ชาวัน หนุ่มหล่อ รวย เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครมาก่อน ต้องจำยอมรับผิดชอบ รุ้งทอง หญิงสาวที่ความจำเสื่อมเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ชาวันรับสมอ้างเป็นสามีของรุ้งทอง ด้วยเหตุนี้รุ้งทองจึงถือสิทธิ์ว่าเป็น “เมีย” โดยที่ชาวันเองไม่มีทางขัดขืน เพราะหัวใจเขาไปอยู่ในมือของเธอ หัวใจของอสูรตัวแสบ...นามชาวัน ฉายา “ชาละวัน” ไอ้เข้ตัวเอ้ ยอมสยบในอุ้งมือของสาวน้อย รุ้งทอง อย่างหมดลาย
“ชาวัน”
เสียงเรียกลงหนักมีผลทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยรีบผลักกระเป๋าเสื้อผ้าไปใต้เตียงแล้วสปริงดีดตัวขึ้นเอามือปัดกางเกงกระโดดไปยืนหน้ากระจกสำหรับแต่งตัวทำเหมือนกำลังสำรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองจนดวงหน้าค่อนข้างกลมของสตรีวัยเพิ่งจะสี่สิบเศษๆ ยิ้มออกมาได้เหมือนจะโล่งอก
“แม่นึกว่าหนูจะเบี้ยวแล้ว”
เขาชักสีหน้าเบื่อหน่ายและหงุดหงิดระคนกันแม่เรียกเขาเหมือนเขาเป็นลูกเล็กๆ เหมือนเขาเป็นสัตว์น่าเกลียดพันธุ์นั้นด้วยเขาเคยขอหลายครั้งแล้ว แต่แม่ก็บอกว่านั่นเป็นคำขานเรียกชวนให้เอ็นดู แต่สำหรับเขาแล้วหาความเอ็นดูไม่ได้เขาสะอิดสะเอียนแล้วทำให้คนที่ไม่รู้จักตัวเขาพากันคิดว่านายชาวันนี้เป็นเด็กตัวเล็กๆ บางคนยังคิดว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิง
“ไม่เอาน่าทำหน้าเก๊กแบบนั้นหาหล่อไม่เจอรีบๆ ไปดีกว่าคุณปู่จะรอ”
“ท่านไม่รอเราหรอก”
เขาบอกอย่างรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร“ท่านสนุกกับอย่างอื่นมากกว่าและงานนี้ท่านจัดเพื่อตัวท่านเอง”
ปู่เขาอีกคนหนึ่ง ปู่ที่เป็นคนตั้งชื่อเขาชายหนุ่มไม่ชอบประวัติชื่อของตัวเองเพราะปู่โปรดปรานเรื่องไกรทองมาก แต่ปู่ดันไพล่ไปโปรดตัวร้ายในเรื่องอย่างเจ้าชาละวันที่เป็นจระเข้ พอมีหลานคนแรกและเป็นหลานสายตรงคนเดียวปู่ก็ขอตั้งชื่อเอง
...ไม่ต้องไปรบกวนพระหรอกเว้ยคนสมัยนี้กระทั่งจะตั้งชื่อลูกเต้าก็ไปกวนพระไม่ให้มีเวลาปฏิบัติกิจทางศาสนา...
ซึ่งชายหนุ่มคิดว่าเหตุผลของปู่นั้นไม่ค่อยจะเข้าท่าก็เรื่องให้พระตั้งชื่อลูกหลานที่เกิดใหม่ๆ และดูดวงชะตานั้นคนไทยยุคก่อนสืบสาวไล่เรียงกันขึ้นไปก็ให้พระเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดกันอยู่แล้ว
คนสมัยใหม่เสียอีกไม่นิยมเพราะตั้งกันเอง หาชื่อที่มันวิจิตรพิสดารประเภทที่หาคำแปลไม่ได้เป็นชื่ออันแสนไพเราะ แต่ชวนฉงนหรือไม่ก็เป็นชื่อประเภทฟังแล้วร้องอุทานฮือฮาว่าช่างเท่และแปลกหูเสียนี่กระไร แต่พอแปลแล้วลมแทบใส่เพราะความหมายนั้นออกมาในทางไม่ดี
ยังดีที่ปู่ยอมตัดพยางค์กลางออกเหลือแค่ชาวัน ไม่เป็น
นายชาละวัน ไม่อย่างนั้นตอนที่เขาสามารถจัดการกับเรื่องของตัวเองได้ตามกฎหมายเขาคงจะเดินไปขอเปลี่ยนชื่อตัวเองที่อำเภออย่างแน่นอน
ชายหนุ่มคิดว่าคงจะไม่ยอมมีชื่อว่าชาละวันเป็นอันขาด
แต่ปู่ก็ยังเป็นตาแก่ที่แสนจะดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเองร่ำไป
ปู่บอกว่าเพราะรักมาก หลายหนปู่ก็เรียกเขาเสียเต็มยศว่าชาละวันไม่มีอะไรร้ายเท่ากับว่าการมีชื่อเป็นเจ้าตัวร้ายในนิทานพื้นบ้านนั่นอีกแล้ว
เขาเกลียดชื่อตัวเอง มีแต่ปู่คนเดียวที่ภูมิใจนักหนา
แม่เขาก็ไม่กล้าขัดปู่ด้วย
แม่กลัวปู่จนลนลาน แม้ตอนนี้แม่จะไม่ได้เป็นสะใภ้ของปู่อีกแล้วพ่อกับแม่ของเขาหย่าขาดจากกัน
พ่อไปมีเมียใหม่
และแม่ก็ไปมีผัวใหม่
ครอบครัวเขาขาดๆ วิ่นๆ ไม่ค่อยจะเป็นระเบียบ
มีอะไรหลากหลายที่ยุ่งเหยิง และเขาเองไม่อยากจะเก็บเอาเรื่องนี้มาเป็น‘ปม’ แต่หลายคนใกล้ชิดตัวเขายืนยันว่าเขามีปัญหา
นั่นทำให้ชาวันอยากจะลุกโดดเตะปากคนพูดให้รู้แล้วรู้รอด
แค่คิดเขาก็ยังอยากถูกกล่าวหาว่าเป็นไอ้ตัวร้าย เสียงค่อนขอดจากบรรดาเครือญาติลับหลังคือ
...มันร้ายเพราะชื่อมันนั่นแหละ มีอื่นหมื่นแสนไม่ตั้งไปตั้งได้ว่าไอ้ชาละวันร้ายสุดๆ …
เขาร้ายมาตั้งแต่ยังเด็ก มีคนคิดแทนให้เสร็จว่าต้นเหตุนั้นมาจากการที่เขาเป็นเด็กบ้านแตก พ่อแม่ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่
ทิ้งเขาเอาไว้ในบ้านที่ขาดความรักความอบอุ่น และอย่างดีก็เร่ร่อนไปพักกับพ่อกับแม่สลับกันไป
และเพราะเขาอยู่ใกล้กับปู่มากเกินไป
ปู่ที่ให้ท้ายเขาประเภทพิลึกพิลั่น
ปู่ที่เลี้ยงหลานชายแบบผู้ชายเต็มตัว อันใดที่ห้าว อันใดที่ลุยจะสนับสนุนสุดขีด
และปู่ก็มีส่วนทำให้ชาวัน ‘กร่าง’ ไม่ยอมก้มหัวให้กับใครเลย
คงจะมีนิสัยอย่างเดียวที่เขาไม่ได้รับมาจากปู่ นั่นคือความเจ้าชู้
ปู่นั้นยังไม่เคยเลิกราเรื่องผู้หญิง ยิ่งแก่ยิ่งเหมือนมะพร้าวห้าว
ปู่ยังอวดสรรพคุณว่าเตะปี๊บดังตลอดกาล และปู่ประกาศด้วยว่าจะขอดำรงตัวเป็นนักรักอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลแข่งกับบริษัทเทปทีเดียว
ลูกหลานสายอื่นก็ได้เลือดปู่ไปมากบ้างน้อยบ้างมีแต่ชาวันคนเดียวที่ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิง
เพราะเขาคิดเอาเองว่าผู้หญิงนั้น ‘ตอแหล’ เหมือนกันไปหมด
ความรู้สึกของเขาต่อผู้หญิงไม่ค่อยจะดีมากนัก เพราะเขาเคยมีประสบการณ์มาด้วยตัวเองสมัยยังแตกหนุ่มใหม่ๆ
“หนูจ๋า...”
เขาหยุดคิดเมื่อแม่ขยับเข้ามาใกล้ขนลุกเกรียวกับเสียงเรียก
หวานๆ ของแม่
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เรียกหนู”
“แม่ติดปากแล้วนี่จ๊ะ”
“ก็หัดบ้างซิ ทีหัดอย่างอื่นยังหัดได้หมด”
เขากระแทกอย่างไม่ไว้หน้าเธอเผื่อนลงนิดหนึ่ง“ทีกอล์ฟไม่น่าจะเป็นก็ยังหัดเอาจนเป็นเดินตากแดดจนหัวแดง”
เขามองที่ศีรษะที่มีทรงผมเซตมาอย่างประณีต สีผมนั่นไม่ออกดำ ทั้งที่ชาวันรู้ว่าโคตรเหง้าต้นตระกูลของเขานั้นเป็นไทยแท้ๆ ไทยเข้มข้น แต่สีผมออกน้ำตาลแดงเธอยกมือแตะทรงผมอย่างเบามือสีหน้ายังไม่ดูดี
“สีไม่สวยหรือจ๊ะ วัน”
ค่อยยังชั่วไม่เรียกเขาหนูอีกเพราะสำหรับเขาเป็นจระเข้หรือเป็นหนูก็ย่ำแย่พอๆ กันนั่นแหละ
“น่าเกลียด”
เขาแสยะปากให้เห็นๆ อีกด้วย
“ตากแดดมากเกินไปซิ”
“เปล่าแม่ย้อม แม่ว่าสวยน ะใครเห็นใครชม ยิ่งเวลาโดนแดดมันออกเงาเลื่อมซ้วยสวย”
“ไอ้พวกที่ชมมันบ้ากันหมดแล้ว”
เธอตีแขนลูกชายทีหนึ่ง กวาดตามองการแต่งตัวของเขาแล้วนิ่วหน้า
ถ้าชีวิตเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น วันนี้เขาก็เต็มไปด้วยความแค้นในทุกอณูของชีวิต ภายใต้ท่าทีสงบ นิ่งเงียบ และแข็งกร้าวประดุจหินผาของ "ศิลา"... แต่ภายในใจเขานั้น กลับระอุคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นที่รอวันชำระสะสาง! อสูรตนนี้ ผ่านวันเวลาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และพร้อมที่จะเริงไฟแล้ว...และสำหรับเธอ "มินตา"...สาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ไฟแห่งอสูรครั้งนี้ มันน่าหวาดผวาสำหรับเธอแค่ไหน เพราะมันเป็นไฟแค้น ที่หลอมรวมมากับไฟแห่งปรารถนา...
(นิยายทำละคร เกมเสน่หา) เพราะเย่อหยิ่ง ถือตัว และเหยียดทุกคนที่ต่ำต้อยกว่า จึงทำให้ใครๆ ก็มองว่าเธอ "ร้ายกาจ" แต่ทว่า...นั่นเพราะเธอร้ายกาจจริงๆ หรือเพราะเธอสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพียงเพราะเธอกำลังเผชิญกับปัญหาบ้านแตก! และความรัก ความเป็นหนึ่งในครอบครัวถูกแย่งชิงจาก "เขา" ผู้เป็น "คนนอก" ครอบครัว เพราะเขาได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากครอบครัวของเธอมากกว่าเธอเสียอีก เธอจึงเกลียดเขาอย่างมากมาย และต้องกดเขาไว้ให้เป็นเพียง "เด็กในบ้าน" อย่าให้เขาเข้ามาชุบมือเปิบ ฮุบทุกอย่างในบ้านของเธอ และเมื่อเธอค้นพบว่า เขาหลงรักเธอ และหมายปองดอกฟ้าอย่างเธอ เธอจึงวางแผนขุดหลุมล่อ วาง บ่วงเสน่หา เพียงเพื่อให้เขาพบกับความผิดหวังและทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอเองต่างหาก...ที่จะตกอยู่ในบ่วงเสน่หาที่วางไว้เอง!
กี่ครั้งกี่หน ก็แพ้ก็พ่าย ผู้ชายไม่เคยซื่อสัตย์ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ รูปโฉม กะรัต เทพทัต ไม่อาจนำมาทระนงได้ กี่คราที่ต้องแก้มือใหม่ ถูกตราหน้า ประณามว่าสามผัว มิหนำซ้ำหนสุดท้าย เมื่อเขาตายจากไปมิได้จบกันแค่นั้น แต่ สายน้ำผึ้ง เพื่อนสนิท คบกันมา 12 ปี กลับกลายเป็นเพื่อนสนิท คิดคด อุ้มท้องเยาะเย้ยว่าเป็นเมียหลวง ส่วนเธอคือเมียน้อย กะรัต ผู้แสนฉลาดเลิศล้ำ เฝ้าตรวจสอบปัญหาชีวิตแล้วพลันคิดได้ เธอไม่เคยจับผู้ชายคนไหน ตีตรา ขึ้นทะเบียน เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ครานี้ เห็นทีจะต้องให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ พิศุทธิ์ หนุ่มผู้ดี ผู้เกิดมาเป็นอภิชาตบุตรเกินหน้าพ่อแม่ เธอพบว่าเขาเหมาะสมยิ่งอนิจจา... กะรัต เธอมองข้ามสิ่งสำคัญของการครองเรือน เธอลืมความรักแล้วเธอจะรู้ว่าหนนี้ ผู้ชายหรือเธอกันแน่ที่ผิด การตีตราด้วยทะเบียน มันเป็นยันต์ป้องกันชีวิตคู่แตกร้าวได้หรือไม่
จากเด็กหญิงเล็กๆ ที่ได้รับการปลุกปั้นขึ้นมาเป็นนักร้องเสียงทองสุดสวยแห่งยุค พิจิกา โลดแล่นไปตามจังหวะเสียงเพลงจนถึงจุดสุดยอดในชีวิต และเส้นทางนั้นก็ไม่ได้งดงามเสมอไปเมื่อ สุวิชา ชายหนุ่มรูปงามก้าวผ่านมา เขาไม่ได้เป็นเทพบุตรสำหรับเธอ แต่เป็นมารร้ายที่ทำให้เธอตระหนกตกใจสุดขีด เขาทำให้จังหวะเพลงชีวิตของเธอผิดเพี้ยนไป กว่าเธอจะรู้ว่ามารร้ายมีหัวใจรักมั่นคง...ก็เกือบจะสายเกินไป
โชคชะตาพัดพา ศรา เข้ามาในเส้นทางชีวิตของเกสร หนุ่มดิบเถื่อนจากป่าดง มาเจอสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด สาวมองหนุ่มเป็น อสูร ตัวร้าย และเขาก็เต้นระบำรอบตัวเธอ คนสองคนถูกเหวี่ยงเข้าไปในเส้นทางของการแต่งงาน จาก บังเอิญ เป็น ผูกพัน เมื่อต่างมีปม และปูมหลังครอบครัวที่แหว่งวิ่น พวกเขาเริ่มเห็นใจกันเข้าใจกันพร้อมจะสร้างครอบครัวใหม่ เกสร จับมือ ศรา เริ่มร่ายระบำรำฟ้อน ไปด้วยกัน อสูรตัวนั้นก็เป็นได้เพียง อสูรในหัวใจเกสร...ที่ทำให้ครอบครัวเติมเต็ม
ลูกพ่อ...ไอ้ขวัญ ที่ไม่มีความคิดนอกจากมัวเมาราคะแล้วทำให้เขาเกิด สกาว...แม่ที่ร่ำลือไปทั่วหลายหมู่บ้านดังในตำบลว่าสวย แต่ร่านเสน่ห์... ยาย...ศรีนวลผู้ดีจอมปลอม แต่ใจร้ายหมายจะทุบตีเขาถึงตาย และย่า...ผกาที่เป็นกะหรี่เก่า ...ชีวิตบัดซบฉิบหาย... ภานุกร บอกตัวเองเช่นนั้น ไม่มีพ่อเป็นแบบอย่างชีวิต ไม่มีอกแม่ให้ซุกอุ่นไอ เติบโตมาในมือคนอื่น หาก สกาว เป็นนางแม่มดร้ายกาจตั้งแต่วัย 16 สกาวก็ได้ให้กำเนิด อสูรร้ายอย่างเขา หนุ่มหล่อ มีปมเต็มสี่ห้องหัวใจ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่มีหัวใจให้กับใครอย่างแท้จริง จนมาเจอกับ แม่สาวแพว พิชญา อสูรร้ายสงบลง แต่จริงๆ แล้ว แพว พิชญา ก็มีความละม้ายเหมือน สกาว แต่เป็นภาคนางฟ้า มาทำให้อสูรได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ด้วยคำพูดที่ว่า ผมไม่อาจจะสาบาน เพราะผมไม่เชื่อมั่นแต่หากเชื่อในตัวผม... ก็คงจะเชื่อในคำพูดผม...ผมจะทำในสิ่งที่ดีที่สุด...เพื่อคุณ...”
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ