‘เณศรา’ สาวโสดไม่สนิทวัยย่างเข้ายี่สิบหกปี ยืนหนึ่ง! เรื่องกิริยามารยาทงาม นานถึงสามปีที่เธอมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพี่ชายเพื่อนสาว ทว่าเขากลับทำให้เธอผิดหวังและไม่กล้ารักใครจนบุพเพอาละวาดอีกครั้ง
บทนำ
“เนยว่าตัวนี้สวยไหม?” เสียงทุ้มถามพลางลอบมองแก้มสีซับเลือด เมื่อสองสายตาสบประสานกันโดยบังเอิญ คนหนึ่งนิ่งอึ้งไปเพราะมัวแต่ให้ความสนใจขนตาเป็นแพสวยเหนือดวงตาคู่คม มากกว่าเสื้อผ้าชุดสวยในมือถือของชายหนุ่มในฝั่งตรงข้ามกันจนเขาต้องย้ำถาม
“ว่าไงครับ... เนยชอบไหม?”
“เนยก็ชอบ... เอ้อ... เนยว่าระบายลูกไม้ดีเหมือนกันค่ะ”
“พี่ว่าระบายลูกไม้ชายยาวลากพื้น สม็อกเอวรัดช่วงกลางตัวทำให้ดูผอมขึ้นเนอะ เนยว่ามันควรมีถุงมือด้วยมั้ยอะ?”
“เนยว่ามีถุงมือด้วยคงหรูหราไปอีกแบบเหมือนนางเอกเรื่อง... อะไรนะ? ที่เนยไปดูกับพี่”
“แวมไพร์...”
“ใช่ ๆ นั่นแหละ แต่ว่าชุดนั้นเปิดหลังเดินบนพรมแดงเข้าโบสถ์ เนยว่าเก๋ดีนะคะแต่เอ...” คิ้วเรียวสวยเหนือดวงตาคู่กลมโตชนชิดติดกันเกือบจะเป็นเส้นตรง “พี่ปัดอารมณ์ไหนคะ มาชวนเนยดูชุดแต่งงานเนี่ยนะ?”
“ไม่แต่งงานดูไม่ได้รึไงครับ? พี่แค่ดูเพราะอยากดูเฉย ๆ พี่ว่าเนยน่าจะชอบชุดเดียวกับที่พี่ชอบ...” คนพูดเลิกคิ้วเลียนแบบกิริยาของหญิงสาวที่มีสีหน้างุนงงสงสัยแม้รู้ดีว่าเขาคงหยอกล้อเธอเล่นเหมือนทุกครั้ง
“หรือว่าเนยคิดอะไร?”
“เปล่านี่คะ ใครบอกว่าเนยคิด...”
ใบหน้าแดงซ่านเลื่อนมองผ่านกระจกบานสูงจรดเพดานออกไปด้านนอกซึ่งถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าอาย ค่อยหันกลับมาพูดกับเขาใหม่
“เนยว่า... แปลก วันนี้พี่ปัดทำตัวแปลกมากเลยค่ะ โทรมาปลุกตั้งแต่เช้าเอาดอกไม้มาใส่แจกันในร้านให้ สงสัยต้องแอบถามยัยวิละว่าพี่ชายมีลับลมคมในอะไร”
“ถามไปก็ไม่รู้ครับ ยัยวิน่ะวัน ๆ ทำแต่งาน กลับมาจากออฟฟิศก็สี่ห้าทุ่มแล้วพี่เคยเจอหน้าน้องสาวที่ไหน ขนาดคนในบ้านยังเห็นนางนับวันได้”
“แต่เนยแช็ตคุยกับนางทุกวันนะจะบอกให้ วันก่อนยัยวิยังมานอนห้องเนยเลยค่ะ”
พูดถึง ‘ปวิมล’ เพื่อนสาวป่านนี้ได้ดิบได้ดี ทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ นาน ๆ ครั้งถึงว่างมาหา แต่เณศราก็โทรหาเพื่อนตลอดไม่เคยขาดการติดต่อ
คนเป็นพี่ชายถึงกับหน้าเจื่อน เก็บมือถือลงกระเป๋าหนังสะพายใบโปรดที่เธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ประสานมือทั้งสองไว้บนโต๊ะพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“พี่ปัดก็น่ารักเหมือนทุกวันอะ... จะไปมีเรื่องอะไรล่ะครับ?” แล้วเลื่อนมือไปหยิกแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยว จนคนทำแก้มป่องต้องยกมือลูบตามรอยแดงที่ค่อย ๆ จางหายไป มันคงไม่เจ็บแต่ให้ความรู้สึกแสนซาบซ่านหวั่นไหว
ยากจะจำได้ว่าเจอหน้ากันบ่อยเท่าไร ปัถฐพลขยันมาหาเธอเป็นกิจวัตร เช้าถึงเย็นถึงด้วยเหตุผลว่าเขาต้องไปรับไปส่งน้องสาวและบ้านของเธอก็อยู่ละแวกเดียวกัน ทางผ่านไปมหาวิทยาลัย ถึงมันจะเป็นข้ออ้างเพียงฝ่ายเดียวเพราะจนกระทั่งเรียนจบแล้ว ทั้งเธอและปวิมลมีรถยนต์เป็นของตัวเอง เขาก็ยังมาช่วยยกขนมปังขึ้นรถตอนเช้า มาขับรถให้บ้างถ้าหากว่าวันไหนเธอทำงานเหนื่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรง
ใช่เท่านั้น หากว่ามีหนุ่ม ๆ มาจีบหยอดทอดสะพานเมื่อไร พี่ชายเพื่อนคนนี้แหละ! ออกตัวเป็นไม้กันหมาไล่เตลิดเปิดเปิงเสียทุกราย เณศราจึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกับการทำความเข้าใจในความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครพูดกล่าว... ว่าควรเป็นแฟนหรือเปล่า
เธอแค่วางตัวดีในแบบของเธอที่ไม่ได้เหมาะสมกับเขานัก
“แล้ววันนี้จะรับอะไรดีคะ?”
“พี่ปัดคนแปลกขอสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กเหมือนเดิมครับ”
“ค่ะ... รอสักครู่นะคะคุณลูกค้า” พูดพลันเลื่อนมือลงลูบกระโปรงบานฟูฟ่องสีชมพูให้เรียบลงค่อยลุกขึ้นอย่างระวัง ด้วยท่าทางเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี
Bakery By Ne’Sara ตัวหนังสือใหญ่โตบนป้ายสีชมพูบอกถึงความเป็นสาวสายละมุน โลโก้สัญลักษณ์ลายตุ๊กตาผมหยิกหยอย ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตาบลายธ์มากกว่าที่จะเหมือนเจ้าของร้านซึ่งนั่นทำให้เธอหัวเราะกับมันอยู่บ่อย ๆ กระโปรงฟูฟ่องบนสติ๊กเกอร์ที่แปะหน้าสินค้าทุกชิ้นหน้าตาน่ารักเหมาะสำหรับเป็นของฝาก เหมาะสมกับเณศรา
ด้วยสไตล์การแต่งตัวสุดมุ้งมิ้งตามเทรนด์แฟชั่น เสื้อยืดเอวลอยออกแนวสวยซ่อนแซ่บไม่น่าเกลียดจนเกินไปธีมเดียวกับร้านเบเกอรี่ กระเป๋าสะพายพาดบ่าหนังสีขาว รองเท้าส้นสูงสองนิ้วก็มักจะประดับประดาด้วยงานแฮนด์เมดที่เต็มไปด้วยดอกไม้
เป็นอันรู้กันว่านอกเหนือจากเรื่องเจ้าของร้านสวยน่ารัก! เบเกอรี่ร้านนี้ยังสดใหม่ อบร้อนจากเตาทุกวัน
“สตรอว์เบอร์รีชีสเค้กหนึ่งที่ค่ะน้องพลอย อย่าลืมลูกค้าโต๊ะนู้นด้วยนะคะ คิดเงินออเดอร์นี้แล้วเราจะกลับไปอ่านหนังสือกลับได้เลยนะ พี่ปิดร้านเองค่ะ”
“ค่ะพี่เนย”
พอนักศึกษาตอบรับพยักหน้า หญิงสาวดันสังเกตเห็นบางคนยกปลายนิ้วชี้ปากอ้ากว้างทำหน้าทะเล้น เขานั่งคอยอยู่บริเวณโต๊ะแรกใกล้เคาน์เตอร์คิดเงิน เธอยิ้มอ่อนมองอย่างนึกขัน อมแก้มกลมตุ่ยขณะก้มตัวลงกวาดสายตามองขนมในตู้กระจกใสเพื่อดูสินค้าที่เหลือ
ครึ่งก้อนเป็นสตรอว์เบอร์รี สองก้อนที่เหลือเป็นวานิลลากับพายอีกไม่กี่ชิ้น...
“เค้กหน้าช็อกกะสตรอว์เบอร์รีขายดีค่ะพี่ มีอาจารย์เหมาไปสามก้อนเลยค่ะ”
“จ้ะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่ทำเพิ่มเนอะ เราว่างมาช่วยก็มานะ... มาทำเค้กอร่อย ๆ ให้ลูกค้าทานกัน”
“พวกหนูจะมาแต่เช้าเลยค่ะพี่เนย!”
นักศึกษาสาวร่างท้วมยิ้มหน้าระรื่นหากว่าจะได้เป็นลูกมือเรียนการทำเค้กโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย คนสอนเองก็น่ารักใจเย็นไม่หวงวิชา ไม่เคยดุว่าน้อง ๆ คนไหน
เมื่อลูกค้าเดินมาสั่งซื้ออาหารว่างไปทานทั้งสองคนรีบช่วยกันคิดเงิน ยกถาดขนมเค้กและกาแฟไปบริการให้ถึงโต๊ะ สำหรับคนพิเศษอย่างปัถฐพล เธอใช้ที่คีบตักเค้กทีละชิ้นวางลงบนจานใบเล็กแซมขอบสีทองอย่างเอาใจใส่ เสิร์ฟอาหารให้เขาด้วยตัวเอง
“ครีมคัสตาร์ดหนึ่ง เค้กสตรอว์เบอร์รีหนึ่ง หนึ่งแถมหนึ่งเพราะว่าก้อนนี้เนยทำ ทานให้อร่อยนะคะคุณลูกค้า”
จานสีขาวน่ารักตกแต่งด้วยตุ๊กตาไอซิ่งรูปหญิงสาวในกระโปรงพองสีขาว รู้เลยว่าหน้าเหมือนใคร
เณศราหย่อนก้นนั่งลงที่เดิม ขณะใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเศร้าหมอง
“เป็นวันสุดท้ายหรือเปล่า? จะได้กินเค้กอร่อย ๆ ของเนย...”
“คะ?” เธอเลิกคิ้วขึ้นมองสงสัย ชายหนุ่มจึงฉีกยิ้มกลบเกลื่อน
“เอ่อ... ไม่มีอะไร พี่กินเสร็จพี่ไปเลยนะ ไม่อยู่ช่วยเก็บร้านนะครับ”
“ค่ะไม่เป็นไร เนยเก็บร้านคนเดียวได้ พี่ปัดมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มี...” เขาตอบก่อนเลื่อนสายตาลงมองเค้กครีมหนาฟูแต่งแต้มด้วยผลไม้ ใช้ซ้อมตักทานมันอย่างช้า ๆ ซึมซับรสชาติกลมกล่อมพอดี ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่หญิงสาวสร้างเนื้อสร้างตัวเปิดร้านเบเกอรี่ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองสำเร็จ ปัถฐพลรู้ดีว่าเขาไม่ต่างจากเพื่อนร่วมเดินทางฝัน
“พี่ภูมิใจในตัวเนยนะ... ถึงพ่อแม่พี่จะไม่ชอบเนยเพราะว่าเนยไม่รวย พี่ขอให้เนยมีความสุขกับการทำเค้กอร่อยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ”
“เนยมีความสุขกับการทำอาหารทุกอย่างค่ะ เนยชอบเบเกอรี่เป็นพิเศษ มันฟูฟ่อง นุ่มนิ่ม เด้งดึ๋ง ๆ เวลาเห็นมันออกจากเตาแล้วคนกินยิ้มเพราะว่าเค้กอร่อย เนยหายเหนื่อย เนยรู้สึกภูมิใจค่ะ”
คำพูดนั้นทำคนฟังใจชื้นไม่น้อย ปัถฐพลก้มหน้าทานขนมในจานจนเกลี้ยง ในสายตาของเจ้าของร้านที่นั่งยิ้มอย่างเอ็นดู น้องนักศึกษาเดินผ่านมาแซวสองสามคำ จนกลับบ้านกันไปหมดเหลืออยู่แค่สองโต๊ะคือกลุ่มอาจารย์ นักศึกษาและโต๊ะของเจ้าของร้าน
“อิ่มละพี่ไปก่อนนะ ตังค์จ่ายแล้วนะครับ” คนพูดหัวเราะอย่างไม่ลืมว่าไม่ทอนด้วย! สำหรับฐานะระดับเขาคงมาทิปน้อง ๆ ได้ทุกวัน ช่วยอุดหนุนกันไป มือหนาวางส้อมเล็กลงบนจานเบา ๆ เลื่อนมือไปกุมมือของเธอเอาไว้
“พี่... ชอบ... เค้กเนยมากนะ อร่อยมาก ๆ อร่อยสุดยอด”
“ขอบคุณค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ ขับรถดี ๆ”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำชมที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งด้วยใจเป็นสุข ขณะที่เขาค่อย ๆ ปล่อยมือของเธอ
มันให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับว่าเขายังคงกุมมือของเธอเอาไว้ คอยให้กำลังใจเหมือนทุกครั้ง ทว่าพอร่างสูงลุกขึ้นยืนและเดินจากไป หัวใจดวงน้อยกลับสั่นไหวประหลาด
เณศราแน่ใจว่าเขาทำตัวแปลก ๆ และด้วยความไม่แน่ใจว่าอีกคนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าถึงได้พูดจาไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอพลอยเป็นกังวลขนาดว่านำจานไปล้างทางด้านหลังร้าน ยังเผลอพึมพำหน้าอ่างล้างมือคนเดียว กระทั่งเสียงโทรศัพท์สั่นดังจากกระเป๋าสะพายใบน่ารักลายตุ๊กตาหมี และเป็นเพราะว่าห้อยพวงกุญแจรถยนต์ไว้ด้วยกันมันเลยสั่นไปทั้งกระเป๋า
บางคนไม่ยอมขึ้นรถกลับบ้านไปสักที โทรมาทำอึก ๆ อัก ๆ ผิดวิสัยของปัถฐพลที่ไม่ใช่คนทำตัวมีความลับมากมาย เธอคุยกับเขาไม่กี่คำก็จำเป็นต้องวางสายเพราะปวิมลโทรสวนเข้ามาพอดี
[เนย... พี่ชายฉันไปร้านแกปะ?]
“มานั่งเล่นอยู่สักพักแล้วล่ะ นี่พี่เขาเพิ่งออกไปเอง... โทรมาจะพูดอะไรก็ไม่พูด มีอะไรเปล่าแก?”
ความเป็นคนซื่อไร้พิษภัยมาแต่ไหนแต่ไร เณศราคงนึกไม่ออกจริง ๆ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองกำแพงสีขาวครีมในร้านเงียบเชียบ ซึ่งเธอต้องตกใจอีกครั้งเพียงได้ยิน...
[คือ... งี้นะเนย... พี่ปัดจะแต่งงานอาทิตย์หน้านี้แล้ว ฉันสงสัยว่าเขายังไม่เอาการ์ดแต่งงานไปให้แกอีกเหรอ?]
วันละสามเวลามากกว่าอาหาร เห็นจะเป็น สุรา สุรา สุรา... ท่านอามัวแต่ร่ำสุรา เมื่อใดจะร่ำนารีบ้างเล่า -------------------- “ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป” “ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก “เอาเถอะ เจ้ายังเป็นเด็กสาว คงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า” เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามาด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน” “อย่างไรถึงจะเหมาะ?” “อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอา เขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ” “เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว” กว่าจะเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ของเขา ยากที่นางจะต้านทาน “ข้าชอบกลิ่นเด็กสาวตัวหอม ๆ อย่างเจ้าซะด้วย”
ธิดาปักษาได้รับความช่วยเหลือจากราชาจิ้งจอกผู้โหดเหี้ยมทารุณ ไยนางกล้าหลอกลวงว่านางเป็นเพียงปักษาธรรมดา...
เพื่อรักษาเกียรติท่านอาจารย์ ไป๋เหม่ยหลานยอมรับโทษทัณฑ์ของสำนักเซียวเหยา ถูกทรมานจนตาย ภพชาติใหม่นี้นางขอเป็นเพียงมนุษย์เดินดิน มิขอเกี่ยวข้องกับท่านอาจารย์อีก ไยท่านจึงกลับมาพัวพันวาสนาชะตาชีวิตนาง...
‘มิตรรักลวงใจ’ เรื่องราวของเพื่อนสนิท คิดคดกับเธอมานานแล้ว ดันมาโพล๊ะเข้าได้ในวันเมามายไร้สติ ได้ลองกินเพื่อนสักคำหนึ่งแล้วก็ต้องมีคำที่สองคำที่สาม คำเดียวจะอิ่มพอได้ไง ----------------------- ‘เรือนใจนายอคิน’ เมื่อหนุ่มนักเฝ้าหนังสือ มาเฝ้ามองหาความรักจากครูสาวทุกวัน หลายคนคงเห็นเขาเอาแต่มองคุณครูสาวมาเป็นปี ๆ ได้ขับรถผ่านไปดูประตูรั้วโรงเรียนหน่อยก็ยังดี...
‘แม่แก้ว’ ลูกสาวเศรษฐีโรงฝิ่นมีความจำเป็นต้องแต่งงานกับ ‘คุณหลวงจัน’ เพื่อรักษาหน้าตาวงศ์ตระกูลและชื่อเสียงของหล่อน ทว่าหลังแต่งงานไปกลับต้องพบกับเรื่องแปลกประหลาด ความลับบางอย่างของคุณหลวงและคุณพระบ้านนี้ ซีรีส์สาปอสุรา มนตร์ตาละวัน มนตร์ตาละวัน ภพคุณหลวง (ภาคพิเศษ) พันวาเสน่หา
Arachné Tailors ‘เพราะบุคลิกภาพที่ดีเริ่มต้นจากเสื้อผ้า’ เป้าหมายสายตาเสื้อผ้าหน้าผมโดนใจ เข้าสโลแกนหน้าร้านบนป้ายตัวเบ้อเริ่ม หลายคนยังได้ยิน ‘ตรึงใจ’ ถูกหัวหน้างานเรียก ตามด้วยเจ้านายหนุ่ม ภายใต้รูปลักษณ์หล่อเหลา เอาการเอางาน ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของห้องเสื้อสูทชื่อดัง แท้จริงแล้วคือปีศาจแมงมุม! ผู้มาพร้อมสัญญาแห่งความปรารถนา ซึ่งเธอจะต้องเสียสละวิญญาณเข้าแลก และกฎแรงดึงดูดเที่ยงตรงเสมอ... “อ่านก่อนเซ็นนะครับ คุณดาว...” “ด้วยความหวังดี...” คำเตือนถึงสองครั้งสองครา! หญิงสาวก็ยังพลาด จนเกิดแต่เรื่องประหลาด ๆ ยิ่งสัมผัสจากเจ้านายหนุ่มช่างแตกต่างจากใคร เขาแสนอ่อนโยนกับเธอที่เผลอใจเต้นตึกตัก แต่นั่น... ก็จนกระทั่งเรียวปากหนาหยักได้รูปอ้ากว้าง คายเจ้าแมงมุมตัวสีดำออกมา... ให้ตายเหอะ นี่มันยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ! อีกหนึ่งผลงานโรมานซ์ทริลเลอร์ แฟนตาซี 18+ ของพันพราย ซีรีส์สาปอสุรา มนตร์ตาละวัน มนตร์ตาละวัน - ภพคุณหลวง - (พีเรียด) พันวาเสน่หา
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"