หลังจากที่ทั้งสองสืบเสาะว่าเป็นผู้ใดแอบขึ้นบนหลังคาเพื่อตามสืบข่าวของชุนหวงหรือไม่ แต่กลับไร้วี่แววว่าจะเป็นผู้ใดกันแน่ คนทั้งคู่กลับมาจัดการแต่งตัวให้นายน้อยชุนหวงให้เรียบร้อยเสียใหม่ ดูเหมือนว่าสีขาวจะกลายเป็นสีประจำตัวของเขาไปเสียแล้ว เลยพลอยทำให้ผู้ติดตามทั้งหลี่เจี๋ยและไน่ยไน่ยต้องใส่สีขาวตามไปด้วยเพียงแต่เนื้อผ้าแตกต่างกันเท่านั้นเอง
"พู่ขอรับ"ชุนหวงรับพู่หยกมาห้อยข้างเอวด้วยท่าทีปรกติ สีหน้าหม่นหมองเขาอยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นที่ประจักษ์แน่ชัดว่าตนเองอยู่ในฐานะใด มิใช่บุตรแต่ก็มิใช่คนที่มาทำงานในหอนี้เขาฐานะของเขาจึงดูเหมือนดีแต่ก็ไม่ดี หากเขาได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ผู้ทรงความรู้ ทั้งศิลปะและดนตรีทั้งยังได้ศึกษาตำราเรียนต่างๆ มากมาย หน้าที่ประจำของเขาคือการขับกล่อมบรรเลงเพลงฉินให้ผู้คนที่เข้ามาฟังและคุยกับบรรดาคุณชายทั้งหลายเกี่ยวกับบทกวี เรื่องที่เขาพอใจ ในการดำรงชีวิตอยู่ที่นี้คือคนที่เลี้ยงดูเขาไม่เคยบังคับทางตรงให้ออกมาขับกล่อมดนตรีหรือต้อนรับแขกเหมือนชายคณิกา หอจันทร์ส่องนี้มีทั้งคณิกาหญิงชายและยังมีอี้จีที่มีชื่อเสียงโด่งดังขจรไกลถึงต่างเมือง โดยเฉพาะเขา เพียงแค่คิดเท่านั้นชุนหวงก็อดทอดถอนใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ดูคล้ายครึ่งผีครึ่งคนจะดีก็มิใช่จะเลวร้ายก็มิเชิงได้แต่คาบลูกคาบดอกอยู่เช่นนี้
"ได้ตัวคนหรือไม่"เขาเอ่ยถามหลี่เจี๋ย
"ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดนายน้อยโปรดระวังด้วยนะขอรับ"หลี่เจี๋ยเอ่ยปาก
"ข้ามีเจ้าสองคนยังต้องระวังตัวอีกหรือ คนที่มาสอนวรยุทธให้พวกเจ้าใช่น้อยหน้าใครที่ไหนกัน วิชาออกจะแก่กล้าปานนั้น"
"แต่เรายังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่นะเจ้าคะ ระวังตัวไว้บ้างก็ดี"ไน่ยไน่ยหยิบเสื้อคลุมสีขาวขอบประดับขนกระต่ายสีเดียวกันคลุมไหล่ให้ จริงอยู่ช่วงนี้คือฤดูใบไม้ผลิอากาศไม่ได้หนาวเย็นแต่เป็นเพราะความเคยชินเสียมากกว่า
"ข้าจะลงไปข้างล่างวันนี้มีงานชีซีข้าอยากเห็นโคมไฟ"บรรดาโคมไฟงดงามต่างประดับประดาเต็มท้องถนน หญิงสาวต่างถือโคมออกมาเพื่อเซ่นไหว้เทพธิดา "จือหนี่ว์" เทพแห่งการเย็บปักถักร้อย และยังเป็นการแสดงออกถึงความรักของหนุ่มสาว ในตำนานก็คือหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าที่มาเจอกันบนทางช้างเผือกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามจากชนชั้นสูงหรือชาวบ้านต่างแต่งกายงดงามน่าดูชมยิ่งอีกทั้งโคมไฟประดับประดาตามถนนก็งดงามราวกับแดนฝัน
"มันอันตรายนายน้อยอย่าออกไปเลยเจ้าค่ะ"ไน่ยไน่ยทำหน้าหนักใจชุนหวงบ่ายตัวเองหันไปมอง หลี่เจี๋ยด้วยสายตาออดอ้อนริมฝีปากแดงฉ่ำเม้มน้อยๆ คล้ายกำลังจะร้องไห้ด้วยรู้ดีว่าคนผู้นี้มักตามใจเขาเสมอมิกล้าขัดใจ แค่เห็นเขาปากคว่ำก็รีบเอาอกเอาใจแล้ว
"ช่างเถอะ ไน่ยไน่ยให้นายน้อยออกไปชมความงดงามของโคมประดับเถอะ เราสองคนอยู่ด้วยไม่น่าจะมีปัญหาใด"หลี่เจี๋ยยอมแพ้ต่อสายตาคล้ายเด็กทารกอ้อนขอถังหูลู่เช่นใดเช่นนั้น ไน่ยไน่ยได้แต่ค้อนควักมิกล้าขัดกับความเออออของหลี่เจี๋ย
"ก็เป็นเช่นนี้ เพราะมีคนคอยตามใจแบบนี้ นายน้อยเลยมิตระหนักถึงภยันตราย"ไน่ยไน่ยอดบ่นไม่ได้ หลี่เจี๋ยยิ้มน้อยๆ เขาต้องกลายเป็นคนใบ้ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก ร่างสูงใหญ่ร่างกายกำยำเกิดจากการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเป็นคนคุ้มกันให้กับชุนหวง ใบหน้าคมคายทำให้รู้ว่าหาใช่ชาวฉางอันแต่กำเนิด ไม่ต่างกับไน่ยไน่ยที่ร่างกายบอกบางอ้อนแอ้นดวงหน้าถือว่างดงามสะดุดตาไม่น้อยเรียกได้ว่าทั้งนายบ่าวชายหญิงล้วนสะดุดตาผู้คน ไน่ยไน่ยถูกคัดตัวมาตั้งแต่วัยเยาว์ทั้งถูกกรำฝึกฝนและถูกสอนสั่งให้เป็นคนดูแลชุนหวงอีกทางหนึ่งเรื่องความซื่อสัตย์ของทั้งคู่มิต้องเอ่ยถึงเรียกได้ว่าหากเกิดเรื่องถึงนายตนต้องผ่านสองคนนี้ไปเสียก่อน
"เช่นนั้นพวกเราจะช้าอยู่ใยไปกันเถอะ"ชุนหวงกล่าวอย่างร่าเริง รีบก้าวเท้าออกจากห้องทางด้านหลังของหอจันทร์ส่อง ซึ่งย่อมมีทางออกอีกทางเพื่อมิให้ปะปนกับแขกเหลื่อที่มาดื่มกินในหอนี้ ทั้งสามรุดออกไปยังท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนหนึ่งหญิงหนึ่งชายทั้งคู่ต่างสอดส่ายสายตาระแวดระวังภัยให้คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า คนที่ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเลยสักนิดและไม่ตระหนักถึงภัยที่คืบคลานเข้ามาหาตัวเองด้วยซ้ำ
"ถังหูลู่! พวกเจ้าเอาหรือไม่"ชุนหวงออกมาด้านนอกได้นับครั้ง บัดนี้เขาอายุสิบเจ็ดปีย่อมมีอิสระมากขึ้น ถึงแม้ว่าฉีเฮ่อจะไม่อยากให้ออกมาแต่ขัดหลี่เจี๋ยกับไน่ยไน่ยไม่ได้ ทั้งยังมีจดหมายลึกลับส่งมาว่าห้ามกักขังชุนหวงอีกต่อไป สองคนส่ายหน้าชุนหวงจึงเลือกสั่งให้ตัวเองหนึ่งไม้เดินชมโคมไปกินไปตามทาง เพราะผู้คนหนาแน่นทั้งยังมีเด็กน้อยวิ่งไล่กันไปมา ความที่ไม่ทันระวังมีชายหนุ่มท่าทางเมาเดินสะเปะสะปะมาชนเข้ากับชุนหวงจนเซ สองคนจึงปรี่ไปรั้งตัวเอาไว้สีหน้าของหลี่เจี๋ยร้อนรนไน่ยไน่ยเองก็ไม่แตกต่าง ร่างบางในชุดขาวจึงถูกบังจนมิดด้วยคนร่างสูงกับหญิงสาวใบหน้าจัดว่าดีอีกผู้หนึ่ง
"นายน้อยชุนหวงเจ็บหรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่เป็นไรแค่คนเมาปล่อยไปเถอะน่า"ชุนหวงส่งเสียง ไน่ยไน่ยจึงจำต้องปล่อยไปตามคำสั่ง ขณะที่กำลังเพลิดเพลินจู่ๆ ร่างบางก็ซวดเซไปกระแทกเข้ากับแผงขายเครื่องประดับและทรุดตัวลงโดยไม่รู้สาเหตุ ยังโชคดีที่หลี่เจี๋ยปราดเข้าไปประคองร่างเอาไว้ได้ทันท่วงที
"นายน้อย!! "ไน่ยไน่ยอุทานด้วยความตกใจ หลี่เจี่ยคว้าร่างบางขึ้นในอ้อมแขนทันควันมิยอมให้เสียเวลาแม้แต่นิด
"เร็วรีบพานายน้อยกลับหอ"หลี่เจี๋ยกัดฟันพูด ทั้งคู่ใช้กำลังภายในรุดไปที่หออย่างรวดเร็ว ใบหน้างดงามซีดเผือดจนเริ่มเขียวปากได้รูปปรากฏสีม่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาดูเลื่อนลอยไม่ได้สติ
"นายน้อยโดนพิษจากที่ใดกัน เร็วเข้าหาว่าอยู่ตรงไหน"ไน่ยไน่ยรีบถอดเสื้อผ้าของชุนหวงออกเหลือแต่เสื้อกลางชั้นในสีขาว ฝ่ามือหยาบกร้านจากการทำงานและจับกระบี่ลูบไปทั่วตัวตั้งแต่หลังกกหูแผ่นแผ่นหลังแขนขาเพื่อสำรวจว่าโดนพิษตรงส่วนไหนของร่างกาย
"ข้าจะส่งจดหมายเจ้ารีบหาร่องรอยเร็วเข้า"หลี่เจี๋ยโผล่ไปตรงระเบียงนกพิราบสีขาวที่เกาะขอบอยู่ถูกจับมาใส่กระดาษเล็กๆ สีขาวจากนั้นถูกปล่อยตัวให้บินไปในอากาศหายไปในพริบตา
"หลี่เจี๋ยท่านดูนี่"เสียงไน่ยไน่ยร้องเรียกด้านในเขาจึงรีบเข้าไปดูตรงลำคอขาวผ่องของชุนหลีปรากฏรอยแดงเป็นจุดเล็กๆ เลือดที่ซึมออกมาเล็กน้อยกลายเป็นสีดำเขารีบคว้าข้อมือบางขึ้นมาจับชีพจร จังหวะการเต้นเริ่มแผ่วลงไปเรื่อยๆ จนเกือบจะราบเรียบ
"แย่แล้วนายน้อยถูกเข็มพิษของตำหนักมู่ชิง"
"เป็นไปได้อย่างไรกัน การคุ้มกันพวกเราใช่จะบกพร่อง"ไน่ยไน่ยกัดปากยังไม่ทันถึงครึ่งเค่อ ก็มีชายฉกรรจ์สวมชุดดำปกปิดหน้าตาลอยเข้ามาในห้องด้วยท่าทีร้อนรนถึงสามคนหนึ่งในนั้นปราดเข้าไปหยุดที่ตั่งนอนทันทีโดยไม่ได้กล่าวคำใด
"ถอยออกมา"เสียงหนึ่งออกคำสั่งอีกหนึ่งทรุดตัวลงคุกเข่าข้างเตียงรีบจับชีพจรของชุนหวงนิ่งฟังจังหวะของการเต้นแววตาที่อยู่ภายใต้ผ้าสีดำดูวิตกกังวลยิ่งนัก
"พิษเหมันต์! ผู้ใดโดนเข้าจะค่อยๆ หนาวเหน็บจากภายใน เส้นเลือดจะจับตัวกันเป็นน้ำแข็งจนตาย"ผู้ที่คุกเข่ารายงาน
"ยาถอดพิษเล่า"ชายชุดดำที่ยืนอยู่อีกผู้หนึ่งร้อนรนถามไถ่
"ไม่มี เราทำได้แค่สกัดพิษไว้ก่อนแล้วให้คนไปเอามา"
"ช้าอยู่ไยรีบสิ"คนชุดดำทั้งคู่ร้อนรน ดูท่าคนที่คุกเข่าจะเป็นหมอรีบลุกขึ้นดันหลังของชุนหวงให้ลุกนั่ง สองมือทาบกับแผ่นหลังขาวนวลสกัดจุดส่งปราณภายในของตนเองให้แก่ชุนหวง ใช้เวลาเพียงไม่นานสีหน้าของชุนหวงเริ่มมีสีซับเลือดขึ้นแต่ยังไร้สติใบหน้าซีดเผือดไร้สี
"รีบไปเอายาแก้พิษมาเถอะอาการนายน้อยยังทรงตัว โชคดีที่เรารู้ไวมิเช่นนั้นอาจจะช้าเกินไป"คนที่สกัดจุดเอ่ยปาก
"ได้"คนที่ยืนออกคำสั่งปราดออกหน้าต่างไปอย่างรวดเร็วกลืนหายไปกับความมืดยามราตรี
"เกิดขึ้นได้ยังไง รายงาน! "ชายชุดดำที่ค่อยประคองชุนหวงลงนอนราบหันมาถามทันที
"ขออภัยพวกเราทำงานผิดพลาดเจ้าค่ะ"ไน่ยไน่ยคุกเข่าสองมือประสานกันเหนืออก หลี่เจี๋ยเองก็ทำเช่นเดียวกันทั้งคู่ก้มหน้านิ่งยอมรับการลงโทษแต่โดยดี
"ข้าว่าคนเมาที่ชนนายน้อยแน่ๆ "หลี่เจี๋ยออกความคิด
"เป็นพวกมัน"ไน่ยไน่ยสำทับ
"นายน้อยใกล้จะยี่สิบแล้ว อีกแค่สามปีจงระมัดระวัง หากนายน้อยเป็นอะไรขึ้นมาสำนักลี่ไป๋จะไร้ผู้นำ"
"เจ้าค่ะ//ขอรับ"สองคนรับปากดวงหน้าเคร่งขรึมไม่ต่างกัน ต่างชะเง้อมองคนที่นอนนิ่งบนเตียงด้วยความวิตก หนึ่งชั่วยามต่อมาชายชุดดำกลับมาพร้อมกับขวดหยกสีขาวขนาดเล็ก ส่งให้กับคนที่ยืนเอามือไพล่หลังยืนรอผลด้วยความอดทน
"หัวหน้าตงยาถอนพิษขอรับ"
"อืม"รับคำแล้วเดินกลับไปหาร่างบางเทยาเม็ดสีน้ำตาลใส่ปากชุนหวง ครั้งแรกที่ป้อนร่างบางไม่สามารถกลืนยาลงคอได้ร้อนถึงคนป้อนคือหัวหน้าตงต้องคลึงลำคอเบาๆ เพื่อให้เม็ดยาไหลลงคอ
"เอาล่ะอีกสองชั่วยามอาการนายน้อยก็จะค่อยๆ ดีขึ้น อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกเข้าใจหรือไม่"
"เจ้าค่ะ//ขอรับ"คนทั้งคู่ประสานคือคารวะ สามคนชุดดำรีบพุ่งปราดออกนอกหน้าต่างหายไปราวกับสายลม ไน่ยไน่ยพุ่งตัวเข้าไปหาชุนหวงที่ยังหลับตานิ่ง บัดนี้ใบหน้าเริ่มกลับมามีสีดังเดิมลมหายใจไม่สะดุดอีกแล้ว
"หลี่เจี๋ย"
"หืม"
"ทำไมไม่พานายน้อยกลับสำนักเลยล่ะ"
"อันตรายเกินไป"
"แต่นายน้อยไร้ซึ่งวรยุทธเหล่าหัวหน้าจะยินยอมหรือ"
"นายน้อยจะได้เรียนวรยุทธก็ต้องอายุยี่สิบ เคล็ดวิชาประจำสำนักห้ามมิให้ผู้รับตำแหน่งรู้วิชาพื้นฐานมาก่อน จิตจะต้องสัมพันธ์กับเคล็ดวิชาเหล่าผู้อาวุโสจะเป็นผู้ถ่ายทอดเองเท่านั้น"หลี่เจี๋ยตอบข้อสงสัย
"อีกสามปีไอ้พวกต้องการล้มล้างอำนาจยังไม่เลิกตามรังควานพวกเราอีก ผ่านมาถึงสิบเจ็ดปีแล้วแท้ๆ "ไน่ยไน่ยทุบเตียงแรงๆ ทีหนึ่งด้วยความคับแค้น
"หึ! ฝั่งของปาถงอยากขึ้นเป็นใหญ่ สำนักลี่ไป๋ยิ่งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหรือคนโลภจะไม่หวังช่วงชิง"หลี่เจี๋ยเยาะยิ้มมุมปาก
"ช่างเถอะๆ เราดูแลนายน้อยดีกว่า"บทสนทนาทำให้คนที่แนบหูกับประตูทำหน้าฉงน จากนั้นก็ต้องรีบกระโดดขึ้นบนหลังคาจากแรงสะกิดของอีกคนที่อยู่ด้านหลัง สองคนใช้กำลังภายในกระโดดหนีจากเข็มพิษของไน่ยไน่ยที่ปาออกจากห้อง หลี่เจี๋ยถีบประตูออกไปเพื่อจะมองหาคนที่แอบเข้ามาดักฟังแต่กลับไร้วี่แววเช่นเคย คนทั้งคู่หันมามองหน้ากันด้วยความหวาดหวั่น
"มีคนสอดแนม"ไน่ยไน่ยกระซิบเสียงเบา หลี่เจี๋ยเป็นผู้ออกไปติดตามทิ้งไน่ยไน่ยเป็นผู้ดูแลชุนหวงแทน บุคคลลึกลับรีบถอนตัวจากไปเพราะรู้ดีว่าหลี่เจี๋ยมีวรยุทธสูงส่งไม่น้อย หากประมือกันความสูญเสียย่อมเกิด เขาจึงล่าถอยไม่ยอมให้เกิดการปะทะกันขึ้นเพราะเรื่องที่เขาปรากฎตัวยังเป็นความลับอยู่
"ท่านเจอหรือไม่"ไน่ยไน่ยถามเมื่อเห็นใบหน้าเกือบจะดำคล้ำโผล่เข้ามา
"เป็นผู้ใดกันแน่ มันมิยอมปรากฏกาย ร่องรอยก็ไม่มีให้สืบค้น"หลี่เจี๋ยกำรอบจอกชาเอาไว้แน่น บีบบี้จนป่นเป็นผงด้วยความแค้นเคือง เสียงครางเบาๆ ดังจากเตียงทำให้คนทั้งคู่เลิกพูดจาปรี่เข้าไปดูอาการโดยเร็วไม่สนใจคนที่พวกเขากำลังวิตกอยู่ว่าชื่อเสียงเรียงนามใดและเป็นคนของฝ่ายไหน
"นายน้อย/นายน้อย"
"เจ็บ...."เสียงครางแผ่วดังจากปากรูปกระจับสีซีด มือบางยกขึ้นมากดคลึงขมับตัวเองไปมา
"ท่านแค่ถูกคนเมาทำร้าย"หลี่เจี๋ยรีบบอก
"ตอนไหน"
"มันปล่อยเข็มพิษใส่ท่านโชคดีที่พวกเราไหวทัน ทนเจ็บนิดนะขอรับ"หลี่เจี๋ยประคองชุนหวงให้ลุกขึ้นนั่งหลังพิงกับขอบเตียง ไน่ยไน่ยเดินไปหยิบถ้วยยาที่ต้มรอเอาไว้มาส่งให้ถึงมือ
"ยา..."
"ดื่มเถอะเจ้าค่ะอาการพิษที่ตกค้างจะได้หายไป"ไน่ยไน่ยยิ้มแย้มปลอบประโลมคนที่นั่งพิงขอบตั่งอยู่
"เห้อ! เอามา"ชุนหวงจำต้องรับถ้วยยาที่รู้ฤทธิ์ดีว่าขมขนาดไหนมาดื่ม ใบหน้างดงามเหยเกหลับตาปี๋ยามเมื่อยาไหลลงคอ
"ต่อไปห้ามออกไปข้างนอกนะเจ้าคะไม่ปลอดภัยจริงๆ "ไน่ยไน่ยสำทับ ปรายตาไปมองหลี่เจี๋ยคล้ายกับจะต่อว่าด้วยแววตา
"เอาน่าๆ พวกเจ้าไยต้องมาทะเลาะกันเอง หากจะโทษต้องโทษข้าที่อยากออกไปรนหาที่ตาย"ชุนหวงอาการดีขึ้นมาก เอ่ยปากลดความขัดแย้งของทั้งคู่
"เจ้าค่ะๆ เป็นไน่ยไน่ยที่ห่วงไปเอง"
"อย่าโกรธข้าเลยไน่ยไน่ย ถ้าเราไม่ออกไปข้างนอกจะรู้หรือไม่ว่ายังมีคนปองร้ายอยู่"
"ข้าเห็นด้วยนะขอรับต่อไปอย่าออกไปจะดีกว่า"หลี่เจี๋ยเปิดปากชุนหวงถึงกับอ้าปากค้าง ลองถ้าหลี่เจี๋ยเอ่ยก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นโลกภายนอกอีกเลย
"นี่พวกเจ้า!! "ชุนหวงหน้าหงิกลงทันที เพราะรู้ดีว่าอิสระของตนเองถูกจำกัดขอบเขตเอาไว้อีกแล้ว