สาวน้อยเจ้าของใบหน้าหวานใสอดตื่นเต้นไม่ได้ ดวงตาคู่สวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์สีครีมประกายทองแบบบางเบา แอบมองสำรวจไปรอบๆ อาณาบริเวณอย่างทึ่งๆ แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกอาสาวเรียกให้เข้าไปข้างใน
ร่างอรชรอ้อนแอ้นสมส่วนเดินตัวลีบตามผู้เป็นอาต้อยๆ ไปยังห้องรับแขกซึ่งถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหราเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของคฤหาสน์ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกๆ เป็นจังหวะระรัวราวกับกำลังลั่นกลองรบ เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีจะต้องเผชิญหน้ากับใคร
“สวัสดีค่ะคุณจูเลีย” ชมพูนุชยื่นมือไปให้เจ้าของคฤหาสน์จับเป็นการทักทาย และจูเลีย แทลลีย์ สตรีวัยกลางคนเชื้อสายอเมริกัน-ไอริชซึ่งยังคงสวยสง่าสมวัยก็จับมือตอบด้วยไมตรีจิตอันดี
“สวัสดีจ้ะซาร่า ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เลยนะ ฉันดีใจมากที่เธอมาเยี่ยม”
“คุณจูเลียสบายดีนะคะ”
“สบายดี แต่ช่วงนี้ที่มูลนิธิยุ่งนิดหน่อยเพราะกำลังจะจัดงานราตรีสโมสรการกุศล ยังไงก็เชิญเธอกับดาร์เลนด้วยนะซาร่า แล้วสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ใช่หลานสาวของเธอหรือเปล่า” พอเจ้าของคฤหาสน์บอกเล่าถึงสารทุกข์สุกดิบของตัวเองแล้วก็หันไปสนใจสาวน้อยที่ผู้เป็นแขกพามาด้วย
“ใช่ค่ะหลานสาวที่ดิฉันเคยบอกว่าจะพามาแนะนำให้คุณจูเลียรู้จักน่ะค่ะ ชื่อรดาดาว เรียกแกว่า ‘นิ่ม’ ก็ได้นะคะ”
“สวัสดีค่ะมาดาม” รดาดาวยกมือขึ้นไหว้จูเลียอย่างนอบน้อม หลังจากผู้เป็นอาแนะนำเธอให้เจ้าของคฤหาสน์ได้รู้จักอย่างเป็นทางการแล้ว
“สวัสดีจ้ะหนูนิ่ม เรียกป้าว่าจูเลียเหมือนที่ซาร่าเรียกก็ได้นะ” หญิงวัยกลางคนบอกอย่างเป็นกันเองขณะพิศมองดวงหน้ารูปหัวใจหวานใสที่ล้อมกรอบด้วยผมดำขลับนุ่มสลวย คิ้วเรียวโค้งได้รูปดั่งคันธนูเป็นระเบียบเหนือดวงตาเรียวสีน้ำตาล จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากบางกระจับสีระเรื่อและคางมน
“ขอบคุณค่ะคุณป้าจูเลีย”
“มาๆ นั่งก่อนทั้งสองคน” ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ผายมือไปที่โซฟาอีกตัวด้วยความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ การมาของชมพูนุชกับรดาดาวในวันนี้ไม่ใช่แค่การมาเยี่ยมเยือนตามปกติเฉกเช่นคนรู้จักกันธรรมดาทั่วไป แต่มีนัยแฝงถึงการดูตัวระหว่างลูกชายของเธอกับรดาดาว ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยที่สุดในสังคมอเมริกัน และผู้เป็นลูกชายจะต่อต้านเต็มที่ก็ตาม แต่มาดามแทลลีย์ก็ยังยืนกรานจะเดินหน้าทำตามความคิดของตัวเอง เพราะการที่ได้สนิทสนมกับชมพูนุชซึ่งเป็นภรรยาของเพื่อนสามี ทำให้เธอหลงรักเสน่ห์ความเป็นไทยจนอยากได้ลูกสะใภ้คนไทยที่มีกิริยามารยาทเรียบร้อย เก่งการบ้านการเรือนทุกอย่างเหมือนชมพูนุช และรดาดาวก็คือหญิงสาวที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ
“คุณอาเธอร์ยังไม่กลับจากเอธิโอเปียเหรอคะ” ชมพูนุชไถ่ถามถึงสามีของจูเลียตามประสาคนคุ้นเคย
“ยังไม่กลับจ้ะซาร่า ตอนนี้ฉันก็เลยอยู่กับเอเดนสองคน แต่เอเดนยังไม่กลับมา สงสัยจะยังเคลียร์งานไม่เสร็จ รอพี่เขาหน่อยนะหนูนิ่ม” ประโยคสุดท้ายมาดามแทลลีย์หันมาทางว่าที่ลูกสะใภ้ ยังผลให้พวงแก้มใสๆ ของรดาดาวกลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างอดที่จะกระดากไม่ได้ เพราะตนเองเป็นฝ่ายหญิงแท้ๆ แต่กลับมาเสนอให้ฝ่ายชายดูตัวก่อน
“ค่ะคุณป้าจูเลีย” เสียงหวานใสรับคำเบาๆ ก่อนจะหลุบเปลือกตาลงเพื่อปิดบังความเขินอายของตัวเอง การมาคฤหาสน์โกลเดนกรีนในครั้งนี้ จะว่าถูกบังคับก็ไม่ใช่ จะว่าเต็มใจก็ไม่เชิง หากด้วยความเป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย รดาดาวจึงยอมทำตามความต้องการของผู้ใหญ่โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เมื่อชมพูนุชอาสาวซึ่งมีบุญคุณต่อครอบครัวเห็นสมควรว่า ‘เอเดน แทลลีย์’ ลูกชายคนเดียวของมาดามแทลลีย์เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของเธอ รดาดาวก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่เพื่อให้เขาดูตัว ถึงแม้ลึกๆ จะอดรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อย เพราะการกระทำเช่นนี้ผิดกับวิสัยกุลสตรีที่ดีที่แม่และยายพร่ำสอนมาโดยตลอดก็ตาม
ยายของรดาดาวมาจากตระกูลผู้ดีเก่า เคยเป็นข้าราชบริพารในวัง ตอนหลังได้พบรักกับทหารมหาดเล็ก จึงออกมาแต่งงานและสร้างครอบครัว มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนคือ ‘รจนา’ ซึ่งเป็นแม่ของรดาดาว แต่โชคร้ายที่ตาเสียชีวิตไปในขณะที่แม่ของเธออายุเพียงสองขวบหลังจากนั้นผู้เป็นยายจึงต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านเดิมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหาเลี้ยงลูกสาวด้วยการทำขนมขาย
ฐานะครอบครัวดีขึ้นตอนที่แม่ของรดาดาวแต่งงานกับพ่อของเธอซึ่งเป็นข้าราชการครู แต่ก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไรมากนัก เพราะพ่อต้องเลี้ยงคนในครอบครัวถึงห้าคนคือยาย แม่ รดาดาวและน้องๆ อีกสองคน เมื่อรดาดาวและน้องๆ เข้าสู่วัยเรียน เงินเดือนของข้าราชการก็ไม่พอใช้ กระทั่งชมพูนุชผู้เป็นอาที่แต่งงานกับมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน อาสาเข้ามาช่วยส่งเสียรดาดาวและน้องๆ แถมยังออกค่ารักษาพยาบาลให้ยายของเธอเป็นประจำทุกเดือนอีกด้วย ครอบครัวของรดาดาวจึงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งยายและแม่พร่ำสอนเสมอว่าให้รักและเคารพชมพูนุชเสมือนเป็นแม่คนที่สอง