ใครจะรู้ว่า “ปลายฟ้า” สาวสวยนักท่องเที่ยว แฟนแสนดีของพี่นัทที่กำลังจะแต่งงานกัน เธอคือสาวร้อนที่นิยมการเที่ยวไปเสียวไป เพื่อเติมเต็มอารมณ์ความต้องการของตัวเอง ก่อนแต่งงานฟ้าเลยขอออกเดินทางอีกครั้ง พร้อมกับประสบการณ์เสียวจากเพื่อนร่วมทางที่เธอเลือก ครั้งสุดท้ายทั้งทีจะให้ธรรมดาก็คงไม่ได้ พบกับประสบการณ์ซ่านเสียวของเธอได้ใน “ทริปเสียวของปลายฟ้า”
ปลายฟ้า หรือ ฟ้า หญิงสาววัย 26 ปี เป็นคนที่นิยมการเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ฟ้าชอบที่จะเดินทางคนเดียวเพราะเป็นคนรักอิสระ ซึ่งหลายคนก็แอบชื่นชอบและอิจฉาเวลาที่ฟ้าลงรูปอวดว่าไปไหนมาบ้าง
แต่สิ่งที่เป็นความลับซึ่งไม่มีใครรู้ก็คือ ทุกครั้งที่เดินทางฟ้ามักจะมีประสบการณ์เสียวซ่านในระหว่างเดินทางกลับมาเป็นความทรงจำด้วยเสมอ
ฟ้าใช้ชีวิตแบบนี้มาหลายปีตั้งแต่เรียนจบและหาเงินใช้ได้ด้วยตัวเอง จนกระทั่งฟ้าได้รู้จักกับพี่นัทและคบหากันจนถึงขั้นตกลงที่จะแต่งงาน
ฟ้ารู้ดีว่าหลังจากแต่งงานแล้วคงไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้ จึงตั้งใจที่จะจัดทริปส่งท้ายให้กับตัวเอง ซึ่งพอบอกพี่นัทแฟนหนุ่มก็อนุญาตเพราะรู้ว่าเป็นความสุขของฟ้า โดยที่ไม่สงสัยเลยว่าการเที่ยวครั้งนี้ฟ้าได้วางแผนเอาไว้แล้วว่ามันจะเป็นทริปที่เธอจะเก็บเกี่ยวความสุขให้มากที่สุดทั้งกับการท่องเที่ยวและประสบการณ์เสียวระหว่างเดินทาง ก่อนที่จะต่อไปจะมีพี่นัทเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเธอ
ฟ้าเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวทะเลในทริปฉายเดี่ยวครั้งนี้ เพราะนอกจากเธอจะชอบท่องเที่ยวทางน้ำที่สุดแล้ว เธอรู้ดีว่าเพื่อนร่วมประสบการณ์เสียวก็หาได้ง่ายด้วย และสิ่งที่เธอหวังไว้ก็คือการมีหนุ่มต่างชาติสักคนมาช่วยมอบความสุขส่งท้ายให้กับเธอก่อนแต่งงาน
“พี่นัทคะ พรุ่งนี้ฟ้าจะเดินทางแล้วนะคะ คงไปสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ”
“ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ พี่รู้ว่าฟ้าเก่ง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“ค่ะ พี่นัทฟ้าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเลย”
คืนนั้น....
“ตามหาคนพาเที่ยวทะเลสักคนจะมีมั้ยน๊า”
ฟ้าโพสต์ลงไปในกลุ่มคนชอบเที่ยว ด้วยรูปโปรไฟล์ที่โชว์อยู่แน่นอนว่าหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ต่างเสนอตัว เพราะฟ้านั้นเป็นสาวเซอร์หน้าตาดี รูปร่างสมส่วน ผิวสีแทนกำลังงาม ใครเห็นก็อยากควงทั้งนั้น ยิ่งกับหนุ่มๆ ที่เคยผ่านประสบการณ์เสียวกับฟ้ามาจะรู้ดีว่าภายใต้มาดลุยๆ ของเธอนั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรงยามที่ร่างของเธอคร่อมควบอยู่บนท่อนเนื้อของชายแปลกหน้าที่เธอเลือกมาเติมเต็มการเดินทางของตัวเอง
แล้วฟ้าก็เลือกนุหนุ่มรุ่นเดียวกันที่ทักมาคุยอย่างสุภาพ แถมนุยังเพิ่งจะโสดได้ไม่นานด้วย จะว่าพอใจกับรูปร่างหน้าตาและสงสารด้วยก็คงไม่ผิด
“ฟ้าจะเดินทางมาถึงวันไหนเหรอครับ” นุถาม
“คงเป็นพรุ่งนี้บ่ายๆนะคะ ว่าจะออกแต่เช้า นุสะดวกหรือเปล่าอ่ะ”
“สะดวกสิ เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ นุกะว่าจะลางานครึ่งวันจะได้ไปรับฟ้า”
“แหม น่ารักจัง งั้นใกล้ถึงแล้วฟ้าโทรหานะคะ”
“ได้ครับ แต่...นุถามอะไรอย่างก่อนได้มั้ยฟ้า”
“ถามว่า...”
“แล้วเราจะเที่ยวด้วยกันแบบไหน นุไม่เคยนัดเที่ยวกับใครแบบนี้มาก่อนเลย”
“ก็ทำตัวตามสบายไม่ต้องคิดอะไร ถือซะว่ามีเพื่อนเที่ยวไง นุจะได้ลืมแฟนเก่าไง อิอิ”
“แล้วฟ้าไม่กลัวนุเหรอ เป็นผู้หญิงคนเดียวมาเที่ยวแบบนี้”
“กลัวสิ กลัวนุไม่ทำอะไรฟ้าไง ฮ่าๆๆ”
ฟ้าพูดติดตลกแต่นุนั้นกลับคิดไปไกล เพราะลึกๆแล้วนุก็เดาออกว่าการเที่ยวแบบนี้โอกาสที่จะมีอะไรมากกว่าเพื่อนร่วมทางนั้นมีอยู่ไม่น้อย
วันรุ่งขึ้น...
“นุฟ้าใกล้ถึงแล้วนะ อีกประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมงอ่ะ”
“นุมารอแล้วครับ กะเวลาเอาไว้แล้ว”
“โห น่ารักที่สุดอ่ะ ว่าแต่เจอฟ้าแล้วอย่าขับรถหนีล่ะ”
“ถ้าไม่ตรงปกแบบที่เห็นในโปรไฟล์ก็ไม่แน่นะ”
“ขนาดนั้นเลยหรา งั้นเดี๋ยวเจอกันนะนุ”
ผ่านไปไม่นานฟ้าก็ปรากฏตัวต่อหน้านุ นุยอมรับว่าฟ้าดูดีกว่าในรูปเสียด้วยซ้ำฟ้าเองก็เช่นกันนุดูหล่อเหลากว่าในรูปที่เห็น แถมยังหุ่นดีไม่น้อยเลยด้วย
“ฟ้าดูดีกว่าในรูปเยอะเลยอ่ะ”
“แบบนี้ก็พาฟ้าเที่ยวได้แล้วใช่ป่าว”
“เชิญเลยครับเจ้านาย” นุทำหน้าทะเล้นใส่
“งั้นนุพาฟ้าไปที่พักก่อนแล้วกันค่ะ เพราะพรุ่งนี้ถึงจะข้ามไปได้”
“อืม เอาแบบไหนดี จะได้เลือกถูก”
“ฟ้าจองไว้แล้วจ้า นุพาไปหน่อยแล้วกัน”
“อ่อๆ ได้เลย ว่าแต่จะมีห้องว่างให้นุบ้างมั้ยนะ เพราะนุเก็บเสื้อผ้ามาแล้วอ่ะ พรุ่งนี้จะฝากรถเอาไว้ก่อนขึ้นเกาะ”
“นอนด้วยกันก็ได้นะนุ ฟ้าไม่ถืออ่ะ”
“เอ้ย เอางั้นเลยเหรอ”
“กลัวโดนปล้ำเหรอจ๊า” ฟ้าแซว
กลายเป็นนุที่หน้าแดงเพราะความอาย ฟ้าเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะนุดูเป็นหนุ่มสุภาพเอามากๆ จนฟ้าคิดว่าอยากแกล้งนุขึ้นมาแล้วสิ
แล้วทั้งคู่ก็มาถึงที่พัก นุแปลกใจไม่น้อยที่ฟ้าเลือกพักโรงแรมแบบนี้ เพราะปกติคนที่จะมาพักก็คือคู่รักที่มาหาความสุขกันชั่วครั้งชั่วคราว
“คืนนี้นุต้องตกเป็นของฟ้าแน่ๆ”
“ฟ้าน่ะ รู้ว่าเราเขินก็ยิ่งแกล้งพูดนะ”
“ก็เวลานุอายแก้มแดงน่ารักเชียว”
“ระวังนุห้ามใจไม่อยู่ก็แล้วกัน ฟ้ายิ่งน่ารักขนาดนี้ คนยิ่งอกหักอยู่” คราวนี้เป็นฟ้าที่ถึงกับอึ้งไปบ้าง
“ป่ะ เข้าห้องเถอะ” ฟ้าเปลี่ยนเรื่อง
ห้องที่ฟ้าเลือกดูสะอาดสะอ้าน ภายในมีเตียงสีขาวขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง พร้อมเก้าอี้สำหรับนั่งกินข้าว แล้วก็โซฟาตัวเล็กๆ มีโต๊ะเครื่องแป้งวางอยู่หัวเตียง พร้อมอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว นุเหลือบไปเห็นถุงยางอนามัยวางอยู่ด้วย
“ทำไมฟ้าเลือกพักที่นี่ล่ะ” นุถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“ก็มันราคาไม่แพงไง คืนละ 350 บาทเองนะ ถ้าไปนอนโรงแรมใหญ่ๆ ก็ 6-700”
“งงนะเรา ฮ่าๆ งั้นเดี๋ยวฟ้านอนบนเตียงนุจะนอนที่โซฟาเอง”
“นอนได้ไง ตัวเล็กนิดเดียว เมื่อยแย่ เดี๋ยวก็ไม่มีแรงพาฟ้าเที่ยว นอนบนเตียงด้วยกันนี่ล่ะ” ฟ้าทำนุตื่นเต้นอีกแล้ว
“เอาน่า บอกแล้วไงทำตัวตามสบาย ไม่งั้นเที่ยวไม่สนุกนะ”
“ก็ได้ๆ งั้นฟ้าไปอาบน้ำเถอะ จะได้ออกไปหาอะไรกินกัน นุเลี้ยงเองวันนี้”
“ว้าว เจอป๋าเข้าแล้ว ขอบคุณนะคะป๋าขา” ฟ้าทำหน้าน่ารักอีกแล้ว นุชักคิดไปไกลกับเพื่อนร่วมทางครั้งนี้
“Sex Note บันทึกเสียวของเราสอง” กับเรื่องราวและประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในชีวิตคู่ระหว่างผมกับแฟน ที่จะมาผลัดกันเล่าให้พวกคุณได้อ่านกัน
เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจากการเริ่มต้นออกเดินทางท่องเที่ยวและถ่ายคลิปลงโซเชียลจะนำไปสู่ประสบการณ์ซ่านเสียวในแทบทุกทริปที่ได้ไป ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เราได้รู้จักกับพี่แทน หนุ่มมาดเซอร์นักผจญภัยที่ภายหลังกลายมาเป็นคู่ชีวิตของเราและพาเราเข้าไปสู่อีกฝั่งของอารมณ์ราคะที่เราไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้สัมผัสกับมันด้วยตัวของเราเอง
ครูทรายพอบอกเลิกกับครูวิชิตไปแล้วก็คิดว่าตัวเองจะพ้นออกจากวังวนสวาทแบบเดิม ๆ แต่เธอหารู้ไม่ว่าผัวของตัวเองนี่ล่ะที่จะพาเธอวนกลับไปหาเรื่องราวความเสียวที่ตื่นเต้น แปลกใหม่ และเร้าใจมากขึ้น
ทรายครูสาวแสนเรียบร้อยมองเผินๆอาจไม่เห็นความต้องการด้านมืดของเธอแต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ความเจ้าระเบียบที่แสดงออกมานั้นแอบเก็บความต้องการทางเพศที่เกินคนรู้จักจะจินตนาการ พบกับเรื่องราวของครูสาวกับการเดินทางในโลกแห่งอารมณ์ด้านมืดของเธอได้ใน “ครูสาว สวิงเสียว”
ซีรี่ส์ “รสรักสวิงร้อน2” กับเรื่องราวของชายเดี่ยวคนแรกของคนคอเดียวกันที่ชื่นชอบรสชาติความเร้าใจที่ได้เห็นคู่ของตัวเองร้อนร่านกับชายเดี่ยวที่มาเติมเต็มอารมณ์และความต้องการ
เรื่องของอารมณ์และความรู้สึก มันห้ามกันได้ซะที่ไหน เมื่ออยากรู้ มันก็ต้องลอง พบกับเรื่องราวแรกลิ้มรสของอารมณ์ด้านมืดในอารมณ์ที่หลายคนอยากสัมผัส ใน “แรกรู้ รสสวิง” เขาและเธอจะพาคุณเข้าสู่โลกอีกใบที่เร้าอารมณ์จนบางครั้งคุณเองก็อาจจะอยากตามเข้าสู่โลกใบนี้
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”