ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“กรี๊ด! ช่วยด้วยค่ะ!”
เสียงลมหวีดหวิวรอบๆ กายกับสายลมหนาวที่เย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก ไม่ได้น่ากลัวเท่าสัตว์สี่เท้าสองสามตัวที่กำลังวิ่งไล่ตามหลังเธอมาติดๆ ร่างระหงวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต ปากเล็กก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังก้องอยู่ในความมืดสลัว
ตุบ!
“โอ๊ย!” เท้าเล็กที่วิ่งไปโดยไม่มองทางสะดุดเข้ากับตอไม้จนล้มลงไถลไปกองกับพื้นหญ้ารกๆ ที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้แห้ง กิ่งไม้ผุๆ และความชื้น ขณะที่เจ้าสัตว์หน้าขนวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงตัว เจ้าของร่างเล็กกระถดถอยหนี รู้สึกหวาดกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น ลืมหายใจไปชั่วขณะเมื่อเห็นเจ้าสุนัขตัวโตกระโจนพุ่งเข้าใส่
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังลั่นผืนป่า แล้วทุกอย่างก็เหมือนจะเงียบงันลง เธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยมีสองมือป้องประสานกันอยู่ตรงหน้า ความเงียบอย่างฉับพลันนั้นทำให้สาวน้อยค่อยๆ เอามือที่บังตาตัวเองออก กะพริบตาสองสามครั้งเพื่อมองภาพตรงหน้าให้เต็มตาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
บุรุษนิรนามรูปร่างสูงเปรียวคนหนึ่งกำลังหันไปเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าสามตัวที่มีท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือน้ำลายสอที่อยากจะกระโจนขย้ำเหยื่อตรงหน้าให้หนำใจ แต่พวกมันก็ต้องหยุดเท้าไว้กับที่ เพียงเพราะมีผู้ชายคนนี้ยืนจ้องหน้า เขาเพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆ เธอเห็นเพียงแค่ด้านหลังของร่างสูงในชุดดำทมิฬที่น่าเกรงขามเท่านั้น
...เขาเป็นใคร ทำไมฝูงหมาป่าถึงได้กลัวเขา...
เกิดคำถามขึ้นมาในใจของสาวน้อยที่ยังนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นหญ้า เธอยังหวาดกลัวเจ้าสัตว์หน้าขนทั้งสามตัวจนไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน กระทั่งหมาป่าตัวโตทั้งหมดเดินลับหายเข้าไปในป่า ร่างเล็กในชุดกระโปรงสีขาวบางเบาจึงได้ขยับกายค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วใช้มือปัดเศษใบไม้ใบหญ้าออกจากตัว
“ขอบคุณมากนะคะ ที่มาช่วยฉัน” เจ้าของร่างสูงที่น่าเกรงขามยังคงยืนอยู่ในท่าเดิม หญิงสาวจึงเดินเข้าไปใกล้อีกนิดอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เธอก็อยากให้เขาหันมา แล้วเหมือนชายหนุ่มจะล่วงรู้ความในใจ เขาค่อยๆ หมุนร่างเพื่อที่จะหันหน้ามาทางเธอช้าๆ
...เธอกำลังจะได้เห็นหน้าผู้มีพระคุณแล้ว...
พรึบ!
มือเรียวตวัดผ้าห่มออกจากตัวโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับดวงตากลมโตลืมตาขึ้นมาในความมืดสลัว ไม่รู้ว่าเวลานี้มันตีไหนแล้ว ทุกอย่างรอบกายดูเงียบสงบ มีเพียงผ้าม่านสีขาวตรงหน้าต่างเท่านั้นที่ยังปลิวไสว สงสัยว่าเมื่อคืนก่อนนอนเธอคงลืมเปิดหน้าต่างเอาไว้กระมัง หญิงสาวลุกขึ้นนั่งหย่อนปลายเท้าลงข้างขอบเตียง
“ไม่น่ารีบตื่นเลยยัยบาบี้เอ๊ย เธอเกือบจะได้เห็นหน้าเขาแล้วเชียว” รุ้งราตรีบ่นอุบอิบกับตนเองอย่างเสียดาย ก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างแล้วเดินมาที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กริ๊งๆ!
มือเรียวยื่นออกไปควานหาโทรศัพท์ตรงโต๊ะโคมไฟข้างเตียง
“บาบี้ ตื่นหรือยังลูก”
“สวัสดีค่ะพ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ โทรมาหาหนูแต่เช้าเลย” เสียงอ้อแอ้ของคนที่เพิ่งตื่นนอนถามออกไป พร้อมกับขยี้ตาไปพลาง ก่อนจะได้ยินเสียงนุ่มๆ ของบิดาท้วงมาตามสาย
“เช้าอะไรกันลูก นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้วนะ รีบลุกอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางมาเชียงใหม่ได้แล้ว”
“เจ็ดโมงกว่าแล้วหรือคะ! ได้ค่ะบาบี้จะรีบลุกอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” คนขี้เซาวางสายเสร็จแล้ว ก็งัวเงียลุกขึ้นมาเอามือขยี้ตาอีกสองสามครั้งเพื่อขับไล่ความง่วงงุนออกไปจากหัว ก่อนจะเดินคว้าเอาผ้าขนหนูสีขาวเดินเข้าไปห้องน้ำ
รุ้งราตรีหรือบาบี้ สาวน้อยลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ซึ่งได้ถือกำเนิดใน ‘คืนพระจันทร์ทรงกลด’ ที่เพิ่งคว้าปริญญาโทภาษาและวัฒนธรรมเพื่อการสื่อสารและพัฒนามาหมาดๆ ถูกบิดาขอร้องแกมบังคับให้มาทำงานเป็นผู้ช่วยเธมเจ้านายใหญ่ของเขา ซึ่งเป็นผู้ที่ควบคุมดูแล ‘อรุณดารา รีสอร์ต’ สาขาสอง
เนื่องจากเธมต้องไปเปิดรีสอร์ตอีกหนึ่งแห่งทางภาคใต้ของไทยและจำเป็นต้องให้บิดาของเธอซึ่งสามารถพูดภาษาปักษ์ใต้ได้ไปประสานงานอยู่ที่รีสอร์ตในเครืออรุณดาราสาขาสามที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ทำให้ขาดคนดูแลรีสอร์ตสาขาสองที่บิดาของเธอกำลังทำงานอยู่
ทั้งที่รุ้งราตรีอุตส่าห์ตั้งใจไว้ว่า พอเรียนจบปุ๊บเธอก็จะไปทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวในหลายๆ จังหวัดทั่วประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง แต่ก็ถูกบิดาเรียกตัวมาทำงานให้กับนายจ้างจอมเผด็จการของเขาเสียก่อนโดยที่สาวน้อยไม่ได้รับสิทธิ์ในการอุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น นั่นเพราะที่เธอเรียนจบมาได้ก็เพราะเงินทองของบิดาล้วนๆ นั่นเอง
รุ้งราตรียังจดจำวันที่บิดาได้พูดขอร้องแกมบังคับให้เธอมาทำงานแทนท่านเมื่อวันก่อนได้ วันนั้นเป็นวันที่แฟนหนุ่มคนที่เท่าไรก็ไม่รู้ของเธอบอกเลิกอย่างไม่เหลือเยื่อใย เหตุผลที่คู่ควงคนล่าสุดบอกเลิกกับเธอก็คือ
‘ผมทนความเป็นผู้หญิงหัวโบราณของคุณไม่ได้’
เธอผิดด้วยหรือที่ไม่คิดชิงสุกก่อนห่าม
ไกรวุธ เขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ เขาพยายามขอนอนกับเธอหลายครั้งแต่หญิงสาวก็ปฏิเสธมาโดยตลอด จนกระทั่งคืนหนึ่งในผับเขาควงสาวสวยคนหนึ่งมาเย้ยเธอแล้วบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นคือเมียของเขา มันหยามหน้ากันชัดๆ
‘ชิ ผู้ชายคนไหนก็คิดว่าเธอหัวโบราณอย่างนั้นหรือ ถึงได้พากันบอกเลิก
แต่มันก็ไม่แน่หรอก หากวันใดที่เธอพบเทพบุตรสุดหล่อแสนดี ที่ถูกตาต้องใจเข้าจริงๆ เธออาจจะยอมมอบทั้งตัวและหัวใจให้กับผู้ชายคนนั้นตั้งแต่แรกพบสบตาเลยก็เป็นได้ใครจะรู้ ก่อนจะเดินทางออกจากบ้านรุ้งราตรีก็โทรไปโอดครวญกับบิดาของเธออีกครั้งเพื่อขอความเห็นใจ
“พ่อคะ หนูเพิ่งถูกแฟนบอกเลิก ยังทำใจไม่ได้เลย พ่อก็จะให้หนูไปทำงานแล้วเหรอคะ หนูขอไปเที่ยวให้สบายใจก่อนไม่ได้เหรอ”
“ไม่มีเวลาแล้วบาบี้ ที่รีสอร์ตกำลังต้องการคนไปทำงานแทนพ่อที่เก่งภาษาและไว้ใจได้ด่วนที่สุด”
“แต่พ่อคะ หนู...”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธบาบี้ ฟังพ่อพูดให้จบก่อน” คนเป็นพ่อรีบห้ามก่อนจะพูดแทรกขึ้นในหัวข้อที่เขามั่นใจว่ารุ้งราตรีต้องสนใจอย่างแน่นอน
“ใกล้ๆ รีสอร์ตที่พ่อทำงานอยู่ มีคฤหาสน์หลังหนึ่งอยู่ใกล้ๆ มันคือบ้านของผู้ชายที่ชื่อแดเนียลที่ลูกเคยบอกพ่อว่าอยากเจอหน้าไง ทีนี้สนใจอยากจะไปทำงานที่ อรุณดารา รีสอร์ต บ้างหรือยัง”
รุ้งราตรีนัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความสนใจเมื่อได้ยินถึงสิ่งที่บิดาบอกกล่าว ‘สนใจสิ...เธอสนใจแน่นอน แต่ไม่ได้สนใจที่จะไปทำงานเป็นผู้ช่วยฯ อย่างที่บิดาของเธอต้องการหรอกนะ เหตุผลที่เธอตัดสินใจทำงานในครั้งนี้ ก็เพราะอยากจะไปเจอหน้าไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นต่างหาก’
“ตกลงก็ได้ค่ะพ่อ”
“บาบี้ พ่อมีเรื่องจะเตือนลูกอย่างหนึ่งนะ”
“อะไรคะพ่อ” น้ำเสียงที่จริงจังของบิดาทำให้รุ้งราตรีต้องตั้งใจฟัง
“เรื่องที่พ่อบอกว่ามีผู้ชายที่ชื่อแดเนียลอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น ลูกต้องเก็บไว้เป็นความลับนะ และถ้าไม่จำเป็นอย่าได้เอ่ยชื่อนามสกุลของผู้ชายคนนั้นให้ใครฟังเป็นอันขาด!”
“ทำไมคะพ่อ เขาเป็นคนอันตรายมากเลยเหรอคะ”
“เปล่าหรอกลูก เขาเป็นคนสำคัญของเจ้านายพ่อ คุณเธมเจ้านายของพ่อบอกว่าคุณแดเนียลชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร สัญญากับพ่อนะว่าลูกจะทำตามคำสั่งของพ่อ”
คิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากันจนเป็นรูปโบว์กลางหน้าผากเนียนหลายวินาทีก่อนจะตอบรับหนักแน่นเพื่อความสบายใจของบิดา
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
ทุกสัมผัสของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเรียกร้องต้องการ ทั้งอ่อนหวานนุ่มนวลแต่บางครั้งก็หนักหน่วงดุดัน ร่างนุ่มสะท้านแล้วสะท้านอีก ชายหนุ่มมอมเมาเธอจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งวาบหวามทั้งตื่นตระหนก เพราะจุมพิตครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วมากเหลือเกิน เสียงครางกระหึ่มในลำคอทำให้สาวน้อยหวาดหวั่นมากที่สุดเพราะมันเหมือนเสียงคำรามของเจ้าป่าที่กำลงจะขย้ำเหยื่อไม่มีผิด แต่แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นมากเพียงใด ร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร ทั้งที่รู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหาตามมา โอ...พระเจ้า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกต้องการเขามากมายแบบนี้ ร่างกายทุกอณูของเธอกำลังสั่นระริกไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ นาทีนี้ความเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวของหญิงสาว กำลังถูกความเร่าร้อนลามเลียไปทั่วร่างและแทรกผ่านซึมลึกเข้าสู่หัวใจ ทว่าเมื่อลมหนาวกำลังจะผ่านพ้น ความเหน็บหนาวอ้างว้าง กลับเดินทางมาเยือนหัวใจของเขา พู่กันทองถูกนำมาเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเจ้าของภาพวาดภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้วงเวลาเหมันต์ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรักที่เขามีต่อเธอยังคงอยู่ที่เดิม เขาจะรอ...จนกว่า...
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"