เมื่อลู่ชิงชิงได้ยินเช่นนี้ เธอก็รู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าลงมากลางใจอย่างไรอย่างนั้น
แต่เธอก็ทำได้เพียงปลอบเขาไปด้วยเสียงที่แหบพร่าว่า “ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวฉันจะโอนเงินไปให้นายห้าแสน นายให้ย่าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน ส่วนค่าผ่าตัดที่เหลือ เดี๋ยวฉันจะหาวิธีเอง”
หลังจากวางสายไปแล้ว ลู่ชิงชิงก็ตัดสินใจรูดเงินสดออกมาจากบัตรเครดิต หลังจากรูดบัตรเครดิตเสร็จก็โอนเงินให้น้องชายทันที
ย่าเลี้ยงดูเธอกับน้องชายมาเพียงลำพัง หลายปีมานี้ย่าต้องลำบากลำบนมามาก แล้วมาวันนี้ก็ยังมาตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งอีก ไม่ว่าอย่างไรยังไงเธอก็ต้องช่วยชีวิตย่าเอาไว้ให้ได้
แต่เธอจะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาได้อย่างไรล่ะ? ต่อให้เธอจะขายบ้านตอนนี้เลย แต่ก็ใช่ว่าจะขายได้ง่าย ๆ
หรือว่าไปหายืมเงินดี?
ลู่ชิงชิงเริ่มโทรหาทีละคน โดยเธอไปหายืมเงินจากเพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย
แม้จะได้มาคนละนิดคนละหน่อย แต่รวม ๆ แล้วก็ได้หลายแสน เพื่อนบางคนถึงขนาดไม่รับสาย
แล้วตอนที่เธอกำลังอับจนอยู่นี้ ในออนไลน์ก็มีโฆษณาประกาศหาคู่ดึงดูดความสนใจของเธอ
เนื้อหาของโฆษณาเรียบง่ายมาก
ผู้ชายคนนี้เป็นพนักงานบริษัท เขายินดีที่มอบสินสอดมูลค่าสองล้านห้าแสนให้ เพื่อตามหาวันรุ่นสาวสักคนมาเป็นคู่ชีวิต เงื่อนไขเดียวก็คือ ต้องดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวฝ่ายชายเป็นเวลาครึ่งปีก่อน
เมื่อลู่ชิงชิงเห็นคำว่า ‘สินสอดสองล้านห้าแสน’ เธอก็ใจสั่นทันที
เธอไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นการหลอกลวงรึเปล่า
เธอรีบโทรไปยังเบอร์ในโฆษณาอย่างรวดเร็ว
แต่ก็สายไม่ว่างตลอด ลู่ชิงชิงจึงร้อนใจอย่างมาก เธอกังวลว่าเงินสองล้านห้าแสนนี้จะมีคนอื่นได้ไปซะก่อน
ในที่สุดเธอก็โทรติดสักที
แต่อีกฝ่ายกลับเงียบไปพักหนึ่ง
ลู่ชิงชิงคิดว่าเธอคงจะเจอคนหลอกลวงเข้าแล้ว เธอจึงวางสายไป
เมื่อคุณปู่ตระกูลเซิงเห็นว่าหลานชายของเขาเงียบจนผู้หญิงในสายวางสายไป คุณปู่จึงโมโหจนใช้ไม้เท้าตีเขาอย่างแรง
แล้วเขาก็สั่งให้โทรกลับไปเดี๋ยวนี้
ลู่ชิงชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กดรับสาย
คราวนี้อีกฝ่ายพูดแล้ว
เป็นเสียงที่ทุ้มต่ำ และมีเสน่ห์มาก
“ขอโทษที เมื่อกี้สัญญาณไม่ค่อยดีน่ะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ”
“ผมขอบอกเรื่องราวของผมก่อนก็แล้วกันนะ ผมชื่อเซิงหมิงซี ปีนี้อายุยี่สิบแปดปี ผมทำงานด้านไอทีในบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง มีเงินเดือนเดือนละแสนห้า โดยยังไม่รวมเงินปันผลสิ้นปี มีบ้านหนึ่งหลัง มีรถสกู๊ตเตอร์หนึ่งคัน ไม่มีนิสัยหรืองานอดิเรกแย่ ๆ อะไร”
“สิ่งที่ต้องเน้นย้ำเลยก็คือ ผมมีปู่ที่ป่วยอยู่ และต้องดูแล ดังนั้นผมจึงต้องอยู่กับเขาเป็นเวลาหกเดือนหลังจากแต่งงานแล้ว อีกอย่างหนึ่งผมอยากให้คุณเป็นแม่บ้าน ผมจะให้คุณเป็นคนคอยดูแลเงินเดือนทั้งหมดของผม แล้วก็แน่นอนว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะทำงานได้ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าห้ามกระทบต่อการดูแลผู้สูงอายุเด็ดขาด”
“ทั้งหมดนี้คุณทำได้ไหม?”
ลู่ชิงชิงเงียบไปสักพัก นอกจากเรื่องที่เธอต้องลาออกจากงานมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่ทำให้ลู่ชิงชิงรู้สึกค่อนข้างลำบากใจแล้ว เงื่อนไขอื่น ๆ ถือว่าไม่เลวเลยล่ะ
แต่เขาก็ไม่ได้ยืนกรานเลยว่าเธอจะต้องเป็นแม่แบ้านอย่างเดียว ซึ่งพอคำนึงถึงหลาย ๆ ด้านแล้วเธอก็รู้สึกว่าค่อนข้างยากพอตัวเลย
จากมุมมองนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายคนนี้ค่อนข้างที่จะเป็นคนมีเหตุมีผล
ลู่ชิงชิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ตอบตกลงเงื่อนไขของเขาไป
“นอกจากเงินสินสอดสองล้านห้าแสนแล้ว คุณยังมีความต้องการอื่นอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วค่ะ” ลู่ชิงชิงตอบไปตรง ๆ
หรือบางทีมันอาจจะตรงจนเกินไป เซิงหมิงซีจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา “ไม่มีจริง ๆ เหรอ? เช่น การเพิ่มชื่อคุณเข้าไปในโฉนดบ้าน หรือว่า.....”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ทรัพย์สินก่อนแต่งงานก็ยังคงเป็นของแต่ละฝ่ายเช่นเดิม”
อีกฝ่ายเงียบไปอีกครั้ง
ตอนที่ลู่ชิงชิงคิดว่าสัญญาณของอีกฝ่ายคงจะหายไปอีกครั้ง เสียงที่เคร่งขรึมของเซิงหมิงซีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้า คุณนำสมุดทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนมาเจอผมที่ประตูสำนักทะเบียน” หลังจากพูดจบ เขาก็วางสายไปเลย
นี่จะจดทะเบียนสมรสแล้วเหรอ?
ลู่ชิงชิงยังไม่ทันจะได้ถามเลยว่าเงินสองล้านห้าแสนนั้นเขาจะให้เมื่อไหร่
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ชิงชิงก็ออกไปข้างนอกทั้งที่มีรอยคล้ำใต้ตาขนาดใหญ่
เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะน้องชายโทรมาอีกครั้งบอกว่าค่าผ่าตัดของคุณย่าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องการห้าล้าน
เธอจึงนอนกลุ้มใจเกือบทั้งคืน
แถมเธอยังตั้งใจไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คด้วยว่าน้องชายของเธอถูกโกงรึเปล่า แต่เมื่อเห็นหนังสือแจ้งเรื่องการผ่าตัดแล้ว เธอก็เชื่อทุกอย่าง
ตอนเก้าโมงเช้า ลู่ชิงชิงก็มาถึงประตูสำนักทะเบียน
เป็นเพราะเป็นช่วงหลังวันหยุด ที่ประตูของสำนักทะเบียนจึงมีคนมาจำนวนมาก มีทั้งคนที่มาจดทะเบียนสมรส และมาหย่า
แต่ทว่าลู่ชิงชิงกลับมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งจากฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ชุดสูทถูกรีดมาเนียบมาก เขาสูงยาวเข่าดี และหน้าตาหล่อเหลาสุด ๆ เสื้อเชิ้ตที่อยู่ข้างในแหวกคอเสื้อเอาไว้เล็กน้อย เผยให้เห็นถึงลูกเดือกของเขา บนตัวของผู้ชายคนนี้ นอกเหนือจากนาฬิกาแล้ว เขาก็ไม่ได้ใส่เครื่องประดับอะไรอีกเลย รูปลักษณ์โดยรวมดูเรียบง่าย สะอาดตา
ผมหน้าม้าบาง ๆ บนหน้าผากของเขาโค้งงอเล็กน้อย เมื่อแสงยามเช้าสาดส่องลงมาจึงเกิดเป็นสีเหลืองอำพัน ขนตาที่ยาวและหนาของเขาปิดดวงตาลงมาครึ่งหนึ่ง ซ่อนอารมณ์ทั้งหมดในแววตาของเขาเอาไว้
ขณะที่ลู่ชิงชิงกำลังถือรูปถ่าย และมองไปที่ชายคนนั้นที่ทั้งดูดีกว่า และสง่างามกว่าในรูปถ่าย จนเธอไม่มั่นใจว่าจะใช่คนที่แต่งงานฟ้าแลบกับเธอรึเปล่า ผู้ชายคนนั้นก็เดินมาหาเธอ
หลังจากที่ทั้งสองทักทายกันตามมารยาทแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปในสำนักทะเบียนด้วยกัน
เมื่อเซิงหมิงซีได้คิวแล้ว ทั้งสองไปไปนั่งรอที่เก้าอี้
หลู่ชิงชิงลังเลอยู่นาน แต่แล้วสุดท้ายเธอก็พูดขึ้นมาว่า:“คุณเซิง ขอโทษนะคะ ก่อนที่ฉันจะจดทะเบียบสมรสกัน ฉันอยากจะพูดอะไรสักนิดก่อนได้ไหมคะ?”
เซิงหมิงซีพยักหน้า “คุณพูดมาสิ”
“ฉันคิดว่านอกเหนือจากสินสอดสองล้านห้าแสนแล้ว ฉันอยากจะขอยืมเงินคุณอีกสองล้านห้าแสนได้ไหมคะ?”
เซิงหมิงซีหันหน้ามา สีหน้าของเขาดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ในหัวสมองนึกถึงสถานการณ์ตอนที่คุณปู่กำลังคัดกรองข้อมูลเมื่อวานนี้
“ผู้หญิงคนนี้เคยเรียนพยาบาล มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ค่อนข้างเรียบง่าย หน้าตาดี ดูสดใสน่าอยู่ด้วย ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว เธอน่าจะเป็นคนซื่อ......”
ซื่องั้นเหรอ เหอะ~
ลู่ชิงชิงรีบอธิบายขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “เงินนี้แค่ยืมเฉย ๆ นะคะ ฉันยินดีที่จะเขียนสัญญาการยืมได้ ฉันจ่ายคืนให้คุณเมื่อฉันขายบ้านได้แล้ว แต่หากไม่ได้จริง ๆ ฉันสามารถที่จะให้ดอกเบี้ยคุณได้นะคะ”
“ทำไมเมื่อวานไม่พูดเรื่องนี้ทางโทรศัพท์?” เซิงหมิงซีรู้สึกว่าเขาถูกหลอก เขาจึงลุกขึ้น และเดินออกไปข้างนอกทันที
ที่ประตูทางเข้า เซิงหมิงซีกำลังรับสายของคุณปู่
“ได้ทะเบียนสมรสมารึยัง?”
เวลานี้ลู่ชิงชิงก็ตามเขาออกมาติด ๆ เธอเอาสัญญาการยืมที่เขียนเสร็จแล้วให้เซิง หมิงซีดู โดยบอกว่าเธอมีปัญหาจริง ๆ เธอไม่ได้เป็นคนหลอกลวงอย่างแน่นอน
เมื่อฟังเสียงที่คาดหวังของปู่แล้ว ในที่สุดเซิงหมิงซีก็ยอม
อาการเจ็บป่วยของปู่ไม่มีทางรักษาได้ ดังนั้นเขาจึงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหกเดือน แล้วความปรารถนาเดียวของปู่ก่อนที่จะเสียชีวิตก็คือ อยากเห็นเขาแต่งงานและมีลูก.....
เมื่อเขาวางสายไปแล้ว เขาก็มองไปที่ลู่ชิงชิงอย่างจริงจัง และพูดขึ้นว่า:“ประการแรกเงินจำนวนนี้ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ ผมรับปากว่าผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรวบรวมมาให้คุณ ประการที่สองเมื่อคุณมีเงินแล้ว คุณต้องรีบคืนเงินให้เร็วที่สุด ประการที่สามผมหวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีก”
“ฉันสัญญาว่าฉันจะคืนให้คุณทันทีหลังจากที่ฉันขายบ้านได้แล้ว แล้วต่อไปฉันก็จะไม่ยืมเงินจากคุณอีก”
เซิงหมิงซีไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในสำนักทะเบียนทันที
ในไม่ช้าก็ถึงคิวของลู่ชิงชิง และเซิงหมิงซีที่ต้องทำตามขั้นตอน ซึ่งตลอดเวลาเซิงหมิงซีจะคอยส่งข้อความอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเขายุ่งอยู่กับอะไร
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว เซิงหมิงซีก็บอกว่าเขาจะกลับไปที่บริษัท แล้วก็บอกให้ลู่ชิงชิงกลับไปเก็บของก่อน พรุ่งนี้เย็นเธอจะต้องย้ายไปอยู่บ้านของเขา
แล้วจากนั้นเซิงหมิงซีก็ขึ้นแท็กซี่ และออกไปเลย
ลู่ชิงชิงรู้สึกว่าเธอทำเกินไปหน่อยรึเปล่า เธอได้สินสอดมาสองล้านห้าแสนแล้ว แต่ก็ยังจะไปยืมเงินเขาอีกสองล้านห้าแสนอีก
แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วเหมือนกัน
เซิงหมิงซีนั่งแท็กซี่ไปจนรถเลี้ยวเข้าไปแยกหนึ่งแล้วก็ลงจากรถ จากนั้นก็เดินไปที่รถเบนท์ลีย์สีดำที่อยู่ข้างถนน
ขณะที่เดินเขาก็กดโทรออกไปด้วย เขาสั่งให้พ่อบ้านถอดเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งที่มีค่าทั้งหมดออกจากบ้านคุณปู่ทันที แล้วก็ให้แทนที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดแทน
จากนั้นก็ซื้อสกู๊ตเตอร์เคลื่อนที่มือสองมูลค่าประมาณห้าแสนมาให้เขาคันหนึ่งด้วย
พอเข้ามานั่งอยู่ในรถแล้ว เขาก็ถอดนาฬิกาเพชรมูลค่ากว่าห้าสิบล้านบนข้อมือออก
หลังจากเช็คดูรอบหนึ่งแล้ว บนตัวของเขานอกจากชุดสูท และมือถือแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีของแพง ๆ แล้ว
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ลู่ชิงชิงไม่รู้เลยว่าตัวเองเพิ่งจะจดทะเบียนกับมหาเศรษฐีไป
เธอไปหาเอเจนซี่เพื่อลงประกาศขายบ้านทางออนไลน์ แล้วก็รีบไปที่บริษัททันที
ซึ่งทันทีที่เธอเข้าไปในบริษัท เธอก็เห็นว่าฉินฮันเยว่กำลังนินทาเธออยู่ที่แผนกต้อนรับของบริษัท