“เจ้าชายผู้สง่างาม ซ่อนความเร่าร้อนไว้ใต้รอยยิ้ม” “มาเฟียผู้โหดเหี้ยม กลับอ่อนโยนเพียงกับเจ้าชายในคราบเจ้าสาว” “รักต้องห้ามที่ผลิบาน ท่ามกลางไฟสงครามและเงาดำของอำนาจ” “เมื่อรัชทายาทผู้เลอโฉม ต้องสลับตัวกับเจ้าสาวมาเฟีย ชะตากรรมของทั้งคู่จึงพลิกผัน” “หนึ่งคือเจ้าชายผู้เรียบร้อย อีกหนึ่งคือมาเฟียผู้โหดเหี้ยม รักครั้งนี้จะเป็นไปได้หรือไม่?” “ติดตามเรื่องราวความรักสุดอลหม่าน ชวนให้ลุ้นระทึก ไปพร้อมกับความฟินจิกหมอน ใน ‘ดอกไม้สีเขียวของมาเฟีย’”
งานรื่นเริงที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก เพราะสถานที่จัดงานไม่ใช่สถานที่ที่ตาสีตาสาจะเข้ามาวิ่งเล่นได้ ต่อให้มีเงินเป็นแสนล้านก็ถูกโยนออกไปได้ง่ายๆ
วงออร์เคสตรามือหนึ่งกำลังบรรเลงเพลงแจ๊สพอให้ได้เต้นรำหรือขยับตัวเล็กน้อย แสงไฟสว่างทำให้เห็นความหรูหราของเครื่องใช้และสถานที่ระดับลักชัวรี่ที่ประดับตกแต่งด้วยสีเขียวอ่อน ผู้คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ทั้งหญิงชายแต่งกายด้วยชุดสูทชุดราตรีสีไข่ไก่และสีใบตอง
ห้องโถงโอ่อ่าตามแบบพระราชวังตะวันตก ตามพนังมีตราสัญลักษณ์ ธงชาติสีเขียวล้วนมีรูปหนังสือกางออกสีน้ำตาลตรงกลางเป็นเครื่องแสดงเอกราชของ 'รัฐซูส’
“เราขอขอบใจพวกท่านทั้งหลายที่พร้อมใจกันมาเพื่อต้อนรับเราในวันนี้…” เจ้าของเสียงนุ่มถือไมค์โครโฟนด้วยท่าทีสง่างามสมกับที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
บันไดวนที่มีทางแยกสองทางด้านบน จุดดึงดูดสายตาติดป้ายต้อนรับการกลับมาขององค์รัชทายาทจากอังกฤษ ณ จุดกึ่งกลางบันไดปรากฏร่างเจ้าของผมดำเงา ระดับความยาวเหนือใบหู ดวงตาเล็กแบบคนจีนสีดำประกาย จมูกเล็กที่ไม่ค่อยมีสันแต่ก็รับกับใบหน้ารูปไข่ได้อย่างเหมาะเจาะ ปากจิ้มลิ้มสีเชอร์รี่ที่เป็นทรงเด่นชัด ผิวขาวเนียนละเอียดอมชมพูราวกับกินคอลลาเจนแทนข้าวเป็นอาหารหลัก เสื้อผ้าแบรนด์เนมสไตล์เจ้าชายที่ถูกตัดเย็บมาเป็นอย่างดีทั้งเสื้อเชิ้ตด้านในสีครีมขาวและเสื้อกั๊กตัวนอกสีตองอ่อน กางเกงทรงกระบอกสีนวลที่ถูกรีดให้เรียบจนขึ้นเส้น กับรองเท้าขาวขัดเงา และนาฬิกาข้อมือเรือนหลายร้อยล้าน บ่งบอกว่าผู้สวมใส่ไม่ธรรมดา
“ขอให้ทุกท่าน…” องค์รัชทายาทพูดไปยิ้มไปเห็นฟันขาวเรียงสวย สะกดทุกสายตา
“เจ้าชาย!!!” เสียงแหลมของแขกสาวนิรนามที่ยืนมองอยู่ด้านล่าง ตะโกนโพล่งขึ้นมากลางวง ไม่สนใจว่าเจ้าของงานจะกล่าวจบไหม
กึก!
บรรยากาศอันน่าภิรมย์ในงานเลี้ยง แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ ทหารและองครักษ์น้อยใหญ่โดยรอบ จับจ้องเจ้าของเสียงแผดแหลมเป็นตาเดียว
“ไม่สิ องค์รัชทายาท ‘กรีน’ ...” สาววัยกลางคนในชุดราตรีขาว รอยยิ้มแสยะร้ายยกขึ้นเหนือริมฝีปากแดง
……
กรีน พาร์ท
“เราขอขอบใจพวกท่านทั้งหลายที่พร้อมใจกันมาเพื่อต้อนรับเราในวันนี้…”
ดูๆ ดูทำหน้าเข้า สายตาที่จับจ้องมาที่ผมอย่างชื่นชมกว่าร้อยคู่ อ่าห์ ผมรับรู้ได้ถึงความสุขของการยืนบนจุดสูงสุดซะแล้ว เพิ่งเริ่มงานแท้ๆ
มีคำกล่าวจากอดุซ นักปราชญ์ชาวนีโอลีนกล่าวว่า ความสุขของคนซื้อไม่ได้ด้วยเงินแต่เป็นอำนาจและบารมี ก็นะ ถึงสุดท้ายนักปราชญ์คนนี้จะอดตายข้างถนนก็เถอะ
แต่แล้วยังไงล่ะ! ความสุขมันก็ดีอย่างนี้จริงๆนั่นแหละ
พวกผู้รากมากดีที่วันวันเอาแต่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ต่างซ่อนสายตาชื่นชมเปรมปรีภายใต้หน้ากากเหล่านั้นไม่มิด ยังไม่ต้องยิงฟ้ายิงตะวันให้พวกเขาดูผมยังฟินสุดๆ
ไมค์โครโฟนในมือจับมั่นไม่มีร่วง วาจาเปล่งออกฉะฉาน อย่า...อย่าเพิ่งชื่นชมอิจจากันนะครับ มันเป็นแค่เรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย เลยล่ะ
ก็นะ ผมยังจำฝันร้ายอันยาวนานจากบรรดาวิชาบุคลิกภาพได้ดี ผมอยู่กับมันมากกว่าวิชาเช็ดก้นอย่างวิชาบริหารเสียอีก
.
.
.
8ปีที่แล้ว...
“หลังตรงเพคะ”
คุณนายท่านทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระราชาให้เป็นคนสอนวิชาบุคลิกได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จากแปดขวบจนถึงตอนนี้ ผมเห็นนรกเลยล่ะ
"ยัยป้าโหด" ผมบ่นพึมพำ หลังจากที่ถูกฝึกมากว่าสองชั่วโมง
"องค์ชายตรัสว่ากระไรนะเพคะ"
"..." ยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหัวด้วยสีหน้าเด็กน้อยใสซื่อ
"หลังตรงเพคะ"
“ครับ” หน้าเชิด ยืดหลังยืนตรง แววตามุ่งมั่นสะท้อนผ่านตาคมในกระจกบานใหญ่
“ยิ้มมากกว่านี้เพคะ รอยยิ้มห้ามตกเพคะ”
ยัยป้าโหดไม่ต้องยืนซ้อนหลังเหมือนจะสิงผมก็ได้นะ แค่ฝึกปราศัย ป้ามองจากกระจกสะท้อนบานใหญ่ข้างหน้าก็ได้ไหม
“ครับ”
ฟุ่บ!
“เฮ้อ…”
นี่สิบสี่หรือสี่สิบ ขาผมทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว กว่ายัยป้าโหดจะปิดประตูเดินออกจากห้องไป เกือบตาย ผมว่าหน้าผมก็ดูเหนื่อยอยู่นะ ยัยป้านั่นมองไม่ออกหรือไม่มีหัวใจกันแน่
โหดเกินไปแล้ว
“วิชาบุคลิกภาพจบตอนบ่ายสอง วิชากฎหมายตอน สี่โมงเย็น งั้นก็แปลว่า…”
โอ้โหหัวแล่นเลยครับ ตาผมนี่เป็นประกายวิ้งๆ หน่งเหนื่อยอะไร ไม่มีหรอก ผมนี่พลังช้างศาลรีบลุกวิ่งออกไปจากห้องด้วยความเร็วแสง แต่...ก็ต้องหันขวับๆดูลุ่ทางด้วยนะ
หมับ!
โอ้โห สุดยอด
ถึงผมจะหอบแหกๆอยู่หลังเสาปูนต้นใหญ่ แต่สถานการณ์ที่ลานกว้างกลางแดดมันยั่วยวนจนน้ำลายแทบใหล ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนกำลังส่งเสียงอย่างห้าวหาญ กล้ามอกแน่นๆที่เปลอะเปื้อนไปด้วยเม็ดเหงือใต้ชุดเกราะนั่นอีก
“ทุกคนจับคู่สอง ฝึกด้วยดาบจริง ใครแพ้หรือมีรอยขีดข่วน งดข้าวเย็น!” ครูฝึกตะโกน
“รับทราบครับ!” เหล่าองครักษ์ตอบรับเสียงแน่น ก่อนจะแยกกันไปฝึกตามคำสั่ง
"หึหึ เรียนที่นี่จริงๆ ด้วย เรานี่จำแม่นจริง นั่นไง...สมกับที่เราแอบตั้งฉายาให้ว่าครูฝึกตุ๊ต๊ะ ขนาดสอนฟันดาบ ไขมันรอบเอวยังออกมาวิ่งเล่นเลย ฮ่าๆ" ทำสีหน้าสิ้นหวัง "ว่าแต่...เราจะมีโอกาสได้เรียนวิชาพวกนี้บ้างไหมน้า~"
บอกเลยว่าตารางเรียนต่อสู้กับฟันดาบของพวกองครักษ์ผมจำได้แม่นเสียยิ่งกว่ากฎหมายกับข้อมารยาทเสียอีก ขอแค่มีเวลาสักแว๊บรับรองไม่มีพลาด
ผมเองก็อยากเรียนฟันดาบบ้างจังเลย อย่างเท่!
.
.
.
“ขอให้ทุกท่าน…”
เพิ่งถึงรัฐซูสไม่กี่ชั่วโมงต้องถ่อมาปั้นหน้าในงานเลี้ยงอีกแล้ว มิน่าล่ะ เจ้าน้องชายที่จะเรียนจบปีหน้ามันถึงทิ้งท้ายคำลาว่า โชคดีนะพี่
ผมมองบรรยากาศในงานและผู้คนแปลกหน้าเกินครึ่งที่ไม่ได้รู้จักมักจี่แต่อย่างใด
มาทำไมกันก็ไม่รู้ ไม่เห็นรู้จักสักคน มาเดินลอยหน้าลอยตาเป็นงานรับถุงยังชีพไปได้
ยังไงผมก็เก่งมากที่เก็บอารมณ์ได้ดี แค่ยิ้มตามที่เรียนมา พูดจาตามมารยาท ต้อนรับและเฟรนลี่กับทุกคน แค่นี้ก็เรียบร้อย อ่าห์...ยังในสายตาชื่นชมเหล่านั้นก็ไม่ได้แย่ เป็นการปลอบประโลมใจที่ดีมากจริงๆ
เอ๊ะ...ทำไมตาขวากระตุกถี่ๆ
กึก!
“เจ้าชายกรีน!"
ว่าแล้วว่าทำไมตาขวากระตุกดิ้กๆ
หญิงสาวในชุดราตรีสีไข่ไก่ แต่กระเป๋าที่มือขวากำลังถืออยู่สีแดงสด ราวกับไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มกำลังมองซ้ายมองขวาอย่างภูมิอกภูมิใจ
คนกำลังฟิน มาขวางทำไมเนี่ย
"ไม่สิ…ตอนนี้องค์รัชทายาทกรีนก็จบการปกครองจากอังกฤษแล้ว องค์รัชทายาทมีแพลนจะทำสิ่งใดต่อไปหรือเพคะ”
ผมยิ้มสงบอย่างเป็นมิตร รับฟังอย่างผู้ดีมีมารยาทดีเลิศ ไม่แย่งพูด ไม่โต้แย้ง รับฟังอย่างใจเย็น แม้จะแอบจิกนิ้วโป้งตัวเองอยู่ก็ตาม
ยัยป้า ยัยมนุษย์ป้า เบ้าหน้าอย่างกับขูดแป้งทั้งโลกไปพอกไว้ แต่งตัวไม่เหมาะกับวัยเลยนะป้า คิดว่าตัวเองเป็นสาวสวยเหรอ แล้วปากกับมารยาทแย่ๆ นั่นน่ะ รับหมัดซ้ายกับหมัดขวาเป็นการสั่งสอนหน่อยไหม เผื่อนิสัยจะดีขึ้น
“ฮวาหลวน ลูกต้องช่วยงานเย็บปักของตระกูล” “ไม่มีทางหรอกแม่”ของมีคมสำหรับผม มันคือไวอากร้าน่ะสิ!แต่ใครจะไปคิดว่า…“ขนาดเกิดใหม่ ยังโดนสั่งให้เย็บผ้าอีก!”“ไม่ทำ ตัดนิ้ว” แม่ทัพใหญ่แม้จะทำเสียงดุ
ไวน์ นักศึกษาปี 2 เดือนคณะผู้ปฏิญาณตนว่าจะโสดตลอดไป เจ้าของใบหน้าหล่อออกหวานนิดๆแบบเกาหลี คนที่วันๆอยู่กับการวิ่งไปแย่งคอมตัวแรงเพื่อดูหุ้นไม่ก็จมหัวอยู่ที่ร้านหมูกะทะ เรื่องโน่นนี่ไม่สนก็จริง แต่ใครอย่ามาปากหมาใส่แล้วกัน แปลงร่างเป็นพิตบูทันที เบียร์ เอกอินเตอร์บริหาร คุณชายตระกูลดังขี้รำคาญ ใบหน้าหล่อคมที่ใครๆก็บอกว่าควรขึ้นตำแหน่งเดือนมหาลัย คุณชายที่ขับรถหรู ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ติดที่ปากเสีย ขี้เหวี่ยง ไม่คบค้าสมาคมกับใคร ขู่ได้แม้กระทั่งอธิการบดี ꧁{★… ★}꧂ ไอ้ผู้ชายปากหมานั่นใครวะ หยิ่งฉิบหาย พอแหย่เขาแล้วเขาไม่เล่นด้วย ไวน์เลยตามตอแยทุกวิถีทาง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ด่าเขาปาวๆ บอกแค่จะเอาของมาคืน! เบียร์เห็นก็เลยแก้เผ็ด วุ่นวายดีนัก ตีหัวรวบเข้าบ้านเลยแล้วกัน “อย่าดื้อ หมอสั่ง” “หรือวะ หมอสั่งให้กูอยู่กับมึงนานขนาดนี้เลย?” ฟอด!!! คุณตำรวจ มีคนลวนลาม! “ไอ้เห้เบียร์!!” ꧁{★… ★}꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ
เหมยลี่ อายุ 25 ปี คุณหนูผู้ร่ำรวย สาวตากลมตัวเล็กผิวขาวมาดซีอีโอนุ่มนิ่ม เธอใช้เงินบัลดาลทุกอย่างตามใจ ไม่แคร์โลก ใครจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากของซีอีโอสาวสุดเพอร์เฟค จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของนิยายในหัว แถมมีอยู่เรื่องเดียวซะด้วย งานนี้งานการไม่ทำมันแล้ว มู่จิน พระเอกนิยายติงต๊อง ที่ฆ่าเมียตัวเองตายในคืนเข้าหอ ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของเรือนผมดำยาวและสันกรามทรงเสน่ห์ เขามีประวัติความเป็นมาหรือเรื่องราวของเขาเป็นมาอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ได้ เขาเบื่อหน่ายโลกใบนี้เต็มทน ชีวิตคนสำหรับเขาก็เป็นเพียงเศษหญ้าเท่านั้น ꧁⊱ ⊰꧂ เพราะถูกรถชนตายตอนที่เพิ่งอ่านนิยายจบรอบที่ 99 ยังไม่ครบร้อย พอลืมตามาก็อยู่ในร่างตัวประกอบ ไม่ใช่นางเอกไม่พอยังต้องแต่งงานกับคนบ้า 'เหมยลี่' คนนี้เลยต้องพยายามฆ่าเจ้าบ่าวในห้องหอ ก่อนที่เธอจะถูกเขาฆ่าตามบทในนิยายอีกครั้ง แต่แล้ว ความพยายามของเธอก็ไร้ค่า เธอตายอีกครั้งแล้วไม่ได้กลับโลกเดิม แต่ย้อนกลับมาที่คืนเข้าหอ ทว่าทำไมรอบนี้คุณพระเอกเจ้าบ่าวมองเธอตาเยิ้มขนาดนั้นล่ะเนี่ย ꧁⊱ ⊰꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ*
เตียวเฉิน ก่อนตายเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ในโลกใหม่ เขาเป็นพระรองมาดแมนแม้ตัวจะไม่มีกล้ามแซงหน้าพระเอก ในเมื่อเกิดมาหล่อ รวย หน้าตาการศึกษาดี แต่ข้างในวิญญาณไม่มีความรู้สักกะติ๊ด เขาจึงพยายามใช้สมองอันน้อยนิดหาหนทางรอด ด้วยการ มุดโพลงหมาลอดออกไปเป็นขอทานเสียเลย มู่จิน พระเอกของโลกใบนี้ นักธุรกิจและผู้มีอำนาจที่สุดในเมือง ชายหุ่นกล้ามที่ชอบใส่สูทผูกไทป์ แล้วหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน สีหน้าของเขาเยือกเย็นตลอดเวลา อะไรๆในโลกก็น่ารำคาญไปหมด ยกเว้นวันที่เห็นตัวอะไรปีนเข้าบ้าน ꧁{★… ★}꧂ เกิดใหม่ก็ต้องดิ้นรนหนีออกจากบ้าน พอนึกไปแล้ว เข้าร่างพระรองมาได้ไม่กี่เดือน แต่เดี๋ยก็ถึงเวลาที่พระเอกนายเอกเขาก็จะเจอกันแล้ว ผมก็ชิงหนีออกไปเป็นขอทานก่อนน่ะสิ เรื่องอะไรจะอยู่รอแบดเอ็น เอ๊ะ ผู้ชายที่เปลื่อยกายนั่นหน้าคุ้นๆ ทำไมบ้านที่ผมปีนกำแพงเข้าไปมันดันเป็นบ้านพระเอกล่ะ ซวยแล้ว งั้นตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ก่อนแล้วกัน ทั้งที่ตั้งใจจะอยู่ที่นี่อีกนิดเดียวแท้ๆ พวกคนใช้เองก็บูลลี่กันอยู่ได้ ผมมั่นใจว่าพระเอกต้องโยนผมออกไปในไม่ช้า เขาน่ะระแวงผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่... แปลกๆ นะ ขอทานแล้วได้เสื้อผ้า อาหาร เพชรพลอย ที่แปลกกว่าคือ พอผมอาละวาทพังบ้าน เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม เจ้าของบ้านซื้อเฟอร์ใหม่มาให้พังเพิ่มน่ะสิ วันๆหัวจะปวด เขาจับผมมัดตั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องทำงาน แล้วก็เอาแต่นั่งครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรมาให้ตอนผมขอทานดี ผมนี่ขมวดคิ้วเลย ꧁{★… ★}꧂
เมื่อคู่แห่งโชคชะตา4ขวบ อัลฟ่าพัมธุ์แท้คนสุดท้าย ผู้เพรียบพร้อมด้วยเงินและอำนาจ วันหนึ่งลูกน้องก็พังประตูเข้ามาบอกว่า เจอคู่โชคชะตาเขาแล้ว ทว่า จะป้ำลูกยังไง ก็เนื้อคู่เขาใส่ชุดอนุบาลหมีน้อยกอดตุ๊กตา
อาหลีพยายามหาหลัวในฝันผ่านตู้ปลากัด ใครที่เดินผ่านปลากัดแล้วจ้องตาเขาตอน9โมงตรงคนนั้นคือ เนื้อคู่ ...เจ้าของร้านเอือมจนขี้เกียจไล่ มาบ่อยแค่ไหนถามใจเธอดู แต่โชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเนื้อคู่ไม่ชอบป้าบ!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร