คนที่โทรศัพท์คือรุ่นพี่ของเธอ พวกเขาจบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ที่เดียวกัน แต่เขาเป็นรุ่นพี่ของเธอสองปี ไปศึกษาเพิ่มเติมต่อที่ต่างประเทศ ตอนนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในประเทศ
เขาดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ดังนั้นทั้งสองคนก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกัน
“อะไรคะ คุณพูดเลย ” เธอตอบรับออกมาอย่างรวดเร็ว
“มีเคสคนไข้คนหนึ่ง ฉันติดธุระปไม่ได้จริง ๆ เธอไปแทนฉันหน่อยสิ”
ซงยุ่นยุ่นมองดูเวลา วันนี้ไม่มีผู้ป่วยนอก ตอนบ่ายมีการผ่าตัดสองเคส ตอนเช้าพอมีเวลาอยู่ เธอจึงพูดขึ้น “ได้ค่ะ”
“ที่อยู่ 306 โซน A สวนกุหลาบ เธอบอกว่าเธอไปหาคุณฮั่ว เดี๋ยวคนเฝ้าประตูก็จะแจ้งให้ทราบเอง”
“ค่ะ”
“เรื่องนี้อย่าบอกใครนะ แล้วก็อย่าไปถามอะไรมากมายด้วย เธอรักษาให้เขาอย่างเดียวพอ” อีกฝ่ายสั่งกำชับ
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ซงยุ่นยุ่นตอบรับ แล้ววางสายลง ก่อนจะเรียกรถมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น
ที่นี่เป็นเขตชุมชนระดับสูง มีความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวสูงมาก
ยามเฝ้าประตูเข้ามาขวางเธอเอาไว้ เธอบอกว่ามาหาคุณฮั่ว ยามเฝ้าประตูโทรศัพท์ไปยืนยัน หลังจากที่ได้รับการยืนยันแล้วถึงได้ปล่อยเธอเข้าไป
เธอกดกริ่งประตูของหมายเลข 306
ไม่นานประตูก็เปิดออก
พอฮั่วซวินเห็นว่าคนที่มาไม่ใช่เซินจือเฉียน ก็ขมวดคิ้ว “คุณคือ...”
ในสายโทรศัพท์ของเซินจือเฉียน ซงยุ่นยุ่นรู้สึกได้ว่า คนไข้คนนี้ดูเหมือนจะมีความเป็นส่วนตัวสูง เธอเองก็ไม่อยากจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงใส่หน้ากากอนามัยเอาไว้
“หมอเซินเป็นคนส่งฉันมาค่ะ”
ฮั่วซวินมองกล่องปฐมพยาบาลในมือของเธอ “รู้ไหมว่าต้องทำยังไง?”
“รู้ค่ะ หมอเซินสั่งกำชับฉันไว้หมดแล้วค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรค่ะ”
ฮั่วซวินคิดว่าเซินจือเฉียนไม่น่าจะส่งคนมาสุ่มสี่สุ่มห้า ก็เลยปล่อยให้เธอเข้ามา
เขาพาซงยุ่นยุ่นเดินผ่านห้องโถงรับแขกที่กว้างใหญ่ มาถึงชั้นสอง ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ เธอพูดขึ้น “มืดขนาดนี้ ฉันจะรักษายังไงล่ะคะ”
พอเจียงเย่าจิ่งได้ยินเสียงผู้หญิง เขาก็คว้าเสื้อตัวนอกที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา คลุมเอาไว้ที่หน้าก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เปิดไฟ”
ฮั่วซวินเปิดไฟ
ภายในห้องสว่างขึ้นมาทันที
ซงยุ่นยุ่นได้ยินเสียงที่คุ้น ๆ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเห็นผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียง คราบเลือดบนเสื้อเชิ้ตสีขาวแห้งจนกลายเป็นสีแดงเข้มไปเรียบร้อยแล้ว
เธอไม่ได้มองสำรวจอะไรมากมาย เธอแค่มารักษาเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้คนรู้สถานภาพตัวตนของตัวเอง เธอเองก็ไม่ควรจะสอดรู้
เธอวางกล่องปฐมพยาบาลลงบนโต๊ะ ก่อนจะเปิดกล่องออก หยิบกรรไกรทางการแพทย์ออกมาตัดผ้าที่อยู่บริเวณแผล
ไม่นานเธอก็เห็นแผล ก่อนหน้านี้มีการใช้ผ้าพันแผลจัดการแผลอย่างง่าย ๆ หลังจากที่ตัดผ้าพันแผลออกแล้ว มีบาดแผลถูกแทงสองจุดตรงบริเวณช่วงท้องของซี่โครงด้านขวา
เธอวางกรรไกรลง ก่อนจะจัดการทำแผลอย่างช่ำชอง
การกระทำสงบนิ่ง และคล่องแคล่ว
“แพ้ยาชาไหมคะ” เธอถามขึ้น
เธอตรวจแล้วบาดแผลไม่ลึก อวัยวะภายในไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็จำเป็นต้องเย็บปิดแผล
จะต้องใช้ยาชาเฉพาะจุด
เสียงของเธอสงบนิ่งใจเย็นมาก ต่างจากน้ำเสียงตื่นตระหนกในเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นแม้ว่าจะได้ฟังเสียงของเธอแล้ว เจียงเย่าจิ่งก็ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
ภายในใจของเขายอมรับในทักษะทางการแพทย์ของเธอ คล่องแคล่วว่องไวมากพอ เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ไม่แพ้”
ซงยุ่นยุ่นผสมยา จากนั้นก็ฉีดยาชาลงไปบริเวณรอบจุดที่ต้องเย็บแผล
หลังจากผ่านไปสองนาทียาก็ออกฤทธิ์ เธอเริ่มทำการเย็บปิดบาดแผล
จัดการเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง
เรียกได้ว่าเร็วมาก
มือของเธอเปื้อนเลือด “ฉันต้องไปห้องน้ำค่ะ”
“อยู่ข้างล่าง คุณไปเถอะ” ฮั่วซวินตอบ
เธอเดินออกไป
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเธอลงไปชั้นล่าง ฮั่วซวินก็ปิดประตูเดินเข้ามา
“ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วครับ คนเมื่อวานเป็นคนที่มู่ฉินส่งมาครับ อาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำจัดหูตาที่เธอแอบแทรกซึมเข้ามาในบริษัทไปหมด เธอก็เลยจนตรอก คิดที่จะฆ่าคุณให้ตายซะ”
เจียงเย่าจิ่งลุกขึ้นมานั่งที่ขอบเตียง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไม่เป็นระเบียบ แต่ร่างกายที่ป่วยอ่อนแอแบบนี้ กลับแผ่รังสีออร่าที่ดุดันจนน่าตกใจออกมา
เขาเงยขึ้น ภายในตาดำมืด “ที่ผู้หญิงคนนั้นแต่งเข้ามา ก็เกี่ยวข้องกับเธอเหมือนกันใช่ไหม?”
ฮั่วซวินหยุดไป ก่อนจะพูดขึ้นมาเบา ๆ “ใช่ครับ ผมตรวจสอบเจอว่าเธอเคยมีปฏิสัมพันธ์กับซงลี่เฉิงมาก่อน เรื่องนี้มันมีลับลมคมในเหมือนกัน ซงลี่เฉิงบอกชื่อออกมาตรง ๆ ว่าต้องการให้คุณแต่งงาน แต่กลับไม่ใช่เจียงเย่าเทียน แค่คิดก็รู้แล้วว่า เธอจะต้องไปแอบทำอะไรลับหลังอย่างแน่นอน”
“เธอมอบของขวัญชิ้นใหญ่มาให้กับฉันตั้งหลายครั้งหลายคราขนาดนั้น ถ้าฉันไม่ตอบแทนเธอกลับไปบ้าง มันก็จะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อย” เขาแค่ออกไปทำธุระที่ต่างประเทศนิดหน่อย ก็มีคนฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่แอบทำเรื่องมากมายขนาดนี้
สีหน้าของเขาเฉยเมย แต่ไม่อาจระงับความเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัวที่แอบซ่อนอยู่ในตาได้ “ฉันได้ยินมาว่าเจียงเย่าเทียนทำสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เม่ย’ ที่ถนนแคฟเวิร์น”
ฮั่วซวินเข้าใจขึ้นมาได้ทันที “บริษัทไม่มีที่สำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว พวกเขาก็เลยต้องหารายได้จากสถาบันเทิงแห่งนั้น ถ้าเกิดว่ากำจัดทิ้ง ต่อไปพวกเขาจะต้องลำบากแน่”
“ไปจัดการซะ” เจียงเย่าจิ่งพูดออกมาเบา ๆ
ฮั่วซวินเดินลงมาชั้นล่าง ซงยุ่นยุ่นกำลังจะขึ้นไปชั้นบน
ฮั่วซวินรู้ว่าเซินจือเฉียนจะต้องสั่งมอบหมายเธอแล้ว เป็นคำสั่งแล้วก็เป็นคำเตือนเช่นกัน “เรื่องในวันนี้ ถ้าเกิดเปิดเผยออกไปล่ะก็ คุณจะต้องตายอย่างน่าอนาถ”
ถ้าเกิดเรื่องที่เจียงเย่าจิ่งได้รับบาดเจ็บได้ยินไปถึงหูของมู่ฉินกับเจียงเย่าเทียนสองแม่ลูกคู่นั้นล่ะก็ พวกเธอจะต้องฉวยโอกาสนี้ทำเรื่องอะไรเป็นแน่
“ฉันไม่พูด” ซงยุ่นยุ่นก้มหน้า “ฉันไปเอากล่องปฐมพยาบาลแล้วจะกลับ”
เธอขึ้นมาชั้นบนเห็นผู้ชายหันหลังให้กับประตู เขาถอดเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดที่ตัวของเขาทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว แผ่นหลังผอมบาง และกว้างใหญ่ เอวของเขาแคบมาก ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยสักนิด เชื่อมกับเส้นที่แน่นตรงบั้นท้าย ได้สัดส่วน และยืดตรง แอบให้ความรู้สึกที่ทรงพลัง
“ยังไม่รีบไปอีก” ชายคนนั้นไม่ได้หันหน้ามา ราวกับว่าสังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องมองของเธอ จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ซงยุ่นยุ่นรีบก้มหน้าลงทันที เมื่อตะกี้นี้เธอมองจนใจลอย