img ผีผายามังกร  /  บทที่ 4 ไร้ยางอาย (2) | 3.64%
ดาวน์โหลดแอป
ประวัติการอ่าน

บทที่ 4 ไร้ยางอาย (2)

จำนวนคำ:2865    |    อัปเดตเมื่อ:12/01/2022

“หนัก!” ครั้นเมื่อถึงบ้าน นางก็โยนร่างของชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีดำขลับลงกับพื้น นางเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาสวมหน้ากากครึ่งหน้า ราวกับนักฆ่าที่ปกปิดใบหน้าของตนเอง

เพ้ย! นั่นปะไร เจ้าตัวซวยนี่เป็นคนชั่ว

ด้วยความหวาดระแวงว่าเขาจะฟื้นมาสังหารนาง นางจึงแอบนำเอาดาบของเขาไปซ่อนไว้เสียก่อน

ครั้นกลับมาที่เจ้าตัวซวยอีกหน ฉานฉูขมวดคิ้วเป็นปมแน่น นางถอนหายใจยาว ๆ แล้วพลิกร่างหนาให้นอนหงาย จับดูที่จุดชุ่น กวน ฉื่อ ก่อนจะสรุปความได้ว่าเขาเป็นบุรุษที่ร่างกายแข็งแรงดีไม่มีโรคภัย เพียงแต่บาดเจ็บจากการต่อสู้มาเท่านั้น

นางลุกขึ้นไปจุดตะเกียงเก่า ๆ ที่ยายเฒ่าหมอตำแยทิ้งไว้ให้นางใช้ที่บ้านหลังนี้ เตรียมน้ำอุ่นใส่ถังไม้และยกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพาดกับขอบอ่าง ก่อนจะไปนำยาสมานบาดแผลและยาห้ามเลือดมาวางไว้เตรียมใช้งาน

คล้อยหลังจากจัดแจงโรงหมอเฉพาะกิจเสร็จสิ้น นางได้กลับมาที่ร่างผู้ป่วยอีกหน

เนื้อตัวของบุรุษผู้นี้เลอะไปด้วยดินต้องรีบเช็ดล้างทำความสะอาดแผลเสียก่อน

นางจึงต้องปลดสายคาดเอวแล้วแหวกอกเสื้อของเขาออก แม้แต่ชั้นในสีขาวบางนั้นก็ไม่เว้น

แม้นนางจะยังเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนแต่นางก็เห็นร่างกายของเด็กน้อยชายหนุ่มจวบจนผู้ชราเฒ่ามานักต่อนัก

กล้ามเนื้อทั้งหลายล้วนแน่นและแข็งแรงกำยำราวกับชายผู้นี้ผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน ทั้งที่เค้าโครงนั้นกลับรู้สึกว่าเขามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนาง

มือที่เต็มไปด้วยแผลตะปุ่มตะป่ำนั้นเช็ดถูผิวกายที่ล้ำค่าดั่งหยกชิ้นงามก่อนจะบรรจงป้ายยาลงไปบนบาดแผลของเขาเพื่อห้ามเลือดเสียก่อนจึงค่อยป้ายยาที่ทำให้แผลสนานตัวเร็ว

นางมองดูบาดแผลยาวที่ตัดพาดเฉียงลำตัวของเขา เกือบจะถึงจุดหยินเหมินซึ่งก็คือจุดกึ่งกลางกายที่บ่งบอกเพศแต่โดยกำเนิด

แต่เพราะนางเป็นหมอ เช่นนั้นจึงปล่อยผ่านมันไปหาได้รู้สึกละอาย

ฉานฉูเหลือบมองไปที่ใบหน้าครึ่งล่างของชายหนุ่ม เค้าโครงความเป็นชายชั่วนั้นส่งกลิ่นมาแต่ไกล แม้จะเสียมารยาทแต่ในยามนี้คนไข้สลบอยู่ เช่นนั้นนางอาจจะแอบแง้มดูใต้หน้ากากนั้นได้สักนิดสักหน่อย...

นางแง้มหน้ากากขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงจากตะเกียงเพียงพอที่จะทำให้นางมองเห็นเครื่องหน้าของเขาทั้งหมด

ทว่า... เหมือนเด็กน้อยที่แอบขโมยกินขนม เมื่อขโมยไปได้แล้วชิ้นหนึ่ง ย่อมอยากขโมยอีกสักชิ้นหนึ่ง

นางลอบยิ้มออกมาตอนแง้มหน้ากากของเขาอีกครา หากว่ามือหนากลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก ก่อนจะตามมาด้วยมีดสั้นที่ควักออกมาจากที่ซ่อนแห่งใดไม่ทราบจ่อที่คอหอยของนาง

เขาผุดกายลุกขึ้นนั่ง แววตาพิโรธนั้นฉายแววออกมาสว่างวาบยิ่งกว่าแสงเทียนจากตะเกียง

เจ้าตัวซวยปักมีดสั้นลงบนพื้นไม้ คว้าตะเกียงมาส่องดูใบหน้าของนางชัด ๆ สีหน้าของความขยะแขยงนั้นแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าจะเห็นใบหน้าของเขาแค่เพียงครึ่งล่างก็ตาม

“อัปลักษณ์ยิ่ง”

เสียงทุ้มเอ่ยอย่างราบเรียบไร้การแสดงถึงน้ำใจไมตรีที่ได้รับการช่วยเหลือจากนาง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะสว่างวาบขึ้นด้วยความโกรธระคนอายอีกครั้ง เมื่อยิ่งเห็นว่าตนต้องมาเปลือยกายต่อหน้าหญิงอัปลักษณ์เช่นนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกขายหน้า

“ไร้ยางอาย”

สามคำที่พ่นออกมาทำให้ฉานฉูเลือดขึ้นหน้าเอ่ยเพียงว่า “คุณชาย”

สองคำนั้นกลับทำให้เขาผงะพลัน

หืม... แม้นางจะอัปลักษณ์ แต่น้ำเสียงกลับเย้ายวนชวนฟังยิ่งนัก

นางกล่าวขานเรียกบุรุษเบื้องหน้าพลางถอนหายใจ

“เป็นท่านที่สวมหน้ากากปิดบังโฉมราวกับอับอายในความอัปลักษณ์ ไฉนกล้าด่าว่าข้าว่าอัปลักษณ์ หึ อย่างไรหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้มิใช่หรือที่ช่วยชีวิตท่านไว้ อย่าให้ข้าต้องคิดไปว่าท่านนั้นมิได้รับการสั่งสอนให้สำนึกในบุญคุณ”

ครั้นนางจะลุกขึ้นแล้วเตรียมขับไล่เขาออกไป ในตอนนั้นตัวซวยของนางก็จัดแจงเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อยหมายจะรีบไปให้พ้นจากที่แห่งนี้

แม้จะกล่าวปรามาสว่าไร้ยางอาย แต่ไม่นึกว่านางจะล้มลงมาคร่อมร่างของเขาแล้วเอาแขนหยัดกับพื้นเอาไว้เยี่ยงนี้

“เจ้า!!—”

“อุก!!”

อย่าบอกนะว่านางจะอาเจียน?!

ชายหนุ่มเบิกตากว้าง จะคว้ามีดมาบั่นคอนางก็รู้สึกผิดที่ตนได้พลาดพลั้งเสียทีเกือบตายในป่าจนนางต้องแบกหามมารักษาที่กระท่อมทรุดโทรมแห่งนี้ จึงเบือนหน้าหนีของโสโครกที่ออกมาจากปากของนาง

ทว่าสิ่งที่พรั่งพรูนั้นกลับกลายเป็นเงินทองมากมายร่วงลงมากระทบใบหน้าของเขาก่อนที่นางจะฟุบใบหน้าลงมาเอาปากแนบกับแก้มของตนอย่างคนหมดสติ

ผิวกายอัปลักษณ์ อีกทั้งยังอ้วกเป็นเงินเป็นทอง นางผู้นี้เป็นตัวอะไรกันแน่!

เขา ชายที่ฉานฉูได้ช่วยชีวิตเอาไว้

เขาเป็นถึงองครักษ์ของฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าเหลียง

ผู้คนเรียกเขาว่าองครักษ์เหวิน

เหตุเกิดเมื่อโอรสสวรรค์ผู้นั้นออกมาล่าสัตว์กับเหล่าขุนนาง ก่อนที่จะถูกโจรป่าลอบทำร้าย แม้ว่าจะคุ้มกันพระองค์ได้ แต่องครักษ์คนสนิทเช่นเขาได้รับคำสั่งให้ออกตามล่าโจรป่าพวกนั้นจนกระทั่งจัดการพวกมันได้จนหมด ทว่ากลับได้รับบาดเจ็บเสียจนหมดแรงจะมองดูทิศดูทาง เดินหลงทางในป่ามา จนเจอแม่นางผู้นี้เข้า

แต่หลังจากได้ให้นางคอยรักษาอยู่สามวันเขาก็ชินกับอาหารรสมือนางไปจนเสียสนิท

หญิงอัปลักษณ์นางนี้มีรสมือที่ยอดเยี่ยม แม้แต่ฮ่องเต้หากได้ลิ้มลองย่อมติดใจรสมือนางเป็นแน่ ตนเคยเสนอว่าจะตอบแทนบุญคุณนางโดยการพาไปเมืองหลวง หมายจะพานางไปประจำตำแหน่งแม่ครัวในวังทว่านางปฏิเสธ หากแต่นางกลับสนใจในพืชสมุนไพร และออกตระเวนช่วยผู้คนในเมืองอู่ถงทุกวี่ทุกวันราวกับพระโพธิสัตว์มาโปรดในกายหยาบของมนุษย์

กว่าจะรู้ตัวก็เฝ้าสะกดตามรอยนางเสียจนรับรู้ได้ว่าสตรีผู้นั้นมีนิสัยเช่นไร

ครั้นตนได้เดินทางกลับไปโดยไม่บอกกล่าวก็อดคิดถึงนางมิได้

ยามเมื่อรับราชการกับองค์ฮ่องเต้ในเมืองหลวงก็ครุ่นคิดว่าเมืองอู่ถงนั้นจะเป็นเช่นไร

ยามเมื่อรับประทานอาหาร แม้จะเลิศรสเพียงใดเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าทานไม่อิ่ม

สุดท้ายจำต้องขอลางานองค์จักรพรรดิในทุกครึ่งเดือนเป็นเวลาสามวันเพื่อกลับมายังเมืองอู่ถง

เมื่อมาถึงใกล้กระท่อมที่นางพักอาศัยก็เสแสร้งแกล้งวางกับดักสัตว์ให้หญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นมาช่วยปล่อยสัตว์เหล่านั้นไปแล้วเขาจึงปรากฏกายพร้อมข้ออ้างกับนางว่านั่นคืออาหารของเขา เป็นกลอุบายที่จะขอกินอิ่มนอนหลับที่เรือนเก่า ๆ หลังนี้ของนาง แต่ดูเหมือนนางจะมิได้เอะใจว่าเป็นแผนการที่ถูกวางเอาไว้

องครักษ์เหวินสังเกตตนเองจนพบว่าเมื่อยามได้พบนาง ใจเขาเต้นระส่ำไม่ต่างจากยามสู้รบนัก

แม้นว่าฉานฉูจะทำเพียงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเอ่ยชวนเขาว่า “วันนี้ข้าจะผัดเห็ดใส่เต้าหู้”

สิ่งที่องครักษ์ทำคือการตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาในลำคอราวกับหาได้สนใจไยดีในอาหารค่ำมื้อนี้นักว่า “อืม”

หลายครั้งที่เขาแวะเวียนเข้ามาบ่อย เสียจนนางไม่เป็นอันตรวจคนไข้ และเขาจะปรากฏกายมาเพียงเพื่อให้นางหุงหาอาหารให้เขาทานราวกับว่าเรือนของนางคือโรงเตี๊ยม

ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรกับคนไข้ของนางทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายนางตัดสินใจลากแขนของชายสวมหน้ากากผู้นั้นมายังห้องครัวเล็กข้างหลังเรือนหลังจากที่เขียนเทียบยาและจัดยาให้กับคนไข้ไปหมดทุกคนแล้ว

“ข้าจะสอนเจ้าทำน้ำแกงรากบัว” นางเปิดปากออกมาพลางสั่งให้เขาหั่นรากบัวที่นางเตรียมเอาไว้ให้เป็นชิ้น ๆ ขนาดยาวพอดิบพอดี

องครักษ์เหวินคล้ายจะปฏิเสธแต่ทว่านางกลับยืนกรานว่าหากเขายังอยากแวะเวียนมาหานางเขาควรจะได้วิชาทำอาหารติดตัวกลับไปด้วย เมื่อไปอยู่เมืองหลวงเขาจะได้ทำเองได้ ไม่ต้องลำบากถ่อสังขารมาหานางถึงบ้านนอกเช่นนี้

สุดท้ายแล้วองครักษ์เหวินจำต้องทำตามที่นางผู้นี้สั่งอย่างว่านอนสอนง่าย

นางสั่งอะไรก็ทำ นางบอกให้หยิบอะไรก็หยิบ

เพียงแต่เขาเป็นบุรุษชายชาตรี ผู้ซึ่งไม่เคยเข้าครัวมาก่อน เขาแยกไม่ออกหรอกว่าก้อนกรวดละเอียดสีขาวโพลนทั้งสองชนิดนี้สิ่งใดคือเกลือ สิ่งใดคือน้ำตาล ทว่าเขากลับเทมันลงไปพรวดเดียวจนหมด ยามเมื่อฉานฉูใช้ทัพพีชิมน้ำแกงเข้าก็โวยวายออกมาดังลั่นพลางยกเอาแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดลิ้นที่มีรสชาติเค็มปร่าออกไป

นางตวัดสายตามองมาทางเขาอย่างขุ่นเคือง เขาถูกนางคาดโทษว่าไม่ตั้งใจฟังนางให้ดีราวกับว่าไม่ได้สนใจคำสั่งสอนของนางแม้แต่น้อย

“แค่น้ำตาลหรือเกลือเจ้ายังแยกไม่ออกเลย” ฉานฉูเอ็ดเขาเสียงดัง มือที่ถือทัพพีนั้นเคาะเข้าที่กลางกบาลขององครักษ์เหวินอย่างจัง “เจ้าโง่!”

นางทานอาหารเจ พยายามเลี่ยงเนื้อสัตว์ รู้หนังสือและอ่านตำราที่สตรีไม่พึงอ่าน

นางรู้และเข้าใจในบทกลอน นางบรรเลงท่วงทำนองของเครื่องดนตรีชั้นสูงได้ราวกับเป็นพรสวรรค์ติดตัว

แม้ว่ารูปกายภายนอกของนางจะเป็นหญิงอัปลักษณ์ราวคางคกที่จำแลงมาเป็นมนุษย์ ทว่าเขากลับมองเห็นเนื้อแท้แก่นในว่านางคือหงส์ขาวสง่างาม

หลายครั้งที่อยู่กับนางเพียงลำพัง องครักษ์เหวินหายใจติดขัด ใบหน้าเห่อร้อนผะผ่าว แม้นนางได้คอยจับชีพจรให้เขาและจัดหายาสมุนไพรบำรุงกายให้ เพียงแต่มิได้บำรุงใจของเขาแม้แต่น้อย

หากแต่มีครั้งหนึ่งที่นางเองก็เริ่มมีใจให้แก่บุรุษผู้นี้เช่นกัน

เวลานั้น เมืองอู่ถงถูกรุกรานด้วยพ่อค้าทาสจากแคว้นชินหลิงที่เข้ามากวาดต้อนคนจรจัดไปขายอย่างผิดกฎหมาย เดือดร้อนถึงนางอัปลักษณ์ผู้นี้ที่เก็บสมุนไพรในป่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวถูกลักพาตัวไปด้วยเพราะเห็นเป็น ‘ของแปลก’

นางเกือบถูกขายให้กับตระกูลขุนนางผู้หนึ่งจากแคว้นชินหลิง จวบจนกระทั่งนางหนีออกมาได้ วิ่งมาด้วยมือที่ถูกมัดและสองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบหนามและย่ำดินเพื่อเอาตัวให้รอด

นางหลบแส้ที่ตวัดมาฟาดขาให้นางล้มลงไม่ทันเลยล้มหน้าคะมำกับพื้น ก่อนที่แส้นั้นจะฟาดมาอีกครั้งที่กลางหลัง เสียงเนื้อกระทบกับแส้หนังทำให้นางนึกถึงความเจ็บแสบอย่างถึงที่สุด ทว่าแผ่นหลังที่ถูกฟาดกลับไม่ใช่หลังของนาง

เงาของร่างหนาคลอบคร่อมร่างของนางเอาไว้ สองแขนแกร่งหยัดกับพื้น ดวงตาฉายแววดุร้ายราวสัตว์ป่าภายใต้หน้ากากที่คุ้นตา

องครักษ์เหวินไม่รอใช้แผ่นหลังของตนรับแส้ที่ฟาดมาเป็นหนที่สอง เขาเอี้ยวตัวหันไปรับมันด้วยมือเปล่าก่อนจะกระตุกเอาร่างของพ่อค้าทาสผู้นั้นมาและชกมันด้วยหมัดและกำปั้นที่แข็งราวกับค้อนเหล็กกล้า ชกที่ปากของมันจนไม่อาจส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากแม่นางผู้นี้

แม้พวกมันจะไม่ได้สิ้นใจตาย แต่ก็อยู่ในสภาพปางตาย ยังดีที่ชายผู้นี้ไม่ได้ฆ่าคนต่อหน้าของนาง มิเช่นนั้นหากคนพวกนั้นเอ่ยขอให้นางช่วยเหลืออาจจะเป็นเรื่องใหญ่

ขณะที่นางทำแผลให้กับเขา นางก็เอ่ยชวนชายหนุ่มให้เข้าร่วมงานเทศกาลของเมืองอู่ถง ท่าทีกระดากอายยามกล่าวชวนเชิญให้ค้างอ้างแรมด้วยกันนั้นทำให้ชายหนุ่มถึงกลับหายใจไม่ทั่วท้องราวกับเขาได้กลืนผีเสื้อมากมายลงไปเป็น ๆ ให้มันบินว่อนอยู่ในอก

องครักษ์เหวินใคร่ครวญกับตนเอง

นี่เป็นอาการตกหลุมรักใช่รึไม่?

img
สารบัญ
บทที่ 1 ลิขสิทธิ์ และคำเตือน บทที่ 2 ตัดเข้าโฆษณา บทที่ 3 ไร้ยางอาย (1) บทที่ 4 ไร้ยางอาย (2) บทที่ 5 ไร้ยางอาย (3) บทที่ 6 ไร้ยางอาย (4) บทที่ 7 ฉานฉูรับราชโองการ (1) บทที่ 8 ฉานฉูรับราชโองการ (2) บทที่ 9 ฉานฉูรับราชโองการ (3) บทที่ 10 ฉานฉูรับราชโองการ (4) บทที่ 11 ฉานฉูรับราชโองการ (5)
บทที่ 12 ฉานฉูรับราชโองการ (6)
บทที่ 13 ฉานฉูรับราชโองการ (7)
บทที่ 14 กาลกิณี (1)
บทที่ 15 กาลกิณี (2)
บทที่ 16 กาลกิณี (3)
บทที่ 17 นางไม่พูด (1)
บทที่ 18 นางไม่พูด (2)
บทที่ 19 นางไม่พูด (3)
บทที่ 20 นางไม่พูด (4)
บทที่ 21 นางไม่พูด (5)
บทที่ 22 นางไม่พูด (6)
บทที่ 23 นางไม่พูด (7)
บทที่ 24 สังเวยแพทย์ (1)
บทที่ 25 สังเวยแพทย์ (2)
บทที่ 26 สังเวยแพทย์ (3)
บทที่ 27 สังเวยแพทย์ (4)
บทที่ 28 สังเวยแพทย์ (5)
บทที่ 29 เครื่องสังเวย (1)
บทที่ 30 เครื่องสังเวย (2)
บทที่ 31 เครื่องสังเวย (3)
บทที่ 32 เครื่องสังเวย (4)
บทที่ 33 ตัวล่อ (1)
บทที่ 34 ตัวล่อ (2)
บทที่ 35 ตัวล่อ (3)
บทที่ 36 เปิดหูเปิดตา (1)
บทที่ 37 เปิดหูเปิดตา (2)
บทที่ 38 นักเล่านิทานพเนจร (1)
บทที่ 39 นักเล่านิทานพเนจร (2)
บทที่ 40 นักเล่านิทานพเนจร (3)
บทที่ 41 เหม็นเน่า (1)
บทที่ 42 เหม็นเน่า (2)
บทที่ 43 เหม็นเน่า (3)
บทที่ 44 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (1)
บทที่ 45 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (2)
บทที่ 46 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (3)
บทที่ 47 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (4)
บทที่ 48 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (5)
บทที่ 49 มนต์ดำ (1)
บทที่ 50 มนต์ดำ (2)
บทที่ 51 มนต์ดำ (3)
บทที่ 52 ปราบมังกร (1)
บทที่ 53 ปราบมังกร (2)
บทที่ 54 ปราบมังกร (3)
บทที่ 55 ปราบมังกร (4)
บทที่ 56 ปราบมังกร (5)
บทที่ 57 ขี่มังกร (1)
บทที่ 58 ขี่มังกร (2)
บทที่ 59 ขี่มังกร (3)
บทที่ 60 ขี่มังกร (4)
บทที่ 61 ขี่มังกร (5)
บทที่ 62 คนโปรด (1)
บทที่ 63 คนโปรด (2)
บทที่ 64 คนโปรด (3)
บทที่ 65 ตะลุมบอน (1)
บทที่ 66 ตะลุมบอน (2)
บทที่ 67 ตะลุมบอน (3)
บทที่ 68 ไม่ต้อง (1)
บทที่ 69 ไม่ต้อง (2)
บทที่ 70 ไม่ต้อง (3)
บทที่ 71 โง่เง่า (1)
บทที่ 72 โง่เง่า (2)
บทที่ 73 โง่เง่า (3)
บทที่ 74 โง่เง่า (4)
บทที่ 75 โง่เง่า (5)
บทที่ 76 อย่าหนีข้าไป (1)
บทที่ 77 อย่าหนีข้าไป (2)
บทที่ 78 ก็ไม่เลว (1)
บทที่ 79 ก็ไม่เลว (2)
บทที่ 80 ก็ไม่เลว (3)
บทที่ 81 ก็ไม่เลว (4)
บทที่ 82 ก็ไม่เลว (5)
บทที่ 83 ก็ไม่เลว (6)
บทที่ 84 สอด (1)
บทที่ 85 สอด (2)
บทที่ 86 สอด (3)
บทที่ 87 ซื่อซื่อ (1)
บทที่ 88 ซื่อซื่อ (2)
บทที่ 89 ซื่อซื่อ (3)
บทที่ 90 ซื่อซื่อ (5)
บทที่ 91 ชายแก่ (1)
บทที่ 92 ชายแก่ (2)
บทที่ 93 ชายแก่ (3)
บทที่ 94 ชายแก่ (4)
บทที่ 95 จุก (1)
บทที่ 96 จุก (2)
บทที่ 97 จุก (3)
บทที่ 98 เหี่ยว (1)
บทที่ 99 เหี่ยว (2)
บทที่ 100 เหี่ยว (3)
img
  /  2
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY