ด้วยความที่ยังต้องศึกษาเล่าเรียน พร้อมกับแบกรับภาระหน้าที่เป็นแพทย์พี่เลี้ยง ยามนี้ขงเฉว่อายุเพียงสิบเจ็ดปี และยังไม่จบการศึกษาแพทย์จึงต้องยังคงเทียวไปเทียวมาระหว่างวังหลวงและสำนักแพทย์บ่อย ๆ
วันหนึ่งที่เขาได้กลับมาศึกษาเล่าเรียนต่อที่สำนัก เขาก็ต้องกลับมารับหน้าที่เบ๊จิปาทะของศิษย์พี่ทั้งหลายอยู่ดี นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ต้องอุดอู้ท่องตำราแต่ได้ออกไปหาเก็บสมุนไพรในป่าเขา
เหวินหยางซื่อช่วยหอบกระจาดแบ่งเบางานเขาบ้างแล้ว เด็กหนุ่มเดินตามหลังเขาต้อย ๆ ไปอย่างว่าง่ายโดยที่ขงเฉว่ไม่ได้เอ่ยปากขอ
หลังจากเตลิดเข้าป่าไปไกล เก็บเห็ดที่ขึ้นตามโคนต้นไม้และคัดแยกประเภท
ฉับพลันขงเฉว่ได้หันไปเจอกับพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง
บนใบหน้าที่มีผ้าปิดปากไว้นั้นเผยให้เห็นดวงตาสองลูกที่เบิกตากว้างก่อนจะก้าวขาข้ามขอนไม้แล้วตรงดิ่งเข้าไป
มือเรียวถลกแขนเสื้อของตนขึ้นพร้อมกับเด็ดยอดกิ่งไม้ใบเขียวที่มีดอกสีขาวติดมาจำนวนหนึ่ง แม้ว่าสมุนไพรอย่างอื่นเหวินหยางซื่อจะเคยเห็นมาบ้าง แต่สำหรับกิ่งไม้ใบอ่อนที่อีกฝ่ายเด็ดเก็บมานั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ท่านพี่ นี่คือสมุนไพรอะไรหรือ”
“ทองพันชั่ง” ขงเฉว่พูดออกมาด้วยแววตายิ้มแย้ม “อีกชื่อของมันคือหญ้ามันไก่ วิธีใช้คือการนำมันไปตากแดดเสียก่อนจากนั้นจึงนำไปคั่วจึงจำสามารถนำมาต้มและชงเป็นน้ำชาเพื่อดื่ม”
เหวินหยางซื่อหยิบเจ้าหญ้ามันไก่นั้นขึ้นมาดมกลิ่น หูก็ฟังขงเฉว่โม้สรรพคุณของมันต่อ
“สรรพคุณของมันก็คือใช้ในการรักษาอาการปวดกระดูก บำรุงน้ำเหลือง รักษาโรคผิวหนัง พุพอง...”