หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย “2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด”เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา “เราหย่ากันเถอะ"” เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
เจ็บ… มันเจ็บมากจริง ๆ !
มีอาการปวดที่แขนขึ้นมาอย่างรุนแรง
เจียงหว่านฉือพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะลืมตาขึ้น แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ทำไม่ได้ เปลือกตานั้นเหมือนกับถูกกดทับด้วยก้อนหินหนัก ๆ สายตาพร่ามัว หูได้ยินเสียงแผ่ว ๆ เดี๋ยวใกล้เดี๋ยวไกล แต่ได้ยินไม่ชัด
“น่าสงสารจริง ๆ เลย ไม่ยอมให้คนไข้ดมยาสลบด้วยซ้ำ ครอบครัวของเธอต้องเกลียดเธอขนาดไหนกัน...”
“ใช่ เย็บไปตั้งสามสิบเข็ม ฉันแค่มองยังรู้สึกเจ็บเลย...”
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงหว่านฉือก็ลืมตาขึ้น และพบว่าตัวเองนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เธออึ้งไปครู่หนึ่ง และก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ยังไง...
ไป๋เสี่ยวโหรวขอให้เธอไปช้อปปิ้งด้วยกัน ปากก็พูดว่าช้อปปิ้ง แต่จริง ๆ แล้วให้เธอไปถือของต่างหาก
การถูกไป๋เสี่ยวโหรวใช้งานนั้นเป็นเรื่องประจำแล้ว และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนเคย หรืออาจจะขี้เกียจเกินกว่าจะปฏิเสธ
ระหว่างทางกลับบ้าน ไป๋เสี่ยวโหรวขับรถ ส่วนเธอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แล้วรถชนคนเข้า ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
พอภาพอุบัติเหตุทางรถยนต์ผุดขึ้นในหัวของเธอ เจียงหว่านฉือก็นึกกลัวทันที
เธอหดตัวลงและมองไปรอบ ๆ ห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่า มีแค่เธอเพียงคนเดียว
ตอนที่เธอกำลังจะลุกขึ้นนั่งนั้น เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก็ดังมาจากนอกห้อง
เจียงหว่านฉือมองออกไปก็ชำเลืองเห็นร่างสูงร่างหนึ่งเข้า เธอพลันดีใจขึ้นมา และเรียกชื่อชายผู้นั้นที่เธอโหยหาออกมา...
“ยู่ชางเหิง!”
นั่นคือสามีของเธอที่แต่งงานกันมาสามปีแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่เธอก็เต็มใจรอพร้อมพยายามเห็นคุณค่าของชีวิตแต่งงานของพวกเขา
เขารู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยมาเยี่ยมเธองั้นเหรอ? เธอรู้ว่าเขาย่อมมีเธออยู่ในใจไม่มากก็น้อย...
แต่ในวินาทีต่อมา ผู้ชายคนนั้นก็เร่งฝีเท้าจากไปโดยไม่หันมามองเธอเลยแม้แต่แวบหนึ่ง
เจียงหว่านฉือยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น
เธอดึงเข็มที่แขนออกอย่างไม่ลังเล และรีบลุกจากเตียงแล้ววิ่งตามเขาไป
“ชางเหิง...”
เธอเรียกชื่อเขา เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้เห็นเธอ เลยเดินตามเขาไปจนถึงห้องข้าง ๆ
แต่สถานการณ์ต่อมา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋เสี่ยวโหรวซึ่งเป็นผู้หญิงที่มักจะแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอต่อหน้ายู่ชางเหิง ตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีผ้าก๊อซพันรอบข้อมือซ้าย ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอนั้นมีน้ำตาไหลพราก ขอบตาของเธอแดงก่ำและน้ำตาคลอเบ้า ดูแล้วน่าสงสารมาก
นอกจากยู่ชางเหิงแล้ว ยังมียู่ชิงชิงพี่สาวของยู่ชางเหิงและหลินเยี่ยนเฟินซึ่งเป็นแม่สามีของเธอด้วย... ทั้งสามคนมุงดูไป๋เสี่ยวโหรวอย่างเป็นห่วง เหมือนกับว่าเธอนั้นไม่มีตัวตน!
เจียงหว่านฉือยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
น่าตลกสิ้นดีเลย ที่เธอคิดไปเองว่ายู่ชางเหิงมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเธอซะอีก...
คนในห้องทั้งสี่คนมองมาที่เธอพร้อมกัน และแม่สามีที่แต่งตัวหรูหราก็ลุกขึ้นมาก่อน เธอเชิดคางขึ้นเล็กน้อย มองเธอแล้วพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “เจียงหว่านฉือ แกมาก็ดีแล้ว รีบไปมอบตัวซะ แล้วบอกตำรวจว่าแกเป็นคนชนคน!”
“ใช่ ยอมรับความผิดแทนน้องเสี่ยวโหรวซะ” ยู่ชิงชิงก็คล้อยตาม เหมือนที่พูดนั้นค่อนข้างจะสมเหตุสมผล
“มอบตัวเหรอ? !”
เจียงหว่านฉืออดไม่ได้ที่เบิกตากว้างขึ้นมาทันที จู่ ๆ ความรู้สึกบ้าบอเหลือเชื่อก็โผล่ขึ้นมาในใจของเธอ พร้อมกับความโกรธเคืองที่พรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พลางชี้ไปที่ไป๋เสี่ยวโหรวและถามว่า “เธอเป็นคนชนคน! ทำไมต้องให้ฉันไปมอบตัวแทนด้วย? !”
คนในตระกูลยู่ทำเหมือนเธอเป็นคนรับใช้มาโดยตลอด และเธอก็ชินกับมันแล้ว
และไป๋เสี่ยวโหรวที่ถือว่าตัวเองมีบุญคุณกับตระกูลยู่นั้น ก็พยายามหาวิธีทำให้เธออยู่ไม่เป็นสุขเสมอ
แต่เพื่อรักษาชีวิตแต่งงานของตนเองกับยู่ชางเหิง เธอเลยยอม เพราะอย่างไรที่เธอแต่งเข้ามาในตระกูลยู่ก็เพื่อเอาชนะใจผู้ชายคนนั้น
แต่ที่เธอไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะกร่างได้ถึงขนาดนี้! ให้เธอไปรับโทษแทนผู้หญิงดัดจริตคนนี้งั้นเหรอ! พวกเขามีสิทธิ์อะไรกัน?!
“ฉันขอโทษ มันเป็นความผิดของฉันเอง... ฉันเองก็ไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุแบบนั้นขึ้นหรอก...” ไป๋เสี่ยวโหรวที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั้น จู่ ๆ ก็เอามือปิดหน้าและร้องไห้ออกมา “ฉันยอมติดคุกเพื่อชดใช้ความผิด และถ้าอีกฝ่ายไม่ยกโทษให้ฉัน ต่อให้ฉันต้องเอาชีวิตมาชดใช้แทนฉันก็ยอม!”
จากนั้นเธอก็หรี่ตาลง ใช้มือข้างหนึ่งลูบท้องเบา ๆ พลางมองยู่ชางเหิงที่ยืนอยู่ข้างเตียง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “แต่ฉันมีลูกของอาเหิงอยู่ในท้องแล้ว! ฉันปล่อยให้ลูกต้องทนรับเคราะห์ไปกับฉันไม่ได้...”
ว่าไงนะ?!
เจียงหว่านฉือรู้สึกช็อคราวกับโดนฟ้าผ่า
ไป๋เสี่ยวโหรวกำลังท้องลูกของยู่ชางเหิงอยู่งั้นเหรอ?!
แต่งงานกับนักเลงคนหนึ่งแทนพี่สาวและใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แต่ไม่คิดว่าจู่ ๆ สามีก็พลิกตัวกลายเป็นมหาเศรษฐีลึกลับที่มีอำนาจล้นฟ้า?เจียงช่านพยายามบอกกับตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เธอวิ่งกลับไปที่บ้านเช่าเล็ก ๆ นั้นและโผ่เข้าในอ้อมกอดของสามีและพูดว่า“พวกเขาบอกว่าคุณเป็นคุณฮั่ว จริงเหรอ?”เขาลูบผมเธอพลางพูดว่า“คนนั้นก็แค่หน้าตาเหมือนฉันเท่านั้นน่ะ”เจียงช่านรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย“คนนั้นน่ารำคาญมาก ยืนยันตลอดว่าฉันเป็นภรรยาเขา ที่รัก ช่วยจัดการเขาสักทีนะ”วันต่อมา คุณฮั่วปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยจมูกที่ช้ำและใบหน้าที่บวม “คุณฮั่ว นี่มัน?”มีคนหนึ่งอดถามขึ้นไม่ได้ เขายกยิ้มอย่างใจเย็น“ภรรยาสั่งให้จัดการ ผมจึงจำเป็นต้องลงมือหนักหน่อย”
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ “เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!”
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า “ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?” เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า “ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว...” ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?”