"แด๊ดดี้ตกเครื่องบินตายไปแล้วล่ะ อย่าถามถึงอีกเลยนะคะเด็กดี" "ถ้าแด๊ดดี้ตายไปแล้ว แด๊ดดี้นิสัยดีหรือเปล่าคะคุณครูบอกว่านิสัยดีได้ขึ้นสวรรค์ นิสัยไม่ดีตกนรกค่ะ สรุปแล้วแด๊ดดี้หนูอยู่สวรรค์หรือนรกคะ"
"แด๊ดดี้ตกเครื่องบินตายไปแล้วล่ะ อย่าถามถึงอีกเลยนะคะเด็กดี" "ถ้าแด๊ดดี้ตายไปแล้ว แด๊ดดี้นิสัยดีหรือเปล่าคะคุณครูบอกว่านิสัยดีได้ขึ้นสวรรค์ นิสัยไม่ดีตกนรกค่ะ สรุปแล้วแด๊ดดี้หนูอยู่สวรรค์หรือนรกคะ"
“ไฮ... แพทวันนี้เธอแต่งตัวสวยจัง เป็นยังไงบ้างที่ฝึกงานของเธอแจ๋วหรือเปล่า ได้ข่าวว่าท่านประธานบริษัทยังโสดงั้นเหรอ ขอเบอร์เค้ามาให้ฉันหน่อยสิ”
เดซี่เพื่อนสาวที่พักอยู่ห้องตรงข้ามของแพรอัปสรกล่าวพูดคุยกับเธอ เมื่อเห็นสาวน้อยชาวเอเชียผู้มีใบหน้าสวยหวาน ผิวขาวอมชมพูดวงตากลมโต ส่วนสูง 155 เชนติเมตร อายุ 21 ปี เธอสวมเสื้อผ้าในชุดกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบเสื้อคอกลมสีฟ้าอ่อนรัดรูป ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างเล็กเต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งน่าหลงใหลในสายตาหนุ่ม ๆ ที่พบเห็น
“เออ... ใครจะไปกล้าล่ะ ถึงรู้ฉันคงเอาให้เธอไม่ได้หรอก ไม่งั้นท่านประธานคงไม่อนุมัติใบจบฝึกงานให้ฉันแน่ ถ้าฉันแอบเอาเบอร์ของเขาให้เธอ ขอโทษด้วยนะเพื่อนฉันให้ไม่ได้จริง ๆ”
“โอเค ล้อเล่นน่า ซีเรียสไปได้ฉันเข้าใจเธอดี แต่น่าอิจฉาเป็นบ้าเลยที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดผู้ชายหล่อแบบนี้ เธอรู้มั้ยเพื่อนในกลุ่มของเค้าหล่อ ๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ แถมรวยมากด้วย โดยเฉพาะคุณคาร์ลอส เทอร์ราซซิโน่ คนนี้เพอร์เฟคมากทุกด้านลีลาร้อนแรงเปลี่ยนผู้หญิงบ่อย แต่ผู้หญิงทุกคนก็ยังอยากเข้าใกล้ขอเพียงได้นอนด้วยสักครั้งก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้วแกเอ้ย แต่น่าเสียดายที่คุณคาร์ลอสนาน ๆ มาทีที่อเมริกา ส่วนมากอยู่อิตาลีมากกว่าถ้าได้สักคนในกลุ่มนั้นมาเป็นแฟนก็คงจะดีมากเลยล่ะ โดยเฉพาะคุณคาร์ลอส”
“ทำเป็นมาแกล้งถามฉัน แต่เธอกลับรู้มากกว่าฉันเสียอีกนะ”
“ก็มันอยากได้อ่ะ แพทช่วยหน่อยสิ นะขอร้องล่ะ นะ นะเพื่อน”
“ก็ได้ ฉันจะลองดูแล้วกันแต่ไม่รับรองนะ”
“เย้... ขอบใจมากเพื่อน รับรองได้ถ้าได้เบอร์โทรมาฉันไม่บอกคุณแดเนียลว่าเธอเป็นคนเอาให้ฉันหรอก ว่าแต่เธอจะไปไหนเหรอ”
“ฉันจะไปห้างซื้อของหน่อยน่ะฉันไปก่อนนะพอดีของใช้ของกินในห้องหมดไปน่ะ บาย... แล้วเจอกัน”
ภายในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเป็นห้างสรรพสินค้าในเครือของตระกูลเทอร์ราซซิโน่ ปัจจุบันผู้รับตำแหน่งประธานบริษัทคือ คาร์ลอส เทอร์ราซซิโน่ ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลรุ่นสุดท้าย ชายหนุ่มหล่อคมเข้มส่วนสูง 189 เซน หุ่นนายแบบดวงตาสีน้ำตาลประกายทองมีเสน่ห์เพียงแค่
สาว ๆ ได้สบตาด้วยหัวใจแทบละลาย จนได้รับฉายาจากสาว ๆ โหวตชื่อให้ว่า พ่อมดจอมเสน่ห์ กิจการของตระกูลนี้มีมากมาย ทั้งโรงแรม รีสอร์ทระดับเฟิร์สคลาสขึ้นไปนับพันสาขาทั่วโลก มีโรงงานผลิตเครื่องบินทั้งใหญ่ทั้งเล็กส่งขายให้กับประเทศต่าง ๆ รวมถึงเหล่ามหาเศรษฐีที่อยากมีเครื่องบินส่วนตัว
“ทำไมเจ้านายต้องปลอมตัวด้วยครับทำเหมือนกำลังเล่นหนังสายลับเลย”
“ถามมากจริงนะไอ้บรูค” น้ำเสียงคมเข้มดุของคาร์ลอส
กล่าวออกมา
“เออ... ผมแค่สงสัยน่ะครับ”
“ฉันควรย้ายตำแหน่งแกมั้ยฮะบรูค ถ้าฉันมาอย่างทุกครั้งจะเห็นการทำงานอย่างแท้จริงของพนักงานฉันมั้ย”
“ผมโง่เองครับเจ้านาย ขอโทษครับ”
“ฉลาดพูดนะแก ต่อไปหัดฉลาดคิดเสียบ้างถ้ายังอยากติดตามฉัน”
“ครับนาย ต่อไปผมจะคิดก่อนพูดครับ”
“ดี”
“โอ้ย” เสียงร้องที่เหมือนเจ็บปวดของหญิงสาวร่างเล็ก เมื่อหล่อนไม่ทันระวังมัวแต่กดโทรศัพท์จนชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างของผู้ชายคนหนึ่ง แต่คนที่ล้มกลับเป็นเธอ
“นี่คุณมีตาหรือเปล่าเดินภาษาอะไรผมเจ็บหลังไปหมดแล้วเนี่ย” คาลอสหันหน้ากลับมามองแล้วกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด
“ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษนะคะ คือฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
เธอกล่าวและพยายามลุกขึ้นยืน ก่อนที่เธอจะจัดผมของตนเองให้เข้าที่เรียบร้อย ส่วนชายหนุ่มร่างสูงใหญ่โตที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอนั้นถึงกับอึ้ง เมื่อได้เห็นใบหน้าเรียวสวยดวงตากลมโตขนตางอนหนาที่มองมาสบตากับเขาด้วยความรู้สึกผิดเหมือนเด็กน้อย
“ขอโทษคำเดียวหลังผมไม่หายช้ำหรอกนะสาวน้อย”
“เออ... งั้นคุณจะให้ฉันชดใช้ยังไงคะ หรือคุณต้องการเงินฉันไม่ได้มีเงินมากด้วยสิ” หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าที่ซีดจืด
“ผมไม่ได้ต้องการเงินของคุณ แต่คุณต้องมาดูแลผมจนกว่าจะหาย” คาร์ลอสกล่าวเสียงดุข่มขู่ร่างเล็กด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ในแบบที่สาวน้อยอ่านความคิดของเขาไม่ออก
“หึ หึ หึ “ บรูคปล่อยเสียงกลั้นขำออกมาด้วยความตลกกับการกระทำของเจ้านายที่เหมือนผู้ใหญ่กำลังรังแกเด็ก นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้านายในมาดแบบนี้
“แกขำอะไรฮะไอ้บรูค”
“เปล่าครับนาย เปล่าครับ”
“แค่ชนแผ่นหลังคุณ ต้องรับผิดชอบถึงขนาดไปดูแลคุณเลยเหรอคะ งั้นฉันขอดูหลังคุณหน่อยได้หรือเปล่า ฉันจะได้รู้ว่ามีแผลใหญ่แค่ไหน”
“งั้น... มานี่เลย” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับจับมือบางกำแน่น
“โอ้ย ฉันเดินเองได้ไม่เห็นต้องจับมือเลย กรุณาปล่อยมือฉันด้วยค่ะคนมองกันใหญ่แล้ว”
“ไม่ ถ้าผมปล่อยเกิดคุณหนี ใครหน้าไหนจะรับผิดชอบ”
คาร์ลอสกล่าวออกมาอย่างหน้ามึนไม่ยินยอม ส่วนแพรอัปสรได้แต่คิดในใจอย่างเซ็ง ๆ (แค่เดินชนหลังคนทำไมเรื่องใหญ่ยุ่งยากขนาดนี้) เธอได้แต่คิดและถอนหายใจ เพราะดูแล้วชายหนุ่มร่างสูงคู่กรณีคงมีฐานะน่าดู เสียดายที่ใส่แว่นตาสีดำกับหมวกบังหน้าไว้เลยทำให้ไม่เห็นหน้าชัด ๆ ถึงแม้ในใจจะรู้สึกกลัวแต่ไม่รู้ทำไมมือที่กำลังลากจูงมือเธออยู่นั้นกับให้ความรู้สึกปลอดภัยอบอุ่น
“คุณจะพาฉันไปไหนคะ เราไม่ได้รู้จักกันฉันกลัวนะ”
“คุณจะกลัวทำไมหรือคุณจะให้ผมแก้ผ้าตรงนี้ในเมื่อคุณอยากเห็นหลังผมไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ... ฉันไม่ดูแล้วก็ได้ปล่อยมือฉันเถอะค่ะ”
“ทำไมกลัวเหรอ เมื่อกี้ยังเถียงฉอด ๆ อยู่เลยนี่ รู้มั้ยร่างกายของผมทุกนาทีสามารถสร้างเม็ดเงินได้เท่าไหร่ ผมเรียกร้องแค่นี้บุญแค่ไหนแล้วรู้ไว้ซะด้วยแม่ตุ๊กตาตัวน้อย”
“ฉันไม่ได้กลัวคุณเสียหน่อย”
แพรอัปสรพูดออกไปทั้ง ๆ ที่ร่างกายของเธอสั่นเทาจนชายหนุ่มสัมผัสได้จากฝ่ามือเล็กที่เขากอบกุมอยู่
“เอากระเป๋ามานี่” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับดึงกระเป๋ามาจากไหล่บาง
“โอ้ย... คุณจะปล้นฉันหรือไงเอากระเป๋าฉันมานะ ไหนว่าไม่เอาเงินไง” หญิงสาวกล่าวพยายามยื้อแย่งกระเป๋าใบเล็กของเธอคืนมาแต่ก็ไม่สำเร็จ หนูอย่างเธอหรือจะชนะราชสีห์อย่างเขา
“นั่นคุณจะเอาบัตรและเอกสารของฉันไปไหน”
“เอาเป็นตัวประกันไงล่ะ เอานี่กระเป๋าเธอมีเงินนิดเดียวแค่นี้ยังกล้ากล่าวหาว่าฉันต้องการเงินเธออีกนะ ระดับฉันร้อยล้านยังกระจอก”
“ฉันไม่ได้รวยอย่างคุณนี่เมื่อไหร่ฉันจะได้เอกสารของฉันคืน”
“เมื่อผมหายคุณก็เป็นอิสระ เย็นนี้เจอกันที่โรงแรมเทอร์ราซซิโน่ ออ... ผมลืมบอกคุณไปผมชื่อ คาร์ลอส โอเคคนสวยอย่าสายล่ะผมไม่ชอบคนมาสายซะด้วย ไปบรูท”
อยากแต่งงานกับฉันเธอต้องทนทุกอย่างได้แพรลตา ต่อให้เธอทำงานจนล้มตายไปต่อหน้าฉันก็จะไม่สน เพราะเธอก็เหมือนต้นหญ้าเล็กๆคอยรองเท้าเวลาที่ฉันเหยียบย่ำเท่านั้น
เพราะพ่อของเธอคิดใช้เล่ห์เหลี่ยมจับเขาให้แต่งงานกับลูกสาวของตัวเอง เขาจึงแก้แค้นคืนกลับไปอย่างสาสม ผู้หญิงที่เขาหลงรักกลับเป็นคนที่เขาเคยเกลียดและทำลายเขาควรทำเช่นไรให้ได้นางฟ้าอย่างเธอและลูกกลับคืนมา
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลังจากแต่งงานมาสามปี ฮั่วเป่ยอวี๋ไม่เพียงแต่เย็นชากับเสิ่นเจียงหนานเท่านั้น แต่ยังคบชู้ ทำให้เสิ่นเจียงหนานผิดหวังมาก เขาก็แค่ชายเจ้าชู้นี่เอง หลังจากหย่ากันอย่างเด็ดขาด เธอก็มุ่งหน้าไปทำงาน ในฐานะนักออกแบบชั้นนำ แพทย์ผู้อัศจรรย์ และแฮ็กเกอร์เก่งๆ เธอเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านและกลายเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ในที่สุด ฮั่วเป่ยอวี๋ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาสูญเสียไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เขากลับเห็นเธอจัดงานแต่งงานแห่งศตวรรษร่วมกับชายอีกคน เมื่องานแต่งงานของคนสองคนถูกถ่ายทอดสดบนป้ายโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก-- เผ๋ยเหยียนหลี่สวมแหวนให้เธอ และประกาศให้โลกได้รับรู้อย่างท่วมท้น "เสิ่นเจียงหนานเป็นภรรยาของผมและเธอเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผม ใครกล้ามาแตะต้อง ต้องเจดีแน่!"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
นายปฐพี พลพิพัฒ อายุยี่สิบแปดปี ชายหนุ่มรูปหล่อ ร่างสูงใหญ่กำยำผิวขาว เขาเกลียดผู้หญิงทุกคนเข้าไส้ ใครเข้าใกล้ต่างก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือปีศาจในคราบเทพบุตรชัดๆ แต่ทำไมนะจีน่าจึงตกหลุมรักเขา นางสาวจีน่า ไนลา อายุยี่สิบสี่ปี ใบหน้าของเธอนั้นคมเหมือนกับสาวลูกครึ่ง เพราะมารดาของเธอเป็นคนอังกฤษ บิดาของเธอชื่อสรวิช ซึ่งความสวยของจีน่านั้นไม่เป็นรองใคร ดวงตาของเธอกลมโตจมูกโด่งรับกับริมฝีปากได้รูปสีชมพูระเรื่อ ใครเข้าใกล้ต่างก็ชอบในความน่ารักสดใสของเธอ แต่ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวได้เก็บเรื่องราวบางอย่างไว้ในใจตลอดเวลา เมื่อคนที่เธอตกหลุมรักเขากำลังจะแต่งงานด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่สำคัญเจ้าสาวของเขานั้น คือพี่สาวแท้ๆ ของเธอ ความรักของเขาและเธอจะลงเอยยังไงฝากด้วยนะคะ
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด