เขาเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ ไม่มองไปอีก แล้วก็เดินเข้าไปในวิลล่า
คนรับใช้พาเธอไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในบ้าน เป็นเพราะเธอเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินมาตลอดทางแล้ว จึงต้องพาเธอไปพักผ่อนที่ห้องนอน
ส่วนเขากำลังตรวจสอบข้อมูลกับลู่เหยาเลขาของเขาอยู่
“เธอเป็นน้องสาวของสือเวยเวย เป็นลูกสาวนอกสมรสของครอบครัว ซึ่งถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด วันนั้นที่สือเวยเวยวางยาคุณ เธอบังเอิญมีธุระต้องไปหาสือเวยเวยพอดี เธอก็เลยเข้าไปทำลายฉากนี้เข้า เธออยากช่วยชีวิตคุณ แต่กลับไม่คิดว่า......”
“หลังจากเรื่องวันนั้นเกิดขึ้น คุณก็กวาดล้างครอบครัวของสือเวยเวยทุกอย่าง บริษัทล้มละลาย คนในครอบครัวต้องไปอยู่สลัม สือเวยเวยจึงเอาความเคียดแค้นที่มีทั้งหมดไปลงกับเธอ ทรมานเธอเป็นเวลาสามเดือนเต็ม เธอถูกส่งไปที่โรงพยาบาลตอนที่กำลังจะตาย เธอจึงมีอาการทางจิตเล็กน้อย คนของเราตรวจสอบข้อมูลของหญิงสาวเชื้อสายจีนทุกคนในเมืองเฟ่ยหลานแล้ว จากนั้นก็พบหญิงสาวที่มีส่วนสูงและรูปร่างใกล้เคียงกัน จากการตรวจสอบทีละคน มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่ตรงที่สุด”
“ชื่อภาษาอังกฤษของเธอคือลี่น่า ส่วนชื่อภาษาจีนของเธอคือ สือชิงหลิง”
เขาไว้วางใจกับการทำงานของลู่เหยามาโดยตลอด จากที่ตามสืบอยู่หลายครั้ง เธอคือตัวเลือกเดียวที่เหมาะสมที่สุด
เมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่เธอได้รับในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เฟิงเยี่ยนรู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมาทันที
“หาหมอที่ดีที่สุดมาดูแลเธอ อยู่ที่นี่แล้ว จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเธออีก”
ลู่เหยาพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังและจากไป
เฟิงเยี่ยนมายืนอยู่ที่ประตูห้องนอน แล้วก็มองดูคนที่นอนหลับอยู่ข้างใน
นี่เป็นผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่เขามีอะไรด้วย
เขาต้องดูแลเธอให้ดี
เขาปิดประตูลง เเล้วรอประชุมผ่านทางวิดีโอคอล
คนรับใช้คนหนึ่งเพิ่งออกมาจากการทำความสะอาดห้องนอนแขก ซึ่งเป็นห้องของถังชีชีนั่นเอง
เธออาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี แต่เธอไม่เคยเข้าไปในห้องนอนใหญ่และห้องหนังสือเลย เธอประพฤติตัวดีมาโดยตลอด
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นกับสือชิงหลิง เขาคิดว่าเธอก็เป็นภรรยาที่ดีคนหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
อยู่ด้วยกัน โดยไม่ต้องตัวติดกันมากเกินไป
มีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องผูกมัดกันมาก
เดิมทีเขาคิดว่าเธอเป็นคนขี้อายและขี้ขลาด แต่พอตอนนี้ลองมองเธอที่ตัวตนจริง ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นและมีความอดทนสูงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
เมื่อนึกถึงคำพูดของถังชีชี เขาก็เรียกคนรับใช้เอาไว้ “มีของอะไรที่เธอลืมไว้ที่นี่บ้างหรือเปล่า”
“หมายถึงคุณผู้หญิงเล็กน่ะเหรอคะ ไม่มีนะคะ ตอนที่คุณผู้หญิงเล็กมาก็นำมาแค่กระเป๋าเดินทางใบเดียวเท่านั้น ตอนไป เธอก็นำออกไปแค่กระเป๋าเดินทางใบเดียวเช่นกันค่ะ ของในห้องไม่ได้เอาอะไรไปเลยสักชิ้น”
“เธอไม่ได้แตะต้องอะไรเลยเหรอ” เรื่องนี้ทำให้เฟิงเยี่ยนค่อนข้างประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ…… คุณผู้หญิงเล็กไม่ได้ใช้เงินของตระกูลเฟิงสักบาท แถมของที่ท่านคุณย่าและคุณนายให้ เธอก็ไม่ได้เอาไปด้วย ของอยู่ในห้องนอนแขก คุณผู้ชายจะเข้าไปตรวจดูก็ได้นะคะ”
คนรับใช้พูดด้วยความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ถังชีชีเป็นคนเข้าถึงได้ง่ายและไม่วางมาด เธอมักจะพูดคุยและหัวเราะกับพวกเขา กินข้าวกับพวกเขา และช่วยพวกเขาทำงานเป็นประจำ
ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรือหนาวเเค่ไหน เธอก็เห็นใจพวกเขา ไม่ปล่อยให้พวกเขาเหนื่อยเกินไป
แถมเธอยังเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือยสิ้นเปลืองอีกด้วย ตราบเท่าที่ยังมีอาหารเพียงพอ เธอจะไม่อนุญาตให้ทำอาหารเพิ่ม
คุณผู้หญิงเล็กที่นิสัยดีแบบนี้จากไป ทุกคนก็ย่อมเสียใจมากเป็นธรรมดา
พอเธอไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าคุณผู้ชายจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับผู้หญิงอีกคนแบบนี้ แถมยังแสดงความห่วงใยต่อผู้หญิงคนนั้นแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน พวกเธอจึงรู้สึกไร้ค่าแทนถังชีชีขึ้นมาในทันที
คุณผู้ชายก็คือผู้ชายสารเลวคนหนึ่งนั่นแหละ!
“หากคุณผู้ชายไม่มีอะไรเเล้ว ฉันขอตัวลงไปข้างล่างก่อนนะคะ”
คนรับใช้เดินไปเลย ในใจยังรู้สึกเคืองเขาอยู่เล็กน้อย
เฟิงเยี่ยนขมวดคิ้วแน่น ถังชีชีทำให้เขารู้สึกอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
ถังชีชีกลับไปด้วยความงุนงง แต่เธอกลับไม่คิดว่าจะได้มาเจอรถของถังเฉี่ยนเฉี่ยนกลางทาง
เธอลงจากรถ แล้วก็มองไปที่ถังชีชีอย่างภาคภูมิใจ
“ขึ้นรถกลับบ้าน ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”
คำพูดเหล่านี้เหมือนกับคำพูดที่ใช้จับกุมผู้ต้องหาอย่างไรอย่างนั้น จึงทำให้ถังชีชีไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับพวกคุณ ฉันต้องไปมหาวิทยาลัย”
แม้ว่าเธอจะเป็นคนของตระกูลถัง แต่เธอก็ไม่ดีไปกว่าคนรับใช้ในตระกูลถังเลยสักนิด!