(นิยายทำละคร เกมเสน่หา) เพราะเย่อหยิ่ง ถือตัว และเหยียดทุกคนที่ต่ำต้อยกว่า จึงทำให้ใครๆ ก็มองว่าเธอ "ร้ายกาจ" แต่ทว่า...นั่นเพราะเธอร้ายกาจจริงๆ หรือเพราะเธอสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพียงเพราะเธอกำลังเผชิญกับปัญหาบ้านแตก! และความรัก ความเป็นหนึ่งในครอบครัวถูกแย่งชิงจาก "เขา" ผู้เป็น "คนนอก" ครอบครัว เพราะเขาได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากครอบครัวของเธอมากกว่าเธอเสียอีก เธอจึงเกลียดเขาอย่างมากมาย และต้องกดเขาไว้ให้เป็นเพียง "เด็กในบ้าน" อย่าให้เขาเข้ามาชุบมือเปิบ ฮุบทุกอย่างในบ้านของเธอ และเมื่อเธอค้นพบว่า เขาหลงรักเธอ และหมายปองดอกฟ้าอย่างเธอ เธอจึงวางแผนขุดหลุมล่อ วาง บ่วงเสน่หา เพียงเพื่อให้เขาพบกับความผิดหวังและทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอเองต่างหาก...ที่จะตกอยู่ในบ่วงเสน่หาที่วางไว้เอง!
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก”
พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว
“ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย”
หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ
“ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ”
เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก
แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่งคู่กับคนขับ
“ลูกอ้วนขึ้นนะ...ดูซิ แก้มเป็นลูก คางเป็นลอนเชียว...อยู่โน่นลูกคงจะไม่ได้จำกัดอาหาร”
น้ำเสียงของวิสาขาเรื่อยเจื้อย
เหมือนชนกยังนิ่งอยู่ หล่อนพยายามอย่างยิ่งที่จะแสดงกิริยาดี ๆ ต่อหน้าแม่ แต่ไม่รู้ว่าความอดทนของหล่อนจะไปได้อีกแค่ไหน
“แต่ลูกของแม่ยังสวยอยู่ดี...”
รถเคลื่อนออกแล้ว เหมือนชนกกระเถิบกายออกห่างแม่มากที่สุด หล่อนเวียนหัวกับกลิ่นหอมจากเรือนกายของแม่...เนื้อตัวของวิสาขาเหมือนอบร่ำด้วยกลิ่นหอมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และมันก็อบอวลอยู่แค่ในรถคันนี้อีกด้วย
“ทำไมพ่อเงียบไปล่ะคะ”
เหมือนชนกถามขึ้น นายธวัชเบือนหน้ามา...เขามียิ้มหวานให้กับลูกสาว แต่กับวิสาขา เขาปึ่งชาจนเห็นได้ชัด “พ่อมัวแต่ตื่นเต้นน่ะ” เขาหายใจไม่เต็มที่กับอากาศที่อดีตภรรยาของเขาได้ใช้ร่วมกันนี้ ระบบในตัวของเขาดูจะขัดข้องไปหมด แต่วิสาขาไม่รู้สึกเหมือนดังเขา เธอยังยิ้มได้หน้าบาน ดวงตามีแววหวานฉ่ำอย่างหญิงตาเจ้าชู้ ไม่มีกิริยาบอกความอึดอัดขัดข้องอีก
“พ่อดีใจที่ลูกกลับมาบ้าน”
“แต่คงจะไม่เท่ากับแม่” วิสาขาสอดขึ้นมา ดึงลูกสาวมาทางตัวเอง “ลองถามพ่อเค้าดูซิว่าเค้ามีโครงการต้อนรับการกลับบ้านของลูกด้วยอะไร”
“ผมจะบอกลูกเอง เราจะคุยกันแบบพ่อกับลูกสองคน”
ด้วยเสียงอันเย็นชา แล้วปรายตามองเธอเหมือนไม่พอใจ วิสาขาแกล้งหัวเราะร่วน
“จะบอกเมื่อไหร่ล่ะ”
“มันเรื่องของผม”
เหมือนชนกชักสีหน้าจนเห็นได้ชัด หล่อนกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด “นี่มันอะไรกันคะ...อะไรกัน...ลูกกลับบ้าน แล้วพ่อกับแม่เล่นอะไรกัน...จะทะเลาะกันอีกหรือคะ...เหมือนเมื่อวันมาส่งลูก พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันอย่างนี้ นี่จะไม่ละเว้นกันบ้างหรือไง จะทะเลาะกันตลอดชาติเลยหรือคะ”
“เราไม่ทะเลาะกันแล้วล่ะจ้ะ” วิสาขาตอบอย่างอ่อนหวานยิ่ง “เพราะเราเบื่อเหลือเกินแล้ว นี่ลูกคงจะยังไม่รู้ซินะว่าพ่อกับแม่หย่าขาดจากกันแล้ว”
“หย่า...”
ดวงตารูปเรียวยาวของเหมือนชนกเบิกกว้าง หล่อนดึงตัวเองออกจากการโอบกอดของแม่ ใจของหล่อนเต้นแรงอยู่ในอก หล่อนไม่คาดว่าจะมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของหล่อนสั่นสะท้าน
“ทำไมล่ะคะ ทำไมต้องลงเอยกันตรงนี้ด้วย ก่อนไปก็ขอเอาไว้แล้วว่า สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดก็คือพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน”
นายธวัชกลืนน้ำลายอย่างลำบาก เขารู้เหมือนกันว่าเหมือนชนกจะต้องโวยวายกับเรื่องนี้ ส่วนวิสาขา เธอหยุดหัวเราะไปแล้ว...แต่ยังคงอธิบายได้เหมือนไม่ทุกข์ร้อน
“มันควรจะสิ้นสุดกันนานแล้วนะ...ลูกก็โตแล้ว ยอมรับเสียบ้างเถิดว่าพ่อกับแม่ไปด้วยกันไม่ได้ หย่ากันซะมันก็ดีกับเราสองคน...แม่มีความสุข พ่อเค้าก็มีความสุข...เรามีวิถีชีวิตที่เราเลือกสรรกันเอง พ่อเค้าก็จะแต่งงานใหม่เร็วๆ นี้ ลูกกลับมาทันเป็นสักขีพยานในวันแต่งงานของพ่อเค้าพอดีเชียวนะ...”
หูของเหมือนชนกอื้อไปหมดแล้ว แต่ยังได้ยินเสียงของวิสาขาเหมือนล่องลอยมาจากที่อันไกลแสนไกลยิ่ง
“รู้ไหมว่าเมียใหม่ของพ่อลูกเป็นใคร มาจากไหน...ลูกยังจำยัยนางงามคนนั้นได้ไหม...คนที่ได้ตำแหน่งปีที่พ่อของลูกถูกเชิญไปเป็นกรรมการให้คะแนนนั่นน่ะ...ขึ้นแท่นมาแล้วล่ะจ้ะ...ขึ้นมาเป็นคุณนายเศรษฐีซะแล้ว”
รถยนต์จอดยังไม่สนิทนักเมื่อเหมือนชนกเปิดประตูพรวดออกไป...หล่อนอยากอาเจียน ความรู้สึกของหล่อนกำลังย่ำแย่เหลือเกิน...หล่อนวิ่งถลาออกไปโดยเร็ว...เสียงของนายธวัชเอะอะไล่หลังมา...หล่อนไม่สนใจอีกแล้ว วิ่งขึ้นมาในตัวตึก แล้วหล่อนก็ชนกับใครคนหนึ่งอย่างแรง...ร่างโปร่งบางของหล่อนหมุนคว้าง แต่ก่อนที่จะล้มลงก็มีมือค่อนข้างแข็งของใครคนหนึ่งคว้าจับเอาไว้ได้เสียก่อน
หล่อนพยายามเพ่งมองคนเบื้องหน้า ผู้ชายตัวสูง ผิวเข้ม...ตาคม ดวงหน้านั้นค่อนข้างจะคุ้น...
“คุณนก...”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มๆ นั่นทำให้หล่อนจดจำเขาได้ เขาเป็นญาติทางแม่ เข้ามาทำงานในครอบครัวของหล่อนอยู่ก่อนหน้าหล่อนจะบินไปเรียนต่อ...หล่อนไม่คุ้นกับเขามากนัก เพราะเหมือนชนกค่อนข้างจะถือตัวอยู่ไม่น้อย หล่อนกดเขาเอาไว้เป็นแค่ ‘เด็กในบ้าน’ หล่อนสะบัดแขนออกอย่างแรง ก้าวถอยหลังออกมา
นั่นทำให้เขายืนนิ่ง ไม่ประหลาดใจกับท่าทางของหล่อนที่แสดงออกกับเขา เหมือนชนกเหยียดเขามานานแล้ว ตั้งแต่แรกที่เขาก้าวเข้ามา...หล่อนมักจะยกคางเรียวๆ ขึ้นอย่างเย่อหยิ่งทุกครั้งที่พบหน้าเขา แล้วมีดวงตาที่มองเขาอย่างหมิ่นๆ มีวาจาที่ทำให้เขาได้สะอึกเสมอมา
“คุณนั่นเอง...” หล่อนเอ่ยออกมา น้ำเสียงเย็นชา...สองมือไขว้เอาไว้ข้างหลัง สองปีที่ผ่านมาเขามองเห็นความเติบโตทางกายของหล่อนเท่านั้น นอกนั้นเหมือนชนกยังเหมือนเดิม ดูหล่อนไม่ค่อยจะมั่นคงนักทางด้านอารมณ์
“คุณยังอยู่ที่นี่อีกหรือ”
“ครับ”
“แม่หย่ากับพ่อแล้ว” หล่อนบอกลอยๆ “ฉันนึกว่าคุณจะเก็บของไปจากที่นี่”
ลัคนัย พยายามที่จะไม่ใส่ใจกับกิริยาเหมือนพาลของหล่อน เขาเพียงแต่ให้คำตอบเรียบๆ กับหล่อนเท่านั้น
“คุณนกคงยังไม่ทราบว่าผมได้เลื่อนตำแหน่ง...ตอนนี้ผมเป็นผู้จัดการบริษัทเงินทุนแล้ว...”
เหมือนชนกผงะออกมา...ผู้จัดการบริษัท...หล่อนไม่อยากจะเชื่อ...นี่มันอะไรกัน สองปีกับการเปลี่ยนแปลง...พ่อกับแม่หย่ากัน พ่อจะมีเมียใหม่เป็นอดีตนางงาม แล้วผู้ชายในบ้านได้ดิบได้ดีเลื่อนเป็นผู้จัดการ...นรกชัดๆ เชียว...มันเหมือนนรก...กรุงเทพฯ ไม่ใช่สวรรค์ บ้านไม่ใช่วิมานหรูหราของหล่อนอีกแล้ว เหมือนชนกกัดริมฝีปากเอาไว้...มือของหล่อนกำแน่นเข้าหากัน
ลัคนัยก็รออยู่เหมือนกันว่าหล่อนจะพูดอะไรออกมาอีกแต่เปล่าเลย เขาเห็นเหมือนชนกสะบัดหน้าพรืด แล้วหล่อนก็เดินผ่านเขาไป...ชายหนุ่มแอบถอนใจออกมา...กาลเวลาไม่ได้ทำให้หล่อนเติบโตขึ้น หล่อนยังเหมือนเดิม เป็นหญิงสาวเย่อหยิ่งจองหองคนเดิม เขามองเห็นเค้าความวุ่นวายที่จะติดตามมา...นายธวัชคงจะเดือดร้อนมากกว่าใครในเมื่อเหมือนชนกเป็นลูกรักตลอดมา...
ถ้าชีวิตเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น วันนี้เขาก็เต็มไปด้วยความแค้นในทุกอณูของชีวิต ภายใต้ท่าทีสงบ นิ่งเงียบ และแข็งกร้าวประดุจหินผาของ "ศิลา"... แต่ภายในใจเขานั้น กลับระอุคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นที่รอวันชำระสะสาง! อสูรตนนี้ ผ่านวันเวลาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และพร้อมที่จะเริงไฟแล้ว...และสำหรับเธอ "มินตา"...สาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ไฟแห่งอสูรครั้งนี้ มันน่าหวาดผวาสำหรับเธอแค่ไหน เพราะมันเป็นไฟแค้น ที่หลอมรวมมากับไฟแห่งปรารถนา...
กี่ครั้งกี่หน ก็แพ้ก็พ่าย ผู้ชายไม่เคยซื่อสัตย์ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ รูปโฉม กะรัต เทพทัต ไม่อาจนำมาทระนงได้ กี่คราที่ต้องแก้มือใหม่ ถูกตราหน้า ประณามว่าสามผัว มิหนำซ้ำหนสุดท้าย เมื่อเขาตายจากไปมิได้จบกันแค่นั้น แต่ สายน้ำผึ้ง เพื่อนสนิท คบกันมา 12 ปี กลับกลายเป็นเพื่อนสนิท คิดคด อุ้มท้องเยาะเย้ยว่าเป็นเมียหลวง ส่วนเธอคือเมียน้อย กะรัต ผู้แสนฉลาดเลิศล้ำ เฝ้าตรวจสอบปัญหาชีวิตแล้วพลันคิดได้ เธอไม่เคยจับผู้ชายคนไหน ตีตรา ขึ้นทะเบียน เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ครานี้ เห็นทีจะต้องให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ พิศุทธิ์ หนุ่มผู้ดี ผู้เกิดมาเป็นอภิชาตบุตรเกินหน้าพ่อแม่ เธอพบว่าเขาเหมาะสมยิ่งอนิจจา... กะรัต เธอมองข้ามสิ่งสำคัญของการครองเรือน เธอลืมความรักแล้วเธอจะรู้ว่าหนนี้ ผู้ชายหรือเธอกันแน่ที่ผิด การตีตราด้วยทะเบียน มันเป็นยันต์ป้องกันชีวิตคู่แตกร้าวได้หรือไม่
จากเด็กหญิงเล็กๆ ที่ได้รับการปลุกปั้นขึ้นมาเป็นนักร้องเสียงทองสุดสวยแห่งยุค พิจิกา โลดแล่นไปตามจังหวะเสียงเพลงจนถึงจุดสุดยอดในชีวิต และเส้นทางนั้นก็ไม่ได้งดงามเสมอไปเมื่อ สุวิชา ชายหนุ่มรูปงามก้าวผ่านมา เขาไม่ได้เป็นเทพบุตรสำหรับเธอ แต่เป็นมารร้ายที่ทำให้เธอตระหนกตกใจสุดขีด เขาทำให้จังหวะเพลงชีวิตของเธอผิดเพี้ยนไป กว่าเธอจะรู้ว่ามารร้ายมีหัวใจรักมั่นคง...ก็เกือบจะสายเกินไป
ชาวัน หนุ่มหล่อ รวย เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครมาก่อน ต้องจำยอมรับผิดชอบ รุ้งทอง หญิงสาวที่ความจำเสื่อมเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ชาวันรับสมอ้างเป็นสามีของรุ้งทอง ด้วยเหตุนี้รุ้งทองจึงถือสิทธิ์ว่าเป็น “เมีย” โดยที่ชาวันเองไม่มีทางขัดขืน เพราะหัวใจเขาไปอยู่ในมือของเธอ หัวใจของอสูรตัวแสบ...นามชาวัน ฉายา “ชาละวัน” ไอ้เข้ตัวเอ้ ยอมสยบในอุ้งมือของสาวน้อย รุ้งทอง อย่างหมดลาย
โชคชะตาพัดพา ศรา เข้ามาในเส้นทางชีวิตของเกสร หนุ่มดิบเถื่อนจากป่าดง มาเจอสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด สาวมองหนุ่มเป็น อสูร ตัวร้าย และเขาก็เต้นระบำรอบตัวเธอ คนสองคนถูกเหวี่ยงเข้าไปในเส้นทางของการแต่งงาน จาก บังเอิญ เป็น ผูกพัน เมื่อต่างมีปม และปูมหลังครอบครัวที่แหว่งวิ่น พวกเขาเริ่มเห็นใจกันเข้าใจกันพร้อมจะสร้างครอบครัวใหม่ เกสร จับมือ ศรา เริ่มร่ายระบำรำฟ้อน ไปด้วยกัน อสูรตัวนั้นก็เป็นได้เพียง อสูรในหัวใจเกสร...ที่ทำให้ครอบครัวเติมเต็ม
ลูกพ่อ...ไอ้ขวัญ ที่ไม่มีความคิดนอกจากมัวเมาราคะแล้วทำให้เขาเกิด สกาว...แม่ที่ร่ำลือไปทั่วหลายหมู่บ้านดังในตำบลว่าสวย แต่ร่านเสน่ห์... ยาย...ศรีนวลผู้ดีจอมปลอม แต่ใจร้ายหมายจะทุบตีเขาถึงตาย และย่า...ผกาที่เป็นกะหรี่เก่า ...ชีวิตบัดซบฉิบหาย... ภานุกร บอกตัวเองเช่นนั้น ไม่มีพ่อเป็นแบบอย่างชีวิต ไม่มีอกแม่ให้ซุกอุ่นไอ เติบโตมาในมือคนอื่น หาก สกาว เป็นนางแม่มดร้ายกาจตั้งแต่วัย 16 สกาวก็ได้ให้กำเนิด อสูรร้ายอย่างเขา หนุ่มหล่อ มีปมเต็มสี่ห้องหัวใจ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่มีหัวใจให้กับใครอย่างแท้จริง จนมาเจอกับ แม่สาวแพว พิชญา อสูรร้ายสงบลง แต่จริงๆ แล้ว แพว พิชญา ก็มีความละม้ายเหมือน สกาว แต่เป็นภาคนางฟ้า มาทำให้อสูรได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ด้วยคำพูดที่ว่า ผมไม่อาจจะสาบาน เพราะผมไม่เชื่อมั่นแต่หากเชื่อในตัวผม... ก็คงจะเชื่อในคำพูดผม...ผมจะทำในสิ่งที่ดีที่สุด...เพื่อคุณ...”
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี