มนทิพย์ฝันถึงหนุ่มสาวคู่หนึ่ง “คุณนพ” เด็กหนุ่มในความฝันทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหว โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มของเขาที่ฉายแววความรักอย่างเปี่ยมล้มในทุกครั้งที่มองสบมา สิ่งที่เด็กสาวมองเห็น รู้สึก รับรู้ จนแม้กระทั่งนามที่เขาเอ่ยเรียก “ปาริชาต” มนต์ทิพย์กลับรู้สึกว่าทั้งหมดนั้นคือ.. ตัวเธอเอง “ปาริชาต” เจ้าช่อดอกสีแดงเพลิง.. ดอกไม้แห่งการระลึกชาติ กลิ่นหอมแรง.. ทว่ามนุษย์เดินดินหาได้กลิ่นไม่ ด้วยกรุ่นกลิ่นนั้นจรุงใจอยู่ในเพียงเทวโลก แล้วหากมีเจ้าช่อดอกสีแดงเพลิงเป็นสื่อเล่า.. สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ไหม
“ไยน้องมิมา... ปาริชาต ไยปล่อยให้พี่คอย รอคอยแต่เจ้า มิอาดูรอันใดพี่เลยรึนี่... ยามจากเป็นเจ้ายัง... มิห่วงหา หากแม้นจากตายเล่าเจ้าจักเป็นฉันใด เจ้าจะห่วงหาพี่บ้างหรือไม่ เจ้า... ปาริชาต... ดอกงาม...”
น้ำตาปริ่มไหลลงจากหน่วยตาคมเข้ม ก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆ หรี่ลงๆ อย่างสุดระงับความง่วงงุนนั้นไว้ได้ แม้จะรู้ว่าหลับครั้งนี้คงมิได้พานพบ แต่อาการชาวาบจากปลายเท้าที่ส่งมาจนทำให้ทุกประสาทสัมผัสค่อยๆ ดับลงนั้น ก็ไม่อาจหยุดยั้งหัวใจที่โลดแล่นแลเจ็บช้ำนั้นไว้ได้ กลีบดอกไม้งามสมชื่อเจ้าของดวงใจปลิดปลิวลงจากต้นแลรายล้อมร่างสูงที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่มไม้ดังจะรองรับและซึมซับทุกห้วงคำนึงสุดท้ายนั้นประดับไว้ทั่วทุกกลีบบางที่พร่างพรมห่มกาย
กรุ่นกลิ่น “ปาริชาต” โชย...โหยไห้
หอมเอย... หอมกรุ่นกลิ่นไม้
หอมนานรำลึก... ตรึงใจ
แม้นชาติภพข้ามไปกรุ่นกลิ่นอาย... มิลืม
ร่มเอย... ร่มปาริชาตแดงชูช่อ
อดีตล้อ... เหินห่างเกินคว้า
ผู้รอเฝ้าหมายเจ้า... ช่อชีวา
เจ้าดอกงามโน้มมา... ให้ชิดชม
สัตย์คำมั่นรำลึก... มิลืมเลือน
แม้นใจจักเชือดเฉือน... ตรมรัก
ดวงใจพี่สยบแล้ว... แม่พุ่มภักดิ์
แต่หวานรักจักร้างลา... ให้ห่างไกล
ในภพหน้าชาติหน้า... ให้พี่พบ
ให้ร่วมเรียงเคียงจบ... ได้ชมชื่น
พี่จะเมินพี่จะหมาง... เจ้ากล้ำกลืน
พี่จะชื่นรอเจ้าช้ำ... ระทมเคียง
ดวงตาคมเข้มเบิกโพลงในความมืด เหงื่อชื้นที่ประปรายตามใบหน้าและไรผมทำให้ท่อนแขนแกร่งต้องเอื้อมขึ้นเหนือหัวเตียงและควานหารีโมทแอร์เพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้องให้ลดต่ำลง ฝ่ามือแกร่งปิดกระชับและกดย้ำๆ อยู่ที่ใบหน้าพยายามเรียกสติของตนเองที่กระเจิดกระเจิงให้กลับคืนมา
“อีกแล้ว...”
ครั้งที่เท่าไรแล้วที่เขาฝันแบบนี้ซ้ำๆ กันไปมา ความฝันที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจอยู่ลึกๆ ความเจ็บปวดจนทำให้เขารู้สึกหนาวไปถึงต้นขั้วหัวใจ ความหนาวลึก... เจ็บลึก... สิ่งที่รับรู้ได้ทำให้เขาบอกตัวเองแบบนั้น
เสียงจอกแจกจอแจจากด้านล่างคอนโดฯ ทำให้รู้ว่าใกล้สว่างเต็มที เสียงอาโกเจ้าของร้านข้าวมันไก่ที่เขาเป็นลูกค้าขาประจำเร่งให้เจ้าบิ๊กลูกจ้างตัวน้อยที่ไม่บิ๊กสมชื่อสักนิดรีบจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เรียบร้อยเพราะประเดี๋ยวลูกค้าขาประจำ จำพวกวินมอเตอร์ไซด์และคนขับรถสองแถวรับจ้างก็จะทยอยกันมาหากินข้าวเช้ากันแล้ว
ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียงฝ่ามือขวาวางทาบอยู่เหนืออกด้านซ้าย เสียงที่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นปนตื่นกลัวในความฝันยังคงมีอยู่และมันคงทำให้หลับต่อไม่ลงแล้ว แสงสลัวที่ส่งผ่านมาจากระเบียงทำให้พอมองเห็นทุกสิ่งภายในห้องพัก ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้งเรือนกายมีเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว กล้ามเนื้อหน้าขาแข็งแรงก้าวยาวสู่ห้องด้านข้างเพื่อจัดการตัวเอง
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เนื้อกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างผู้ที่ดูแลสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดี เส้นผมเรียบลู่น้ำดำขลับ แนวคิ้วหนารับกับดวงตาคมเข้ม สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางได้รูป ภาพที่สะท้อนออกมาจากบานกระจกใหญ่ภายในห้องน้ำ คือ ชายหนุ่มผู้ที่จัดว่าหล่ออย่างไม่มีที่ติ แต่ทว่าดวงตาคมเข้มนั้นมันกลับดูเงียบขรึมและเจือไปด้วยความเศร้าโศกอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ติกรานต์จ้องมองตนเองในกระจกบานใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อว่านี่คือตัวตนของเขาจริงๆ ปัญหาที่ค้างคาในจิตใจของเขาไม่สามารถบอกใครได้... ไม่สามารถบอกใครได้จริงๆ
ผ้านุ่มผืนหนาถูกยกขึ้นซับใบหน้าและเรือนผมที่เปียกน้ำอย่างเบามือ ห้วงความคิดคำนึงถึง... หญิงสาวใบหน้างดงามและรอยยิ้มพิมพ์ใจติดตรึงตราตั้งแต่แรกเห็น ภาพแห่งความสุขฉายให้เห็นยามเธอนั้นบรรจงเช็ดหยดน้ำตามเรือนผมเขาอย่างเบามือ ภาพเธอเอียงอายยามเขายื้อฝ่ามือบอบบางนั้นไว้และจุมพิตไปตามนิ้วมือน้อยๆ อย่างหยอกเย้า
วาบ...
“อีกแล้ว... เจ็บ...”
อีกครั้งแล้วที่เขารู้สึกเจ็บ ทุกครั้งที่หวนคิดถึงเธอ ทุกครั้งที่ภาพความทรงจำหวนคืนมันมักจะปะปนมากับความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ เสมอ สาเหตุที่ทำให้เขาต้องปลีกตัวออกห่างจากเธอทั้งที่เป็นเวลาที่เธอนั้นต้องการเขามากที่สุด ยิ่งอยู่ใกล้เขายิ่งรู้สึกเจ็บปวด ยิ่งเห็นหน้ายิ่งเหมือนหัวใจจะขาดเสียให้ได้ และเมื่อในยามห่างไกลไม่เห็นหน้าไม่ได้ยินเสียงเขากลับเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่ใครจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เห็นว่าปกติดีนี้ แท้จริงแล้วเขายิ่งรู้สึกเจ็บปวดเสียดลึกเสียมากกว่าการได้เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน เพราะความรู้สึกหนึ่งที่มันร่ำร้องบอกเขาอยู่ภายใน
ความรู้สึกที่ว่าตนเองเป็นผู้ชายไร้ความรับผิดชอบทิ้งภรรยาให้เลี้ยงลูกตามลำพัง เขาจะทำอย่างไรได้ จะทำอย่างไร หรือมีเขาอีกคนที่มีความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจยามรำลึกได้ว่าหัวใจนี้รักเธอยิ่งนัก หรือทั้งหมดนี้เขาเพียงคิดไปเอง หรือแท้ที่จริงแล้ว... เขาควรไปพบจิตแพทย์น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แววตาเจ็บช้ำที่สะท้อนออกมาจากบานกระจกใหญ่นั้นทำให้เขาต้องปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้าจิตใจ สิ่งที่ต้องเผชิญโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง สิ่งที่ใจหนึ่งโหยหา... แต่อีกใจหนึ่งอยากหลีกหนี...ให้ไกล
“พรุ่งนี้ก็วันศุกร์แล้ว...”
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"