ชิงซูหยุดเดิน และหันไปเหลือบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามา
“เฉินเฉียนเฉียนเหรอ?”
เธอคือ น้องสาวต่างแม่ของชิงซู เธอเป็นคนตีสองหน้าเก่ง ริมฝีปากสีแดงของเฉียนเฉียนยื่นออกมาเล็กน้อย และเธอก็เข้ามายืนขวางอยู่ข้างหน้าชิงซู “พี่จะย้ายออกไปแล้วเหรอ?”
ชิงซูกลอกตา พลางยิ้มเยาะ “เฉียนเฉียน ฉันไม่ได้เจอเธอมาตั้งนาน เธอยังชอบสร้างภาพเป็นมีน้ำใจสินะ ทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบแล้ว ยังแกล้งถามทำไม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเฉียนเฉียนก็ซีดเผือดไปขณะหนึ่ง และหลังจากนั้น เปลวไฟแห่งความโกรธก็จุดประกายขึ้นในดวงตาของเธอ แต่ในไม่ช้า เธอก็สามารถระงับความโกรธในใจของเธอไว้ได้ และเปลี่ยนท่าทีเป็นคนใสซื่อ
“พี่ชิงซู ฉันก็แค่เป็นห่วงพี่ ทำไมพี่ถึงคิดกับฉันแบบนั้นหล่ะ”
เป็นห่วงงั้นเหรอ?
ฉันเกรงว่า ความเป็นห่วงของเธอ มันคงจะเป็นความเป็นห่วงจอมปลอมเสียมากกว่า คงมาเพราะอยากจะเยาะเย้ยละสิ
ในขณะนั้น เฟินฉีก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ และเตือนว่า “นายหญิง ใกล้ถึงเวลาที่คุณจะต้องไปแล้วนะคะ คุณซือซั่วใกล้จะกลับมาแล้ว”
ริมฝีปากของชิงซูกระตุกขึ้น แล้วชี้นิ้วไปทางเฉียนเฉียน พลางพูดกับเฟินฉีว่า “ไม่ใช่ว่า ฉันไม่อยากไป แต่มีหมาตัวหนึ่งกำลังขวางทางฉันอยู่ ฉันเลยยังไปไหนไม่ได้ ถ้าหมาเกิดบ้า แล้วมากัดฉันขึ้นมา ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?”
ได้ยินดังนั้น เฟินฉีถึงกับพูดไม่ออก
ในขณะที่ดวงตาของเฉียนเฉียนแดงก่ำ และน้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมาด้วยความเสียใจ เธอพูดว่า “พี่ชิงซู ฉันรู้ว่า ในวันนี้ พี่เขยต้องการจะหย่ากับพี่ ฉันกลัวว่า พี่จะเศร้าใจ ดังนั้น ฉันเลยอุตส่าห์หยุดงานมาหาพี่ พี่…… แล้วทำไมพี่ต้องพูดกับฉันถึงขนาดนั้นด้วย ฉันเป็นน้องสาวของพี่นะ”
“ฉันกับสุนัขอย่างเธอ เราไม่ใช่พี่น้องกัน” ชิงซูพูดปฏิเสธความสัมพันธ์กับเธออย่างรวดเร็ว และหันไปมองไปเฟินฉีอีกครั้ง “เฟินฉี คุณดูสิ มันแป็นแบบนี้ แล้วฉันจะไปได้ยังไง?”
ใบหน้าที่เย็นชาของเฟินฉีหายไปครู่หนึ่ง และเธอก็พูดกับเฉียนเฉียนว่า “คุณเฉียนเฉียน ได้โปรดหลีกทางด้วย”
เฉียนเฉียนกัดริมฝีปากของเธอแน่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
หลังจากนั้น ชิงซูจึงพูดด้วยเสียงต่ำว่า “เฟินฉี สุนัขมันไม่เข้าใจภาษาคนหรอก”
ได้ยินดังนั้น เฉียนเฉียนก็กำมือแน่น และจ้องไปที่ชิงซูอย่างโกรธเคือง
เมื่อชิงซูเอียงศีรษะมองดูเธอโกรธอย่างสิ้นหวัง ริมฝีปากของเธอก็เผยถึงรอยยิ้มเย้ยหยัน
หัวใจของเฉียนเฉียนก็ชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย่อหยิ่ง และเย้ยหยันของเธอ
‘มันเกิดอะไรขึ้น? ชิงซูเป็นคนขี้ขลาด และเธอก็มักจะเป็นคนเชื่อฟังคำของฉันอยู่เสมอ แต่วันนี้ เธอกลับพูดจาฉะฉาน และท่าทีของของเธอที่มีต่อฉันก็เปลี่ยนไปมาก!’ เฉียนเฉียนคิดในใจ
“คุณเฉียนเฉียน” เฟิงฉีพูดย้ำอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เฉินเฉียนเฉียนเม้มริมฝีปากสีชมพูของเธอ แล้วพยายามระงับความสงสัย และพูดออกไปอย่างอ่อนโยนว่า “ผู้ช่วยเฟินฉี ไม่ใช่ว่า ฉันไม่ยอมปล่อยพี่ชิงซูไป แต่เป็นเพราะ... คุณซือซั่วเป็นคนสั่งไว้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฟินฉีและชิงซูต่างก็ตกตะลึงในเวลาเดียวกัน
“คุณซือซั่วรู้ว่า ฉันจะมาที่นี่ เขาเลยขอให้ฉันช่วยเฝ้าดูพี่เก็บข้าวของออกไป โดยเขาบอกกับฉันว่า ข้อตกลงในการหย่าระบุไว้ว่า พี่ชิงซูจะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ และพี่ไม่มีสิทธิ์เอาของที่เป็นของครอบครัวจ่านออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว” เฉียนเฉียนจ้องไปที่กระเป๋าเดินทางของชิงซู และพูดต่อไปว่า
“ดังนั้น ฉันเลยอยากขอให้พี่เปิดกระเป๋าให้ฉันตรวจดูหน่อย”
ชิงซูขมวดคิ้ว “ข้างในก็มีแค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัว ฉันไม่ได้เอาอะไรออกไปจากที่นี่สักหน่อย!”
เฉินเฉียนเฉียนไม่สนใจ เธอก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วคว้ากระเป๋าเดินทางของเธอไว้ และพูดว่า “พี่ชิงซู พี่คิดว่าแค่พี่บอกว่าไม่ได้เอาอะไรออกไป แล้วมันก็จะจบเหรอ ถ้าพี่ไม่ได้เอาอะไรออกไปจริง ๆ แล้วจะกลัวทำไม?”
พูดจบ เฉินเฉียนเฉียนก็วางกระเป๋าเดินทางลง แล้วทำการเปิดออก
ภายในกระเป๋าเดินทางมีเสื้อผ้ากองซ้อนกันอยู่ และดูเหมือนว่า มันไม่มีอะไรอื่นเลยจริง ๆ
เห็นดังนั้น เฉียนเฉียนก็กัดฟันแน่น เธอไม่คิดว่า คนอย่างชิงซูจะแค่นำเสื้อผ้าไปด้วยเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เธอพยายามค้นหากระเป๋าไปมาหลายรอบ ราวกับว่าเธอต้องการหาหลักฐานว่า ชิงซูขโมยของจากตระกูลจ่านไปให้ได้ แต่ค้นหาไปสิบกว่านาที่ กลับกลายเป็นว่า ข้างในมีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นจริง ๆ
“พอหรือยัง?” ชิงซูมองไปที่เฉียนเฉียนอย่างหมดความอดทน
“พี่ชิงซู ฉันต้องทำตามคำสั้งของคุณซือซั่ว ถ้ายังไง ฉันขอตรวจดูอย่างละเอียดกว่านี้หน่อยน่าจะดีกว่า” เฉียนเฉียนพูดอย่างแผ่วเบา
“งั้นเธอก็เช็คต่อไปเถอะ ฉันไม่ต้องการเสื้อผ้าพวกนี้แล้ว” ใบหน้าชิงซูบึ้งตึง ความเจ็บปวดในร่างกายของเธอ มันยังคงไม่ได้จางหายไปเลยแม้แต่น้อย เธอไม่อยากที่จะวุ่นวายกับเฉียนเฉียนอีก และเธอก็ไม่ต้องการรอให้ซือซั่วกลับมาบีบคอของเธออีกครั้ง
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอจึงเดินเลี่ยงเฉียนเฉียนไปที่ลิฟต์ เฟินฉีเองก็เดินตามหลังเธอมาติด ๆ เช่นกัน
เสียงลิฟต์ดังขึ้น
ในขณะนี้ลิฟต์มาถึงชั้น 3 ประตูทั้งสองก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ แต่ขณะที่ชิงซูกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน ทันใดนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิรอบ ๆ ตัวเธอลดลงต่ำอย่างรวดเร็ว เธอตัวสั่นเทา และหยุดเดินทันที
สิ่งแรกที่เธอสังเกตเห็นคือ รองเท้าหนังคู่หนึ่งที่ได้รับการขัดมาจนเงาวับ และเมื่อเธอค่อย ๆ มองขึ้นไปก็ต้องเห็นเข้ากับใบหน้าที่เย็นชาของจ่านซือซั่ว เมื่อเห็นดังนั้น ดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“คุณซือซั่ว” เฟินฉีก้มศีรษะลงแสดงความเคารพ
ดวงตาสีเข้มของซือซั่วเต็มไปด้วยอันตราย และทันใดนั้น ก็มีเสียงต่ำออกมาจากริมฝีปากของเขา “ชิงซูดูเหมือนว่า คุณจะจำในสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อเช้านี้ไม่ได้!”
เมื่อชิงซูเห็นเข้ากับเขา เธอก็นึกถึงความรู้สึกถึงการหายใจไม่ออกที่เกิดจากการถูกบีบคอเมื่อเช้านี้ได้ทันที หัวใจของเธอสั่นเทา
เธอเอื้อมมือขึ้นไปจับที่คอของเธอ แล้วพูดว่า “จำได้”
“จำได้งั้นเหรอ? แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่อยู่อีก! ” ซือซั่วก้าวเข้ามาใกล้เธอ และถามเธอด้วยน้ำเสียงเฉียบคม
เมื่อชิงซูเห็นดังนั้น เธอก็ก้าวถอยหลังจนหลังของเธอสัมผัสเข้ากับผนัง และไม่มีทางให้เธอสามารถถอยหลังต่อไปได้อีก เธอทำได้เพียงหลับตาลง และกัดฟันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
“คุณควรไปถามเฉียนเฉียน ฉันก็อยากจะไปอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เธอก็มาขวางทางฉันไว้ และห้ามไม่ให้ฉันไป ดังนั้น ฉันเลย.....”
ชิงซูขบกรามแน่น เธออธิบายกับเขายังไม่ทันจบ แต่ทันใดนั้น เฉียนเฉียนก็ก้าวไปข้างหน้า และพูดขัดจังหวะเธอขึ้น พร้อมกับน้ำตาในดวงตาของเธอ
“พี่ชิงซู พี่พูดโกหกแบบนี้ได้ยังไง!”
“ฉันไม่ได้โกหก!” ชิงซูพูดปฏิเสธทันที อดก่นด่าในใจไม่ได้ ‘ถ้าไม่ใช่เพราะอีเฉียนเฉียนนังหน้าซื่อใจดด ฉันคงจะได้ไปจากที่นี่ตั้งนานแล้วแหละ และฉันก็คงไม่ต้องมาเจอกับซือซั่วแบบนี้ บ้าเอ้ย!’
เฉียนเฉียนดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ เธอพูดขึ้นมาว่า “พี่เขย ฉันไม่ได้ตั้งใจห้ามไม่ให้พี่ชิงซูไปจริง ๆ นะ ฉันแค่ทำตามคำสั่งของคุณ ที่ให้ฉันคอยตรวดูกระเป๋าเดินทางของพี่ชิงซู เพราะกลัวว่า เธอจะเอาของที่เป็นของคุณไป พี่ชิงซู…… ฉันรู้ดีว่า ปกติพี่เป็นคนชอบพูดโกหก แต่ฉันคิดไม่ถึงว่า ในเวลาแบบนี้ พี่ยังจะกล้าพูดโกหกได้อยู่อีก”
เมื่อซือซั่วได้ยินคำพูดเฉียนเฉียน เขาก็นึกถึงสิ่งที่ชิงซูทำในอดีตได้ขึ้นมาทันที ใบหน้าของเขาก็มืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ “ชิงซู คุณคิดจริง ๆ เหรอว่า ฉันไม่กล้าฆ่าคุณ?”
ทันใดนั้น ฝ่ามือขนาดใหญ่ของซือซั่วก็คว้าไปที่ต้นคอของเธอ และมันทำให้หัวของเธอก็กระแทกเข้ากับผนังอย่างจัง ชิงซูพยายามดึงมือของเขาออกตามสัญชาตญาณ และด้วยความเจ็บปวดที่ด้านหลังศีรษะของเธอ มันก็ทำให้เธอเวียนหัวมากขึ้น
“จ่าน...จ่านซือซั่ว” ชิงซูเรียกชื่อของเขาออกมาอย่างติดขัด
ซือซั่วจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ชิงซู ใครอนุญาตให้คุณมาท้าทายฉันครั้งแล้วครั้งเล่ากัน!”
ด้วยความรู้สึกที่เริ่มหายใจไม่ออก ชิงซูจึงพยายามดึงมือของซือซั่วออกจากลำคอของเธอ
และเมื่อเฟินฉีเห็นดังนั้น เธอก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เธอจึงรีบก้าวไปข้างหน้า และคุกเข่าลง แล้วพูดว่า “คุณซือซั่ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายหญิง คนในคณะกรรมการจะใช้โอกาสนี้สร้างปัญหาให้คุณ และแผนการรวมหุ้นของคุณจะถูกคัดค้านอย่างแน่นอน”
“บัดซบ!” จ่านซือซั่วคำราม และนิ้วเรียวที่บีบคอของชิงซูไว้ก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เนื่องจากออกแรงบีบคอเธอไว้แน่น