img ผีผายามังกร  /  บทที่ 8 ฉานฉูรับราชโองการ (2) | 7.27%
ดาวน์โหลดแอป
ประวัติการอ่าน

บทที่ 8 ฉานฉูรับราชโองการ (2)

จำนวนคำ:5464    |    อัปเดตเมื่อ:12/01/2022

แม้ว่าแม่ของเขาจะได้เป็นถึงไฉเหริน แต่เขาก็ไม่ได้รับความสะดวกสบายนัก

อย่างไรเขาก็ไม่สามารถอยู่ในตำหนักสนมร่วมกับนางได้ เพราะบุรุษที่จะเข้าออกตำหนักแห่งนั้นได้ หนึ่งคือฮ่องเต้ และสองคือขันที

ฉานฉูไม่อยากให้ลูกชายของนางต้องถูกตอน ขงเฉว่เองก็เช่นกัน

เช่นนั้นเขาจึงถูกฝากตัวเป็นเด็กรับใช้ตามที่องครักษ์เหวินได้บอกกล่าวกับท่านแพทย์หลวงอาวุโส

ใครจะกล่าวว่านางคือกาลกิณี แต่สำหรับฮองเฮานางคือตัวโชคลาภ

พระนางมองหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้เป็นดั่งคางคกทองคำอีกคน เพียงแค่ได้ดื่มยาที่นางต้มให้ไม่นานนัก

พระนางก็ตั้งครรภ์มังกร!

นางสนับสนุนหญิงหม้ายสามีผู้นี้ทุกทาง เสียจนนางกลายเป็นผู้มีอิทธิพลขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ได้รับความเมตตาจากฮ่องเต้มิเพียงพอ ยังได้รับความกรุณาจากฮองเฮาอีก

ทว่าสิ่งเดียวที่นางขอคือขอให้ลูกชายของนางที่กำลังย่างเข้าสู่วัยสิบเอ็ดปีสามารถเข้าสอบในสนามสอบแพทย์หลวง ดังนั้นเด็กน้อยผู้ไร้หัวนอนปลายเท้าที่คอยเป็นเด็กรับใช้ หามน้ำหามฝืนวัน ๆ กลับได้รับเลือกให้สามารถเข้าสอบคัดเลือกเป็นแพทย์ฝึกหัด เรื่องนี้ถึงได้สร้างความประหลาดใจแก่เหล่าแพทย์ฝึกหัดในสำนักไม่น้อย

ขงเฉว่มีเวลาเพียงสามปีในการเตรียมตัวสอบ แต่เขาก็สร้างความประหลาดใจได้อีกครั้งเมื่อเขานั้นกลับสอบผ่านมาเป็นหนึ่งในสิบของแพทย์ฝึกหัดในปีนั้น!

ยามนั้นแพทย์ฝึกหัดทั้งหลายล้วนมีอายุสิบสี่ปีทั้งสิ้น มีตราประทับตราบัวตูมที่ฝ่ามือกันทุกคน ยกเว้นเพียงผู้เดียวคือ เหวินหยางซื่อ ที่มีอายุเพียงสิบเอ็ดปีเท่านั้น

หนูน้อยผู้นี้คือลูกของนางสนมผู้หนึ่งที่เคยเป็นนางรำประจำคณะนักดนตรีผู้ระหกระเหเร่ร่อนจากแคว้นไฉ่เซ่อบูมาก่อน ทายาทแห่งโอรสสวรรค์ที่ถูกปฏิเสธจากเหล่าขุนนางและถูกสั่งห้ามไม่ให้ศึกษาเรื่องการเมืองการปกครอง ถูกจับตามองและคอยบงการให้หนูน้อยผู้นี้ไม่ได้มาเป็นมังกรแห่งต้าเหลียง แต่ด้วยความที่เป็นถึงชนชั้นสูงจึงทำให้เหวินหยางซื่อได้ตราประทับบัวบานในทันที

ในยามนี้ฮองเฮาก็ทรงพระครรภ์แล้ว เหล่าขุนนางได้ผู้สืบเชื้อทายาทของโอรสสวรรค์ที่ต้องการ เช่นนั้นตัวเบี้ยไร้ค่าเยี่ยงเหวินหยางซื่อผู้นี้จึงโดนดีดออกจากกระดาน

เหวินหยางซื่อยังเป็นเพียงเด็กน้อย ย่อมถูกรังแกตอนที่ร่ำเรียนร่วมสำนักกับแพทย์ฝึกหัดเหล่านี้

มีเพียงขงเฉว่ที่ไม่ได้ร่วมวงกลั่นแกล้งเพราะเห็นว่าเขาไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการรวมหัวกับพวกแพทย์ฝึกหัดอันธพาลเหล่านั้น

แต่ถึงแม้ไม่ได้ออกหน้าปกป้อง แต่มักคอยพูดเสมอว่าเหวินหยางซื่อผู้นี้เป็นถึงลูกของพระสนมที่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ มีศักดิ์เป็นถึงองค์ชาย อย่างไรก็คือพระหน่อเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ เช่นนั้นแล้วสามัญชนอย่างพวกเขายังจะแกล้งได้ลงคอหรือ

ด้วยเหตุนี้... เขาจึงโดนแกล้งแทนเหวินหยางซื่อ

ขงเฉว่เจ้าแพทย์ฝึกหัดรูปลักษณ์เยี่ยงคนขี้โรคได้รับเคราะห์กรรมหลายอย่างแทนได้พักหนึ่ง

ทว่าวิธีกลั่นแกล้งของเด็กน้อยในยุคสมัยเช่นนี้นั้นแทบไม่แตกต่างเท่ากับโลกเดิมที่เขาจากมา มักจะเล่นพรรคเล่นฝ่าย รุมหมาหมู่ผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ

ถึงแม้ขงเฉว่จะไม่ใช่หนุ่มเลือดร้อนนักแต่ก็มีบ่อยครั้งที่เกิดการต่อยตีป้องกันตัวเอง ก่อนจะจบลงด้วยการถูกโบยในทุกครั้ง

เช่นนั้นแล้วเขาจึงไม่อยากหาเรื่องเจ็บตัวให้กับตัวเองอีก แล้วก็แสนจะเหนื่อยที่ต้องคอยต่อกรกับหมาบ้าพวกนั้น เลยขะมักเขม้นศึกษาตำราบัณฑิตแพทย์ชั้นสูง หันหน้าเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่

แม้จะถูกมองว่าประจบประแจงก็ไม่เป็นไร ซ้ำยังคอยพูดจาสนับสนุนให้ท้ายน้องเล็กของเหล่าแพทย์ฝึกหัดให้ได้เป็นที่สนใจมีหน้ามีตาขึ้นมาในสายตาของแพทย์อาวุโสอีกต่างหาก

คงเรียกว่าเป็นการซื้อใจก็ย่อมได้ เพราะเหวินหยางซื่อผู้นั้นเกาะติดเขาเป็นลูกแมวน้อยเลยทีเดียว จ้องมองเขาด้วยสายตาราวกับเขาคือวีรบุรุษ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเพียงรู้สึกสงสารแมวน้อยในดงหมาหมู่เท่านั้นเอง

เมื่อขงเฉว่คิด ๆ ดูแล้ว... คำว่าหนุ่มน้อยรูปงามอาจจะเหมาะกับเหวินหยางซื่อก็เป็นได้

ด้วยความเป็นลูกชนชั้นสูง ผิวขาวจมูกโด่งดวงตากลมโต ได้เค้าความงดงามจากผู้เป็นแม่อย่างแน่นอน ปล่อยผมยาวสลวยถักผมเปียรอบหัวและใส่เครื่องประดับ หากมองผิวเผินเขาอาจจะคิดว่าหนูน้อยคนนี้เป็นดรุณีน้อย เพียงแค่ลูกกระเดือกนั้นสามารถยืนยันได้ว่าเหวินหยางซื่อผู้นี้เป็นเด็กชายจริง ๆ

ผิดกับเขาที่ด้วยความที่เขาเป็นคนไร้ชาติตระกูล ซ้ำยังถูกมองว่าเป็นเด็กกำพร้า มักจะดูเป็นบุคลิกขี้โรคเพราะผูกผ้าปิดปากทุกวี่ทุกวันจึงทำให้ขงเฉว่กลายเป็นเป้าหมายในการถูกกลั่นแกล้งขึ้นมาทันทีทันใด

เดิมทีแม่ของเขาสอนมาดี และบวกด้วยนิสัยเดิมที่ติดตัวมาของเขาให้เขามักจะรักสงบและเจียมตัว รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางเสมอ เมื่อรู้ว่าใกล้จะถูกรังแก ขงเฉว่ก็จะเสนอตัวช่วยศิษย์พี่ทั้งหลายในสำนักแพทย์ทันที ช่วยบดยา ช่วยต้มยา ช่วยเก็บสมุนไพร ทำทุกอย่างให้ตัวเองไม่อยู่ว่างและคอยอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ทำให้เขาไร้มิตรสหายในวัยเดียวกัน

สุดท้ายก็ได้คบหากับลูกแมวเชื้อพระวงศ์ตัวน้อยอย่างเหวินหยางซื่อ อย่างน้อยก็ดีกว่าตัวคนเดียว

แต่ก่อนจะได้คบหากันได้อย่างลงรอย เหวินหยางซื่อเคยเกลียดชังเขายิ่งนัก เหตุเพราะเจ้าแม่ฉานฉูได้เอ่ยไว้ว่า

“องค์ชายน้อย... พระองค์รูปงามตั้งแต่เยาว์วัยอีกทั้งยังมากความสามารถเก่งกาจด้านแพทย์ แต่บุตรชายของหม่อมฉันเก่งกว่า”

หากจะเล่าคงจะต้องเกริ่นขึ้นมาสักนิดว่า เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อแคว้นต้าเหลียงอันสงบสุขและมั่งคั่งถูกปกครองด้วยฮ่องเต้นาม เหวินเฟิงเฮย ครองคู่กับฮองเฮาคู่บุญบารมีนาม ลู่หยู่เหยียน พสกนิกรต่างปรารถนาที่จะได้ยลโฉมทายาทบัลลังก์มังกร ร่วมพากันกราบไหว้วอนและขอพรจากสวรรค์ให้ดลบันดาลครรภ์มังกรแก่ฮองเฮาผู้ทรงคุณธรรม

สวรรค์ยังมีเมตตา แต่หามีแวว

นางรำชั้นต่ำศักดิ์ที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นเหม่ยเหริน กลับได้ให้กำเนิดองค์ชายแทน

นางเป็นสตรีที่ช่างเต็มไปเปี่ยมไปด้วยความเริงร่า ร้องรำเต้นระบำสร้างความบันเทิงใจหาได้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูง ใบหน้าจิ้มลิ้มคิ้วโก่งโค้งเข้ารูปกับตากลม นัยน์ตาสีน้ำผึ้ง ผมยาวเหยียดตรงประดับเครื่องหัวเป็นผ้าคาดแปลกตาทว่าวิจิตรงดงาม ยามเยื้องย่างกรายเสียงกระดิ่งพรวนลั่นกรุ๊งกริ๊งชวนให้เหลียวมอง

นามของเหม่ยเหรินคือ ฮุยเอิน นางเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชนจากชนเผ่านักดนตรีจากแคว้นพันธมิตรของต้าเหลียง นางพลัดพรากจากเหล่านักดนตรีพเนจร เร่ร่อนไปตามทางในแคว้นแดนเกิด แคว้นทุรกันดารปลูกท้องทุ่งไร่ฝ้ายทำกินหากแต่คือโรงย้อมผ้าขนาดใหญ่ผลิตผ้าผืนงามหลากสีสัน นามของแคว้นคือไฉ่เซ่อบู

นางถูกขายมาเป็นทาสในวังหลวง สวรรค์ดลใจให้นางได้รับคัดสรรให้เป็นนางรำถวายเครื่องบรรณนาการอย่างผ้าแพรไหมหลากสีจากแคว้นพันธมิตรในวันเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์หนุ่มรูปงาม

โชคชะตาให้องค์จักรพรรดิแห่งต้าเหลียงต้องตาต้องใจ รับสั่งให้นางปรนนิบัติรับใช้ข้างกาย ได้รับราชโองการแต่งตั้งเป็นสนม หากแต่วังหลังนั้นหาใช่แคว้นแห่งท้องทุ่งปุยฝ้ายที่นางจากมา

สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความริษยา อิจฉา กลั่นแกล้งและแย่งชิง สตรีวังหลังล้วนน่าหวาดผวายิ่งกว่าเหล่าจิ้งจอกร้ายที่ซุ่มทำร้ายเหยื่อตามเรื่องเล่าขานจากดินแดนที่นางพลัดพรากจากมา

ฮ่องเต้มิอาจเป็นที่พึ่งพิงของนางได้ตลอดไป ใจบุรุษผันแปรได้ไวกว่าฝูงผีเสื้อกระพือปีกบิน

ข่าวลือว่ากษัตริย์แห่งต้าเหลียงทุกพระองค์มิมีผู้ใดไม่ต้องสาป หากไม่จิตวิปริต ก็ป่วยด้วยโรคประหลาดที่ยากจะหาทางรักษาได้

ซ้ำร้ายไม่นานมานี้เกิดเรื่องมากมาย เหตุการณ์กบฏราชสำนัก เหตุการณ์อ๋องชิงเมือง เหตุการณ์เสด็จสวรรคตของไท่ซางหวง แต่ด้วยพระปรีชาสามารถทำให้พระองค์จัดการมันได้ ทว่ายามนั้นสตรีในวังหลังผู้เป็นที่รักใคร่เอ็นดูมาก่อนก็ถูกลืมเลือนไปแล้วหลายนาง

กล่าวได้ว่าองค์ฮ่องเต้เหวินเฟิงเฮยเมื่อครั้นออกว่าราชการ พระองค์ทรงทำหน้าที่มิขาดตกบกพร่อง แต่หน้าที่บิดาหาได้เรื่องได้ราว

เก้าปีให้หลังที่นางได้ให้กำเนิดองค์ชายน้อย นี่กลับเป็นหนแรกที่บุตรชายของนางได้พบเจอกับบิดาของตนในระยะที่ลมหายใจเป่ารดถึงกัน

นางแสนน้อยเนื้อต่ำใจที่พระองค์กลับเหม่อมองด้วยพระพักตร์เหนื่อยหน่ายคล้ายว่าทรงลืมเลือนทายาทผู้นี้ของตน หรือไม่ก็หาได้ให้ความสนใจบุตรชายของนางแม้แต่น้อย

เหล่านางในนำไปโพนทะนากันทั่ววังหลังพวกนางสองแม่ลูกถูกทอดทิ้งเสียแล้ว ภัยร้ายเตรียมถาโถมนางรำผู้ต่ำต้อยนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง

แต่กระนั้นนางยังมีลูกเป็นยันต์คุ้มภัย อย่างไรเสียในช่วงเวลานี้หน่อเนื้อเชื้อไขขององค์จักรพรรดิแห่งต้าเหลียงมีเพียงหนึ่งเดียว

องค์ชายน้อยที่หญิงนางรำผู้นี้ได้ให้กำเนิด

เหวินหยางซื่อ

ทว่าไม่นานนักที่ดวงนางก็พลันอาภัพอับโชคไป องค์ชายน้อยพระชนมายุสิบชันษาสูญสิ้นอำนาจต่อรอง ช่างเป็นยันต์คุ้มภัยที่ไม่ต่างอะไรจากเศษกระดาษขาดวิ่น

เมื่อฮองเฮาลู่หยู่เหยียนตั้งครรภ์มังกร!

เรื่องที่ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์มังกร ด้วยอภินิหารหมอยาหญิงหม้ายสามีนามว่าฉานฉู ชื่อเสียงของนางกระจรไกลจากเมืองอู่ถงมายังเมืองหลวง รูปแกะสลักไม้เจ้าแม่ฉานฉูถูกนำเข้ามาเร่ขาย บ้างก็แกะสลักเหมือนจริง บ้างก็อัปลักษณ์เกินจริง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้บรรดาขันทีนางในหรือแม้แต่องค์ชายเหวินหยางซื่อแห่แหนมาดูการรักษาโรคจากสตรีอัปลักษณ์ผู้นั้นเพราะนางมีสิ่งอัศจรรย์ใจ

หาใช่ผิวกายตะปุ่มตะป่ำดุจคางคก

หรือวิชาแพทย์สูงส่งดุจหมอเทวดา

แต่เป็นสิ่งนั้น...

นางออกมาแล้ว! นางวิ่งออกมาจากตำหนักฮองเฮา รูปกายอัปลักษณ์เป็นทุนเดิม แต่ในคราวนี้มีสีหน้าแปลกประหลาดทำให้ทวีคูณความน่าขยะแขยง มือเรียวทุบอกดังปัก ๆ แก้มพองคล้ายว่าจะขย้อนบางสิ่ง

เหล่านางในและขันทีที่ห้อมล้อมตำหนักล้วนวิ่งตามนางมาเพื่อดูอภินิหารนั้น

ท่าทีคลื่นเหียนเตรียมอาเจียนราวกับลมพายุหวนตีขึ้นมาเหนือทรวงอก ไม่นานนักนางก็พรั่งหรูเศษทองคำออกมาจากปาก

นางสำรอกเป็นเงินเป็นทอง!

เสกให้ฮองเฮาตั้งครรภ์แล้วอย่างไร เสกเงินเสกทองออกมาให้กอบโกยต่างหากเล่าที่ทำให้นางถูกยกย่องราวกับเป็นเทพเซียนลงมาจุติ

เสียงตื่นตระหนกตกใจในเงินทองหาใช่ยามเมื่อนางสลบไสลไปทันตาเพียงเพราะสำรอกของมีค่านั้นออกมา เหล่าข้ารับใช้รีบมือยาวสาวได้สาวเอาเก็บรวบสิ่งที่นางสำรอกออกมาหาได้สนใจสตรีนางนั้นไม่ เว้นเพียงผู้เดียว เจ้าของอาภรณ์ม่วงชี้นิ้วสั่งการคนของตนให้เข้าไปพยุงร่างหญิงอัปลักษณ์นี้พากลับไปตำหนัก ก่อนจะสะบัดผ้าเดินออกมาจากฝูงแร้งทึ้งรุมเก็บของล้ำค่าทั้งหลาย

ยามเมื่อหมดสิ้นสติ นางกำลังหลับฝัน

เห็นภาพในอดีตของนางเมื่อนานแสนนาน

คำกล่าวว่านางเป็นเซียนเล่าลือกันปากต่อปาก

อันว่าคำกล่าวนั้นจริงถึงเก้าส่วน นางเคยเป็นเซียนดีดผีผาบนชั้นฟ้า... นามว่าไป่เฟยผู้นั้น ทว่านางมิได้ลงมาจุติเพื่อช่วยมวลมนุษย์อย่างสง่างามนัก

นางถูกถีบตกลงมาด้วยความผิดพลาดที่เป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับเทพผู้หนึ่งกับสัตว์เทพตนหนึ่ง

สวรรค์แสนจะเกลียดชังความรักต้องห้าม

และนางแสนจะเกลียดชังสวรรค์

เพราะโชคชะตาเล่นตลกกับนางมากนัก

นางเป็นเพียงสตรีสามัญชนที่ฮ่องเต้เหวินเฟิงเฮยมีรับสั่งให้เข้ามารักษาโรคประหลาดของพระองค์ แทนที่นางจะถูกขับไล่ออกไปให้พ้นทางภายหลังจากกระทำการดูหมิ่นเบื้องสูง กระนั้นฮ่องเต้ยังมีราชโองการแต่งตั้งนางมาเป็นไฉเหริน

ขันทีและนางในนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นนำไปพูดกันสนุกปากว่ากันว่าพระองค์อาจจะเปลี่ยนผันแปรมาชื่นชมของแปลก...

หากแต่ความจริงนั้นเป็นเพราะฮองเฮาร้องขอ

มารดาแห่งแผ่นดินต้าเหลียงอยากจะเลี้ยงสตรีหม้ายผู้นี้เอาไว้ข้างกายให้พำนักอยู่ตำหนักสนม วางแผนการปล่อยให้เจ้าแม่ฉานฉูเดินลอยหน้าลอยตาอวดโฉมน่ารังเกียจนั้นไปมาจนเหล่านางสนมหวาดผวามิกล้าออกมายั่วยวนฝ่าบาทเพื่อหวังจะได้เป็นที่โปรดปรานจากพระองค์

ซ้ำยังปรารถนาให้นางช่วยปรุงยาให้ตนอุ้มครรภ์มังกร

...แลดูเหมือนเจ้าแม่ฉานฉูผู้นี้จะมีฝีมือสมคำร่ำลือ

หากแต่แท้จริงแล้วฉานฉูผู้นี้มิได้มียาวิเศษอันใด นางแค่ศึกษาเรื่องประโยชน์ของระดูจากบุตรชาย

บุตรชายของนางร่ำเรียนเป็นหมอยาเช่นเดียวกันกับนาง อายุยังน้อยนักแต่เขากลับมีความรู้ความสามารถที่นางคาดไม่ถึงมากมาย

เมื่อมีรับสั่งจากกษัตริย์แห่งต้าเหลียงเรียกตัวเจ้าแม่ฉานฉูนั้นให้เข้ามารักษาพระองค์ เขาได้ติดตามมารดามายังวังหลวง ยามนี้เขาได้เป็นเด็กรับใช้ในสำนักแพทย์ เขามีนามว่าขงเฉว่ เด็กชายวัยสิบเอ็ดขวบปีร่างกายผอมโซสวมผ้าปิดปาก มีข่าวลือไปกันทั่วว่าหากไม่ป่วยเป็นโรคร้าย ก็คงเพราะอำพรางใบหน้าอัปลักษณ์เยี่ยงมารดา

ขงเฉว่สอนมารดาของตนเกี่ยวกับเรื่องวันของระดู ในแต่ละเดือนของหญิงสาวจะมีช่วงเวลาแห่งทองคำ ช่วงนั้นหากฮองเฮาได้รับประทานยาบำรุงก่อนปรนนิบัติฮ่องเต้ อย่างไรเสียก็ย่อมมีโอกาสตั้งครรภ์

บุตรชายของนางฉลาดยิ่งนัก นางเพียงนำความรู้นั้นมาใช้ถือโอกาสพิสูจน์

โชคดีที่ฮองเฮาตั้งครรภ์มังกร มิฉะนั้นนางอาจจะถูกสังหารทิ้งในภายหลัง

ตั้งแต่นางได้ทำผลงานอันมีค่าให้แก่ฮองเฮา ผ่านมาเกือบร่วมปี ยามเมื่อเลี้ยงดูเอาไว้ในวัง ฉานฉูเป็นเฉกเช่นสตรีในวังหลัง มีสิทธิ์ที่ฮ่องเต้จะพลิกแผ่นป้ายมา แม้ว่าแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้เลยเสียด้วยซ้ำ

หากทว่าพระองค์ทรงเสด็จมา!

มาเพียงเพื่อหาเรื่องลับคมฝีปากกับนาง

มาเพียงเพื่อท้าประลองต่อกลอนกับนาง

มาเพียงเพื่อได้รับความบันเทิงทั้งกายและใจจากนาง

มาเพียงเพื่อหยั่งลองเชิงองครักษ์ประจำกายผู้ซึ่ง... แท้จริงแล้วคือสามีที่นางอัปลักษณ์ผู้นี้ได้กล่าวอ้างว่าตายไปแล้วเมื่อเหล่านางในหรือขันทีมาแอบถาม

แต่สิ่งเดียวที่นางปรารถนา หาใช่ลาภยศสรรเสริญ หาใช่สามีผู้เต็มเปี่ยมคุณธรรม หรือหาใช่ความโปรดปรานจากบุรุษรูปงามผู้นั้น

นางปรารถนาที่จะเห็นบุตรชายของนางเติบใหญ่เป็นชายหนุ่มผู้มีชีวิตที่เรียบง่ายกับคนรัก เคียงคู่กันในยามทุกข์ยาก สังสรรค์กันในยามสุข

หากยามนั้นนางยังมีบุญวาสานา ขอเพียงได้อุ้มหลานน่ารักสักหนึ่งคนก็เพียงพอ

ทว่าการเข้ามาเป็นบุปผาที่แม้จะเหี่ยวเฉาในสวนขององค์จักรพรรดิ มีหรือที่นางจะได้สิ่งที่ปรารถนา ยามนี้บุตรชายเพียงหนึ่งเดียวก็ถูกพลัดพราก ยังดีที่เขาได้รับกรุณาจากฮองเฮาให้รับรองว่าเขามีสิทธิที่จะได้สอบเป็นแพทย์หลวงด้วยความสามารถของตนยามเมื่อสิบสี่ปี เช่นนั้นก็ขอเพียงวาดฝันสักหน่อยเถิด...

ทว่าห้วงเวลาฝันก็พลันหมดลง ขนตาแพรกระพริบ ดวงตาปรือลืมตื่นขึ้นมาบนเตียง

นางคงจะฟื้นตื่นขึ้นมาในตำหนักของนาง... มิใช่งั้นหรอกหรือ?

เจ้าของผิวกายตะปุ่มตะป่ำเหลียวมองรอบกาย ของตกแต่งมิคุ้นตาคล้ายว่าถูกนำมาจากแคว้นอันห่างไกล ฉานฉูมิใช่นักเดินทางจึงไม่สันทัดนักว่ามันมาจากที่ใด นางสูญเสียวัยเยาว์ให้กับลูกชายไปเพื่อคอยขัดเกลาและเลี้ยงดูเขาเพียงลำพังที่บ้านเกิด ณ เมืองอู่ถง

ฉับพลันมีผู้หนึ่งชะโงกหน้ามา

ใบหน้าจิ้มลิ้มผสมเสี้ยวแห่งความงามจากผู้ที่ได้มีชื่อว่ามีใบหน้าครบเครื่ององคาพยพทั้งห้านั้นงดงามเหนือบุรุษใดอย่างฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงชะโงกมามองนางห่างเพียงคืบ

นัยน์ตาคู่นั้นเบิกกว้าง ผละกายออกห่างเมื่อพบว่านางลืมตาตื่น ริมฝีปากเบะเบ้บิดเบี้ยว นิ้วเรียวชี้กร่าง ใบหน้าแสดงออกถึงอาการรังเกียจเดียดฉันท์

“...อัปลักษณ์เสียจริง”

ฉานฉูได้ยินพลันแค่นหัวเราะในลำคอ ฮ่องเต้ผู้นั้นก็เคยเอ่ยคำนี้เช่นกันเมื่อพบนาง

ดูไปแล้วเด็กชายผู้นี้คับคล้ายคับคลาเจ้าเหนือหัวแห่งต้าเหลียงสักหกส่วน อีกที่เหลือคงจะได้มาจากมารดาของเขาเป็นแน่

“ซื่อซื่อ เจ้าพานางแล้วยังจะปฏิบัติต่อนางอย่างเสียมารยาทงั้นหรือ!”

ยามเมื่อเหม่ยเหรินเจ้าของตำหนักเยื้องกายเข้ามาเสียงกระดิ่งพรวนชวนให้ใจจดจ่อไปที่ผู้สวมใส่ ผู้นอนอยู่บนเตียงผุดกายขึ้นมานั่ง ฉานฉูรู้ศักดิ์ของตนดี ยามนี้นางกับเหม่ยเหรินผู้นี้เสมอภาคกันไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาย่อกายคำนับ แต่หากอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้เภทภัยจะได้ไม่กล้ำกราย

ยากจะบอกได้ว่าผู้ใดคิดกับตนเช่นไร แต่การฟื้นตื่นมาในตำหนักของนางมิได้หมายความว่านางจะคิดผูกไมตรี

ฉานฉูขยับกายลุกจากเตียงนอน เตรียมจะย่อกายคำนับหากแต่ร่างอรชรถลาเข้ามารั้งกายนางไว้ เสียงอ่อนหวานซักถามอย่างเป็นห่วง พยุงเจ้าของผิวกายอัปลักษณ์ขึ้นนั่งบนตั่งเตียงทำให้เจ้าแม่ฉานฉูผงะพลัน

“ท่านเพิ่งฟื้น มิควรลุกขึ้นไวเพียงนั้น” นางถูกฮุยเอินแตะเนื้อต้องตัวโดยมิได้แสดงสีหน้ารังเกียจ

สตรีตรงหน้าแย้มยิ้ม “แท้จริงแล้วข้าไม่ถือสาธรรมเนียมของต้าเหลียง”

ฉานฉูเพ่งมองโฉมงามจากแดนไกลที่เขาร่ำลือว่าเป็นเคยเป็นนางรำต้อยต่ำศักดิ์หากแต่ได้มีวาสนาขึ้นมาเป็นถึงสนมรักขององค์จักรพรรดิแห่งต้าเหลียง

นางฟ้านางสวรรค์เช่นนางเคยพบพานสตรีรูปโฉมงดงามมานักต่อนักจนชินตา

แต่ฮุยเอินผู้นี้เรียกได้ว่าน่าทะนุถนอมเป็นยิ่ง กลิ่นน้ำปรุงหอมโชย ผมยาวเหยียดตรง ประดับเครื่องหัวเป็นผ้าคาดแปลกตาทว่าวิจิตรงดงามและเข้ากับนางยิ่งนัก ใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตากลม นัยน์ตาสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากรูปกระจับแต่งแต้มเครื่องประทินโฉมเสริมความอ่อนหวานและคงความเยาว์วัยเป็นอย่างดี ต่างจากบุปผางามนางอื่นภายในสวนของกษัตริย์แห่งต้าเหลียง

และต่างจากองค์ชายน้อยที่นางได้ให้กำเนิด

ภายนอกอ่อนละมุน ภายในแข็งกระด้าง

องค์ชายน้อยวัยแปดชันษาเหวินหยางซื่อยืนพินิจนางด้วยสายตาขุ่นเคือง คล้ายว่ารังเกียจ คล้ายว่าสนใจ สับสนไปหมด

แม้รูปกายนั้นอัปลักษณ์ไม่งามตา แต่ก็ยากที่จะเบือนสายตาหนีไปได้

เสียงใสของเด็กน้อยกล่าวอย่างฉะฉานชัดถ้อยชัดคำ มือข้างหนึ่งไพล่ไปทางด้านหลังยามกล่าว

“ยามนี้ข้าเล่าเรียนการปรุงยา ได้ข่าวว่าเจ้าแม่ฉานฉูปรากฏกายมาจึงปรารถนาจะได้พบเพื่อขอคำแนะนำจากท่านเรื่องศาสตร์สมุนไพร คิดไม่ถึงว่าวาสนาจะชักพาให้สตรีสามัญเช่นท่านได้ขึ้นสู่ตำแหน่งไฉเหรินภายในเวลาชั่วข้ามคืน”

หญิงสามัญ กล่าวได้เจ็บยิ่งนักเจ้าจิ้งจอกน้อย

มารดาของเจ้าเองก็เป็นหญิงสามัญมิใช่หรือ?

ฉานฉูส่ายหน้าไปมาคล้ายว่าหน่ายใจ

ฮุยเอินถอดถอนหายใจกล่าวเสียงนุ่ม “เจ้าแม่ฉานฉู แท้จริงแล้วลูกชายของข้าสั่งคนให้อุ้มท่านที่นอนสลบมายังตำหนักของเราเพื่อจะได้เสวนากับท่านเรื่องยา”

เป็นเขาเองที่สั่งให้เหล่านางในหอบนางที่สลบไสลมายังตำหนักของมารดา

หญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นเลิกคิ้ว กระแอมไอให้อาการคอแหบแห้งหายไป

ฮุยเอินรับสั่งเสียงใสให้นางในนำถ้วยชามาให้แก่นาง นางในตัวสั่นระริกเก็บซ่อนท่าทีขยาดแขยงเสียจนฮุยเอินต้องคว้ารับถ้วยชานั้นประคองส่งถึงมือของนาง ฉานฉูวางใจขึ้นเปราะหนึ่งจึงยอมจิบชาก่อนที่จะกล่าว

“สำนักแพทย์ขาดแคลนแพทย์หลวงที่เก่งกาจพอจะเสวนาเรื่องยากับพระองค์ได้เช่นนั้นหรือเพคะ?” นางมองเด็กน้อยผู้นั้น เหวินหยางซื่อตัวเล็กจ้อย อาภรณ์ม่วงอ่อนขับเน้นให้ผิวกายเปล่งปลั่งดูน่ารักน่าชัง ดวงตากลมใสทว่าใบหน้าบึ้งตึง

ฮุยเอินถอดถอนหายใจส่ายหน้าไปมาคล้ายเอือมระอา “แพทย์หลวงทั้งหลายเคยมาให้ความรู้กับเขาแล้ว ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เขาเคยร่ำเรียนศึกษาด้วยตนเองมาก่อน”

“ข้าปรารถนาจะเล่าเรียนวิธีที่เจ้าแม่ฉานฉูใช้รักษาเสด็จพ่อ แพทย์หลวงกล่าวว่ามันคือ วิธีรักษาด้วยมือเปล่า” เสียงใสแจ๋วเอื้อนเอ่ย ดวงตากลมจดจ้องประสานตากับหญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นอย่างแน่วแน่

นางสำลักชาออกมาพลัน ใบหน้าคล้ำเครียดสลับกระดากอาย ส่งถ้วยน้ำชาคืนเจ้าของ

อันว่าฮ่องเต้เหวินเฟิงเฮยป่วยเป็นโรคประหลาดแท้จริงแล้วเพียงแค่พระวรกายมังกรอ่อนแรง นางเพียงแค่ตรวจสอบลูบคลำมันจนขึ้นลำด้วยวิธีธรรมชาติหาได้เรียกว่าคือการรักษาโดยแท้จริงไม่ ที่ตื่นตัวง่ายกับหญิงอัปลักษณ์เยี่ยงนางคงเป็นเพราะรู้สึกระทึกขวัญกระมัง

นางกระแอมไอ ยกชายผ้าขึ้นมาซับริมฝีปากของตน สูดหายใจลึก ๆ เข้าหนึ่งหนพลางกล่าว

“มิได้ พระองค์ยังเป็นเด็กเล็กไร้เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจ”

“ข้าเติบใหญ่แล้ว”

เจ้าแม่ฉานฉูคลี่ยิ้มหลุบสายตามองไปที่หว่างขาขององค์ชายน้อย “เช่นนั้นขอให้หม่อมฉันได้พิสูจน์”

“มะ ไม่จำเป็น”

“เช่นนั้นพระองค์จะเล่าเรียนวิธีรักษานั้นได้อย่างไรเพคะ”

“ข้าเรียนได้โดยที่ไม่ต้องให้เจ้าพิสูจน์ ออกไป ออกไปเลยนะ!”

เหวินหยางซื่อถลึงตาใส่พลันถอยก้าวห่างออกจาก ยามเมื่อเจ้าแม่ฉานฉูลุกจากเตียงมาพลันตั้งท่าจะวิ่งไล่จับตน เสียงขับไล่ให้ออกไปดังลั่น เสียงฝีเท้าเล็กวิ่งหนีห่าง ฮุยเอินหัวเราะคิกคัก นางลุกตามมาดูซื่อซื่อน้อยผู้วิ่งอ้อมไปมาหนีสตรีผู้นั้นแล้วสุขใจ

ท้ายที่สุดแล้วจบลงที่นางได้รับการเชื้อเชิญมายังตำหนักของฮุยเอินยามเมื่อองค์ชายน้อยเหวินหยางซื่อต้องการเพื่อนเล่น

img
สารบัญ
บทที่ 1 ลิขสิทธิ์ และคำเตือน บทที่ 2 ตัดเข้าโฆษณา บทที่ 3 ไร้ยางอาย (1) บทที่ 4 ไร้ยางอาย (2) บทที่ 5 ไร้ยางอาย (3) บทที่ 6 ไร้ยางอาย (4) บทที่ 7 ฉานฉูรับราชโองการ (1) บทที่ 8 ฉานฉูรับราชโองการ (2) บทที่ 9 ฉานฉูรับราชโองการ (3) บทที่ 10 ฉานฉูรับราชโองการ (4) บทที่ 11 ฉานฉูรับราชโองการ (5)
บทที่ 12 ฉานฉูรับราชโองการ (6)
บทที่ 13 ฉานฉูรับราชโองการ (7)
บทที่ 14 กาลกิณี (1)
บทที่ 15 กาลกิณี (2)
บทที่ 16 กาลกิณี (3)
บทที่ 17 นางไม่พูด (1)
บทที่ 18 นางไม่พูด (2)
บทที่ 19 นางไม่พูด (3)
บทที่ 20 นางไม่พูด (4)
บทที่ 21 นางไม่พูด (5)
บทที่ 22 นางไม่พูด (6)
บทที่ 23 นางไม่พูด (7)
บทที่ 24 สังเวยแพทย์ (1)
บทที่ 25 สังเวยแพทย์ (2)
บทที่ 26 สังเวยแพทย์ (3)
บทที่ 27 สังเวยแพทย์ (4)
บทที่ 28 สังเวยแพทย์ (5)
บทที่ 29 เครื่องสังเวย (1)
บทที่ 30 เครื่องสังเวย (2)
บทที่ 31 เครื่องสังเวย (3)
บทที่ 32 เครื่องสังเวย (4)
บทที่ 33 ตัวล่อ (1)
บทที่ 34 ตัวล่อ (2)
บทที่ 35 ตัวล่อ (3)
บทที่ 36 เปิดหูเปิดตา (1)
บทที่ 37 เปิดหูเปิดตา (2)
บทที่ 38 นักเล่านิทานพเนจร (1)
บทที่ 39 นักเล่านิทานพเนจร (2)
บทที่ 40 นักเล่านิทานพเนจร (3)
บทที่ 41 เหม็นเน่า (1)
บทที่ 42 เหม็นเน่า (2)
บทที่ 43 เหม็นเน่า (3)
บทที่ 44 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (1)
บทที่ 45 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (2)
บทที่ 46 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (3)
บทที่ 47 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (4)
บทที่ 48 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (5)
บทที่ 49 มนต์ดำ (1)
บทที่ 50 มนต์ดำ (2)
บทที่ 51 มนต์ดำ (3)
บทที่ 52 ปราบมังกร (1)
บทที่ 53 ปราบมังกร (2)
บทที่ 54 ปราบมังกร (3)
บทที่ 55 ปราบมังกร (4)
บทที่ 56 ปราบมังกร (5)
บทที่ 57 ขี่มังกร (1)
บทที่ 58 ขี่มังกร (2)
บทที่ 59 ขี่มังกร (3)
บทที่ 60 ขี่มังกร (4)
บทที่ 61 ขี่มังกร (5)
บทที่ 62 คนโปรด (1)
บทที่ 63 คนโปรด (2)
บทที่ 64 คนโปรด (3)
บทที่ 65 ตะลุมบอน (1)
บทที่ 66 ตะลุมบอน (2)
บทที่ 67 ตะลุมบอน (3)
บทที่ 68 ไม่ต้อง (1)
บทที่ 69 ไม่ต้อง (2)
บทที่ 70 ไม่ต้อง (3)
บทที่ 71 โง่เง่า (1)
บทที่ 72 โง่เง่า (2)
บทที่ 73 โง่เง่า (3)
บทที่ 74 โง่เง่า (4)
บทที่ 75 โง่เง่า (5)
บทที่ 76 อย่าหนีข้าไป (1)
บทที่ 77 อย่าหนีข้าไป (2)
บทที่ 78 ก็ไม่เลว (1)
บทที่ 79 ก็ไม่เลว (2)
บทที่ 80 ก็ไม่เลว (3)
บทที่ 81 ก็ไม่เลว (4)
บทที่ 82 ก็ไม่เลว (5)
บทที่ 83 ก็ไม่เลว (6)
บทที่ 84 สอด (1)
บทที่ 85 สอด (2)
บทที่ 86 สอด (3)
บทที่ 87 ซื่อซื่อ (1)
บทที่ 88 ซื่อซื่อ (2)
บทที่ 89 ซื่อซื่อ (3)
บทที่ 90 ซื่อซื่อ (5)
บทที่ 91 ชายแก่ (1)
บทที่ 92 ชายแก่ (2)
บทที่ 93 ชายแก่ (3)
บทที่ 94 ชายแก่ (4)
บทที่ 95 จุก (1)
บทที่ 96 จุก (2)
บทที่ 97 จุก (3)
บทที่ 98 เหี่ยว (1)
บทที่ 99 เหี่ยว (2)
บทที่ 100 เหี่ยว (3)
img
  /  2
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY