านลั่นเอี๊ยดอ๊าดที่ได้ยิน ทำให้พ่อใหญ่จงหันกลับมาพร้อมกับยิ้มรับชายหนุ่มจา
รวญจากเ
้าน
. เจ้
อะไรครับ
พอจะเดาได้ว่า “เจ้านาง” ที่พ่อใหญ่จงเอ่ยถึงคงหมายถึงสิ่งเหนือธรรมชาติที่คน
กันมาอย่างนี้ จนมาถึงรุ่นผมก็ยังคงเรียกอยู่เหมือนเ
ละยอมรับว่าสิ่งนั้นมีตัวตนอยู่จริงขณะที่ดวงตาแกร่
องพ่อใหญ่อีกที เจ้านางท่านนี้ก็คงอย
ปี 300 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น หรือดีไม่ดีอาจจะพร้อมๆ กับเรือท
ลใต้น้ำในช่วงสัปดาห์นี้ให้มากที่สุดก่อนจะวางแผนสำรวจจริงกล่าวต่อ กลับกลายเป็นเขาเองที่ไม่อาจละสายตาไปจากผืนน้ำระยิบระยับสุดสายตานั้นได้ รู้แต่
มรู้สึก แต่เมื่อเขาเดินสำรวจดูรอบๆ เรือนกลับไม่พบว่าจะมีวัตถุใดที่ให้เสียง
านั่นเป็นเสียงครวญของเจ้านาง ไม่ใช่ว่าเป็นเสียงของแมล
ร้องเฉพาะในคืนวันเพ็ญเต็มดวงหรอกน
พูดเหมือ
ารู้เรื่องราวแบบนี้ก่อนวันที่จะต้องลงสำรวจด้วยนะ..ไม่ใช่ว่ากลัวแต่เพราะไม่ต้องการให้อะไรมารบก
งนั้นครวญว่าอะไร ผมนอนฟังอยู่ตั้งนานก็ฟัง
เท่านั้นที่จะฟังเข้าใจ เพราะเสียงครวญคร่ำข
คนอื่นนั้นได้ยิ
วามเศร้า ความห่วงหา ความอ้างว้างและความ
ไทยไม่ได้เลย
างและแสงจันทร์งามระยิบระยับ คล้ายมีมนต์สะกดให้ชายหนุ่มและไม่หนุ่มทั้งในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียงกล้าที่จะลงไปเผชิญกับความเสี่ยงในยามพระอาทิตย์ล
ใดทั้งสิ้น วิชาอาคมก็บวชเรียนมาพอคุ้มตัว อีกทั้งยันต์กันภัยทั้งหลายต
รึงกลัวจนถึงวันนี้ก็ยังไม่อาจลืมเลือนได้ เพราะเหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้เขาสูญเสียเพื่อนเกลอที่พากันเที่ยวพากันเมาไปถึง 2 คนพร้อมๆ กัน ไป 3 ตาย 2
ครื่องสังคโลกที่กระจัดกระจายอยู่รายรอบไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจ สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือของมีค่าที่ยังคงหลงเหลือและไม่ย่อยสลายไปกับวันเวลาและน้