เธอมานอนอยู่บนเตียงของเขาในคืนนั้น จงใจให้เขาขโมยความสาวของเธอ และจากนั้นก็ฉกเอาหัวใจของเขาไปครอง แม่หัวขโมย...เธอจะต้องถูกเขาลงทัณฑ์ด้วยความเร่าร้อน เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะหนูน้อย
เธอมานอนอยู่บนเตียงของเขาในคืนนั้น จงใจให้เขาขโมยความสาวของเธอ และจากนั้นก็ฉกเอาหัวใจของเขาไปครอง แม่หัวขโมย...เธอจะต้องถูกเขาลงทัณฑ์ด้วยความเร่าร้อน เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะหนูน้อย
ตาเรียวรีเฉียบคมของคนที่เพิ่งจะก้าวเข้าห้องมา กวาดมองร่างของใครบางคนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงกว้างของตัวเองอย่างงุนงง แม้ว่าเขาจะมาค้างที่บ้านไม่บ่อยนักแต่ห้องนี้ก็ไม่เคยถูกยกให้ใคร ร่างสูงพาตัวเองเข้าไปใกล้แล้วทรุดตัวนั่งข้างเตียงเพื่อมองหน้าคนบุกรุกให้ชัดกว่าเดิม ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดมุ่น ตามมาด้วยรอยยิ้มหยามหยันที่ผุดพรายขึ้นบนเรียวปากหยักได้รูป
...นึกว่าใคร ที่แท้ก็เด็กที่ดูเหมือนจะเรียบร้อยคนนี้นี่เอง…
เขาจำเธอได้ดี เพราะวันนี้มองหน้าแทบจะทั้งวันในฐานะเพื่อนเจ้าสาว ครั้งแรกก็แค่มองผ่านๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เด็กวัยนี้ไม่ใช่สเป็กของเขาอยู่แล้ว ทว่าดูเหมือนหลานสาวของเขาจะอยากให้เขารู้จักเป็นพิเศษ แล้วไหนจะเพื่อนสาวคนสนิทที่สะกิดให้มองอยู่หลายครั้งหลายครา
มือใหญ่เอื้อมไปเขย่าต้นแขนกลมกลึงเพื่อปลุกเธอให้ตื่น เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทำตัวไร้ค่า มานอนแบให้ท่าผู้ชายถึงเตียงแบบนี้ จอมทัพยอมรับว่าค่อนข้างผิดหวังกับผู้หญิงคนนี้ ท่าทีภายนอกของเธอดูเหมือนจะเรียบร้อยกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน สายตาดูตื่นๆ และมีแววขี้อายเจืออยู่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดมานอนรอเขาบนเตียงแบบนี้
“เธอ...เธอ...ตื่น”
จอมทัพทั้งเรียกทั้งเขย่า แต่เจ้าตัวก็แค่ขยับและพลิกตัวหันกลับมา จากนั้นก็หลับต่อ เขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์เจือมากับลมหายใจของเธอ จึงถอนหายใจแรงๆ พร้อมทั้งส่ายหัวอย่างระอา พลางคิดว่าหรือคืนนี้ต้องยกเตียงให้เธอ แล้วตัวเขากลับไปนอนที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง หากใจหนึ่งก็ค้านว่า ทำไมจะต้องขับรถให้เหนื่อย นี่มันเตียงของเขา ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่ต้องระเห็จตัวเองออกไป
เจ้าของห้องเลิกปลุกแล้วลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ เขาจะให้โอกาสผู้หญิงที่เมามายไม่ได้สติคนนี้นอนต่อสักพัก หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาจะปลุกเธออย่างจริงจังอีกที คราวนี้ถ้ายังไม่ตื่นเขาจะอุ้มแล้วโยนออกไปจากห้อง และจะจัดการสั่งสอนให้เข็ดหลาบและให้รักศักดิ์ศรีตัวเองเสียบ้าง
ยี่สิบนาทีผ่านไป ร่างสูงออกมาจากห้องน้ำโดยยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า บนร่างกำยำตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบอยู่ผืนเดียวเท่านั้น จอมทัพสาวเท้ายาวๆ ตรงมายังเตียง เพื่อจะจัดการเรื่องปัญหากวนใจให้เรียบร้อยเสียที แต่แล้วผู้หญิงที่อยู่บนเตียงก็ทำเอาเขาหัวเสียยิ่งกว่าเดิม ผ้าห่มที่เขาห่มให้ก่อนจะไปอาบน้ำตอนนี้ร่นไปอยู่ที่เท้าของเธอ ส่วนชุดราตรีกองอยู่ข้างเตียง แม่ตัวดีจึงอยู่ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า มีเพียงบราเซียร์ไร้สายและกางเกงชิ้นน้อยปกปิดร่างกายเอาไว้เท่านั้น
...นึกว่าเมา ที่แท้ก็มารยาหญิงนั่นเอง พอเขาไม่สนถึงกับลงทุนถอดเสื้อผ้ายั่วเลยทีเดียว…
แม้จะยอมรับว่าร่างขาวอรชรนั้นยวนอารมณ์ไม่น้อย แต่จอมทัพก็ไม่ยอมหวั่นไหว เขาปรี่เข้าไปยังเตียง สอดมือเข้าใต้ร่างเล็ก ตั้งใจจะอุ้มแล้วโยนออกไปนอกห้องอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก ทว่าทันทีที่ได้แตะ ความเนียนละมุนและกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่กรุ่นอยู่ทั่วร่างของหญิงสาวก็ทำให้เขาถูกคุกคามด้วยความร้อนรุ่มอย่างกะทันหันทันที
“พี่คะทิปค่ะ...”
เสียงใสพึมพำออกมาเบาๆ ทำให้จอมทัพเหยียดยิ้มหยันอย่างนึกดูแคลนยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้กำลังเอาตัวเข้าแลกเงินแน่ๆ ถึงได้ละเมอเพ้อพกถึงทิปขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องข่มกลั้นอารมณ์ใดๆ อีก ในเมื่อเธอเสนอให้ เขาก็แค่สนองตอบ และหลังจากอะไรๆ กันเสร็จก็จ่ายเงินพร้อมทิปตามที่เธอเรียกร้อง จากนั้นก็ทางใครทางมัน
ความคิดนั้นทำให้มือใหญ่ที่กำลังจะอุ้มร่างบางเปลี่ยนเป็นกอดกระชับแทนและปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างอรชรแทน เมื่อผู้หญิงหิวเงินเปลือยเปล่าทั้งหมด เขาก็ก้มลงประทับจุมพิตที่เรียวปากที่เคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูใส แล้วก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเลยสักนิด เพราะเธอจูบตอบอย่างเร่าร้อนเต็มอารมณ์ทีเดียว แม้เขาจะรู้สึกว่าเธอเงอะงะเหมือนกับไม่เคยอยู่บ้าง แต่นั่นคงเป็นเพียงหนึ่งในมารยาหญิงที่ใช้มัดใจคู่นอนเท่านั้นเอง
หญิงสาววัยยี่สิบสองลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่ข้างเตียงมาสวมด้วยมือไม้ที่สั่นเทา หลังจากถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างเร่าร้อนหนักหน่วงในยามที่สติถูกควบคุมด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปากอิ่มบวมช้ำไปหมดจากแรงจุมพิตและเพราะเธอกำลังเม้มมันเข้าหากันจนแน่น พยายามจะไม่หันไปมองผู้ชายที่นั่งพิงพนักเตียงอยู่ตอนนี้ แม้เขาจะจ้องมองเธอแบบไม่วางตาก็ตาม
“นั่นเธอจะไปไหน”
เสียงทุ้มถามขึ้นห้วนๆ ห่างเหิน แน่ล่ะก็เธอกับเขาไม่เคยสนิทสนมกันมาก่อน แม้ว่าเมื่อครู่นี้จะเพิ่งผ่านเกมรักสุดเร่าร้อนมาด้วยกันหมาดๆ ก็ตาม
“…”
สายน้ำผึ้งไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแต่งตัว พอเสร็จก็พรวดพราดไปยังประตูห้อง ทำให้คนที่อยู่บนเตียงต้องรีบคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวเอาไว้ลวกๆ ก่อนจะสาวเท้าตามไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิ!”
จอมทัพเรียกไว้พลางคว้าต้นแขนกลมกลึงของเธอเอาไว้ เธอจะหนีเขาไปดื้อๆ กลางดึกแบบนี้ได้ยังไง อย่างน้อยก็ควรจะรับค่าตัวก่อน เขาขี้เกียจจะตามไปจ่ายทีหลัง ก็ยอมรับล่ะว่าเมื่อครู่นี้ทั้งแปลกใจทั้งสุขใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่าเธอยังบริสุทธิ์ เขายังจำตอนที่เธอหวีดร้อง ช่วงที่เขาล่วงล้ำผ่านเยื่อบางๆ นั้นได้ดี เสียงของเธอทั้งน่าฟังและน่าสงสารมากเหลือเกิน เขาจึงไม่ลังเลที่จะก้มลงไปจูบปากอิ่มอย่างอ่อนโยนเพื่อพาเธอก้าวข้ามผ่านมันไป ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยความเร่าร้อนสุขสม เรียกได้ว่าวินวินทั้งคู่
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
คยไหม...ยิ่งต่อต้านใครสักคน แต่กลับยิ่งโหยหา เคยไหม...ยิ่งผลักไสใครสักคนให้ออกห่าง ก็ยิ่งเหมือนผูกพันหัวใจไว้กับเขา เคยไหม...ที่อยากวิ่งหนีหัวใจตัวเอง แต่หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น
แมทธิว ไครช์ตัน มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อตามตื้อเด็กสาวกะโปโลอย่าง ชญาดา มานานเกือบสามปี แต่ให้ตายเถอะแม่คุณกลับเล่นตัวเหลือหลาย ก็ในเมื่อเขาทั้งหล่อ รวย และนิสัยเกือบดี แล้วแม่คุณจะอยากไปหาผู้ชายที่วิเศษกว่านี้ได้จากที่ไหนอีก แต่เอาเถอะในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้จักฟัง พ่อค้าความตายอย่างแมทธิวก็เลยแปลงกายเป็นจอมมารแสนร้ายพร่าผลาญพรหมจรรย์ของผู้หญิงที่ชอบเล่นตัวมันเสียเลย อยากจะรู้นักว่าไอ้ที่หวงๆ นั่นน่ะมันจะดีเลิศสักแค่ไหน อา...เมื่อชิมแล้วเธอช่างแสนวิเศษสมกับการรอคอยเสียจริง เพราะฉะนั้นชญาดาจึงมีแค่สองทางเลือกเท่านั้น คือหนึ่งยอมตกลงแต่งงานกับเขา สองต้องส่งส่วยให้กับไอ้คนหลงตัวเองอย่างแมทธิว ไครซ์ตัน ไม่ให้ขาด และอย่าได้เผลอชายตามองผู้ชายคนไหนเชียว ไม่อย่างนั้นพ่อจะถล่มด้วยอาวุธสงครามไม่ยั้ง! “อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหมเล่า ฉันไม่ชอบคนแก่ เข้าใจไหม” “ผมยังไม่แก่แค่สามสิบสาม” “แต่ห่างกับฉันเป็นรอบ ฉันไม่สนคุณหรอก” “ลองเมกเลิฟกันสักยกไหมล่ะ ไอ้ที่ร้องปาวๆ ว่าไม่สนคนแก่น่ะ กลัวแต่จะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ทัน” “คนอย่างฉันคำไหนคำนั้น ไม่เคยคิดจะกลืนน้ำลายตัวเอง” “ถ้าอย่างนั้นมากลืนน้ำลายของผมดูไหม รับรองว่าซาบซ่านกว่ากลืนน้ำลายตัวเองแน่ๆ” “คนบ้า หน้าทน โรคจิต!” “ถ้าคนอยากมีเซ็กส์เป็นโรคจิต ทั้งโลกนี้ก็คงจะมีแต่โรคจิตทั้งนั้นนั่นล่ะพรีม” แมทธิวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เขาทำท่าเหมือนจะประกบปากลงที่ปากนุ่มของเธอ รีบร้องห้ามเสียงหลง “ไม่เอานะ” “ยังไม่คิดจะ ‘เอา’ แค่จะจูบ” “โอ๊ย! ฉันไม่ไหวแล้วนะ!” เธอร้องออกมาอย่างเหลืออด ไม่รู้จะทำยังไงกับความยียวนของเจ้าพ่อค้าความตายดี “ยังไม่ใช่เวลาร้องประโยคนี้ ส่วนใหญ่ประโยคนี้เขาร้องเวลาใกล้จะ ‘ถึง’” “คุณแมทธิว!” “เรียกว่า ‘ผัว’ น่าจะฟังรื่นหูกว่านะ”
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ยัยเด็กขาดสารอาหารคนนี้หรอ คือลูกสาวคนใหม่ของแม่.. เด็กอะไร ขวางหูขวางตาชะมัด เจอหน้ากันเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ทำไมยัยเด็กนี่ถึงสวยวันสวยคืน..ถ้าเขาจะแอบกินเด็กของแม่..จะผิดไหม
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด