‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ไกลเกินที่จะเอื้อมมือคว้า แต่ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ที่นี่ตรงหน้าเธอ เจ้าของร่างบางจงใจเดินไปอยู่ข้างหน้าชายหนุ่ม เขาผู้ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมคายหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในฝัน
หัวใจของเธอกำลังเต้นรัวแรง เมื่อกำลังคิดแผนการแกล้งทำมารยาสักอย่างเพียงเพื่อจะได้ใกล้ชิดเขา ทันใดร่างเพรียวบางในชุดเดรสเกาะอกสีชมพูเลื่อมพรายก็ไหวเอนคล้ายจะหน้ามืดเป็นลมล้มพับลงตรงหน้าบุรุษหนุ่ม แต่ทว่าสองแขนแข็งแรงก็เข้ามาโอบประคองร่างของเธอเอาไว้มั่น
สาวน้อยยังคงตัวอ่อนระทวยทำท่าราวกับจะเซล้มลงไปอีก แต่ร่างสูงใหญ่ภูมิฐานก็ประคองกอดร่างบอบบางให้หยัดยืนขึ้นแนบชิด จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในอ้อมกอดแกร่ง หากเป็นไปได้เธอก็อยากให้โลกหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้
ขณะที่สายตาของโจนาธาน กำลังทอดมองขึ้นไปบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ผู้ชมนับร้อยนับพันก็มองขึ้นไปบนนั้นรวมทั้งลูกแพรด้วย ที่กำลังรอคอยการปรากฏตัวของผู้หญิงที่สวยที่สุดในงาน ทันใดนางฟ้าในชุดราตรีสีแดงเพลิงก็ปรากฏโฉมให้ทุกคนได้ยล หล่อนสวยมาก สวยจนลูกแพรก็ยังอดอิจฉาหล่อนไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้สินะคือคู่หมั้นของเขา
ลูกแพรรู้ว่าช่วงเวลาแห่งความสุขของเธอคงสิ้นสุดลงเท่านี้ แต่เพราะหัวใจที่ยังดื้อรั้นอยากยืดเวลาแห่งความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดชายหนุ่มออกไปอีกสักนาที สาวน้อยจึงทำเหมือนไม่มีแรงเดิน แต่เธอก็ไม่มีแรงจะขยับไปไหนจริงๆ นั่นแหละ มันอ่อนระทวยไปหมดเมื่อตกอยู่ในวงแขนของเขา
โจนาธานโอบประคองพาร่างเล็กมานั่งที่ท้ายรถคันหนึ่ง ลูกแพรไม่ทันได้หันไปมองว่ามันเป็นรถอะไร แต่ว่ารถคันนั้นกลับเคลื่อนที่พาเธอห่างไกลเขาออกไปทุกทีๆ จนเมื่อภาพของเขาเลือนรางไปหญิงสาวจึงได้รู้ว่ารถที่นั่งมาเป็นเพียงรถจักรยานคันหนึ่งซึ่งต่ำต้อยด้อยค่าเหลือเกิน
แล้วภาพทุกอย่างก็พร่าเลือน ร่างบางลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนดึกเกือบเที่ยงคืนด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย และยังอยากจะฝันถึงเขาต่อ โจนาธาน...ผู้ชายที่เธอแอบคลั่งไคล้เขามานานถึงสามปี สายตาของเธอมีไว้สำหรับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
“คุณโจ เมื่อไหร่นะลูกแพรถึงจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดคุณจริงๆ เหมือนกับในฝัน คุณจะรู้หรือเปล่าว่าลูกแพรแอบรักคุณมานานแล้ว” สาวน้อยช่างฝันพูดกับตนเองคนเดียวในห้องนอนที่เงียบสงัด
ใบหน้าหวานละมุนยิ้มออกมาพร้อมกับดวงตาที่ทอประกายแวววาวท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง
พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้วสินะ ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะเห็นหน้าเขาตัวเป็นๆ สักครั้ง โจนาธาน นักร้องซูเปอร์สตาร์ที่ดังที่สุดของเมืองไทยในขณะนี้ จะเป็นไปได้หรือเปล่าที่เธอจะได้ใกล้ชิดเขาจริงๆ มิใช่แค่เพียงในฝัน มือเล็กสองข้างกุมเข้าหากันแนบอก แล้วภาวนาให้สิ่งที่เธอกำลังคิดฝันให้เป็นจริง
ที่หมู่บ้านจินดานคร
“นีโม่ แกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย...ฮะ มาแอบมองสาวบ้านตรงข้ามอยู่ใช่ป๊ะ...ฉันรู้นะว่าแกแอบเล็งสาวน้อยโซฟี่อยู่แน่ๆ เลย”
ลูกแพรเดินเข้ามาหยอกเจ้าหมาน้อยพันธุ์ชิสุห์ตัวผู้อย่างมันเขี้ยว และดึงขนยาวๆ ของมันที่มัดจุกเอาไว้บนหัวไปมาเบาๆ แต่ท่าทางเจ้านีโม่มันจะไม่สนใจสาวน้อยเท่าไรนัก เพราะมันกำลังสนใจเจ้าหมาน้อยน่ารักนามว่าโซฟี่จนแทบไม่ยอมอยู่นิ่ง
เจ้านีโม่เป็นหมาน้อยแสนรักของคุณนายอรวีซึ่งเป็นเจ้านายของป้านิ่ม และป้านิ่มก็เป็นป้าเพียงคนเดียวของลูกแพร เพราะแม่ของสาวน้อยมีพี่สาวเพียงคนเดียว
ช่วงนี้ลูกแพรปิดเทอมเล็ก หญิงสาวจึงคิดถึงป้าที่แสนใจดีของเธอขึ้นมาก็เลยเดินทางมาหาป้านิ่มในกรุงเทพมหานคร จะอยู่เฉยๆ ก็กระไรอยู่ สาวน้อยจึงขออาสาเป็นสาวใช้คอยดูแลเจ้าสุนัขตัวโปรดให้กับคุณนายแกเสียเองเลย เพราะเป็นงานที่เธอถนัดและชอบมากอยู่แล้ว
และงานที่ลูกแพรต้องทำเป็นประจำทุกวันก็คือ เอาอาหารให้มันทุกเช้า พามันไปอึในที่ของมัน พามันอาบน้ำยามแดดอ่อนๆ แล้วก็พามันไปเดินและปวิ่งเล่นรอบตัวบ้าน แต่สิ่งที่ลูกแพรแอบทำประจำก็คือ พาเจ้าสุนัขหนุ่มไปเล่นกับโซฟี่สุนัขสาวน่ารักตัวหนึ่งที่อยู่บ้านหลังตรงข้ามเวลาที่เจ้าของบ้านทั้งสองหลังไม่อยู่บ้าน
“ลูกแพร”
“จ๋าป้า มีอะไรจ๊ะ”
“จะแอบเอาเจ้านีโม่ไปบ้านโน้นอีกใช่มั้ย ป้าบอกแล้วไงว่าเจ้าของบ้านโน้นเขาจะว่าเอาได้ เขาหวงหมาเค้าจะตาย เกิดหมาเราไปกัดหมาเค้ามันจะยุ่งเอานา”
“โธ่ป้า คิดมากไปได้ เจ้านีโม่น่ะ มันไม่กล้ากัดเจ้าโซฟี่หรอกน่า มันรักเจ้าโซฟี่จะตาย” ลูกแพรเถียงอ้อมแอ้มจนป้านิ่มอดที่จะมองหลานสาวจอมซนอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ สาวน้อยเดินจูงเจ้านีโม่เข้ามาหาป้านิ่มซึ่งกำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้อยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนในสวนหน้าบ้าน
“ฮึ เลี้ยงหมาไม่กี่วันก็รู้ใจกันซะแล้ว แล้วนี่ก็กำลังคิดจะเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับเจ้านีโม่มันอยู่ใช่มั้ยเนี่ย”
“แหมป้าก็ แพรสงสารมันนี่จ๊ะป้า เจ้านีโม่มันแอบรักเจ้าโซฟี่มาตั้งหลายวันแล้ว เวลามันได้เจอกันนะป้า โอ้โฮ...มันจูจุ๊บกัน หอมแก้มกันดูมีความสุขจะตาย”
ป้านิ่มมองหน้าหลานสาวจอมทะเล้นผ่านแว่นสายตาด้วยแววตาดุ แต่ก็ดูไม่จริงจังนัก ก่อนที่จะโคลงศีรษะไปมาอย่างระอาในพฤติกรรมแก่แดดแก่ลมของหลานสาว นี่ขนาดสุนัขเจ้าหล่อนยังไม่วายจับคู่ให้มันอีก
นางรู้ว่าที่ลูกแพรพยายามที่จะให้เจ้าสุนัขสองตัวนั้นชอบพอกันก็เพื่อเป็นข้ออ้างในการเข้านอกออกในบ้านหลังนั้นได้อย่างไม่เคอะเขิน เวลาที่มีคนถามว่าเธอเข้าไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้น
เพราะป้านิ่มเคยเล่าให้ลูกแพรฟังว่า เจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นถึงนักร้องซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยที่กำลังจะโกอินเตอร์ไปถึงเมืองนอก และฉายาของเขาก็คือ คาสโนวาโนเบลแห่งวงการนักร้องไทยเลยแหละ วารสารเกือบทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง ต่างก็มีแต่ข่าวฉาวโฉ่เรื่องผู้หญิงของเขาไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ไม่ว่าข่าวจะเขียนว่านักร้องหนุ่มเสียๆ หายๆ อย่างไร เขาก็ยังคงดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าเขาเป็นนักร้องที่รูปหล่อขั้นเทพ มีน้ำเสียงมหาเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครๆ ก็เลียนแบบไม่ได้ และสิ่งที่ลูกแพรสืบมาได้ก็คือ นักร้องซูเปอร์สตาร์ในดวงใจของเธอคนนี้คลั่งไคล้วงสกอร์เปี้ยนส์มากที่สุด
“ป้าจ๋า” สาวน้อยทำเสียงประจบป้าสุดที่รักของเธอ
แม่บ้านวัยชราละจากการปอกเปลือกผลไม้ในมือชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นมองหลานสาวตัวแสบอย่างรู้ทัน
“ทำเสียงแบบนี้ อยากพาเจ้านีโม่ไปบ้านโน้นอีกล่ะสิท่า”
“แหมป้า รู้ใจแพรอีกแล้วนะ ถ้างั้นแพรไปนะ”
“เดี๋ยว! ลูกแพร!”
ไม่ทันเสียแล้ว เพราะร่างเล็กรีบจูงเจ้าหมาน้อยวิ่งออกนอกประตูรั้วหน้าบ้านไปแล้ว ป้านิ่มต้องนั่งถอนหายใจหนักๆ ออกมาเสียงดังอย่างไม่รู้จะทำยังไงให้ลูกแพรฟังที่นางเตือนบ้าง
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
ทุกสัมผัสของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเรียกร้องต้องการ ทั้งอ่อนหวานนุ่มนวลแต่บางครั้งก็หนักหน่วงดุดัน ร่างนุ่มสะท้านแล้วสะท้านอีก ชายหนุ่มมอมเมาเธอจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งวาบหวามทั้งตื่นตระหนก เพราะจุมพิตครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วมากเหลือเกิน เสียงครางกระหึ่มในลำคอทำให้สาวน้อยหวาดหวั่นมากที่สุดเพราะมันเหมือนเสียงคำรามของเจ้าป่าที่กำลงจะขย้ำเหยื่อไม่มีผิด แต่แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นมากเพียงใด ร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร ทั้งที่รู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหาตามมา โอ...พระเจ้า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกต้องการเขามากมายแบบนี้ ร่างกายทุกอณูของเธอกำลังสั่นระริกไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ นาทีนี้ความเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวของหญิงสาว กำลังถูกความเร่าร้อนลามเลียไปทั่วร่างและแทรกผ่านซึมลึกเข้าสู่หัวใจ ทว่าเมื่อลมหนาวกำลังจะผ่านพ้น ความเหน็บหนาวอ้างว้าง กลับเดินทางมาเยือนหัวใจของเขา พู่กันทองถูกนำมาเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเจ้าของภาพวาดภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้วงเวลาเหมันต์ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรักที่เขามีต่อเธอยังคงอยู่ที่เดิม เขาจะรอ...จนกว่า...
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่