img Like Daddy, Like Baby แด๊ดดี้ครับ...  /  บทที่ 1 แด๊ดดี้ครับ | 1.22%
ดาวน์โหลดแอป
ประวัติการอ่าน
Like Daddy, Like Baby แด๊ดดี้ครับ...

Like Daddy, Like Baby แด๊ดดี้ครับ...

img img img

บทที่ 1 แด๊ดดี้ครับ

จำนวนคำ:2562    |    อัปเดตเมื่อ:21/02/2022

หากมารดาผู้บังเกิดเกล้าไม่เสียชีวิตกะทันหัน เด็กหนุ่มก็คงจะไม่มีโอกาสได้เจอกับ ‘เขา’

…พ่อเลี้ยง

...ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี

‘กานต์’ เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีคิดว่าตนน่าจะหายตกใจเรื่องนี้แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็ยังคงสับสนอยู่ ด้วยเรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเสียจนเขารับมือไม่ทัน ทุกอย่างมันเริ่มมาจากที่เมื่อปีที่แล้ว มารดาบอกกับเขาว่าจะไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ร้านอาหารไทยในอเมริกาเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวและส่งเสียเขาให้เรียนต่อ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้กานต์ต้องย้ายไปอยู่กับยายซึ่งแก่ชรามากแล้วที่ต่างจังหวัด ทว่าใครจะคิดว่าจู่ๆ วันหนึ่งก็มีข่าวว่ามารดาของเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต

ตั้งแต่ที่บิดามารดาแยกทางกันเมื่ออายุได้เพียงสิบปี กานต์ก็อยู่กับมารดามาตลอด บิดาไม่เคยเหลียวแลด้วยมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว การสูญเสียทำให้ทั้งเขาและยายเสียศูนย์อยู่ไม่น้อย เขามืดแปดด้าน คิดไม่ออกว่าต่อจากนี้ตนจะใช้ชีวิตอย่างไร

แต่...หลังจากงานศพของมารดาเขา จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์จากล่ามชาวไทยที่อาศัยอยู่ในอเมริกาติดต่อมา พร้อมกับส่งข่าวน่าตกใจให้เขากับยายรับรู้

มารดาของเขาแต่งงานใหม่กับชายชาวอเมริกัน...

กานต์ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรนอกจากตกใจดี มารดาแต่งงานใหม่แต่ไม่เคยบอกกับเขา เท่าที่ได้ยินจากล่ามคนนั้น ดูเหมือนว่าจะแต่งงานกันมาเกือบปีแล้ว อะไรไม่ว่า ผู้ชายคนนั้นยังเสนอทางเลือกบางอย่างให้กับเขา

จะเป็นผู้ปกครองให้จนกว่ากานต์จะบรรลุนิติภาวะ...

แน่นอนว่าหมายถึงการส่งเสียเลี้ยงดูค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตของเขาด้วย โดยมีเงื่อนไขเดียว

...กานต์ต้องย้ายไปอยู่ที่อเมริกากับผู้ชายคนนั้น

เด็กหนุ่มซึ่งเหลือยายเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวไม่มีวันที่จะทิ้งครอบครัวไปอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตาแน่ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะอ้างตัวว่าเป็นพ่อเลี้ยงและมีใบจดทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานก็ตาม

แต่แล้ว...ความสูญเสียก็มาเยือนอีกครั้ง

ยายซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายตรอมใจจากการเสียลูกสาว อีกทั้งยังมีโรคชรา ทำให้จากไปอย่างปัจจุบันทันด่วนด้วยอีกคน ทำให้กานต์สิ้นไร้ไม้ตอก ในเมื่อหันไปทางไหนก็ไม่เห็นทางรอด เขาจึงจำเป็นต้องกลับคำ

เขาจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกากับพ่อเลี้ยงในฐานะ ‘เด็กในการดูแล’

ทันทีที่เขาตัดสินใจติดต่อไปทางล่ามของพ่อเลี้ยง ทุกอย่างก็ถูกตระเตรียมอย่างรวดเร็ว

กานต์มองไปรอบๆ ตัวอย่างประหม่า หลังจากวันนั้นที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาล่ามคนนั้น วันนี้เขาก็มายืนอยู่บนดินแดนแห่งเสรีภาพแล้ว

ดวงตากลมสีนิลฉายแววกังวลออกมาอย่างไม่ปกปิด มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์มือถือที่ต่อไวไฟสนามบิน ก่อนจะยกขึ้นมากดเข้าไปในโปรแกรมแชตเพื่อตรวจดูว่าเขาไม่ได้มาผิดสนามบิน

สนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี... ไม่ผิดแน่ อีกฝ่ายบอกให้เขาขึ้นเครื่องมาลงที่นี่

ไม่เพียงแต่บอก เป็นคนจองตั๋วให้ด้วยซ้ำ แล้วก็บอกให้เขามายืนรอที่แถวประตูทางออก สังเกตคนที่มายืนถือป้ายที่มีชื่อเขาให้ดี เพราะอีกฝ่ายจะส่งคนมารับ แต่ผ่านมาแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง กานต์ยังไม่เห็นจะมีใครมายืนถือป้ายที่มีชื่อเขาเลยสักคน

ความกังวลพร่างพราย เรียวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นเข้าหากัน

ถ้าพ่อเลี้ยงเขาไม่มาล่ะ ถ้าเขาถูกหลอกมาลอยแพที่อเมริกา เขาจะทำอย่างไร?

คิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ความกังวลไม่มีสิ้นสุด มีแต่จะทวีคูณ ในหัวคำนวณจำนวนเงินที่ได้รับมาจากผู้ชายคนนั้นเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งพอจะมีติดตัวอยู่ทันควัน

ถ้าถูกเท อย่างน้อยก็มากพอที่จะไปเช่าโรงแรมแถวสนามบินนอน...มั้ง

คิดไปแล้วก็ไม่มั่นใจหรอก แต่เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ท่องจำเบอร์โทรศัพท์ของสถานทูตไทยในอเมริกาได้ ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ก็คงต้องโทรไปขอความช่วยเหลือจากที่นั่น

ทว่าก่อนที่จะคิดอะไรไปไกล อันดับแรกเขาควรจะโทรหาพ่อเลี้ยงของเขาก่อนต่างหาก เผื่อว่าอีกฝ่ายจะลืม

ปิ๊บ...

ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร แค่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอก็ดับไปทันควัน กานต์สบถออกมา

“บ้าฉิบ ทำไมแบตฯ จะต้องมาหมดตอนนี้ด้วยวะ”

รู้สึกได้ถึงลางร้าย ภาษาอังกฤษตัวเองก็พูดไม่คล่อง แม้ว่าก่อนหน้านั้น พ่อเลี้ยงของเขาจะส่งเงินมาให้ไปเรียนปรับพื้นฐานก่อนมาที่นี่บ้างแล้วก็เถอะ เบอร์ของผู้ชายคนนั้นเขาก็จำไม่ได้ มิหนำซ้ำก็ยังไม่ได้จดเอาไว้

อะไรมันจะซวยขนาดนั้นวะไอ้กานต์...

อดไม่ได้เลยที่จะบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงเพื่อสงบสติอารมณ์

เอาล่ะ ใจเย็นๆ อย่างน้อยก็เดินหาอีกรอบก่อน เผื่อว่าจะมาแล้ว

คิดได้ก็ลากกระเป๋าใบเขื่องไปละแวกหน้าประตูทางออกอีกครั้ง สายตามองหาคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคนที่พ่อเลี้ยงของเขาส่งมารับ แต่นึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้ถามไว้ว่าคนที่มารับมีหน้าตาท่าทางเป็นแบบไหน นึกโทษตัวเองที่สะเพร่าจนแทบอยากจะยีหัวให้ยุ่งนัก

ทว่าทุกความคิดก็ต้องยุติลงเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งก้าวผ่านประตูเข้ามา

เขาใส่สูทสีกรม แต่งตัวเนี้ยบสะอาดสะอ้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าเครื่องแต่งกายทุกอย่างบนตัวเขาเป็นของแบรนด์เนมราคาแพง แต่อะไรก็ไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับเครื่องหน้าของเขา

คมเข้ม...มีไรหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย เส้นผมสีน้ำตาลมะฮอกกานี และดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ล้วนแล้วทำให้เขาดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ขนาดกานต์ที่เห็นเขาครั้งแรกยังหยุดมองไม่ได้เลย

หล่อมาก อย่างกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสาร

ดูแล้วผู้ชายคนนั้นไม่น่าจะอายุอานามในวัยยี่สิบกว่าๆ หรอก น่าจะเข้าเลขสามแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ทำให้กานต์ละสายตาจากเขาไม่ได้เลยสักนิด

มอง...จนลืมไปแล้วว่ามีเรื่องสำคัญกว่านี้ต้องทำ

ผู้ชายคนนั้นมาหยุดยืนบริเวณเดียวกับที่พวกคนมารอรับผู้โดยสาร ก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก พลันขมวดคิ้วยุ่งเหยิง จากนั้นก็กดโทรออกอีกครั้ง เมื่อปลายสายไม่มีการตอบสนอง เขาก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิม ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท คว้ากระดาษขนาดเอสี่ออกมากาง บนกระดาษนั้นเขียนว่า ‘Kan’

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจนักว่านั่นเป็นชื่อของเขาหรือเปล่า ชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าจะตัดสินใจเดินไปหยุดตรงหน้าแล้วเอ่ยปากถาม

“อะ...เอ็กซ์คิวส์มี...”

จากนั้นก็พูดต่อไม่ออก ทั้งนึกคำไม่ออกว่าควรจะถามว่าอะไรดี ทั้งพูดไม่ออกเพราะถูกดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมอง

คุณมารอผมใช่ไหม...ภาษาอังกฤษพูดว่าอะไร

กานต์อึกๆ อักๆ ครู่หนึ่งทีเดียว คาดเดาได้เลยว่าพ่อเลี้ยงของเขาจะต้องเสียดายเงินที่ส่งเขาไปเรียนปรับพื้นฐานแน่ๆ ขนาดประโยคง่ายๆ ยังพูดไม่ได้ เอาไว้ถ้าถูกว่าเรื่องนี้ค่อยแก้ตัวไปแล้วกันว่าเพราะไม่ค่อยได้คุยกับชาวต่างชาติก็เลยประหม่า

ขณะที่ผู้ชายคนนั้นมองเด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วรอให้อีกฝ่ายพูด แต่ในเมื่อคนตรงหน้าไม่พูด นอกจากส่งเสียง ‘เอ่อๆ อ่าๆ’ ไม่เลิก เขาเลยเป็นฝ่ายเปิดปากแทน

“กานต์ใช่ไหม”

คนถูกเรียกชื่อถึงกับเบิกตาโตทันควัน

ภาษาไทย!?

ไม่ทันจะได้ถาม ผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาอีก

“ฉันมารับเธอ”

ได้ยินเท่านั้น ความกังวลของกานต์ก็มลายหายไปในพริบตา

“พ่อเลี้ยง...เอ่อ...คุณสเวนส่งคุณมารับผมเหรอครับ”

ในเมื่อพูดภาษาไทยมา เขาก็พูดภาษาไทยตอบ ถึงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมฝรั่งตรงหน้าถึงพูดไทยได้ชัดขนาดนี้ แต่การไปให้พ้นจากสนามบินนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญกว่า

คนถูกถามพยักหน้า ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ส่วนกานต์กลับยิ้มกว้าง

“ค่อยยังชั่ว ผมนึกว่าจะไม่มีใครมารับผมซะแล้ว”

“ประชุมเลิกช้ากว่ากำหนดน่ะ ขอโทษด้วย” เขาว่า “จะไปกันหรือยัง” แล้วก็ถามมาอีก

“ครับ”

มีเหตุผลอะไรจะต้องปฏิเสธอีก กานต์พยักหน้าตอบตกลงทันที ก่อนจะลากกระเป๋าเดินตามหลังผู้ชายคนนั้นไป ในใจก็ขบคิดไม่หยุด

ผู้ชายคนนี้...หรือจะเป็นลูกน้องของพ่อเลี้ยงเขา?

รู้ว่า ออสติน สเวน คนนั้นเป็นนักธุรกิจ แล้วก็รู้ด้วยว่าเป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ถ้าจะมีลูกน้องคอยทำงานให้ก็ไม่แปลก

“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

พอเดินออกมานอกสนามบินจนกระทั่งถึงลานจอดรถ ระหว่างที่รอให้ผู้ชายคนนั้นยกกระเป๋าใส่ท้ายรถให้ กานต์ก็ออกปากถาม อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองพลางเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงให้ถามได้

“คุณทำงานให้คุณสเวนเหรอครับ”

เสียงปิดท้ายรถดังตามมาหลังจากนั้น ก่อนที่คนถูกถามจะยืดตัวขึ้น

“ฉันดูเหมือนลูกน้องของพ่อเลี้ยงเธอเหรอ”

กานต์เม้มริมฝีปากไปครู่ “เปล่าครับ แต่คุณสเวนบอกว่าจะส่งคนมารับผม ผมก็เลยเดาเอาว่าคงจะเป็นลูกน้อง”

คนฟังหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “เขาไม่ได้ส่งคนมารับเธอหรอก”

สีหน้าของเด็กหนุ่มฉาบพรายไปด้วยความสงสัยทันที

ถ้าไม่ได้ส่งมา แล้วคนตรงหน้าเขาเป็นใครกันล่ะ

หรือว่า...

เกือบจะคิดไปแล้วว่าเป็นมิจฉาชีพแอบอ้างอะไรหรือเปล่า ทว่าผู้ชายตรงหน้าก็พูดขึ้นมาก่อน

“เพราะเขามารับเธอเอง”

กานต์เบิกตาโต มองคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา

“งะ...งั้นก็แสดงว่าคุณคือ...”

“ออสติน สเวน”

พูดจบก็ยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองตกตะลึงไปได้ไม่ยาก แต่ถึงจะไม่ยิ้ม กานต์ก็ตะลึงงันไปแล้ว

พ่อเลี้ยงของเขายังหนุ่มขนาดนี้เลยเหรอ!?

หนุ่มอย่างเดียวไม่พอ หล่อประหนึ่งนายแบบบนรันเวย์อีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าแม่ของเขาจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้

“ขึ้นรถได้แล้ว จะได้กลับบ้านกัน”

กานต์ได้สติคืนกลับมาในตอนนี้ พยักหน้ารับหงึกหงัก เดินไปเปิดประตูรถข้างคนขับ แทรกตัวเข้าไปนั่งท่ามกลางความรู้สึกสับสน

ออสติน สเวน...มีเรื่องทำให้เขาเซอร์ไพรส์ไม่หยุดหย่อนเลยจริงๆ

img
สารบัญ
บทที่ 1 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 2 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 3 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 4 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 5 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 6 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 7 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 8 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 9 แด๊ดดี้ครับ บทที่ 10 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 11 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 12 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 13 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 14 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 15 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 16 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 17 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 18 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 19 แด๊ดดี้ครับ
บทที่ 20 ไม่พอใจ
บทที่ 21 แด๊ดดี้คร้าบ
บทที่ 22 ไม่สามารถควบคุม
บทที่ 23 ไม่ควร...
บทที่ 24 กอดฉัน
บทที่ 25 ผิดพลาดครั้งใหญ่
บทที่ 26 คิดมากไป
บทที่ 27 ไม่ควรที่จะเปิด
บทที่ 28 สัญญา
บทที่ 29 ไม่มีอะไร
บทที่ 30 Goodnight
บทที่ 31 ความลับ
บทที่ 32 น่าตื่นเต้น
บทที่ 33 มากไปหน่อย
บทที่ 34 ไม่ควรเลย...
บทที่ 35 อยากลอง
บทที่ 36 แสนจะซื่อตรง
บทที่ 37 ขึ้นห้องก็ดี
บทที่ 38 สอนภาคปฏิบัติ
บทที่ 39 กลายเป็นเด็กดื้อ
บทที่ 40 พ่อเลี้ยง
บทที่ 41 เชื่องช้า
บทที่ 42 มันยาก...
บทที่ 43 บอกว่าไม่ได้
บทที่ 44 เด็กมันยั่ว
บทที่ 45 ลมหายใจ
บทที่ 46 อย่าเสียใจทีหลัง
บทที่ 47 หมายความว่า...
บทที่ 48 ก็ไม่ต้องทน
บทที่ 49 จะต้องเสียใจ
บทที่ 50 แด๊ดดี้จะอึดอัด
บทที่ 51 อยากให้ถึงเวลาเลิกเรียน
บทที่ 52 อยากเจอ
บทที่ 53 เป็นเรื่องจริง
บทที่ 54 บุตรบุญธรรม
บทที่ 55 แด๊ดดี้เป็นอะไร...
บทที่ 56 มันจะไม่มีวันนั้น
บทที่ 57 ใคร่ครวญ
บทที่ 58 ตาลุงเจ้าเล่ห์
บทที่ 59 โลกใบนี้เป็นของพวกเขา
บทที่ 60 เคยเจอมาแล้ว
บทที่ 61 แต่งงาน
บทที่ 62 ครอบครัวเดียวกัน
บทที่ 63 จดทะเบียน
บทที่ 64 รักฉันให้มากเท่าที่เธอจะทำได้
บทที่ 65 ความต้องการของตัวเอง
บทที่ 66 คู่ชีวิต
บทที่ 67 เป็น – ของ – ฉัน!
บทที่ 68 ยิ้มเจ้าเล่ห์
บทที่ 69 เล่นอะไรซุกซน
บทที่ 70 โกหกเก่ง
บทที่ 71 มันไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง
บทที่ 72 ต่างคนต่างรู้ดี
บทที่ 73 พ่อเลี้ยง
บทที่ 74 หมากเกมนี้
บทที่ 75 พูดความจริง
บทที่ 76 หยุดทำเรื่องบ้าๆ
บทที่ 77 พรากผู้เยาว์
บทที่ 78 เอาจริง
บทที่ 79 ทุกค่ำคืน
บทที่ 80 ถวิลหา...นิรันดร์
บทที่ 81 Call me husband in Thai
บทที่ 82 Will you marry daddy
img
  /  1
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY