มุมมองของซือเจียเหลย:
หลังจากแยกทางกับเฉินหลีซือและเหรินธาที่ภัตตาคารสายรุ้งแล้ว อั้ยหลี่ฉือแม่ของเฉินหลีซือก็โทรมาบอกว่าจะมาหาพวกเรา ฉันเองก็ไม่ได้เจอพวกเธอมานานแล้ว โดยเฉพาะคุณย่าเคอหลิน ฉันชอบพายแอปเปิ้ลที่เธออบเองมากที่สุดเลย
พวกเธอเป็นคนดีมาก ๆ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฉินอยู่เสมอ ส่วนเรื่องที่ฉันกับเฉินหลีซือกำลังจะหย่ากัน จะต้องทำให้พวกเธอเสียใจมากแน่ ๆ
ฉันแสดงละครอยู่กับเฉินหลีซือเป็นครึ่งค่อนวัน แล้วสุดท้ายก็ส่งเคอหลินกับอั้ยหลี่ฉือกลับไป ช่วงเมื่อกี้นี้เป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวอย่างมาก คุณย่าเกือบจะรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเราอยู่แล้ว
ทันทีที่เฉินหลีซือกลับมา ฉันก็ต้องแสดงฉากสามีภรรยาที่รักกันมากกับเขา ออสการ์คงต้องพิจารณามอบรางวัลให้กับฉันแล้วล่ะมั้ง?
เมื่อนึกถึงท่าทางของชายคนนี้ตอนที่ถูกคุณย่าสั่งสอน ฉันก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณหัวเราะอะไร?”
“เปล่า ๆ —” ฉันพึมพำออกมา ฉันอยากจะหาที่ที่จะอยู่คนเดียว เพราะการได้อยู่ใกล้เฉินหลีซือ มันทำให้ฉันหายใจไม่ค่อยคล่องสักเท่าไหร่
“คุณจะไปไหนเหรอ?”
“ห้องครัว”
“ไปเปิดน้ำใส่อ่างไว้” เฉินหลีซือทำสีหน้าเย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ออกคำสั่งฉันขึ้นมา
“ได้”
ฉันขึ้นไปชั้นบนอย่างเชื่อฟัง แล้วก็เข้าห้องน้ำไป อ่างอาบน้ำเคลือบสีขาวขนาดใหญ่สำหรับสองคนอันนี้ ฉันยังไม่เคยใช้มาก่อนเลย ในหัวของฉันจึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากอันเซ็กซี่ตอนที่เฉินหลีซืออยู่ในอ่างอาบน้ำขึ้นมา
จนฉันต้องรีบหยุดคิดถึงภาพในหัวให้เอาไว้เพียงเท่านั้น ซือเจียเหลย นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
ฉันเปิดก๊อกน้ำ ปรับอุณหภูมิ แล้วก็รอให้น้ำเต็ม
ฉันนั่งอยู่บนขอบอ่าง คิดถึงงานราตรีในคืนวันพรุ่งนี้ เมื่อถึงเวลานั้น ฉันก็คงต้องจะไปกับเฉินหลีซือใช่ไหม? การจะได้เจอเคอหลิน อั้ยหลี่ฉือ แล้วก็เฉินวุยถิง มันทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขเสมอ เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนที่ฉันสนิทมาตั้งแต่เด็ก ๆ
ทันใดนั้น ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกซึ่งส่งเสียงดังมาก
ฉันที่หมุนหันไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เท้าเกิดลื่นโดยไม่ทันตั้งตัว
ตู้ม——
ฉันตกลงไปในอ่างอาบน้ำซึ่งมีน้ำร้อนอยู่ครึ่งอ่าง อ่างอาบน้ำใหญ่จนรู้สึกเหมือนตกลงไปในสระว่ายน้ำอย่างไรอย่างนั้นเลย
ฉันจึงพยายามดิ้นโดยสัญชาตญาณ แล้วทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่ามันคืออ่างอาบน้ำ ฉันจึงหยุดตะเกียกตะกายทันที
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เข้าสู่โหมดเงียบ มีเพียงแค่เสียงน้ำไหลจากก๊อกน้ำลงมาเท่านั้น
“ขอโทษ ขอโทษ—” ฉันรีบปีนออกมาจากอ่างอาบน้ำทันที ตัวของฉันเปียกโชกไปหมด
“ทำไมถึงต้องขอโทษด้วยล่ะ?” เฉินหลีซือขมวดคิ้วแน่นพลางมองมาที่ฉัน
ฉันเช็ดน้ำออกจากตัวเอง ตอนนี้ฉันดูเหมือนลิงตัวหนึ่งที่ตกลงไปในน้ำไม่มีผิดเลย โครงของเสื้อชั้นในทะลุผ่านเสื้อสีขาวออกมาทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ไหนจะกระโปรงสั้นของท่อนล่างที่แนบสนิทไปตัวของฉันอีก จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกไม่ได้ต่างอะไรจากตอนที่ตัวเองกับโป๊เปลือยอยู่เลย
เชี่ย ทำไมฉันถึงไปนั่งอยู่ขอบอ่างว่ะเนี่ย ถ้าฉันนั่งพื้นไปเลยก็คงไม่เกิดเรื่องบัดซบแบบนี้ขึ้นมาหรอก
“เดี๋ยวฉันเปลี่ยนน้ำให้ใหม่นะ” ฉันรีบปิดก๊อกน้ำ แล้วก็เปิดสวิตซ์เอาน้ำออกจากอ่างอาบน้ำทันที
“คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ”
เฉินหลีซือกระแอมออกมาครั้งหนึ่ง แล้วก็โยนผ้าเช็ดตัวให้ฉัน จากนั้นก็หันหลังไปทันที
ฉันจึงเอาผ้าเช็ดตัวห่อตัวเอาไว้ แล้วก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว กลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็หยิบผ้าสะอาดอีกผืนหนึ่งมา แล้วก็เข้าห้องน้ำไป
ตอนนี้เฉินหลีซือถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกเรียบร้อยแล้ว เขากำลังยืนหันข้างอยู่ มีความสะโพกผาย เอวคอด กล้ามเนื้อแน่น ไร้ร่องรอยของไขมันโดยสิ้นเชิง ฉันอยากจะหันหน้าหนีมาก แต่เหมือนดวงตาของฉันมันจะมีความคิดเป็นของตัวเอง สายตาของฉันมองลงไปข้างล่างโดยที่ฉันไม่รู้ตัว หน้าท้องสี่แพ็คด้านหนึ่งตรงท้องของเขาเปล่งประกายสีแทนของผิวขึ้นมา อีกทั้งเส้นวีเชฟของเขายังลากยาวเข้าไปในกางเกงของเขาอีกด้วย
ฉันที่มองอยู่เริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ แก้มเริ่มร้อนระอุขึ้นมา เฉินหลีซือกำลังจะถอดกางเกง แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักกึก แล้วก็หันมามองฉัน
เมื่อเขาหันมาทั้งตัว เวลานี้จึงทำให้เห็นหน้าท้องแปดแพ็คของเขา ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ บนหน้าอกของเขายังมีรอยแผลเป็นอีกด้วย ตาของฉันจับจ้องไปที่แผลเป็นนั้น
แผลเป็นนี้ได้มาได้ยังไง?
“อยากจะดูต่อไหม?” เสียงของเฉินหลีซือทำให้ฉันตกใจ แต่ฟังดูเหมือนกับวว่าเขาจะไม่ได้โกรธนะ
“อ๊ะ ขอโทษ” ฉันหลุดออกมาจากในภวังค์ทันที แล้วฉันก็โน้มตัวพร้อมกับก้มหน้าลงไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยื่นผ้าขนหนูไปให้เขาด้วยมือทั้งสองข้าง
หลังจากได้ยินเสียงขยับ ทันใดนั้นผ้าขนหนูในมือของฉันก็หายไป แต่ฉันกลับได้กางเกงกับเสื้อกลับมาแทน
ฉันออกจากห้องน้ำไปและใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นลงในเครื่องซักผ้า
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเฉินหลีซือก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งบนหน้าจอก็เป็นชื่อของเหรินธาเช่นเคย
ในใจของฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที เหรินธา ชื่อนี้ย้ำเตือนฉันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเฉินหลีซือไม่ใช่ของฉัน แต่เป็นของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินหลีซือก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปด้วย
ลุคนี้เขาดูเซ็กซี่สุด ๆ แต่ฉันต้องพยายามข่มใจตัวเองให้มองไปทางอื่น
“เมื่อกี้นี้เหรินธาโทรมาหาคุณน่ะ” ฉันเตือนเฉินหลีซือขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที แล้วก็ชำเลืองมองมาที่ฉันแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปที่ระเบียงเพื่อรับสาย มีเสียงแว่วเข้ามาในหูของฉันเป็นระยะ
“ไม่ต้องร้องนะ คุณดื่มน้ำสักหน่อยก่อน เดี๋ยวผมจะโทรหาคุณหมอเจินนี ให้เธอไปดูคุณนะ ตอนนี้คุณต้องพักผ่อนก่อน” ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยออกมา การแสดงที่แข็งขืนฝืนธรรมชาติของเหรินธาควรจะเก็บเอาไว้แค่ในหนังก็พอนะ ถึงกับต้องเอามาใช้ในชีวิตจริงด้วยเหรอเนี่ย?
เมื่อเฉินหลีซือวางสายไปแล้ว เขาก็เดินเข้ามา แล้วก็ไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีดำเข้มอีกครั้ง
ตอนนี้ ฉันไม่มีอารมณ์จะดูเขาแล้ว ทุกครั้งที่ฉันมองเขา หัวใจของฉันก็ต้องเจ็บปวดขึ้นมาทุกที
“ผมจะออกไปข้างนอกนะ ไม่ต้องรอผมแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรเร่งด่วนก็โทรหาผมได้” เฉินหลีซือพูดกับฉัน
“คุณเพิ่งจะดื่มเหล้าไป อย่าขับรถเองนะ” ฉันคิดว่าเขากำลังจะไปหาเหรินธาแน่ ๆ ฉันรู้สึกผิดหวังอยู่ในใจ แต่ฉันก็ยังพูดกำชับเขาออกไปตามสัญชาตญาณ
เฉินหลีซือชะงักไปครู่หนึ่ง
“เดี๋ยวผมโทรเรียกคนขับมา”
หลังจากพูดจบ เฉินหลีซือก็โทรศัพท์ออกไป หลังจากนั้นไม่นาน เสียงรถอีกคันก็ดังขึ้นนอกวิลล่า
มุมมองของเฉินหลีซือ:
ผมขึ้นรถมาแล้ว ตอนแรกผมคิดว่าอยากจะไปหาเหรินธา แต่ผมเห็นแววตาที่ดูผิดหวังและเศร้าหมองของซือเจียเหลยหลังจากที่ผมรับโทรศัพท์ จู่ ๆ ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ไปที่มินท์ บาร์” ผมออกคำสั่งพันตุ้น
ทางเหรินธา ผมได้ให้หมอไปดูแลแล้ว ถ้าผมไม่ไปก็ไม่เป็นไรหรอก
“ครับ คุณเฉิน”
ผมเดินเข้าไปในบาร์ตอนกลางคืน แสงสีเสียงครบมาก แสงไฟนีออนกระพริบไปมา
“เฉินหลีซือ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่านายต้องกลับมา!” เสิ่นผิงเซินเดินเข้ามาต่อยที่หน้าอกของผมหมัดหนึ่ง
“ไปให้พ้น!”
ต่งเว่ยเต๋อเทวิสกี้ให้ผมแก้วหนึ่ง ผมดื่มรวดเดียวจนหมด
“เฉินหลีซือ นายรู้ต้นตอของความหงุดหงิดใจนี้ของตัวเองไหม มันเป็นเพราะนายโลภเกินไปไง นายต้องการมากเกินไปในเวลาเดียวกัน ใจของนายมันมีทั้งสองคนไม่ได้เลย”
“เสิ่นผิงเซิน ช่วยหุบปากไปจะได้ไหม” ต่งเว่ยเต๋อผลักเสิ่นผิงเซิน
แล้วต่งเว่ยเต๋อก็โยนไม้คิวพูลให้ผมอันหนึ่ง
“มาเล่นกันสักเกมสิ”
“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” ผมรับไม้พลูมา
มองดูลูกบิลเลียดที่กลิ้งไปมาบนโต๊ะ ใจผมสงบลงแล้ว
“พูดตามตรงนะ เฉินหลีซือ นายไม่สนใจจริง ๆ เหรอที่มีคนมาตามจีบซือเจียเหลยน่ะ? ฉันหมายถึงหลังจากที่นายกับเธอหย่ากันอย่างเป็นทางการแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผมที่ถือไม้คิวพลูอยู่ ขยับเข้าไปใกล้เสิ่นผิงเซินทันที
“ไม่ ไม่ นายเข้าใจผิดแล้วล่ะ ที่ฉันพูด ไม่ได้หมายถึงตัวฉันเองสักหน่อย ฉันคิดกับซือเจียเหลยเป็นแค่น้องสาวของฉันเท่านั้นแหละ ฉันแค่กำลังคิดว่า ช่วงสามปีนี้ นายกับเหรินธาก็สนิทสนมกันมาก หวานชื่นกันทุกวัน แต่นายจะปล่อยให้ซือเจียเหลยอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เธอก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวด้วย”
ผมชี้ไม้คิวพลูไปที่ลูกอีกลูกหนึ่ง แต่มือของผมสั่น จึงทำให้พลาดลูกนั้นไป
“เราไม่ได้หวานชื่นอะไรกันสักหน่อย”
“ที่นายพูดหมายความว่า นายกับเหรินธายังไม่เคยนอนด้วยกันหรอกใช่ไหม?”
เหรินธาสุขภาพไม่ดีมาโดยตลอด ตอนที่อยู่กับเธอ เนื้อตัวเราไม่ได้สัมผัสกันจริง ๆ จัง ๆ สักครั้งเลย
“โอ้ว เพื่อน นายก็เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งเท่านั้นแหละ นายยังไม่ได้เหรินธาเลย” เสิ่นผิงเซินส่ายหน้า
เวลานี้ โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ยังคงเป็นเหรินธาเช่นเดิม แต่ผมไม่ได้รับสาย แล้วก็ปิดเครื่องไปเลย
แต่แล้วผมก็ย้อนนึกดูอีกที ซือเจียเหลยอยู่ในวิลล่าคนเดียว ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น เธออาจจะติดต่อผมไม่ได้
ผมจึงต้องเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง
“มีอะไรเหรอ? ทำไมนายถึงไม่รับสายเหรินธาล่ะ?” เสิ่นผิงเซินถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย”
“ไม่เอาสิ เพื่อน นายจะเทียวไปเทียวมาระหว่างผู้หญิงสองคนแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ มันไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงสองคนนี้เอาซะเลย ในเมื่อนายกำลังจะหย่ากับซือเจียเหลย นายก็ต้องทำดีกับเหรินธาให้มาก ๆ สิ”
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อผมได้ยินคำว่า ‘หย่ากับซือเจียเหลย’ มันถึงได้ทำให้ผมรู้สึกระคายเคืองหูอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันกับซือเจียเหลยยังไม่ได้ดำเนินการอะไรกันทั้งนั้น เรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่”