/0/5770/coverbig.jpg?v=900ac2a04f2b40ce707497e71deb2d9e)
เขาคือพ่อมดอายุหลายร้อยปีที่แฝงตัวอยู่ในประเทศ ‘เวซาน่า’ อันเป็นเมืองที่ผู้ก่อตั้งที่เรียกตนว่า ‘ภราดรนิรันร์’ เป็นผู้ก่อตั้ง โดยมีผู้นำทั้งหมด 4 ตระกูลด้วยกัน ได้แก่ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า เงือก และพ่อมด โดยพ่อมดผู้สืบทอดต่อตระกูลพ่อมดแห่งเวซาน่ามีนามว่า ‘อังเดร ชาร์แมน’ หากแต่เขาเป็นพ่อมดที่แปลกไปเสียหน่อย ไม่ชอบสังคม และไม่ชอบคลุกคลีกับใครมากนัก นั่นก็เพราะเขากลัวเหลือเกินว่าความตายจะมาพรากจากสิ่งที่เขารักไป ดังนั้นการอยู่อย่างสันโดษจึงเป็นวิธีที่เขาพิสมัย ทว่าสวรรค์กลับกลั่นแกล้ง ส่งสาวน้อยชาวไทยนาม ‘โมรา’ มาให้เขาได้จับพลัดจับผลูรักษาอาการนอนไม่หลับในฐานะ ‘หมอ’ เหตุด้วยเนื่องจากถูก ‘สิ่งลี้ลับ’ บางอย่างตามก่อกวน การรักษานี้พ่วงมาด้วยรสรักเสน่หาที่ยากจะลืมเลือน เมื่อเธอตกลงปลงใจเป็นคู่หูบนเตียงกับเขา อังเดรก็ค่อยๆ ถลำลึกสู่ความสัมพันธ์ที่เขาไม่เคยต้องการ สิ่งนั้นเรียกว่า ‘ความรัก’ ซึ่งค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิดจนเขามิอาจถอนตัวและถอนใจได้อีกเลย...
ชีวิตอันเป็นนิรันดร์มันดีอย่างไร?
พ่อมดอย่าง ‘อังเดร ชาร์แมน’ ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่ถือกำเนิดมาจากความตายเมื่อห้าร้อยปีก่อนเพราะพ่อมดขาวผู้หนึ่งที่ชุบชีวิตของเขา เขาก็ต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมาตลอดหลายศตวรรษ แม้ว่าร่างกายจะไม่เคยแก่ชรา และถึงจะมีความรู้มากมายเกี่ยวกับมนตราและกลายเป็นผู้วิเศษ ทว่าเขาก็ไม่เคยมีความสุขเลยสักครั้ง อังเดรอดนึกถึงตอนที่เขาได้ชีวิตกลับคืนมาครั้งแรกไม่ได้ ในตอนนนั้นเขาดีใจที่ได้กลับมาพบเจอครอบครัวอันเป็นที่รัก แต่เมื่อกาลเวลาได้พรากทุกชีวิตรอบข้างของเขาไป อังเดรก็รู้สึกว่าการที่เขามีชีวิตอยู่ ไม่เจ็บ ไม่แก่ และไม่ตาย ล้วนแล้วไม่มีความหมายใดๆ เลยทั้งสิ้น
ทุกค่ำคืนเปลี่ยวเหงา รอบกายเย็นเยียบร้างไร้คนที่เขารักจนหัวใจของเขาเริ่มด้านชากับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่แน่ใจนักที่เขาตัดสินใจว่าจะไม่ผูกสัมพันธ์กับมนุษย์คนใดอีก เพราะเขาตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าชีวิตของมนุษย์นั้นสั้นและไม่ยั่งยืน เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ความสัมพันธ์อิ่มตัวงอกงาม เขาก็จะสูญเสียมันไปด้วยฝีมือของกาลเวลาที่ผูกติดอยู่กับอายุขัยของมนุษย์
และสุดท้ายก็จะเป็นเขาที่เปล่าเปลี่ยว ซึมซับความเจ็บปวดจากการสูญเสียเช่นเคย
กี่ครั้งแล้วที่เขาสร้างตัวตนใหม่เมื่อครบอายุขัยมนุษย์ จากชื่อหนึ่ง ไปอีกชื่อหนึ่ง จากชนชาติหนึ่ง ไปอีกชนชาติหนึ่ง ราวกับเป็นวัฏจักรแห่งความทรมานที่ไม่จบไม่สิ้น ตายก็ไม่ได้ อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะเหตุนี้จึงทำให้อังเดรตัดสินใจว่าจะข้องเกี่ยวกับมนุษย์คนไหนอีก อย่างเช่นชีวิตของเขาในรอบหลายทศวรรษนี้เช่นกัน เขาสร้างตัวตนใหม่ เลือกที่จะเป็นแพทย์แผนทางเลือกที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีฤทธิ์ในทางยารักษาโรคต่างๆ
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด เพราะตั้งแต่ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อมด เขาก็คลุกคลีอยู่กับสิ่งของพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะด้านการปรุงยาที่เขาชำนาญเป็นพิเศษ ซึ่งความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากชีวิตก่อนๆ ของเขาที่เพิ่งจะละทิ้งไปแม้แต่น้อย ต่อให้สร้างตัวตนใหม่และอยู่ในประเทศที่ต่างกัน อังเดรก็มักจะวนเวียนอยู่กับการใช้ความรู้ทางศาสตร์นี้เลี้ยงดูตนเองเสมอ
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะพิเศษกว่าการสร้างตัวตนในครั้งก่อนๆ ไปสักนิด เพราะนอกจากจะย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศ ‘เวซาน่า’ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดศูนย์รวมของเหล่าผู้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่เขากลับมาใช้ชื่อที่แท้จริงของตน
อังเดรคือชื่อที่แท้จริง ส่วนชาร์แมน...แค่เห็นว่าความหมายมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาเป็น เขาก็เลยพ่วงท้ายต่อเป็นนามสกุลเสียเลย
ดูไร้สาระและไม่มีความหมาย แต่การที่จะได้นามสกุลนี้มาสร้างเป็นตัวตนใหม่ เขาต้องทำงานให้กับพวกกลุ่ม ‘ภราดรนิรันดร์’ ซึ่งเป็นกลุ่ม ‘ใต้ดิน’ ของเหล่าผู้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งประกอบไปด้วยตระกูลเผ่าพันธุ์ใหญ่ทั้งสี่ตระกูล อันได้แก่ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า เงือก และแน่นอน...พ่อมด
กลุ่มภราดรนิรันดร์จะมีที่มีหน้าที่ความสงบเรียบร้อยให้กับเหล่าอมนุษย์ รวมถึงดูแลเอกสารต่างๆ ในการสร้างตัวตนใหม่ และปิดบังซ่อนเร้นการมีตัวตนของพวกเขาให้เป็นเพียงตำนานเท่านั้น
และใช่...ไม่ใช่เขาคนเดียวที่มีชีวิตอมตะ นอกจากพ่อมดอย่างเขาแล้ว ก็ยังมีผู้มีชีวิตนิรันดร์สายพันธุ์และเผ่าต่างๆ มากมาย ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่อังเดรจะต้องมาใส่ใจ เขากำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันของเขามากกว่า วันนี้เป็นอีกวันที่เขาจะเขียนลงบนปฏิทินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะว่า ‘ไม่มีอะไรพิเศษ’ แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดนั้นเมื่อจู่ๆ เสียงกระดิ่งที่ห้อยอยู่หน้าประตูของร้านสมุนไพรที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ดังขึ้น
ร่างสะโอดสะองของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏให้เห็น เจ้าหล่อนอยู่ในชุดลำลองทันสมัย ผมยาวดำขลับถูกรวบเป็นหางม้าไว้ทางด้านหลัง อังเดรมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนเอเชีย แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่ากับการที่หล่อนก้าวอาดๆ มาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์ที่เขาประจำการอยู่ พร้อมกับพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่รักษาอาการนอนไม่หลับด้วยไหมคะ”
อังเดรเลิกเรียวคิ้วคมขึ้น ปราดดวงตาสีเขียวมรกตจ้องใบหน้ารูปไข่ที่มีแว่นดำสวมทับไว้นิ่งๆ ทำให้คนถูกจ้องมองเลิ่กลั่กไปเล็กน้อย
“เอ่อ...คือฉันลองไปพบแพทย์แผนปัจจุบันกับจิตแพทย์มาแล้วน่ะค่ะ แต่ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไร ก็เลยมาที่นี่”
หญิงสาวตอบก่อนที่เขาจะได้ถามด้วยซ้ำ เธอคงรู้ดีอยู่แล้วว่าอาการนอนไม่หลับ ส่วนมากมักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือทางจิต วิตกกังวลหรือเครียดมากเกินไปก็ทำให้นอนไม่หลับได้ ซึ่งเธอก็ไปพบแพทย์เหล่านั้นมาหมดแล้ว และสุดท้ายก็จบลงด้วยการได้ยานอนหลับมากิน และมันก็ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นเพราะในกรณีของเธอมันเป็นมากกว่าการนอนไม่หลับธรรมดา
“นอนไม่หลับมานานเท่าไรแล้วครับ”
ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก หญิงสาวที่ชื่อ ‘โมรา’ มองหน้าคุณหมอหนุ่มที่ดูไม่รับแขกเอาเสียเลยนิ่งๆ ก่อนจะตอบคำถามที่ถูกบุคลากรทางการแพทย์ถามมานับครั้งไม่ถ้วน
“วันนี้เข้าเดือนที่สองค่ะ”
โดยปกติแล้ว ระยะเวลาของอาการนอนไม่หลับที่น่าเป็นห่วงคือมีอาการต่อเรื่องอย่างน้อยสองสัปดาห์ ของเธอเข้าเดือนที่สองแล้ว ถือว่าต้องรีบรักษาโดยด่วนก่อนจะส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตมากกว่านี้
“งั้นผมขออนุญาตซักประวัติคุณก่อน ช่วยกรอกรายละเอียดลงในเอกสารแผ่นนี้หน่อยครับ”
อังเดรคว้ากระดาษมาวางไว้ตรงหน้า ยื่นปากกาให้ โมราก็ทำตามแต่โดยดี หากแต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่คลินิกแห่งนี้ นอกจากผู้ชายตรงหน้าแล้ว ไม่มีพนักงานคนอื่นอย่างเช่นพยาบาลหรือผู้ช่วยอะไรเลยหรือไง หรือว่า...ผู้ชายคนนี้แหละเป็นพยาบาล?
เธอไม่ได้คิดอะไรต่อ กรอกรายละเอียดเสร็จก็ยื่นคืน อังเดรรับมันไปใส่แฟ้มประวัติ ไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เธอยืนมองนิ่งๆ ครู่หนึ่ง
“แล้ว...ฉันจะได้พบคุณหมอตอนไหนเหรอคะ”
ถามออกไปจนได้ อังเดรเหลือบมองเล็กน้อย
“คือ...ฉันมีเวลาไม่มากน่ะค่ะ นัดลูกค้าไว้ เลยอยากจะทราบเวลารอคุณหมอสักหน่อย เผื่อว่าเกินเวลานัด จะได้โทรไปเลื่อนไว้ก่อน”
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"