"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ภายในจวนอ๋อง มู่หว่านซีพยุงท้องโตโย้ของตัวเองพลางถามสาวใช้ข้างกาย “มีข่าวคราวของจวิ้นอ๋องบ้างหรือไม่?”
“พระชายาเพคะ จวิ้นอ๋องได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ให้พระชายาอยู่ที่เรือนดูแลครรภ์อย่างสบายใจ แล้วจวิ้นอ๋องจะจัดการเรื่องที่จวนฉินกั๋วกงอย่างสุดความสามารถ” สาวใช้นามว่าซิ่วเหอเหลือบมองมือตัวเองที่ถูกมู่หว่านซีจับไว้แน่นจนเริ่มขาวซีด นัยน์ตาก็ฉายแววไม่พอใจ จากนั้นก็พลันสะบัดมืออก มู่หว่านซีไม่ทันระวังจึงเกือบจะล้มลงไป
“พระชายาระวังเพคะ” ซิ่วเหอเอื้อมมือไปประคองมู่หว่านซี ทว่าแววตานางกลับเผยแววกำเริบเสิบสาน พ้นวันนี้ไปเจ้าก็หาใช่พระชายาจวิ้นอ๋องแล้ว ส่วนนางเองก็จะไม่ใช้สาวใช้อีกต่อไปแล้ว หากแต่จะกลายเป็นอนุของจวนอ๋องแห่งนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซิ่วเหอก็ยิ้มจนหน้าบาน เมื่อคิดถึงวันข้างหน้าที่สดใสของตัวเองแล้วก็พลันรู้สึกว่า สิ่งที่นางทุ่มเททำไปตลอดหลายปีมานี้ช่างคุ้มค่านัก
“ซิ่วเหอ แล้วชิงจู๋เล่า? เหตุใดสองวันมานี้ถึงไม่เห็นนางเลย?” มู่หว่านซีถามด้วยความสงสัย นางให้ชิงจู๋ไปสืบข่าวคราว ทว่าจนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าท่านตาจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าจวิ้นอ๋องจะทูลขอพระราชโองการมาได้หรือไม่ แล้วจะช่วยคนทั้งตระกูลของท่านตาไว้ได้หรือไม่?
“พี่ชิงจู๋ต้องไปช่วยงาน วันนี้ก็น่าจะกลับมาแล้วเพคะ” ซิ่วเหอยิ้มอย่างร้ายกาจ “ไม่รู้ว่าจวนฉินกั๋วกงจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เพื่อสกุลฉินแล้วจวิ้นอ๋องของเราต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ลำบากจวิ้นอ๋องแล้ว”
“ลำบากท่านพี่แล้วจริง ๆ ” มู่หว่านซีค่อย ๆ นั่งลง ซ่งอิงเจี๋ยเป็นสามีของนาง ทั้งยังเป็นบุตรชายคนโตของเรือนเล็กของซ่งฉินอ๋อง แม้เขาจะเป็นจวิ้นอ๋องที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง แต่มียศถาบรรดาศักดิ์เพียงแค่ในนามเท่านั้น ซ่งอิงเจี๋ยมีผลงาน มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างทุกวันนี้ได้ มู่หว่านซีเองก็มีส่วนช่วยเขาอยู่ไม่น้อย
เดิมทีซ่งอิงเจี๋ยนั้นเป็นเพียงบุตรอนุในจวนซ่งฉินอ๋องเท่านั้น แม้ธรรมเนียมในจวนซ่งฉินอ๋องจะสืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องโดยยึดหลักอาวุโส มิได้แบ่งแยกว่าบุตรธิดาที่เกิดจากภรรยาเอกหรืออนุ แต่ถึงอย่างไรบุตรชายคนโตของเรือนเล็กก็มิอาจได้รับมรดกสืบทอดใด ๆ นอกเหนือไปจากบรรดาศักดิ์อ๋อง แต่ที่ซ่งอิงเจี๋ยมีผลงานอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เพราะจวนฉินกั๋วกงซึ่งเป็นครอบครัวฝั่งภรรยาให้การสนับสนุน
สกุลฉินเป็นตระกูลทหารมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีเพียงบุตรชายหนึ่งคน และบุตรสาวหนึ่งคนเท่านั้น บุตรชายนั้นเป็นที่เชิดหน้าชูตา เป็นแม่ทัพใหญ่ชื่อเสียงเกรียงไกรในสนามรบ ภายภาคหน้าจะได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์ฉินกั๋วกง ส่วนบุตรสาวก็งดงามเพรียบพร้อม ออกเรือนไปกับเสนาบดีแห่งราชสำนัก แต่น่าเสียดายที่สวรรค์กลั่นแกล้ง ให้ฮูหยินเสนาบดีถูกไฟครอกเสียชีวิตในเหตุอัคคีภัย ในขณะที่บุตรสาวมู่หว่านซีเพิ่งอายุสิบสี่ เพิ่งเข้าวัยปักปิ่นเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ สกุลฉินจึงเลี้ยงดูมู่หว่านซีดั่งแก้วตาดวงใจก็ไม่ปาน แม้สกุลฉินจะไม่ถูกใจหลานเขยอย่างซ่งอิงเจี๋ยนัก แต่ก็เพราะทั้งรักและโปรดปรานหลานสาวคนนี้นักหนาจึงอดทนกับผู้เป็นหลานเขยมาโดยตลอด ด้วยการสนับสนุนของสกุลฉินให้เขาได้เข้าไปอยู่ในกองทัพ ซ่งอิงเจี๋ยถึงได้มีชื่อเสียงองอาจเกรียงไกรในการศึกอย่างเช่นทุกวันนี้
“จริงสิซิ่วเหอ น้องรองอยู่ที่ใด ช่วงนี้นางสบายดีหรือไม่?” มู่หว่านซีถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อคิดถึงน้องรองของตนแล้วนางก็อดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ น้องรองของนางเป็นคนน่าสงสารยิ่งนัก ออกเรือนได้แค่สามปีก็ต้องเป็นม่ายสิ้นสามี ซ้ำแม่สามียังมีท่าทีแข็งกร้าวกับนาง ทั้งดุด่านาง สาปแช่งลูกชายนาง เมื่อเห็นน้องสาวต้องลำบากเช่นนี้ นางจึงรับน้องหญิงเรือนเล็กเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องเสียเอง
แววตาของซิ่วเหอเผยให้เห็นประกายความร้ายกาจและโหดเหี้ยม คุณหนูรองน่ะหรือ นางสบายดียิ่งกว่าใครเสียอีก ยามนี้นางกำลังกราบไหว้ฟ้าดิน เข้าพิธีแต่งงานกับจวิ้นอ๋องอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้านั่น ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจท่าน อีกไม่นาน ท่านก็จะโดนเลื่อยขาเก้าอี้ ตำแหน่งพระชายาจวิ้นอ๋องนี้ของท่านก็จะหลุดลอยไปแล้ว
“ช่วงนี้คุณหนูรองยุ่งมากเพคะ”
“งั้นหรือ? ล้วนแต่ต้องโทษข้าที่ทำให้น้องรองต้องเดือดร้อน” มู่หว่านซีลูบท้องโต ๆ ของตัวเอง “หากมิใช่เพราะข้าตั้งครรภ์ ก็คงไม่ต้องลำบากน้องรองมาช่วยข้าจัดการงานในจวนเช่นนี้หรอก”
ซิ่วเหอมองมู่หว่านซีอย่างดูแคลน นางช่างเป็นสตรีที่โง่งมจนเกินเยียวยาจริง ๆ คุณหนูรองช่วยท่านจัดการงานในจวนหาใช่ทำเพื่อท่านไม่ นางทำเพื่อตัวนางเองต่างหาก เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้นางได้ขึ้นมาเป็นพระชายาจวิ้นอ๋องได้อย่างชอบธรรม!
มู่หลิงซือมีฝาแฝดชายอยู่ผู้หนึ่งนามว่ามู่หานซือยามนี้หายสาปสูญไป นางจึงต้องปลอมตนเป็นพี่ชายฝาแฝดของตนเองไปก่อน อยู่ดีๆก็มีเด็กชายมากอดขาของนางเรียกนางว่าแม่
ชีวิตเธอกำลังมีความสุข แต่แล้วก็ประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในยุคโบราณ อยู่โบราณไม่ว่าถ้ามาอยู่ในร่างเด็กที่แม่ป่วย พ่อพิการ แถมตัวเองก็เป็นคนเดียวที่พอจะหาอาหารให้พวกเขาได้!!
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
จะทำยังไงเมื่อชาติก่อนก็มีชีวิตครอบครัวที่บัดซบถูกสามีนอกใจ มาภพนี้กลับมาอยู่ร่างของผู้หญิงที่หนีไปชู้อีก ทั้งที่เธอมีลูกที่แสนน่ารักและสามีที่แสนน่ากิน!!
"ไง...หลบหน้าผัวมาหลายวัน" คนตัวโตกดเสียงมาอย่างไม่น่าฟัง ยิ่งเธอขัดขืนเขายิ่งเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือ "ปล่อยนะพี่ริว พี่ไม่ใช่ ผัว..." เสียงเล็กถูกกลื้นหายในลำคอ เมื่อโดนคนใจร้ายตรงหน้าระดมจูบไปทั้งใบหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว ริวถอนจูบออก เสมองคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน "ผัว...ที่เอาเธอคนแรกหนะ" "พี่ริว..." เจนิสตะเบ่งเสียงด้วยสีหน้าอันโกรธจัด "ทำไม เรียกชื่อพี่บ่อยแบบนี้ละครับ" ริวเอ่ยพร้อมกับสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน "คิดว่าคืนนี้เธอจะรอดเหรอ" ริวตะเบ่งเสียงขึ้นมา จนร่างบางถึงกับชะงัก "ปล่อย...นะ คนเลว" ยิ่งเธอต่อต้านเขายิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้น "เอาดิ...เธอตบ ฉันจูบ..." ริวเอ่ยพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุดัน