ระหว่างทางไปร้านอาหาร ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ และเฉินหลีซือก็ไม่ได้พูดอะไรเลยเช่นกัน หลังจากเป็นสามีภรรยากันมาสามปี สุดท้ายก็ต้องมาลงเอยแบบนี้จนได้
ตอนนี้ ฉันต้องเป็นเพื่อนสามีของตัวเอง เพื่อไปพบคู่หมั้นของเขา
รถมาจอดอยู่ที่ ร้านเรนโบว์ ดรีม เรียบร้อยแล้ว ที่นี่เป็นร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเมือง การันตีโดยดาวมิชลินสามดวง
“คุณเฉินหลีซือคะ คุณเหรินธารอคุณอยู่ที่ชั้นสองแล้วค่ะ” พนักงานต้อนรับทักทายกับเฉินหลีซืออย่างเป็นกันเองมาก ดูเหมือนว่าเฉินหลีซือเป็นแขกประจำของที่นี่นะ
ฉันเดินตามเฉินหลีซือเข้าไปในลิฟต์
“ถ้าเจอเหรินธาแล้ว ช่วยทำตัวให้ดูมีความสุขหน่อยนะ อย่าทำหน้าบูดบึ้งแบบนี้” เฉินหลีซือพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ฉันจะพยายามค่ะ” ฉันฝืนยิ้มออกไป
แล้วพวกเราก็เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวกัน
“ซือเจียเหลย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เหรินธายังดูเป็นสาวและสวยเหมือนเดิม ใบหน้าของเธอดูขาวและเรียบเนียน คงจะทำมาแพงมากเลยสินะ
เฉินหลีซือเคยบอกว่าเธออาจจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าสีหน้าเธอดูดีกว่าฉันซะอีกล่ะ
“ค่ะ ไม่ได้เจอกันมานานเลย” ฉันเผยรอยยิ้มออกมา
“เจ็ตแล็กหายแล้วหรือยังคะ? เมื่อคืนนอนสบายดีไหม?” รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูจริงใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าคนที่โทรมายั่วโมโหเมื่อคืนนั้นไม่ใช่เธอเลย
ฉันยิ้มและตอบกลับไปว่า “หลับสบายมากเลยล่ะ”
อาหารหลักวันนี้คือสเต็ก เฉินหลีซือกำลังหั่นสเต็กให้เหรินธาอยู่
เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นท่าทางที่เอาอกเอาใจแบบนี้ของเฉินหลีซือ
“เมื่อคืนนี้ฉันได้ยินเฉินหลีซือบอกว่า คุณมีคนที่ชอบอยู่แล้วงั้นเหรอ?”
“ใช่ เขาเป็นนักวาดภาพน่ะ” ทันใดนั้นในหัวของฉันก็นึกถึงชายคนหนึ่งขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
มีดและส้อมในมือของเฉินหลีซือสั่นเล็กน้อย ฉันเห็นมันกับตาเลย
“มีรูปมั้ยอ่ะ?”
ความอยากรู้อยากเห็นของเหรินธาทำให้ฉันไม่ได้ทันตั้งตัว ฉันเหลือบมองเฉินหลีซือเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้มองมาที่ฉันเลย
“ยังไม่ได้คบกันน่ะ ก็เลยไม่ได้เก็บรูปเขาอยู่ในโทรศัพท์ ฉันยิ้มเล็กน้อย ก้มหน้าลง แล้วก็หั่นสเต็กของตัวเองต่อไป
“แล้วในเฟสบุ๊คล่ะมีไหม?” เหรินธาก็ยังพยายามจะถามต่ออีก
“เดี๋ยวฉันลองหาก่อนนะ” หลังจากพูดจบ ฉันก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา พลางคิดไปด้วยว่าควรจะเอาเพื่อนร่วมชั้นคนไหนมาเป็นคนที่ฉันชอบตอนนี้ดี
ปิแอร์กับฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ ฉันจึงนึกถึงเขาขึ้นมาโดยสัญชาตญาณทันที
ฉันจึงทำการหารูปเขาที่อยู่หน้าหอไอเฟลมารูปหนึ่ง ปิแอร์มีผมที่ยาวสลวย พร้อมด้วยใบหน้าที่อ่อนเยาว์และหล่อเหลา ปิแอร์ที่เป็นช่างศิลป์มีนิสัยที่แตกต่างกับเฉินหลีซือโดยสิ้นเชิงเลย
ฉันยื่นโทรศัพท์ไปให้เหรินธา
“เป็นหนุ่มปารีสจริง ๆ ฉันดีใจกับคุณด้วยนะ! เฉินหลีซือ อันที่จริงผู้ชายที่ซือเจียเหลยชอบแตกต่างจากคุณอย่างสิ้นเชิงเลยนะเนี่ย!” หลังจากที่เหรินธาพูดจบ เธอก็โชว์รูปถ่ายไปตรงหน้าเฉินหลีซือ
เฉินหลีซือมองแค่แวบเดียว แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “เหมาะสมกันมาก”
“เขาจะมาอเมริกาไหมล่ะ?” เหรินธายื่นโทรศัพท์คืนมาให้ฉัน
“เขายังอยู่ที่ยุโรปอยู่เลย ต้องจัดนิทรรศการศิลปะในลียงน่ะ ในอนาคตก็คิดว่าจะมาอเมริกาค่ะ” ฉันเริ่มสร้างสตอรี่ขึ้นมา
“คุณรักเขาไหม?” เหรินธาถาม
ฉันสตั้นไปชั่วขณะหนึ่ง
“แน่นอนสิ” ฉันพยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากให้ดูมีพิรุธอะไร
“ดีจังเลยนะ! เฉินหลีซือ ดูเหมือนว่า เราคงไม่ต้องกังวลเรื่องซือเจียเหลยแล้วล่ะ เรามาอวยพรให้ซือเจียเหลยมีความสุขกันเถอะ” เมื่อเหรินธาพูดจบ เธอก็ยกแก้วขึ้นมา
เฉินหลีซือจึงต้องยกแก้วขึ้นตามเธอไปด้วย
“ซือเจียเหลย สัญญากับฉันนะว่า คุณจะต้องมีความสุข” เหรินธามองฉันด้วยใบหน้าที่ดูจริงใจสุด ๆ แต่ฉันรู้ว่า ภายใต้หน้ากากนี้ซ่อนใบหน้าที่น่าเกลียดเอาไว้
“แน่นอนค่ะ พวกคุณก็ด้วยนะ”
จากนั้นพวกเราก็ดื่มเครื่องดื่มจนหมดแก้วไป
มือของฉันสั่นเล็กน้อยตอนที่วางแก้วลง ทันใดนั้นฉันก็เกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉันหวังว่าจะทานอาหารมื้อนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แล้วก็ไม่ต้องการที่จะติดต่อกับผู้หญิงที่เสแสร้งคนนี้อีก
“ขอโทษนะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” ฉันหาข้ออ้างพูดขึ้นมา เพราะฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก
ตอนที่ฉันกลับมา เฉินหลีซือก็ลุกขึ้นยืนอยู่แล้ว เขากำลังประคองเหรินธา แล้วก็ช่วยเธอสวมเสื้อโค้ทกำมะหยี่ตัวหนึ่งอยู่
“เหรินธารู้สึกไม่ค่อยสบาย เดี๋ยวผมต้องไปส่งเธอกลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวผม——”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้”
ฉันมองเฉินหลีซือที่กำลังประคองเหรินธาเดินออกจากประตูหมุนของร้านอาหารไป ทันใดนั้นกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดทั้งหมดของฉันก็คลายตัวออกทันที