“ชิงหวงมิกล้าเจ้าค่ะ ชิงหวงเคารพท่านแม่ทัพมาโดยตลอด เพราะมีท่านแม่ทัพกับเหล่าทหารกล้าทั้งหลายคอยสละเลือดเนื้อที่สมรภูมิรบ พวกเราถึงได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ายู่ฮูหยินคลอดยาก ข้าน้อยในฐานะที่เป็นหมอหลวงหญิงเพียงคนเดียวในสำนักหมอหลวง จึงไม่รอช้ารีบมาที่จวนท่านแม่ทัพทันที” ฉู่ชิงหวงพูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “แต่เพราะปัญหาของยู่ฮูหยิน ข้าน้อยเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ทว่าข้าน้อยยังไม่ทันได้รายงานความจริงกับท่านแม่ทัพก็ถูกคนตีจนสลบไปเสียก่อน”
“เจ้าฆ่าตัวตายหนีความผิดเองชัด ๆ !” ยู่ฮูหยินเดินเข้ามาโดยมีคนคอยช่วยพยุง เดิมทีนางนึกว่าฉู่ชิงหวงตายไปแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงว่านางจะยังไม่ตาย ทั้งยังกลับมาที่จวนแม่ทัพอีก “ท่านแม่ทัพเจ้าคะ ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้ากับลูกที่น่าสงสารของเรานะ เขาเป็นลูกคนแรกของท่านนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องร้อง ไ่ม่ต้องร้อง” เจี่ยงซางหวู่เห็นอนุภรรยาแสนรักของตนร่ำไห้ราวกับดอกสาลี่งามต้องหยาดฝนก็ปวดใจนัก “ฉู่ชิงหวง เจ้ายังกล้าเล่นลิ้นอีกหรือ เจ้าทำให้ลูกข้าต้องตาย...”
“ท่านแม่ทัพ!” ฉู่ชิงหวงเอ่ยขัดเจี่ยงซางหวู่ขึ้น นางย้อนถามเขาอย่างมีชั้นเชิง “ยู่ฮูหยินของท่านไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน ชิงหวงจะทำให้ลูกของนางตายได้อย่างไร?
ทุกคนในที่นั้นได้ฟังคำพูดของฉู่ชิงหวงแล้วก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะยู่ฮูหยินที่ถึงกับหน้าถอดสี “ฉู่ชิงหวง เจ้ามันนังงูพิษ เจ้าฆ่าลูกข้าแล้วยังกล้ามาใส่ร้ายข้าว่าไม่เคยตั้งท้อง เจ้าจะบอกว่าที่ข้าอุ้มท้องมาเป็นสิบเดือนเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ?”
“ฉู่ชิงหวง หากเจ้ายังพูดจาเหลวไหลที่นี่อีก...”
“ข้ามีหลักฐาน!” ฉู่ชิงหวงกล่าวอย่างเยือกเย็น “ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นคนปราดเปรื่อง เป็นผู้กล้ามีปัญญา ใจคอกว้างขวาง ท่านคงไม่ยอมให้มีชีวิตบริสุทธิ์หนึ่งชีวิตต้องถูกสังหารไปอย่างคลุมเครือเช่นนี้กระมัง?”
เจี่ยงซางหวู่มองนัยน์ตาใสเป็นประกายของฉู่ชิงหวงแล้วขมวดคิ้วจาง ๆ
“ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าเชื่อนางนะเจ้าคะ ข้าอุ้มท้องมาตั้งสิบเดือน ท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจมิใช่หรือเจ้าคะ?” ยู่ฮูหยินเริ่มร้อนรน ยามนี้นางชักจะเสียใจแล้ว นางไม่น่าร่วมมือกับฉู่ชิงเยว่วางแผนให้ใส่ร้ายฉู่ชิงหวงเลยจริง ๆ เดิมทีนางแค่คิดว่าอยากหาเด็กสักคนมาเป็นลูกของตัวเอง เพียงเท่านี้นางก็จะได้เสวยสุขบนทรัพย์สมบัติของลูกแล้ว อีกทั้งนางก็จะได้เป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ แต่ฉู่ชิงเยว่บอกว่าอาศัยเด็กคนเดียวคงไม่อาจเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพได้ อีกฝ่ายบอกว่าขอเพียงนางร่วมมือให้ร้ายฉู่ชิงหวง ก็จะช่วยให้นางได้ตำแหน่งฮูหยินท่านแม่ทัพ ทว่าตอนนี้นางชักจะเสียใจเสียแล้ว
“ท่านแม่ทัพ ชิงหวงเริ่มเรียนวิชาแพทย์กับท่านอารองตั้งแต่อายุหกขวบ จนบัดนี้ก็สิบปีแล้ว ภายหลังเป็นเพราะการแนะนำของพระนางซูเฟย ข้าถึงได้ผ่านบททดสอบยาก ๆ พวกนั้นจนกลายมาเป็นหมอหญิงเพียงคนเดียวในสำนักหมอหลวง ความสามารถของข้า ท่านแม่ทัพเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ มิเช่นนั้นคงไม่เชิญข้ามาที่จวนท่านกระมัง หลังจากที่ตรวจอาการให้ยู่ฮูหยินแล้ว ข้าถึงได้พบว่านางใช้สูตรยาลับเฉพาะที่ช่วยให้มีอาการเหมือนคนตั้งท้อง แต่หลังจากใช้ยาแก้อาการนั้นแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติดังเดิม” ฉู่ชิงหวงสำลัก “แต่ข้ายังไม่ทันได้รายงานท่านแม่ทัพ ก็ถูกคนตีจนสลบไปก่อน จากนั้นก็ถูกคุมตัวไปลานประหาร ข้อหาลอบสังหารทายาทของท่านแม่ทัพ”
“เจ้าพูดเหลวไหล ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำนะ!” ยู่ฮูหยินจับมือเจี่ยงซางหวู่ไว้ “ท่านแม่ทัพ ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำ”
“ท่านแม่ทัพ นับแต่โบราณมา ชาวบ้านล้วนใช้วิธีหยดเลือดพิสูจน์เพื่อยืนยันตัวตนที่แท้จริง” ฉู่ชิงหวงไม่รีบร้อน นางเอ่ยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ “คิดว่าพวกท่านคงยังไม่ได้จัดการศพทารกน้อยกระมัง?”
“ยัง” เมื่อคิดถึงศพทารกที่ยามนี้นอนอยู่ในโลงแล้ว เจี่ยงซางหวู่ก็ปวดใจนัก เขาอายุสามสิบกว่าแล้วแต่เพิ่งจะมีลูกแค่คนเดียว ซ้ำยามนี้กลับต้องมาจากไปเช่นนี้ จะไม่ให้เขาเศร้าใจได้หรือ?
“แต่ตอนนี้ทารกตายไปแล้ว เลือดก็แข็งตัวหมดแล้ว คงไม่อาจใช้วิธีหยดเลือดพิสูจน์เพื่อยืนยันว่าเป็นสายเลือดเดียวกันได้” ฉู่ชิงหวงว่าพลางเหลือบไปมองยู่ฮูหยิน
ยู่ฮูหยินได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จริงสิ เด็กก็ตายไปแล้ว จะพิสูจน์อย่างไรได้อีก?
“แต่... มีน้อยคนนักจะรู้ว่ายังสามารถใช้กระดูกพิสูจน์ความเป็นสายเลือดเดียวกันได้ด้วย!”
ยู่ฮูหยินพลันสีหน้าย่ำแย่ลงกว่าเดิม ไม่ได้ นางจะให้ฉู่ชิงหวงทำเช่นนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
“หากท่านแม่ทัพอยากรู้ความจริง ก็ให้คนเอากระดูกสักท่อนของทารกมา เป็นลูกของท่านหรือไม่ แค่ทดสอบดูก็รู้แล้วเจ้าค่ะ”
“ฉู่ชิงหวง เจ้าฆ่าลูกชายข้ายังไม่พอ ยังจะทำให้ศพเขาไม่สมประกอบอีก เจ้ามันอำมหิตผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว” ยู่ฮูหยินโผเข้าไปในอ้อมกอดเจี่ยงซางหวู่ “ท่านแม่ทัพ ลูกของเราตายอย่างอนาถเพียงนั้น ยามนี้ลูกตายไปแล้ว ท่านทนเห็นลูกอยู่อย่างไม่สงบได้หรือเจ้าคะ ยังต้องให้คนไปเลาะกระดูกลูกออกมาอีก เช่นนั้นลูกจะต้องเจ็บปวดสักแค่ไหนกันเจ้าคะ”
“ฉู่ชิงหวง เจ้ากลัวตายใช่หรือไม่ ถึงได้มาใส่ร้ายยู่ฮูหยินกับข้าเรื่องลูกของข้า เพื่อที่เจ้าเองจะหนีการลงทัณฑ์ใช่หรือไม่?” เจี่ยงซางหวู่ถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กล่าวโดยสัตย์จริงแล้วเขาเองก็เคยสงสัยอยู่เช่นกัน เพราะภรรยาเอกที่แต่งงานกันมาหลายปีก็ไม่เคยตั้งท้อง กระทั่งอนุที่เรือนหลังคนอื่น ๆ ของเขาก็ไม่เคยตั้งท้องเลยสักคน เขาเกือบสงสัยในตัวเองแล้ว แต่พอได้ยินว่ายู่ฮูหยินตั้งท้องแล้วเขาก็ถึงได้โล่งใจ ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับลูกคนนี้มากนัก
“หากชิงหวงไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ชิงหวงยินดีให้คนทั้งตระกูลถูกฝังไปตามลูกของท่านพร้อมกันเจ้าค่ะ!”