เขาจำยอมจดทะเบียนกับเด็กกะโปโลตามใจบิดาที่กำลังจะสิ้นลม และทิ้งร้างจากเธอไปนานนับปี แต่เมื่อกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาถึงรู้ว่า...เธอสวยและน่าพิศวาสนักหนา...แต่ที่คิดว่าจะได้เธอมาครอบครองเธอตามสิทธิ์สามีถูกต้องตามกฎหมายกลับมีเรื่องเข้าใจผิดคิดว่าเธอทำให้มารดาเขาตายก่อนเวลาอันควร ฯลฯ นิยายรักแนวโรมานซ์(18+)อีกเรื่องหนึ่งที่ขอแนะนำให้เพื่อนมาอ่านด้วยกัน
“คุณพ่อครับ ผมอยู่นี่แล้วครับ”
เสียงทุ้มเบาของชายหนุ่มกระตุ้นให้หนังตาปิดสนิทเจ้าของร่างผอมบางทรุดโทรมจากโรคร้ายรุมเร้ากะพริบไหวก่อนจะค่อยๆปรือลืมขึ้นช้าๆ เมื่อภาพเลือนรางใบหน้าของบุตรชายคนเดียวอันเป็นที่รักห่วงใยปรากฏ พลันแสงในดวงตาที่มัวหม่นก็เปล่งประกายเจิดจ้าออกมา
“ชามาตุ์ ชามาตุ์ หรือลูก" เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกชื่อบุตรชายเปี่ยมล้นความตื่นเต้นดีใจ
“ครับคุณพ่อ ผมเอง”
ชายหนุ่มก้มลงกราบอกและกอดร่างซูบผอมไม่คุ้นตาของบิดาที่แทบจะไม่หลงเหลือเค้าความสง่างามด้วยร่างสูงใหญ่ล่ำสันแข็งแรงที่เคยโอบอุ้มโอบกอดเขาตั้งแต่เล็กแต่น้อยด้วยน้ำตาปริ่มคลอแต่ต้องพยายามเก็บกลั้นเอาไว้อย่างหนักโดยไม่อาจปล่อยให้มันหยาดหยดลงมาแสดงความอ่อนแอต่อหน้าบิดาที่เคยพร่ำสอนว่า...ลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้...
“พ่อดีใจ ดีใจ ในที่สุดลูกก็กลับมา”
“ผมขอโทษครับคุณพ่อ" ผู้เป็นบุตรชายกล่าวแก่บิดาได้เท่านั้น เพราะลำคอตีบตันไม่สามารถเค้นคำใดๆออกมาอีก
“ไม่เป็นไรลูก แค่ได้เห็นหน้าลูกก่อนตาย พ่อก็ดีใจแล้ว”
“...โธ่...คุณพ่อ...”
คำพูดของผู้เป็นบิดายิ่งทำให้บุตรชายรู้สึกผิดมากขึ้น ต้องยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาบุรุษที่เอ่อล้นออกมาด้วยความสำนึกผิดและเสียใจสุดซึ้งที่เขากลับมาหาบิดาช้าเกินไป
“ชามาตุ์ลูกรัก พ่อมีใบสำคัญจะให้ลูกเซ็น" ผู้ป่วยเปล่งเสียงแจ่มชัดเหมือนมีกำลังขึ้นมาใหม่
“คุณ เตรียมแล้วใช่ไหม ช่วยหยิบให้ผมที" เขาหันไปถามหาจากภรรยา
“อยู่นี่ค่ะ" คุณชนันทารีบหยิบสิ่งที่สามีเรียกหานำมาวางใส่มือที่ดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมากขึ้นกว่าทุกวันของเขา
“ชามาตุ์ เซ็นใบนี้ให้พ่อนะ พ่อขอร้อง" เขายื่นแฟ้มสวยงามสีชมพูอ่อนให้บุตรชาย
ชามาตุ์ชะงักมองแต่ก็หยิบมาเปิดดูอย่างไม่อยากจะขัดใจ หลายวินาทีที่หนังสือตัวโตพิมพ์คำว่า...ใบสำคัญการสมรส...วิ่งวนอยู่ในความรู้สึกอันมึนงง เอกสารการจดทะเบียนสมรสทั้งสองใบในแฟ้มมีลายเซ็นทั้งหมดอยู่แล้ว เหลือเพียงลายมือของเขาคนเดียวเท่านั้น
“ไม่ได้นะครับคุณพ่อ ผมเซ็นใบสำคัญนี้ไม่ได้ ผมมีแฟนอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงดังด้วยความตกใจคาดไม่ถึงว่าบิดาจะมัดมือชกคลุมถุงชนให้เขาเซ็นทะเบียนสมรสกับผู้หญิงที่ไม่เคยรักกันมาก่อน แม้เขาจะอยากทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสบายใจของบิดาในวาระสุดท้าย แต่ก็สุดวิสัยที่เขาจะทำเรื่องนี้ จนมารดาผู้นั่งใบหน้านองน้ำตาต้องเอ่ยขึ้น
“ตามใจคุณพ่อเถอะลูก ครั้งสุดท้ายแล้ว" คุณชนันทาจับมือสามีกุมแนบแก้มไว้ไม่ยอมห่างด้วยความรักอาลัย นางรู้แก่ใจว่าเขาจะอยู่ด้วยอีกไม่นาน
“ถ้าแกไม่ยอม ก็จะไม่ได้อะไรจากพ่อเลยนะ" ผู้เป็นบิดาบอกเสียงแหบพร่าอ่อนแรงเต็มที
“ผมไม่ได้อยากได้สมบัติของคุณพ่อนะครับ ทุกวันนี้ผมก็มีงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้อยู่แล้ว”
ชามาตุ์ถูกบิดามารดาส่งไปเรียนประจำที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ตั้งแต่อายุสิบสองปี แล้วไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยดังในประเทศอังกฤษจนจบปริญญาโท และเข้าทำงานไต่เต้าจนได้ตำแหน่งผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศ ด้วยตำแหน่งหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมาย เขาจึงไม่มีเวลาให้บิดากับมารดามากนัก ปีหนึ่งจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้งหรือสองครั้ง และอยู่ได้ไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับไป
หลายครั้งที่บิดามารดาขอร้องให้เขากลับมาดูแลงานทางบ้านอันเป็นงานเกี่ยวกับเกษตรพืชไร่และบริษัทสหฟาร์มการเกษตรของครอบครัว เขาบ่ายเบี่ยงโดยไม่ได้ปฏิเสธจริงจังเพราะอยากรักษาน้ำใจบิดา ความจริงเขาไม่เคยคิดจะกลับมาทำงานเหล่านี้เลย เขาชอบงานที่ทำอยู่ในบริษัทบิดาแฟนสาวมากกว่า และคิดจะแต่งงานมีครอบครัวอยู่ในประเทศนั้นเลย
"แล้วแกจะสละสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของพ่อที่สร้างทำมาเพื่อแกอย่างนั้นหรือ" คุณมารุตถามบุตรชายคนเดียวด้วยเสียงที่อ่อนล้าจากโรคภัยคุกคามแทบจะไม่มีแรงเปล่งเสียงออกมา
“ไม่ได้นะ ชามาตุ์ มันเป็นสิทธิ์ที่ลูกควรต้องรับ เพราะลูกเป็นลูกคนเดียวของคุณพ่อกับแม่นะ”
คุณชนันทาร้องค้านด้วยความไม่สบายใจ นางไม่อยากบังคับจิตใจบุตรชายที่รู้ว่าเขามีคู่รักอยู่แล้ว แต่ไม่มีทางอื่นนอกจากสนับสนุนให้เขาทำตามคำร้องขอของสามี
“ในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของผม ก็ให้สิทธิ์นั้นแก่ผมมาสิครับ จะต้องเอาการจดทะเบียนสมรสมาต่อรองทำไม" ชายหนุ่มมองบิดากับมารดาอย่างไม่เข้าใจ
เขาแทบไม่รู้จักผู้หญิงที่ต้องจดทะเบียนสมรสด้วย จำได้แต่ว่าเธอเป็นลูกเพื่อนรักของบิดาที่ชื่อ อาทิตย์ และเสียชีวิตพร้อมกับภรรยามาหลายปีแล้ว บิดาเลี้ยงดูบุตรสาวของเพื่อนเอาไว้ เขาจำหน้าเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ต่อไปแกก็จะรู้เองนั่นแหละ เซ็นชื่อในใบสำคัญนั่นซะ ถ้าไม่เซ็นแกก็จะไม่มีสิทธิ์ใดๆในทรัพย์สินของพ่อเลย”
ชายชรารู้สึกเหนื่อยหนักกับการพูดประโยคยาวๆ จนต้องหลับตาสูดหายใจเข้าลึก และสัมผัสได้กับการหายใจไม่สุดปอด ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า เขากำลังจะหมดลมหายใจ
“ชามาตุ์ แม่ขอร้อง เห็นแก่คุณพ่อเถอะลูก ท่านกำลังจะจากเราไปแล้ว" ผู้เป็นมารดาร้องขอแก่บุตรชาย แล้วร้องไห้สะอื้นต่อการใกล้หมดลมหายใจของสามี
“ชามาตุ์ พ่อรักลูกนะ รักมากที่สุด และอยากให้ลูกกลับมาอยู่บ้านเรา มาทำงานสานต่อสิ่งต่างๆที่พ่อสร้างไว้เพื่อ ลูก กลับมานะลูกนะ" ชายชราวัยใกล้หกสิบยื่นมือออกไปเหมือนไขว่คว้า เมื่อได้สัมผัสมือบุตรชายก็กำไว้มั่น และร้องขอคำสัญญา
“สัญญากับคุณพ่อสิลูก" คำร้องขอเจือสะอื้นของมารดาทำให้ผู้เป็นบุตรชายไม่อาจกล่าวคำปฏิเสธออกมา
“ครับพ่อ ผมสัญญา" ชายหนุ่มรับปากไม่เต็มเสียง
เขาเศร้าใจต่อการจากพรากที่ไม่มีจะวันกลับมาอยู่ด้วยกันอีก เขารักบิดา ไม่อยากให้ท่านตาย แต่ก็ไม่อยากถูกมัดมือชกอย่างนี้
“เซ็นชื่อในใบสำคัญด้วยนะ”
ผู้เป็นบิดาชี้มาที่แฟ้มใบสำคัญการจดทะเบียนด้วยสีหน้ายิ้มละไมที่เจือจางจากความซีดเซียวจากความเจ็บป่วยใกล้สิ้นลมและพยักหน้าพอใจที่เห็นบุตรชายจรดปากกาเซ็นชื่อต่อหน้า แล้วเรียกหาหญิงสาวผู้เซ็นชื่อไว้ในใบสำคัญก่อนหน้าให้เข้ามาหา
“อัปสร อยู่ไหนลูก เข้ามาหาลุงสิลูก”
หญิงสาวอ่อนเยาว์นั่งอยู่ด้านหลังคุณชนันทามานาน คลานเข้ามานั่งติดเตียงคนเรียก ยื่นมือจับมือผู้ที่ตนรักเสมือนบิดา ดวงตาแดงช้ำมีน้ำตาไหลรินเปื้อนเปรอะพวงแก้มปลั่งโดยที่เจ้าตัวไม่อาจเก็บกลั้น
“หนูอยู่นี่ค่ะ คุณลุง”
เสียงเครือสั่นของหญิงสาวเรียกความสนใจจากชามาตุ์ให้มองพินิจ สิ่งแรกที่เห็นเด่นชัดเป็นผมดกดำปล่อยยาวสยายยุ่งเหยิงบังใบหน้าเกือบหมด เปิดให้เห็นเพียงจมูกโด่งเล็กแดงก่ำดวงตาสองข้างบวมช้ำจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก มองหาความสวยน่ารักไม่ได้สักนิด
“ชามาตุ์ นี่น้องอัปสรนะ ลูกต้องดูแลน้องแทนพ่อนะ" น้ำเสียงอ่อนล้าของบิดาทำให้ผู้เป็นบุตรพยักหน้าแทนคำตอบที่ไม่อาจจะเอ่ย เพราะไม่อยากรับคำอันฝืนใจอย่างยิ่ง
“พ่อขออวยพรให้ลูกทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข และอยู่ดูแลไร่ของเราบริษัทของเราและกิจการทุกอย่างของเราร่วมกันตลอดไปนะลูกนะ”
คุณมารุตรับแหวนสองวงจากคุณชนันทาภรรยาส่งให้สองหนุ่มสาวสวมแก่กันต่อหน้า แล้วจับรวบมือของทั้งสองกุมไว้ด้วยกันเพื่อกล่าวคำอวยพรก่อนจะหลับตาลงด้วยใบหน้ากระจ่างรอยยิ้มแห่งความสุขอันเป็นภาพสุดท้ายที่ทุกคนได้เห็นในวันนั้น
การปลอมตัวเป็นญาติผู้พี่ ทำให้เธอต้องตกกระไดพลอยโจน รับงานกับเงื่อนไขพิเศษที่ไม่รู้มาก่อน ความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเร่งด่วน เธอจึงไม่ปฏิเสธและขอเพิ่ม จากความสาวบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ความเผอเรอทำให้เธอตั้งครรภ์ ที่มารู้ภายหลังการถูกจ้างออกจากงาน โดยหญิงสาวที่แต่งงานเป็นภรรยาเขา เธอตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่เขากลับตามมาจะพาเธอกลับไป เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนมีภรรยาแล้ว จึงขู่จะฟ้องร้องโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอิสระ จากพันธะการแต่งงานครั้งนั้นแล้ว
เธอเดินทางกลับจากเยี่ยมน้องชายกระทันหันจากการถูกเรียกตัวมาเข้าร่วมสัมมนาที่วิชาการพิเศษจากต่างประเทศมาให้ความรู้ แต่เข้านอนยังไม่ทันหลับดีก็มีวัตถุหนักอืึ้งล้มทับลงกลางตัว และจากที่นอนปิดไฟมืดเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่ามีผู้บุกรุกและคว้าปืนขึ้นมาป้องกันตัว แต่กลายกลับว่า...บุรุษผู้นั้นเป็นแขกพิเศษของโรงแรม...และจากวันนี้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง **************************************** เขาคือผู้บุกรุก ที่เธอคิดว่าเป็นโจรย่ามใจเข้ามาปล้นสวาท เธอคือสาวงาม ที่เขาคิดว่าเป็นของแถมเข้ามานอนรออยู่ในห้อง เขาคือจอมโอหัง ที่บังอาจกอดจูบเธอโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจ เธอคือสาวสวย ที่สามารถปลุกความรู้สึกด้านชาของหัวใจให้เต้นระทึก เขาวางแผน พาเธอมายังบ้านเมืองเพื่อพิสูจน์รักแท้ในหัวใจ เธอถูกลักพาตัว เพื่อฆ่าทิ้งกลางทะเลทราย มาลุ้นกันว่า...เจ้าชายคริสตินกับมินทราภา จะผ่านพ้นภัยร้ายน่าระทึกใจได้ครองรักกันหรือไม่... **************************
เขาไม่สนใจว่าที่คู่หมั้นที่หนีตามหนุ่มต่างชาติไปก่อนวันหมั้นหมายเพียงวันเดียว แต่พอมาเจอสาวสวยเชื้อสายไทยที่มีหน้าตาละม้ายเหมือนว่าที่คู่หมั้น เขาพึงพอใจในตัวเธอและสืบประวัติจนรู้ว่า...เธอเป็นน้องสาวคู่แฝดของว่าที่คู่หมั้น...และลักพาตัวมาไว้ในพระตำหนักสวนกุหลาบของพระมารดาที่ไม่เคยมีหญิงสาวคนใดได้เยี่ยมกรายเข้ามาและครอบครองเธอด้วยความรักพิศวาส แต่เกิดปัญหาเมื่อบิดามารดาของเธอมาตามบุตรสาวและพี่สาวคู่แฝดมาอดีตว่าที่คู่หมั้นปรากฏตัวก่อนวันอภิเษกสมรส
นิยายแนวทะเลทรายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เชิญชวนให้อ่าน เพราะเป็นนิยายที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน นักเขียนได้พาผู้อ่านไปสัมผัสกับชีวิตนางเอกที่ต้องเผชิญภัยจากผู้ปองร้ายโดยมีพระสวามีคอยปกป้องด้วยความรักห่วงใยต่างจากนิยายแนวทะเลทรายอื่นๆที่ให้ความสุขใจกับผู้อ่านอีกรูปแบบหนึ่ง *****...มกุฎราชกุมารีพระธิดาสุลต่านองค์ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรต้องเข้าพิธีอภิเษกโดยไม่รู้ตัวและเดินทางสู่พระราชวังของพระสวามีเพื่อลี้ภัยจากผู้ปองร้าย แต่กลับต้องมาเจอศึกรักจากความริษยาของเหล่านางห้ามในพระราชวังและแผนร้ายของพระญาติฝ่ายพระสวามีกับผู้ปองร้ายหมายชิงบัลลังก์ร่วมมือกันวางแผนปลิดชีวิต...ชีวิตรักของพระ-นางคู่นี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามด้วยกัน ...**** **********************
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************
นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนล่าสุดของศิรารัยที่สร้างเรื่องราวความรักจากปัจจุบันสู่อดีตและกลับมาจบสมบูรณ์ในยุคปัจจุบันที่อยากให้ผู้อ่านได้เปลี่ยนบรรยากาศที่เคยอ่านนิยายไทย-ไทย ไทย-อาหรับ ไทย-จีน มาเป็นนิยายไทย-อินเดียดูบ้าง โดยสร้างคู่พระนางให้นางเอกเดินทางไปประเทศอินเดียและได้ไปพบพระเอกในอดีตเพื่อช่วยเหลือให้ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ความรักของคนในโลกอดีตกับคนในโลกปัจจุบันจะสมหวังได้ก็เกินความเป็นจริงจึงต้องทำให้นางเอกมาสมหวังในความรักกับพระเอกในโลกปัจจุบันที่สืบเชื้อสายมาจากเขาผู้นั้น และนักเขียนเชื่อว่า...ถ้าเพื่อนนักอ่านเปิดใจอ่านนิยายเรื่องนี้ จะได้รับทั้งความสนุกสนานและความซาบซึ้งใจในความรักของคนในโลกอดีตและคนในโลกปัจจุบัน... ************************************* เพียงสบตาในอุราก็หวั่นไหว เลือดเนื้อกายร้อนรุมดังสุมไข้ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งขัดเขินสะเทิ้นอายใยไพ ใจหนอใจทำไมสั่นไหวเช่นนี้เอย *************************************** ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหมึกจากปลายปากกา ที่ผ่านวันเวลา ไม่นานก็เจือจาง ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหอมที่กลิ่นจางหายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ความรัก... ไม่ใช่เสื้อผ้าอาภรณ์หรือข้าวของเครื่องใช้ ที่เก่า แล้วก็เปลี่ยนใหม่ ความรัก... ไม่ใช่อาหารที่กินหลายมื้อก็เบื่อหน่าย ฯลฯ ************************************** ''เธอเป็นใครถึงจะมาสอนสั่งว่าฉันกินอะไรได้หรือกินอะไรไม่ได้ เป็นแม่ครัวก็ควรทำหน้าที่แม่ครัวของเธอ ไม่ต้องมาวิจารณ์คนกิน ไป ไปทำอาหารที่ฉันต้องการมา ต่อไปไม่ต้องเอาผักหญ้าพวกนี้มาให้ฉันกินอีก” อาหารจานหนึ่งถูกโยนแตกเพล้งตรงหน้าผู้ที่ถูกเรียกว่า...แม่ครัว...สลัดผักธัญพืชและนํ้าสลัดที่วัสสิกาต้องใช้เวลาคำนวณแคลอรี่ว่าต้องมีผักธัญพืชมากน้อยเท่าไรและสรรหาผักสดๆใหม่ๆมาทำอย่างประณีตหกกระจายเกลื่อนอยู่ตรงหน้าเหมือนเศษขยะ ที่วัสสิกาแทบจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความโมโห เพราะเจ้าชายจอมยโสไม่ได้ทำลายแค่อาหารจานสองจานแต่ได้ทำลายความตั้งใจดีของเธอจนหมดสิ้น “ตาหมีอ้วน" วัสสิการ้องว่าในใจ ความโกรธวิ่งจี๊ดขึ้นสมองวัสสิกาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต เธอไม่เคยโกรธใครมากมายอย่างนี้ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าโกรธทำไม่นักหนา แต่ตอบโต้ออกมาได้เพียงกรีดเสียงอยู่ในความนึกคิด..ตาหมีอ้วน ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้กิน ยังจะมาว่ามาทำแบบนี้อีก...เพราะสิ่งที่เจ้าชายอาทิตยสุเรนทรากระทำ...โยนจานอาหารใส่หน้า...เป็นการทำร้ายจิตใจแบบที่ไม่เคยมีใครทำกับเธอมาก่อน วัสสิกาหมดความอดทนต่อผู้สูงศักดิ์ จึงโต้กลับทันควัน ฯลฯ ********************************
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง