ในตอนนั้นที่ถังจิ่งผิงแต่งงานเข้ามา ด้วยความที่คุณตาเห็นว่าเขาจริงใจและมีความสามารถ จึงคอยสนับสนุนเขามาโดยตลอด ถึงขนาดที่ยอมให้แต่งงานกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา
แต่แล้วกลับไม่คาดคิดว่า คุณตาจะเสียชีวิต หลังจากนั้นเขาก็แสดงความทะเยอทะยานที่โฉดชั่วออกมา เขายึดทรัพย์สินของครอบครัวคุณตาและเปลี่ยนเป็นนามสกุลถัง แถมยังพาฉินหลัวที่เป็นชู้และถังเฉี่ยนเฉี่ยนที่เป็นลูกสาวนอกสมรสกลับเข้ามาอีกด้วย
ถังจิ่งผิงบังคับให้แม่หย่า ทำให้เเม่โกรธจนป่วยหนัก
ขณะที่แม่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ฉินหลัวได้พาน้องชายออกไปช้อปปิ้ง แต่น้องชายกลับหายไป
ฉินหลัวยืนกรานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า น้องชายของเธอหายตัวไปจริง ๆ แต่ใครจะเชื่อล่ะ
หลังจากนั้น น้องชายของเธอที่อายุน้อยกว่าเธอแค่สองปีก็หายตัวไปไม่มีใครพบอีกเลย!
แม่ใจสลายมาก จนต้องตัดสินใจหย่าในที่สุด ส่วนเธอก็ถูกยกให้อยู่กับแม่
เมื่อปีที่แล้ว แม่ป่วยระยะสุดท้าย พอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางรักษาแล้ว แม่ก็ไม่อยากเสียเงินค่ารักษาพยาบาลอีก แล้วก็ไปเจอตระกูลเฟิงเข้า
ในปีนั้นเธอบังเอิญไปช่วยคุณย่าของตระกูลเฟิงเอาไว้ คุณย่าจึงบอกว่า หากมีอะไรอยากให้ช่วยเหลือสามารถบอกเธอได้ตลอด
ซึ่งความปรารถนาเดียวของเธอก็คือ หลังจากที่เธอจากไปแล้ว ก็อยากให้ลูกสาวได้มีชีวิตที่ดี มีกินมีใช้ มีสุขภาพแข็งแรง
แม่ของเธออยากให้เฟิงเยี่ยนแต่งงานกับเธอ อยากให้เธอแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย แล้วก็ได้กลายเป็นคุณหญิงคุณนาย จะได้ไม่มีใครมารังแกเธอได้
ซึ่งตระกูลเฟิงก็ได้ทำตามที่สัญญาไว้ เธอได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลเฟิงหลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต
ส่วนตระกูลถังที่เพิกเฉยต่อเธอมาตลอดหลายปี แต่พอรู้ข่าวว่าเธอได้แต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลเฟิง พวกเขาก็รีบมาหาถึงที่บ้านทันที บอกว่าต้องการค่ารักษาพยาบาลแม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ตอนนั้นเธอยังเด็ก ส่วนเฟิงเยี่ยนก็ไปต่างประเทศอีก ไม่มีใครคอยหนุนหลังเธอ แล้วเธอก็ไม่กล้าไปหาคุณย่าด้วย เธอกลัวว่าคุณย่าจะรำคาญ แล้วก็ไล่เธอออกไป
ตระกูลถังได้นำของหมั้นทั้งหมดไป พอรู้ว่าเฟิงเยี่ยนไม่ได้สนใจเธออย่างจริงจัง พวกเขาก็คิดว่าเธอไม่มีประโยชน์อะไรให้หวังผลอีกแล้ว ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาจึงเพิกเฉยต่อเธอมาโดยตลอด
พอตอนนี้ได้มาพบกันอีกครั้ง เธอกลับรู้สึกไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับตระกูลถังอีกแล้ว
ตอนที่เธอกำลังจะเดินหนี แต่แล้วเธอกลับไม่คาดคิดว่า ถังเฉี่ยนเฉี่ยนจะจับเสื้อเธอเอาไว้แน่น เธอจึงรีบปกป้องท้องของเธอเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
พอถังเฉี่ยนเฉี่ยนเห็นแบบนั้น เธอก็เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา เธอรู้ทันทีว่า ถังชีชีกังวลเรื่องอะไร
ถังเฉี่ยนเฉี่ยนลากเธอเข้าไปในรถอย่างรุนแรง ถังชีชีพยายามปกป้องท้องของเธอเอาไว้ เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย
สุดท้าย เธอก็ถูกพาไปที่บ้านตระกูลถัง ซึ่งพอถังจิ่งผิงและฉินหลัวเห็นเธอ พวกเขาก็มีความสุขและโกรธในเวลาเดียวกัน
“ได้ยินมาว่าเธอหย่ากับเฟิงเยี่ยนแล้วงั้นเหรอ”
“เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณนะ”
เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา
มือทั้งสองข้างโอบอุ้มหน้าท้องเอาไว้ มองพวกเขาอย่างระแวดระวัง
“ชีชีต้องรู้สึกแย่แน่ ๆ เลย แม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังไงเธอก็คือลูกสาวของตระกูลถังนะ ต่อจากนี้ไปก็ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่สิ พวกเราจะได้ช่วยกันดูแลเธอไง”
“วันนี้เธอคงเหนื่อยมามากแล้ว ดื่มชาให้ชุ่มคอหน่อยดีกว่า ฉันให้คนไปทำความสะอาดห้องของเธอเอาไว้แล้วนะ ของทุกอย่างจัดตามที่เธอชอบเลย เดี๋ยวฉันพาขึ้นไปดูดีกว่าว่าเธอจะชอบหรือเปล่า”
ฉินหลัวพูดด้วยรอยยิ้ม เธอเป็นคนยกน้ำชามาให้ถังชีชีเองกับมือ แต่ถังชีชีกลับแสดงสีหน้าไม่ดีใส่เธอ
“คุณรู้ว่าฉันชอบหรือไม่ชอบอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ”
“ทำไมเธอถึงพูดกับแม่ฉันแบบนี้ล่ะ นี่พวกเราก็ไว้หน้าเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? เมื่อก่อนเธอเคยมีตระกูลเฟิงคอยสนับสนุน แล้วตอนนี้เธอจะเอาอะไรมาเย่อหยิ่งอีกงั้นเหรอ”
“ถังเฉี่ยนเฉี่ยน ทำไมพูดอะไรแบบนั้นล่ะ! เธอป็นน้องสาวของลูกนะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน! ”
“เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน พวกคุณก็อยู่ส่วนของพวกคุณ ฉันก็อยู่ส่วนฉัน เดี๋ยวฉันต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว ฉันไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณหรอกนะ”
พอพูดจบ เธอก็เตรียมจะลุกขึ้น แต่กลับไม่คิดว่าฉินหลัวจะรั้งเธอไว้ สีหน้าที่ดูดีเมื่อกี้นี้เปลี่ยนไปแล้ว เธอตบหน้าถังชีชีเข้าอย่างจัง
“อุตส่าห์ไว้หน้าแกแล้ว แต่แกกลับไม่ต้องการ แกคิดว่าแกเป็นใครมาจากไหนงั้นเหรอ แกไม่อยากดื่มชาที่ฉันเสิร์ฟให้ใช่ไหม งั้นก็ไม่ต้องดื่ม!”
ฉินหลัวเทน้ำชาแก้วนั้นลงบนใบหน้าของเธอโดยตรง แก้มของเธอร้อนผ่าวไปหมด เธอรู้สึกวิงเวียนหัว ราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา
ฉินหลัวไปหยิบสัญญาฉบับหนึ่งออกมา ด้านบนเขียนคำว่าการโอนทรัพย์สินเอาไว้
“เซ็นซะ ไม่งั้นฉันหักขาแกแน่!”