สำหรับเธอ ความรัก ไม่มีความแค้น สำหรับเขา รักที่มอบให้ คือความแค้นต้องชำระ เพราะความเข้าใจผิด ทำให้เขาเกลียดเธอ คิดเสมอว่าเธอคือผู้หญิงแสนร้ายกาจ หลอกลวงเขา เห็นเขาเป็นผู้ชายหน้าโง่ สำหรับเธอ เขาคือรักแรก รักเดียว และรักสุดท้าย ไม่ว่าเขาจะโกรธ จะเกลียดเธอเท่าไร เธอก็ยอม นั่นเป็นเพราะคำว่ารัก...คำเดียว แต่สำหรับเขา เธอคงเป็นได้แค่เครื่องระบายความแค้น
บทที่ 1
เกล็ดน้ำตาใสวาวราวกับน้ำค้างหยาดรินไหลอาบสองแก้มบอบบางช้าๆ ประหนึ่งเม็ดฝนไหลรินจากท้องฟ้าอย่างไม่ขาดสายราวกับสายเลือด กระบอกตาทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าวปวดร้าวไปหมด แต่ความรู้สึกทั้งหมดต้องอดกลั้นเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ริมฝีปากสั่นระริกค่อยๆ ฝืนแย้มรอยยิ้มออกมา มือเล็กสั่นระริกบีบมือที่ผอมซีด เห็นเส้นเลือดปูดออกมานอกผิวหนังจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของพี่ชายเอาไว้ หยาดน้ำที่คอยจะรินไหลออกมาอีกถูกผลักให้ไหลย้อนกลับเข้าไปในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เธอจะไม่ยอมให้พี่ชายที่เธอรักเป็นห่วงอีกต่อไป
“นกยูง...นกยูงของพี่ พี่ขอโทษ...ขอโทษ...ที่คอยแต่ทำให้นกยูงเสียใจ พี่มันเลว...สมควรแล้วที่ชีวิตเป็นแบบนี้ อย่าโกรธพี่นะ...อย่าโกรธ”
น้ำตาที่ถูกกล้ำกลืนเข้าไปในอกแทบจะไหลรินออกมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินถ้อยคำแหบพร่าของพี่ชาย เรียวปากบางสั่นระริกพยายามฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง เปลือกตาบางกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอนั้นออกไปอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชัช...ไม่เป็นไรเลย พี่ชัชไม่ต้องพูดอะไรอีกนะคะ พักผ่อนเถอะ”
“นกยูงน้องรักของพี่...พี่คงไม่ได้อยู่ดูแลน้องอีกแล้ว พี่ขอโทษ ถ้าพี่ไม่พูดตอนนี้คงไม่มีโอกาสได้พูดกับนกยูงอีกแล้ว ตลอดเวลาพี่มีแต่ทำให้นกยูงเสียใจเพราะความเลวของพี่ รวมทั้งเรื่องของไอ้ลัน...ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ป่านนี้นกยูงกับไอ้ลันคงไม่ต้องแยกกันแบบนี้ พี่อยากขอโทษ อยากให้ลันยกโทษให้พี่ อยากขออโหสิกรรมในสิ่งที่พี่เคยทำ เคยทรยศ อยากฝากให้มันดูแลนกยูงของพี่”
เสียงแห้งแหบพร่าของเมชัชติดขัด เสียงหายใจหอบสะท้าน เขารู้ตัวดี...รู้ว่าคงจะอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน แต่ตอนนี้ที่เขากังวลที่สุด ใครจะดูแลน้องน้อยของเขาคนนี้ ถ้าเขาไม่อยู่สักคนใครจะดูแล ใครจะดีกับมัญชุลิกาเท่าเขา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่พี่ชายที่ดีนัก แต่เขาก็ไม่เคยยอมให้ใครทำร้ายน้องน้อยของเขาเนื่องจากบิดากับมารดาสั่งแล้วสั่งอีกก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตว่าอย่าทิ้งน้อง...กระบอกตาปวดร้าวขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงตรงนี้ ตอนนี้เขาไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้มีอุปการะคุณทั้งสองท่านได้แล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขา...เพราะความโลภเพียงสิ่งเดียว
มัญชุลิกาสะอื้นไห้อีกครั้ง มือบางบีบกระชับมือของพี่ชายแน่นเรียวปากบางที่สั่นระริกพยายามส่งยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างที่สุด
“ไม่เป็นไรคะพี่ชัชไม่ต้องเป็นห่วง นกยูงจะทำทุกอย่างเพื่อให้พี่ลันอภัยให้พี่ชัชให้ได้ ต่อให้เขาโกรธและเกลียดนกยูงมากแค่ไหน นกยูงจะพาพี่ลันมาหาพี่ชัชนะคะ พี่ชัชทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดมากสักวันหนึ่งพี่ลันจะต้องมาขอโทษและให้อภัยกับเรื่องทั้งหมด เชื่อนกยูงนะคะ”
มือผอมซีดเซียวของเมชัชพยายามอย่างเหลือเกินที่จะบีบมือบางของน้องสาว ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ เสียงหายใจหอบสะท้าน นี่เอง...ที่เขามารู้สึกตัวเมื่อสายเมื่อไม่เหลือใคร ทรัพย์สมบัติ ชีวิต หรือแม้แต่เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างลวรรษเขายังทรยศความไว้ใจ เชื่อใจ เพียงเพราะความโลภเพียงตัวเดียว ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเขาไม่ได้ยากจนหรือเดือดร้อนการเงินแม้แต่น้อย แต่เจ้าความโลภนั้นมันก็ยังครอบคลุมและมีอิทธิพลต่อใจของเขา เรื่องทุกอย่างมันถึงลงเอยแบบนี้ ตอนนี้เขาไม่เหลือใครทั้งสิ้น
“นกยูงถ้ามีโอกาสได้เจอไอ้ลัน... ฝากบอกว่าพี่ขอโทษขออโหสิกรรมกับเรื่องทั้งหมด บอกมันว่าพี่เสียใจ... แต่ถ้ามันไม่ให้อภัยพี่ล่ะก็ พี่ก็ไม่โกรธเพราะพี่ทำตัวเองทั้งนั้น คนเลวอย่างพี่ก็สมควรแล้วที่ไม่เหลือใครสักคนสมควรแล้วที่จะตายไปอย่างไม่มีใครเสียใจแต่พี่เสียใจอยู่อย่างเดียว ความรักของนกยูงกับไอ้ลันเพิ่งเริ่มเท่านั้น พี่ก็เป็นคนทำลายมันลงด้วยน้ำมือของพี่”
เสียงของเมชัชขาดห้วงอีกครั้งน้ำเสียงแหบพร่าพยายามอย่างเหลือเกินที่จะพูดออกมา เพราะถ้าเขาช้าอีกเพียงแค่วินาทีเดียว เขาอาจไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา... สงสารน้องน้อยตรงหน้ายิ่งนัก นกยูงตัวน้อยต้องอยู่อย่างเดียวดายใบโลกใบกว้างเพราะความเลวของคนเป็นพี่ เมชัชพยายามบีบมือเล็กของมัญชุลิกาอีกครั้งแต่สัมผัสนั้นก็เบาหวิวจนแทบไม่รู้สึกในความคิดของมัญชุลิกา สายตาของเมชัชมีเพียงความเสียใจ ขอโทษ เมื่อสบตาดวงตาพราวระยับไปด้วยหยาดน้ำของน้องสาว
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชัช นกยูงไม่เป็นไร ถือเสียว่านกยูงกับเขาไม่ใช่คู่กัน ถ้าผู้ชายคนนั้นรักนกยูงจริง เขาคงไม่คิดทิ้งนกยูงไปหรอก แต่ที่เขาทิ้งนกยูงไปเพียงเพราะว่าเรารักกันไม่พอ ป่านนี้เขาคงจะลืมนกยูงแล้วก็ได้ พี่ชัชไม่ต้องรู้สึกเสียใจอะไรกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น ทำใจให้สบาย พักผ่อนนะคะ...อย่าพูดอีกเลย ยิ่งพูดยิ่งเหนื่อย ขอให้พี่ชัชรับรู้ไว้แค่เพียงว่า นกยูงตัวนี้ของพี่ชัชแข็งแรงเสมอ นกยูงอยู่ได้ ต่อให้โลกใบนี้เลวร้ายขนาดไหน...นกยูงก็จะสู้ นกยูงจะพาพี่ลันมาอโหสิกรรมต่อหน้าพี่ชัชให้ได้...นกยูงสัญญา แต่ตอนนี้พี่ชัชพักผ่อนก่อนนะคะ”
รอยยิ้มซีดเซียวของเมชัชพยายามฝืนออกมาอย่างสุดกำลัง นั่นไง...นกยูงน้อยของเขาเป็นแบบนี้เสมอ ให้อภัย ไม่ยึดติดยึดแค้นอะไรทั้งสิ้น...
“พักหรือนกยูง... อีกไม่กี่นาทีพี่ก็ได้พักยาวแล้ว...พักตลอดชีวิต ตอนนี้ให้พี่พูดเถอะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดออกมา พี่ขอโทษ...ขอโทษทุกเรื่องที่เคยทำให้นกยูงเสียใจ และอยากฝากนกยูงไปขอโทษไอ้ลัน บอกมันว่าพี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ขออโหสิกรรมกับมันทุกเรื่อง...และถ้าชาติหน้ามีจริง ก็ขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก พี่สัญญา...ชาติหน้าพี่จะไม่ทำให้นกยูงเสียใจอีกเด็ดขาด พี่จะปกป้องนกยูงให้นานกว่าชาตินี้...นกยูงของพี่”
ร่างบางของมัญชุลิกาสะอื้นไห้อีกครั้ง หยาดน้ำตาพรั่งพรูจากสองตาเปียกสองแก้มของเธอหลั่งไหลออกมาราวกับหยาดฝน ความเสียใจของเธอไม่เคยจากหาย เพียงแต่เธอเก็บมันเอาไว้ลึกสุดหัวใจเท่านั้น
วันนั้นฝนตกหนัก ภาพพี่ชายของเธอกับเขาคนนั้นกำลังถกเถียงกันเสียงดัง เธอกำลังวิ่งลงมาจากชั้นบน เมื่อสาวใช้วิ่งเข้าไปบอกเธอว่าคุณลันมาหา แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงลวรรษตะโกนใส่หน้าพี่ชายของเธอดังลั่น
“ฉันไม่คิดเลยไอ้ชัชว่าแกจะเลว หักหลังได้แม้กระทั่งเพื่อนของแก”
เมชัชใช้สองมือของตัวเองผลักอกกว้างของลวรรษออกไปอย่างแรง ก่อนจะชี้หน้าชายหนุ่มตรงหน้า รอยยิ้มเหยียดออกมาพร้อมกับสายตาเหยียดหยามดูแคลน
“ก็แกมันโง่คนอย่างแกจะไปทันอะไรกับเกมส์แข่งขันของธุรกิจ ฉันลงทุนมากกว่าแก ฉันก็ต้องได้มากกว่าแกสิถึงจะถูก ถึงเงินเราจะลงกันคงละครึ่ง...แต่ฉันต้องบากหน้าฝ่าฟันกับไอ้พวกเขี้ยวลากดินนั่นมากกว่าแก ส่วนแบ่งฉันก็ต้องมากกว่าสิ”
ลวรรษมองหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างผิดหวังเสียใจ เมื่อครั้งที่ตกลงทำธุรกิจร่วมกันเมชัชไม่เห็นพูดแบบนี้ เงินก้อนนั้นเป็นก้อนที่เขาเก็บมาทั้งชีวิต เป็นก้อนที่เขาคิดจะสร้างอนาคตกับใครคนหนึ่ง การอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพังโดยไม่รู้ว่าใครเป็นบิดามารดา อยู่กับหลวงตาที่วัดมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ทำให้เขาเก็บเล็กผสมน้อย ใช้เงินอย่างประหยัด หนักเอาเบาสู้กับงานทุกชนิด บากบั่นส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี แต่ตอนนี้ความภูมิใจของเขากำลังจะสลายเพียงเพราะเพื่อนทรยศอย่างเมชัช
เขากับเมชัชเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทลัยเดียวกัน ในตอนนั้นเมชัชเป็นหนุ่มสังคมมากขนาดใครๆ ทั่วมหาวิทยาลัยก็รู้จักหมด แต่ชายหนุ่มก็ยังลดตัวมาสนิทสนม ไม่รังเกียจกับความจนของเขา คบค้าสมาคมกันตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา จนวันหนึ่งเมชัชชวนเขาทำธุรกิจ ในตอนนั้นเขาลังเลเล็กน้อย แต่พอคิดถึงอนาคตที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ หากธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จ และที่สำคัญสิ่งที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดก็เพื่อมัญชุลิกา เขาจะสร้างตัวให้หญิงสาวไม่ต้องอายใครที่ตัดสินใจคบกับผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างเขา เขาก็ตกลงกับเมชัชทันที แต่พอได้ยินคำพูดของเมชัชในตอนนี้ ความไว้วางใจ เสียใจก็ประเดประดังเข้ามาบนอกของเขาอย่างจัง
“เป็นอะไรคะ...ไข้กลับมาหรือเปล่า” มือเล็กยื่นไปแตะหน้าผากของชายหนุ่มอย่างร้อนใจเพราะความเป็นห่วง แต่หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวก็ต้องไหววูบหล่นกับพื้นเมื่อมือหนาของอนรรฆปัดมือเล็กของเธอออก “กะ...เกิดอะไรขึ้นคะ” “เก่งนี่...ตีหน้าได้เนียนสนิท...คิดจะโกหกฉันไปอีกนานแค่ไหน” หัวใจดวงน้อยของกมิตตราไหววูบหล่นไปกองกับเท้าทั้งดวง “ทะ...ทำไมคุณเอียนพูดแบบนั้นคะ” ถามไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกลั้นหายใจรอคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนที่ซองสีน้ำตาลสำหรับใส่เอกสารจะถูกโยนมาตรงหน้าเธอ “นี่ใช่ไหม...สิ่งที่เธออยากได้” น้ำเสียงราบเรียบกับสายตาเย็นชาของอนรรฆมันทำให้กมิตตราแทบจะหายใจไม่ออก “มันซื้อเธอเท่าไร บอกฉันมาสิ...เผื่อฉันจะเสนอเงินในราคาที่สูงกว่ามัน ตัวเธอราคาเท่าไร...กมิตตรา เธอถึงได้ยอมทรยศความไว้ใจของฉัน” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกเขวี้ยงใส่หน้ากมิตตราอย่างแรงด้วยน้ำมือของอนรรฆ “อยากได้ไอ้เอกสารนี่มากใช่ไหม ได้...ถ้าเธออยากได้นักฉันก็จะให้...แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ” ความหวาดหวั่นของกมิตตราฉายชัดในดวงตาคู่ที่ฉ่ำด้วยหยาดน้ำตาอย่างเห็นได้ชัด “คะ...คุณทำอะไร ยะ...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ” เสียงสั่นสะท้านถามออกมาเพียงแผ่วเบาเมื่อเห็นมือหนากระชากสาบเสื้อของตัวเองจนกระดุมหลุดหล่นกระจายลงบนพื้นไปคนละทิศละทาง ดวงตาวาวโรจน์พุ่งมองมาที่เธอ “ยะ...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มขอร้อง” กมิตตรายกมือขึ้นไหว้อ้อนวอน “ไง ตัวสั่นระริกเลย...กลัวหรือว่าตื่นเต้นกันล่ะ” น้ำเสียงเยาะหยันของอนรรฆบีบเค้นหัวใจของเธออย่างแรง “คุณเอียนขา...แก้มขอโทษ อย่าโกรธแก้มเลยนะคะ แก้มจำเป็นจริง ๆ อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มกลัว...” เสียงสะอื้นวอนขอของกมิตตราไม่ได้ทำให้อนรรฆใจอ่อนลงแม้แต่น้อย “กลัว...กลัวอะไร เธอควรจะดีใจสิที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสสนองตัณหาของนายอนรรฆ เอียน แบรนดอน เจ้าพ่อธุรกิจคอมพิวเตอร์ ที่เธอยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพราะเงิน” “มะ...ไม่จริงนะคะ...พวกนั้นขู่แก้ม จะทำร้ายน้อง ๆ ของแก้ม...แก้มถึงต้องทำแบบนี้ แก้มไม่ได้อยากหลอกคุณเอียนนะคะ ไม่ได้อยากหลอกทุกคน” “หยุดพูดเถอะ...ฉันสะอิดสะเอียนกับคำพูดมารยาจอมปลอมของเธอจริง ๆ” ดวงตาวาวโรจน์ของอนรรฆลุกโชนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของกมิตตราพูดออกมาแบบนั้น อนรรฆมองผู้หญิงใต้ร่างอย่างสมเพช กมิตตราที่เคยหยิ่งในศักดิ์ศรี เงินไม่สามารถซื้อเธอได้ แม้จะเป็นแค่เด็กกำพร้าไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไม่ได้ร่ำรวย ผู้หญิงที่เขาชื่นชมคนนั้นหายไปไหน ทำไมถึงได้เหลือเพียงผู้หญิงโกหกหลอกลวง และซื้อได้ด้วยเงินคนนี้ ดวงตาแดงก่ำของอนรรฆมองหญิงสาวใต้ร่างอย่างสมเพช “ถือเสียว่าฉันซื้อเธอด้วยใบประมูลนั่นละกัน...ราคามันเกือบพันล้านเลยนะ...ผู้หญิงอย่างเธอหาอีกกี่ชาติก็ไม่มีใครเป็นพ่อบุญทุ่มเท่าฉันหรอกกมิตตรา” พูดจบมือหนาทั้งสองข้างของอนรรฆก็ดึงสาบเสื้อของกมิตตราออกจากกันอย่างแรง เผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน ในขณะที่หญิงสาวใต้ร่างดิ้นรนพร้อมกับวอนขอเขาอย่างน่าสงสาร แต่อนรรฆหาได้ฟังไม่ “จะดีดดิ้นเพิ่มราคาให้ตัวเองหรือยังไง เรียกมา...กมิตตรา ฉันทุ่มไม่อั้นอยู่แล้ว” แววตาหวาดกลัว เสียงร่ำไห้ มือบางที่ยกขึ้นไหว้วอนขออนรรฆ ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลงแม้แต่น้อย แววตาเย็นชามุ่งร้ายมองมาที่เธอเขม็ง ในนั้นมีแต่ความโกรธและเกลียดชัง “คุณเอียน...อย่าทำอะไรแก้มเลยนะคะ แก้มกลัวแล้ว แก้มขอร้อง” กมิตตราสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกับเธอ ตอนนี้อนรรฆเหมือนสัตว์ร้ายดี ๆ นี่เอง ไม่มีอะไรมาดลใจให้เขาเปลี่ยนใจได้ เสียงกมิตตรากรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อใบหน้าคมเข้มก้มลงซุกไซ้กับซอกคอของเธอ โดยที่มือทั้งสองข้างของเขาตรึงข้อมือทั้งสองข้างของเธอให้กางออกบนเตียงกว้าง ไม่ให้เธอดิ้นรนหนีรอดจากเขาไปได้ “อย่า...อย่านะ” เสียงกรีดร้องวอนขอของกมิตตราถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาของอนรรฆที่บดขยี้อย่างไร้ความปรานี เพียงครู่เดียวกลีบปากบางของกมิตตราก็ช้ำบวมเจ่อ รสเค็มที่ลิ้นของเธอสัมผัสได้มันทำให้เธอรู้ว่านั่นคือเลือด ร่างบางพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดแต่มันกลับไม่ได้ผล หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด หวาดกลัว ไหลรินจากหางตาไม่ขาดสาย
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ฟาเบียน ฟรองซัว (ฟา) 32 ปีลูกเสี้ยว ไทย-ฝรั่งเศส-จีนผู้กว้างขวาง และร่ำรวยจากการทำชิปปิ้งตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของไทยชายหนุ่มที่ขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้แต่เขาเบื่อผู้หญิงที่จ้องจะจับเขา ทิพย์ดารา นวลพรรณ (ดาด้า) นางแบบและนักแสดงสาวมากความสามารถกำลังหัวเสียที่เธอถูกฟาเบียนตัดความสัมพันธ์เธอนั่งบ่นให้กับช่างประจำที่ร้านฟังฟาเบียนบอกเธอว่า "ถ้าผมหิว ผมจะซื้อกินเอง" เพราะคำว่าแต่งงานหรือผูกมัดไม่ใช่ทางของเขา ปองรัก พลอยรัตนา (จิล) 22 ปีเธอกำลังต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัวที่กำลังถูกฟ้องและถูกหุ้นส่วนโกงจำนวนเงินอาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ครอบครัวที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขต้องเดือดร้อน แทบหมดตัวอีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังเรียนไม่จบเหลืออีกเทอมเดียวเท่านั้นด้วยความบังเอิญเธอได้บัตรกำนัลทำผมที่ร้านแห่งหนึ่ง..ฟรี จากเพื่อนรักสุจิรา เดชธนาดล (จิรา)ลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ชื่อและประวัติของ ฟาเบียนทำให้จิลเห็นทางออกหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีเหมือนเดิมได้เธอยินดี...ทำเธอเดินเข้าไปเสนอขายพรหมจรรย์ให้กับเขาเงินที่เธอร้องขอ สำหรับ ฟาเบียน แค่เศษเงินแค่เห็นหน้าเธอ เขาก็ปิ๊งเสียแล้วฟาเบียน รับข้อเสนอและให้เธอมาเป็น...เมียพาร์ทไทม์ เริ่มต้นก็สนุกเสียแล้ว พลาดได้ไง ขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจของนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
จะทำยังไงเมื่อเชฟสาวที่อยู่ๆก็โดนลูกหลงตายแบบไม่รู้เรื่อง จากเหตุปล้นธนาคาร