” “ก็ลองดูสิ อย่างน้อยถ้าคุณหลุดออกจากห้องน้ำนี้ไป... รับรองว่าผมจะให้ลูกน้องผมเวียนเทียนคุณครบทุกคน... เลือกเอาสิ ว่าจะยอมผมคนเดียว หรือว่า อยากไปเรียกร้องหาลูกน้องผมให้เป็นสามีด้วย” “อย่าพูดบ้าๆ นะ” รินรดาไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าหล่อนซีดเผือดจนไม่มีสีเลือดแล้วยังพูดตะกุกตะกักอีกต่างหาก “อย่าคิดจะทำอะไรฉันด้วย ไม่งั้นพ่อฉันเอานายตายแน่...” “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตายเป็นยังไง... ยังไม่เคยลองสักที แต่ก่อนที่พ่อคุณจะเอาผมตาย ผมขอเด็ดปีกนางฟ้าลูกสาวแสนสวยของพ่อคุณก่อนดีไหมหืม” เขาบอกก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้หล่อน รินรดาผงะถอยแต่จะไปทางไหนก็ไม่ได้เพราะว่าแขนเขาค้ำผนังอยู่ทั้งสองข้างกักกันหล่อนไว้ในวงแขนนั้น... วันนี้มันวันซวยของหล่อนจริงๆ ซวยมากจนขนาดโคตรอภิมหาซวยเลยก็ว่าได้ ไม่น่าไปเล่นกับพวกนี้เลยทั้งๆ ที่ดูท่าก็ไม่น่าไว้ใจแล้วแท้ๆ “มะ ไม่ดีหรอก คุณจะทำอย่างนั้นไปทำไมกัน” หล่อนเริ่มพูดกับเขาดีๆ เพราะเห็นว่าไม่เป็นการดีที่หล่อนจะยั่วโมโหเขา “เพราะคุณทำให้ผมโกรธนะสิ... การที่คุณเทน้ำรดหัวผมมันหยามผมแค่ไหนรู้ไหม...แล้วคุณยังมาตบหน้าผมทั้งๆ ที่ไม่มีใครกล้าทำ ผมสามารถฆ่าคุณให้ตายคามือกับการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของคุณได้เลย” เขาขู่คำราม ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ขึ้นมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่หล่อนทำ... หล่อนช่างกล้าจริงๆ เลยให้ตาย “ฉันขอโทษ” หล่อนบอกเสียงแผ่วๆ ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะกลัวเขา “ขอโทษ” เขาทวนคำหล่อน... “ แค่นี้คิดว่ามันจะพอเหรอ” “แล้วคุณจะต้องการอะไรเล่า... เดี๋ยวฉันขอให้คุณพ่อไม่คิดเงินคุณในเที่ยวบินนี้ก็ได้ พอใจไหม” “ผมไม่ต้องการส่วนลดบ้าอะไรนั่นหรอก เงินผมมีมากกว่าที่จะมาคิดเรื่องนี้” เขาตวาดกลับ... หน้าเขาเหมือนพวกยาจกงกเงินขนาดนั้นเชียวหรือหล่อนถึงเอาเรื่องเงินมาล่อนัก เห็นท่าทางเอาเรื่องกับดวงตาเรืองรองของเขาแล้วรินรดาก็เริ่มกลัว... เขาไม่ต้องการเงิน แล้วจะต้องการอะไรกันล่ะ ชีวิตหล่อนอย่างนั้นหรือ “ถ้าไม่อยากได้อะไรก็ปล่อยฉันไป ฉันจะออกไปข้างนอก มันอึดอัด” ใบหน้าหวานเริ่มงอขึ้นมาอีก ห้องแคบๆ นี้อยู่คนเดียวก็หายใจไม่ออกแล้ว ยิ่งมีร่างสูงโย่งของเขามาเบียดเสียดแย่งพื้นที่หายใจด้วยแล้วยิ่งทำให้บรรยากาศมันย่ำแย่ขึ้นไปอีก... “ใครบอกว่าผมไม่อยากได้อะไรล่ะ” ดวงตาคมสีน้ำตาลอ่อนจ้องหน้าหล่อนไม่วางตา... ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แต่แววตาเขามันทำให้ขนลุกได้เลยทีเดียว “ถ้าอยากให้ผมปล่อยคุณไปล่ะก็” เขาพูดแล้วก็หยุด... “ก็อะไร” หล่อนถามขึ้นมาเพราะทนรอไม่ไหว... เขาช่างมีความสามารถในการยั่วโมโหหล่อนเหลือเกินเชียว
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด