ฉู่ชิงหวงหันไปมองท่านอ๋องเก้าด้วยสายตาแทบจะเรียกได้ว่าวิงวอนขอร้อง “ท่านอ๋อง ข้าฉู่ชิงหวงยินดีเอาชีวิตคนทั้งตระกูลเป็นประกัน ว่าอนุของแม่ทัพเจี่ยงโป้ปดมดเท็จ แสร้งตั้งครรภ์ นางกลัวว่าข้าจะเปิดโปงความจริงก็เลยโยนความผิดให้ข้า ขอท่านอ๋องได้โปรดให้โอกาสฉู่ชิงหวงสักครั้ง ให้ข้าได้พบแม่ทัพเจี่ยงเพื่อล้างมลทินให้กับตัวเอง หากชิงหวงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ชิงหวงน้อมรับโทษประหารเก้าชั่วโคตร”
สตรีนางนี้ คิดจะดึงคนในตระกูลตัวเองลงเหวไปด้วยให้ได้ เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าสกุลฉู่ตัดหางปล่อยวัดนางไปตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะมีนิสัยทำสิ่งใดแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดเช่นนี้ ช่างเด็ดขาดยิ่งนัก! ผู้อื่นเกรงว่าจะทำให้คนในตระกูลเดือดร้อนไปด้วย แต่นางกลับคิดจะให้ฝังคนทั้งตระกูลไปด้วยกันกับนาง นิสัยเฉกเช่นนี้นับว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ยามนี้ดาบเพชฌฆาตจ่ออยู่ที่ลำคอของนางแล้ว
ชาวบ้านต่างพากันรอชมฉู่ชิงหวงถูกประหารอยู่ด้านนอกลาน เพื่อเป็นการปลอบโยนท่านแม่ทัพที่พวกเขารักและเทิดทูน
ส่วนด้านข้างนั้นเป็นน้องสาวของฉู่ชิงหวง ที่รอให้ดาบของเพชฌฆาตฟันลงมา นางจะได้เข้ามาแทนที่ฉู่ชิงหวง!
ใช่แล้ว ทุกคนกำลังรอดูนางตาย!
แม้แต่ท่านอ๋องก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงเรื่องทุกอย่างนี้ไม่ได้!
ทว่าชั่วขณะที่ฉู่ชิงหวงกำลังสิ้นหวังนั้นเอง ท่านอ๋องเก้าก็พลันเอ่ยปากรับคำขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะให้โอกาสนี้กับเจ้า...”
“ท่านอ๋องเก้า... ฝ่าบาทมีพระราชโองการ...” ขุนนางที่ติดตามมาเอ่ยเตือนจวินโม่เฉิน
จวินโม่เฉินยกมือขึ้นปรามไม่ให้อีกฝ่ายพูดต่อ “ทางด้านฝ่าบาท ข้าจะอธิบายกับพระองค์เอง... ข้าอยากจะดูซิว่า หากฉู่ชิงหวงผู้นั้นงัดหลักฐานออกมาไม่ได้ นางจะยอมให้คนทั้งตระกูลถูกฝังไปพร้อมกับนางหรือไม่”
ฉู่ชิงหวงมองจวินโม่เฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ!”
ทว่าจวินโม่เฉินกลับค้าน “หากเจ้าไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าต้องตายสถานเดียว!”
...
แม้ฉู่ชิงหวงจะมีความหวังขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ยามนี้ชีวิตนางก็ยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพียงแต่น้องสาวที่อยู่ข้าง ๆ ของนางกลับอดกล่าวโทษนางขึ้นมาไม่ได้ “ท่านพี่ เหตุใดท่านต้องเอาชีวิตของพวกเราทั้งตระกูลมาเดิมพันด้วย?”
“น้องหญิง เจ้าไม่เชื่อว่าพี่บริสุทธิ์งั้นหรือ?” ฉู่ชิงหวงมองฉู่ชิงเยว่โดยน้ำตาคลอเบ้า ราวกับว่านัยน์ตานั้นกำลังเปล่งประกายระยับ ฉู่ชิงเยว่กัดฟันพยักหน้า
“น้องย่อมต้องเชื่อว่าท่านพี่ไม่ได้เจตนาทำร้ายลูกท่านแม่ทัพจนถึงแก่ความตายแน่...” ฉู่ชิงเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่โทษประหารเก้าชั่วโคตรนี้ ท่านพี่ช่างใจดำอำมหิตทำได้ลงคอนัก!”
“มีอันใดให้ทำไม่ลงกันเล่า?” ฉู่ชิงหวงถามฉู่ชิงเยว่กลับเสียงแผ่ว
“เจ้า...”
ฉู่ชิงหวงไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ นางขยับเข้าไปใกล้น้องสาวแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ในเมื่อข้าบอกว่ามีหลักฐาน ข้าก็ย่อมเอามันออกมาได้ น้องหญิงต่างหาก เจ้าต้องระวังตัวแล้ว... หากข้าพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ก็หมายความว่าเจ้าต้องขึ้นมาอยู่บนแท่นประหารนี้แทนข้าแล้วไม่ใช่หรือ?”
ฉู่ชิงเยว่หน้าถอดสี แต่นางก็ยังเชื่อมั่นว่าไม่มีใครเอาหลักฐานออกมาได้ โดยเฉพาะฉู่ชิงหวงยิ่งเป็นไปไม่ได้!
“ท่านพี่ ท่านหยุดวางมาดข่มคนเสียที...” แม้ฉู่ชิงหวงจะฝีมือการแพทย์สูงส่ง แต่นางอับจนหนทาง อีกทั้งยังไร้เส้นสายด้วย คิดจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองงั้นหรือ? ช่างฝันกลางวันเสียจริง! ยิ่งไปกว่านั้น คนที่นางล่วงเกินในตอนนี้คือแม่ทัพใหญ่ นางเองก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งหมอหลวงแล้ว นางจะยังเหลือทางใดให้พลิกกระดานได้อีกกัน!
ฉู่ชิงหวงคร้านจะต่อปากต่อคำกับนางอีก จึงหันไปคารวะจวินโม่เฉิน “เชิญท่านอ๋องเสด็จตามหม่อมฉันไปที่จวนท่านแม่ทัพด้วยเพคะ...”
ตอนที่ท่านอ๋องเก้าพาฉู่ชิงหวงไปที่จวนแม่ทัพใหญ่นั้น แม่ทัพใหญ่เจี่ยงซางหวู่ก็กำลังปลอบขวัญอนุภรรยาของตัวเองที่เพิ่งเสียลูกไป ส่วนยู่ฮูหยินผู้เป็นอนุถูกทำร้ายอย่างสาหัสก็อยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ยอมผละจากไปไหน
แม้เจี่ยงซางหวู่จะเป็นคนหยาบ แต่เขาก็ยังรู้เป็นห่วงเป็นใยคนด้วย เรื่องเดียวที่เขาสุดแสนจะเสียใจก็คือ เขาแต่งงานมาสิบกว่าปีแต่ยังไม่มีลูกสักคน ลำบากแสนเข็ญกว่ายู่ฮูหยินจะตั้งครรภ์ขึ้นมาได้ แต่เขายังไม่ทันดีใจ ลูกก็ต้องมาถูกคนสังหารไปเสียแล้ว เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขาโกรธ ไม่ให้เขาแค้นได้อย่างไร!
“ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านอ๋องเก้าเสด็จมาขอรับ”
“มาทำอะไร?” เจี่ยงซางหวู่ถามเสียงเข้ม หลังจากที่อ๋องเก้าจวินโม่เฉินกลับมาจากสนามรบเมื่อห้าปีก่อน เขาก็ถูกฝ่าบาทริบอำนาจทางการทหาร บัดนี้ถึงแม้เขาจะเป็นแค่ท่านอ๋องไร้ประโยชน์ที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ อยู่ในเมืองหลวง ทว่ากลับไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขา
“ท่านอ๋องเก้าพาฉู่ชิงหวงมาด้วยขอรับ”
“ฉู่ชิงหวง!” ยู๋ฮูหยินได้ยินเข้าก็กรีดร้อง “ท่านแม่ทัพเจ้าคะ นางสารเลวนั่นวางแผนทำร้ายลูกเราจนตาย ท่านจะปล่อยมันไปไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ! ท่านต้องฆ่ามันมาเซ่นไหว้วิญญาณลูกของเราที่อยู่บนสวรรค์นะเจ้าคะ!”
“ยู่เอ๋อร์ เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน ใจเย็น ๆ ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไปจัดการนางเดี๋ยวนี้!” เจี่ยงซางหวู่ประคองอนุภรรยาสุดที่รักให้นอนลง ก่อนจะหันหลังก้าวยาว ๆ ออกไปด้านนอกด้วยท่าทางดุดัน
จวินโม่เฉินพาฉู่ชิงหวงไปรออยู่ที่ห้องโถวงใหญ่ ทันทีที่เจี่ยงซางหวู่เดินเข้ามาก็ถลึงตามองฉู่ชิงหวงด้วยความเคียดแค้น “นี่มันเรื่องอะไรกัน ท่านอ๋องเก้า ฉู่ชิงหวงมิใช่สมควรจะต้องถูกตัดหัวไปแล้วหรือ?”
“แม่ทัพเจี่ยงโปรดระงับโทสะด้วย ฉู่ชิงหวงบอกว่าตัวเองถูกปรักปรำ ข้าผู้เป็นอ๋องเห็นแล้วเกิดสงสารเห็นใจ จึงให้โอกาสนางได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพเองก็คงไม่อยากถูกปิดหูปิดตาไม่ให้รู้ความจริงกระมัง” อ๋องเก้าหมุนแหวนหยกบนนิ้วมือเล่น พลางตอบอย่างรัดกุมไม่เหลือช่องโหว่ให้อีกฝ่ายโต้แย้งได้อีก
“ฉู่ชิงหวงคารวะท่านแม่ทัพใหญ่เจ้าค่ะ” ฉู่ชิงหวงเดินนวยนาดเข้ามาคารวะ “ท่านแม่ทัพกรำศึกอยู่ในแดนทะเลทราย สร้างผลงานการศึกให้ราชสำนักจ้าวหมิงเราอย่างองอาจเกรียงไกร นับเป็นนายทัพที่เก่งกล้าและปราดเปรื่องยิ่งนัก”
“เจ้าไม่ต้องมาสรรเสริญเยินยอข้า เจ้าฆ่าลูกข้า อย่าคิดว่าเจ้ามาพูดดีไม่กี่คำแล้วข้าก็จะปล่อยเจ้าไปนะ!” เจี่ยงซางหวู่พูดเสียงดังราวกับเสียงอัสนีบาต เสียงเขาดังลั่นเสียจนชวนให้คนปวดแก้วหู