จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน
ตอนที่ 1 คุณชายจ้าว
ช่วงพักเที่ยงของบริษัทเกม ฟางนี่ โปรดักชั่น เมืองตงไห่..
“นี่.. พวกนายได้ดูหนังเรื่อง ‘Big Shot’ ที่เปาเป่ยเอ๋อกับหวังเชียนหยวนเล่นกันบ้างยัง? บทคุณชายจ้าวที่เปาเป่ยเอ๋อเล่นนี่แม่งเลวสุดๆเลย!”
“ฉันดูแล้ว! ฉันชอบประโยคเด็ดในหนังเรื่องนี้ที่สุด ‘ทุกคน คืนนี้คุณชายชายจ้าวเป็นเจ้ามือเอง! แล้วก็มีเสียงโห่ร้องตะโกนตามมา!’”
“ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะดังกึกก้องของทุกคนในที่นั้น ทำให้จ้าวเฉียนที่กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะทำงานในตอนเช้าตื่นขึ้นมา
จ้าวเฉียนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ และเวลานี้สายตาของเพื่อนร่วมงานทุกคู่ต่างก็จับจ้องอยู่ที่เขาเป็นตาเดียว
“โอ้โห!! นี่ถ้าเป็นคุณชายจ้าวในหนัง เขาคงมีเงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง ผิดกับคุณชายจ้าวที่แสนยากจนของพวกเรา แม้แต่เงินจะซื้อมือถือใหม่ยังไม่มีเลย”
เสียงพูดของเจวียงหยวนดังขึ้น เขาทำงานอยู่ในแผนกเดียวกันกับจ้าวเฉียน และกำลังคิดวางแผนบางอย่างอยู่ แผนกของเขานั้นไม่มีผู้จัดการมาพักหนึ่งแล้ว เวลานี้เขากับจ้าวเฉียนก็กำลังแข่งขันกัน เขาจึงไม่ชอบขี้หน้าจ้าวเฉียนนัก และคอยหาโอกาสที่จะเขี่ยจ้าวเฉียนออกไปตลอดเวลา
เพื่อนร่วมงานต่างก็พากันหัวเราะออกมาพร้อมกันทันที
จ้าวเฉียนมักจะถูกเพื่อนร่วมงานดูถูกเรื่องความยากจนเสมอๆ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่ยิ่งเขาไม่มีปากมีเสียงมากเท่าไหร่ คนอื่นๆก็ยิ่งอยากจะยั่วเย้าเขามากขึ้นเท่านั้น
เจวียงหยวนเดินตรงเข้าไปหาจ้าวเฉียนทันที เขาหยุดยืนอยู่ข้างๆจ้าวเฉียนพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย “คุณชายจ้าว ตั้งแต่คุณชายมาทำงานที่บริษัทของเรา คุณชายยังไม่เคยไปกินข้าวเย็นกับพวกเราเลยสักครั้ง ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันศุกร์พอดี พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องทำงาน ทำไมคุณชายจ้าวถึงไม่ชวนพวกเราไปกินข้าวสักครั้งล่ะ? ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมจะจ่ายส่วนของผมเอง ส่วนคุณชายจ้าวก็แค่เลี้ยงเพื่อนคนอื่นๆก็พอ..”
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆต่างก็ตอบตกลงทันที และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า งานนี้ต่างคนต่างจ่าย ส่วนจ้าวเฉียนก็จ่ายเฉพาะส่วนของตัวเองท่านั้น
“ไม่ไป! ฉันไม่มีเงิน” จ้าวเฉียนตอบเสียงเบา
เจวียงหยวนจงใจพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น “ถามจริงๆ!! คุณชายจ้าว นี่นายไม่ได้ล้อเล่นใช่มั๊ย? ค่าอาหารหารกันออกมาก็ไม่น่าเกินหนึ่งหรือสองร้อยหยวนเท่านั้นเอง นี่นายยากจนขนาดนี้เลยเหรอ? เงินเดือนของนายหายไปไหนหมด? อย่าบอกนะว่าเอาไปตบรางวัลให้กับสตรีมเมอร์สาวคนนั้นหมดแล้ว ส่วนนายก็นั่งกินมาม่าแทนนี่นะ? คุณชายจ้าว นี่นายทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นได้ยังไง?”
“ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ จ้าวเฉียนเคยตบรางวัลให้สตรีมเมอร์สาวคนหนึ่งเป็นเงินถึงสองสามพันหยวน หลังจากนั้นตัวเองก็ต้องมานั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่เกือบครึ่งเดือน เมื่อทุกคนในบริษัทรู้เรื่อง พวกเขาก็พากันพูดจาถากถางจ้าวเฉียนในเรื่องนี้อยู่ตลอดทั้งเดือน และมักจะนำเรื่องนี้มาล้อเลียนเขาทุกครั้งที่มีโอกาส
คนที่แทบไม่มีจะกินแต่กลับเอาเงินไปตบรางวัลให้กับผู้หญิงแบบนี้ ต้องปัญญาอ่อนขนาดไหนกัน?
การที่จ้าวเฉียนชื่นชมสตรีมเมอร์สาวนั้น เขาย่อมต้องมีเหตุผล เพียงแต่ไม่เคยอธิบายเรื่องนี้ให้กับใครๆฟัง เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงพอที่เขาจะต้องมานั่งอธิบาย
ในเวลานั้น เสี่ยวหลิวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินก็เดินเข้ามาพอดี
“เอาล่ะ.. สาวๆหนุ่มๆฟังทางนี้ ตอนนี้บริษัทช็อตเงิน ผู้อำนวยการฟ่างบอกว่าเดือนนี้สามารถจ่ายเงินเดือนได้แค่ครึ่งหนึ่งก่อน ทุกคนสามารถเช็คยอดเงินในบัญชีของตัวเองได้เลย ถ้าใครมีปัญหาอะไร ไปพบผมได้ก่อนที่จะเลิกงาน”
แววตาของจ้าวเฉียนเป็นประกายขึ้นมาทันที เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาล็อคอินเพื่อเช็คยอดเงินในบัญชีทันที
เจวียงหยวนถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เห้ย!! ดูท่าทางตื่นเต้นของคุณชายจ้าวสิพวกเรา.. ห้าพันหยวน.. ไม่สิไม่ใช่ บริษัทจ่ายครึ่งเดียวก็แค่สองพันห้าร้อยหยวน เงินแค่ห้าพันหยวนนายถึงกับต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ฮ่าๆๆ เจวียงหยวน นายพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ อย่าลืมว่าสตรีมเมอร์สาวกำลังรอเงินรางวัลจากเขาอยู่!”
“ฮ่าๆๆๆ”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังหัวเราะเสียงดังอยู่นั้น ผู้จัดการหวังเฉียงก็เพิ่งกลับจากไปกินอาหารกับผู้ช่วยสาวที่ชื่อเจียงเสี่ยวปิงพอดี
จ้าวเฉียนเริ่มรู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อเห็นคนทั้งคู่ นั่นเพราะเจียงเสี่ยวปิงเคยเป็นแฟนของเขามาก่อน และทั้งคู่ก็เพิ่งจะเลิกรากันไปไม่กี่วันนี่เอง และตอนนี้เธอก็กำลังคบหาอยู่กับผู้จัดการหวังเฉียง
จ้าวเฉียนรีบหลบหน้าหน้าทันที และแสร้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์มือถือในมือ
หวังเฉียงจงใจเดินเข้าไปในกลุ่ม และบอกเล่าให้ทุกคนฟังว่าตนเองกำลังมีความสุขอย่างมาก
เจวียงหยวนใช้เล่ห์กลด้วยการพยายามที่จะทำให้จ้าวเฉียนได้รับความอับอาย หากเขาทำสำเร็จและจ้าวเฉียนไม่สามารถทนทำงานที่นี่ต่อไปได้ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกวางแผนก็ต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน
“วันนี้เงินเดือนของพวกเราก็เพิ่งออกเหมือนกัน คุณชายจ้าวบอกว่าจะเลี้ยงข้าวพวกเราด้วย และชวนทุกคนในบริษัทไปด้วย ใช่มั๊ยพวกเรา?”
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆก็ชอบเห็นจ้าวเฉียนเป็นตัวตลกเหมือนกัน จึงได้จงใจพูดออกมาเสียงดัง
หวังเฉียงเดินเข้าไปหาจ้าวเฉียน เขายิ้มให้พร้อมกับยกมือขึ้นตบบ่าจ้าวเฉียน และพูดขึ้นว่า “จ้าวเฉียน คุณเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก! ผมเองก็เคยได้ยินคนพูดกันว่า ความผิดหวังและความล้มเหลวจะทำให้คนเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ที่ผ่านๆมา คุณไม่เคยไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ถึงกับเสนอตัวเลี้ยงพวกเรา นับว่ามีพัฒนาการขึ้นมาจริงๆ”
หลังจากที่หวังเฉียงพูดจบ เขาก็จงใจโอบกอดร่างของเจียงเสี่ยวปิงไว้แนบอก และพยายามทำไม่ให้ดูเหมือนว่าจงใจยั่วจ้าวเฉียนมากเกินไป
แต่จ้าวเฉียนก็ยังคงเล่นโทรศัพท์ในมือโดยไม่สนใจแม้แต่จะปรายตามอง
เจียงเสี่ยวปิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “จ้าวเฉียน นี่นายเสียสติไปหรือเปล่า? ถ้านายมีเงินก็เอาไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ แต่ถ้าอยากจะอวดรวยก็ลองให้คนอื่นๆสอนให้ก็ได้ว่าต้องทำยังไง! เงินเดือนแค่นั้นจะเลี้ยงข้าวทุกคนในบริษัทได้ยังไงกัน? ฉันว่าแค่ซื้อเบียร์ได้ไม่กี่ลังก็หมดแล้ว..”
“ฮ่าๆๆ”
ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะร่วน
ในฐานะที่เคยเป็นแฟนเก่าของจ้าวเฉียน เจียงเสี่ยวปิงย่อมรู้สภาพการเงินของเขาเป็นอย่างดี และจ้าวเฉียนไม่มีเงินมากพอที่จะตะเกียกตะกายขึ้นมาอยู่ในระดับสูงได้
จ้าวเฉียนที่นิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นบ้าง
“คุณหวัง รบกวนช่วยพูดกับผู้อำนวยการฟ่างให้จ่ายเงินเดือนส่วนที่หลือเร็วหน่อยได้มั๊ย? ตอนนี้ผมกำลังร้อนเงินมากจริงๆ!”
คำพูดของจ้าวเฉียนทำให้เพื่อนร่วมงานพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง เพราะคนอื่นๆไม่มีใครเดือดร้อนกับเงินเดือนอีกครึ่ง มีเพียงเขาเท่านั้นที่เดือดร้อน ทุกคนจึงอดที่จะหัวเราะเยาะเขาไม่ได้
หวังเฉียงเองก็หัวเราะเสียงดังเช่นกัน เขาหยิบเงินปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเงิน เป็นจำนวนสองพันห้าร้อยหยวนพอดี
“พอดีบริษัทมีปัญหาเรื่องเงินทุนนิดหน่อย ประธานฟางไม่มีทางเลือกก็เลยต้องทำแบบนั้น ในฐานะพนักงานของบริษัท พวกเราคงไม่สามารถขัดเจ้านายได้ แต่ถ้าคุณร้อนเงินมากขนาดนั้นจริงๆ ผมให้คุณยืมก่อนก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต่อจากนี้ไป ห้ามคุณมาวอแวกับเสี่ยวปิงอีก ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการกับคุณขั้นเด็ดขาด ถึงตอนนั้น อย่าได้ทำลายชื่อเสียงของผมด้วยการอ้างว่าผมใช้ตำแหน่งผู้จัดการรังแกคนที่อ่อนแอกว่าล่ะ”
โคตรเลย!! ใช้เงินแค่สองพันกว่าหยวนตบหน้าคนคนหนึ่งให้อับอายได้ขนาดนี้เชียวเหรอวะ?
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันจ้องมองจ้าวเฉียนกันเป็นตาเดียว พวกเขาต่างก็รู้สึกว่า ถ้าเขาเป็นจ้าวเฉียน จะไม่มีทางยอมรับเงินนั่นเด็ดขาด!
หลังจากที่เลิกรากับเจียงเสี่ยวปิงไป จ้าวเฉียนก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่จะทำใจได้ เมื่อสองวันก่อน เขาก็เพิ่งเห็นเธอกับหวังเฉียงพากันเข้าไปในโรงแรงข้างบริษัท ตั้งแต่นั้นมา เขาก็เลิกโหยหาคร่ำครวญถึงเจียงเสี่ยวปิงอีกเลย
แต่จางเฉวียนจำเป็นต้องรับเงินก้อนนี้มา เขามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก้อนนี้มากจริงๆ เพราะมันจะทำให้เขาสามารถลบล้างความอัปยศอดสูที่ได้รับมาตลอดได้
ด้วยเหตุนี้ ภายใต้สายตาทุกคู่ที่จับจ้องอยู่ จ้าวเฉียนจึงรีบรับเงินก้อนนั้นมาอย่างไม่ลังเล และรีบวิ่งออกไปทันที
“ฮ่าๆๆๆ”
ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะออกมา พวกเขายอมตายเสียดีกว่าถ้าจะต้องมีชีวิตแบบนี้! นี่เขาไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์บ้างเลยหรือยังไง?
สีหน้าดูถูกเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงเสี่ยวปิง และเธอได้แต่นึกดีใจที่ตัดสินใจทิ้งเขาไป
จ้าวเฉียนวิ่งดุ่มตรงไปที่ธนาคารทันที และรีบนำเงินจำนวนนั้นไปเข้าบัญชีของตัวเอง ก่อนจะโอนเงินจำนวนห้าพันหยวนเข้าบัญชีอาลีเพย์ (Alipay) ของตนเองอีกที
จ้าวเฉียนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ราวกับว่าเขาได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ จากนั้นจึงรีบอัดเสียงของตัวเองส่งไปให้ใครบางคนผ่าน WeChat
“เงิน.. ผมจ่ายเงินทั้งหมดคืนให้แล้ว คืนสัญญากู้ยืมเงินให้ผลด้วย!”
เพียงแค่ครู่เดียว อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันที เป็นเสียงของหญิงสาวบอกว่าได้ส่งให้เขาไปแล้ว
จ้าวเฉียนเรียกแท๊กซี่ และในระหว่างนั้นเขาก็ได้ส่งรูปสัญญากู้ยืมเงินไปให้พ่อของเขาทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง จ้าวฝูพ่อของเขาก็ส่งข้อความตอบกลับมา
“ฉันต้องรอแกถึงห้าปี มันไม่นานไปหน่อยเหรอไอ้ลูกชาย แต่เห็นแกโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแบบนี้ ฉันเองก็ดีใจ! เอาล่ะ กลับมาเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว คำสั่งห้ามทั้งหมดถูกยกเลิกแล้ว แกกลับมาได้”
จ้าวเฉียนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ในที่สุดขาก็สามารถพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์นี้ได้แล้ว
…..
จ้าวฝู ประธานบริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊บ
บริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊บนั้น มีธุรกิจน้ำมัน ก๊าซ เหมือง การสื่อสาร การเงิน ระบบเนวิเกชั่น อสังหาริมทรัพย์ บันเทิง จัดเลี้ยง และอุตสาหกรรมอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิตมนุษย์ อีกทั้งยังลงทุนธุรกิจในประเทศอื่นๆทั่วโลกอีกนับร้อยประเทศ ทรัพย์สินทั้งหมดโดยรวมมีมูลค่าสูงถึงสองล้านล้านดอลล่าร์
จ้าวฝูมีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวคนโตชื่อว่าจ้าวฉวิน ส่วนลูกชายชื่อว่าจ้าวเฉียน
เมื่อห้าปีก่อน..
หลังจากที่จ้าวเฉียนสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ เขาก็ไปร่วมงานเลี้ยงกับเพื่อนนักเรียน จ้าวเฉียนดื่มจนเมามาย แต่ก็ยังขับรถกลับ
แต่ด้วยภูมิหลังของครอบครัวเขา หากไม่ถึงกับทำให้ใครตาย ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่เพราะเมามายจนขาดสติ เขาจึงได้ร้องตะโกนอยู่ในโรงพักว่า พ่อของเขาคือจ้าวฝู!
แต่นับเป็นคราวซวยของจ้าวเฉียน เพราะใครบางคนได้แอบถ่ายคลิปไว้ แล้วนำไปโพสในโลกอินเทอร์เน็ต จ้าวฝูถึงกับให้คนไล่ลบคลิปนั้นออก และใช้เงินไปจำนวนมากกับการปิดข่าวเรื่องนี้ เพื่อให้ลูกชายของตนปลอดภัย
แต่ครั้งนั้นก็ทำให้จ้าวฝูได้คิดว่า ขืนลูกชายของเขายังมีนิสัยใจคอเช่นนี้ อาณาจักรธุรกิจใหญ่โตมหาศาลของเขา จะต้องล่มสลายเพราะเจ้าลูกคนนี้อย่างแน่นอน!
เพื่อประโยชน์ของสกุลจ้าวในวันข้างหน้า จ้าวฝูจึงได้ไล่จ้าวเฉียนออกจากบ้าน และสั่งให้เขาออกไปหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาที่ได้จ่ายให้กับเด็กสาวที่เขาขับรถชน เมื่อเขาหาเงินได้ครบเมื่อไหร่ จึงจะสามารถกลับเข้าบ้านตระกูลจ้าวได้
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน จ้าวเฉียนได้จ่ายเงินจำนวน 195,000 หยวนไปแล้ว และขาดอีกเพียงแค่ห้าพันหยวนเท่านั้น พันธะระหว่างเขากับหญิงสาวคนนั้นก็จะจบลง เขาจึงได้ขอให้หวังเฉียงที่แย่งแฟนสาวของตน ไปพูดกับเจ้านายให้จ่ายเงินเดือนเต็มกับเขา
หวังเฉียงจึงได้อาศัยโอกาสนี้ทำให้จ้าวเฉียนอับอาย ด้วยการให้เขายืมเงินจำนวนนั้นแทน
และตอนนี้ จ้าวเฉียนก็ไม่ใช่จ้าวเฉียนที่ยากจนข้นแค้นอีกแล้ว แต่เวลานี้เขาคือจ้าวไท่ หรือคุณชายจ้าวในภาพยนตร์เรื่อง Big Shot นั่นเอง!
“เจวียงหยวน หวังเฉียง เจียงเสี่ยวปิง ทุกคนรอฉันได้เลย ฉันมีอะไรๆจะเล่นสนุกกับพวกนายอีกมาก!”
จากอดีตนักล่าซอมบี้ในวันสิ้นโลกต้องผันตัวเป็นสาวน้อยชาวไร่สุดแกร่งที่ต้องช่วยแม่และน้องสาวให้รอดพ้นจากญาติพี่น้องมหาภัยและความยากจน เปิดธุรกิจร่ำรวยใหญ่โตเอาให้เหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชาติ!
เธอถูกย่าแท้ๆฆ่าตายตอนอายุ6ขวบ กลายเป็นผีเร่ร่อนเฝ้าดูอนาคตและจุดจบของทุกคนที่รักอย่างเจ็บแค้น ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขทุกสิ่ง! แต่เอ๊ะ?คุณแม่ผู้ขี้ขลาดคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!
นักศึกษาสาวหัวกะทิแห่งศตวรรษที่21เกิดใหม่เป็นลูกเลี้ยงบ้านนางเอกนิยาย ทันทีที่ทะลุมิติเข้ามาดันอยู่ในฉากคันขับที่เธอกับวายร้ายหลักของเรื่องต่างเสียรู้ ถูกจับขึ้นเตียงด้วยกันเพื่อรอเวลาถูกเปิดโปง!
หลินจิงซู หญิงสาวผู้ล้มเหลวทุกอย่างในชีวิตเพราะครอบครัวเฮงซวย เธอย้อนเวลาไปยังปี1990 อาศัยความรู้ในโลกอนาคตเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจ ก่อร่างสร้างตัวจนมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อบดขยี้ทุกคนที่เคยรังแก!
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
จากชายหนุ่มที่บังเอิญได้รับมรดกตกทอดของบรรพชนสกุลเฉินเพราะอุบัติเหตุ และในที่สุด จากลูกเขยที่ไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง กลับกลายมาเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศยิ่ง
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน