"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”
บทที่ 1
ณัฐวราเดินออกจากห้องประชุมพร้อมเพื่อนร่วมงาน หลังจากที่เข้าไปนั่งประชุมเรื่องการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนหน้านี้ เธอเคยได้ยินสินีพูดเหมือนกันว่าเขาเป็นลูกชายของท่านประธาน ที่ไปดูแลกิจการในเครือแม็คแคนเลย์ของต้นตระกูลอยู่ที่อเมริการ่วมกับญาติ ๆ ทางฝั่งบิดา
ส่วนธุรกิจในประเทศไทยนั้นเป็นของท่านประธานคนปัจจุบันที่ก่อตั้งขึ้นเอง หลังจากที่เดินทางมาเมืองไทยและได้พบรักกับภรรยาชาวไทย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมลูกชายของท่านถึงต้องไปทำงานให้บริษัทแม่ที่อเมริกานานถึงสิบปี
แล้วเพื่อนเธอยังบอกอีกว่าท่านประธานคนใหม่กลับมาได้สามเดือนแล้ว แต่อยู่ในระหว่างเดินทางไปดูธุรกิจที่มีสาขาอยู่มากมายทั่วประเทศไทย ไม่ได้เข้ามาบริษัทบ่อยนัก ส่วนเธอเองก็ยังไม่เคยเห็นเขาสักครั้ง ได้ยินแต่เพื่อนเธอบอกว่าหล่อมาก ๆ ดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว
“น้ำผึ้ง ท่านประธานเชิญให้ไปพบที่ห้อง” สินิเรียกเพื่อนเอาไว้
“เรื่องอะไรวะแก”
“อยากทราบก็เชิญไปถามท่านดูซิคะคุณเพื่อน” กระซิบตอบแบบกวน ๆ แล้วเดินกลับไป
ภายในห้องท่านประธาน
สมิธมองหญิงสาวรุ่นลูกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเมตตาและเอ็นดู แล้วพลันคิดถึงคำพูดของภรรยา
‘ชวนหนูน้ำผึ้งมาหาดาที่บ้านให้ได้นะคะสมิธ ดามีเรื่องจะคุยกับเธอ เรื่องเด็ก ๆ น่ะค่ะ’
สมิธขยับตัวเล็กน้อย “วายุเขาเป็นยังไงบ้างหนูน้ำผึ้ง”
“พี่วายุก็เหมือนเดิมค่ะท่าน อาการยังทรงตัว”
"แล้วเด็ก ๆ ล่ะ ช่วงนี้ลุงไม่ค่อยได้เจอพวกเขาเลย หรือว่าหาคนเลี้ยงได้แล้ว" สมิธจะแทนตัวเองว่าลุงทุกครั้งเมื่อคุยกับหญิงสาว แต่เธอไม่เคยเรียกเขาอย่างกันเองเลย
"ไม่ได้ให้ใครเลี้ยงหรอกค่ะ เพราะน้ำผึ้งเลิกไม่เป็นเวลา อีกอย่างไม่ค่อยไว้ใจใครด้วยค่ะ"
"ที่ลุงเรียกให้มาหาเพราะคุณดาเขาฝากมาบอกให้หนูไปหาเขาหน่อย ให้เอาเด็ก ๆ ไปด้วยนะ เขาคิดถึง"
เธอรู้ทันทีเลยว่าคุณท่านคงจะให้เธอเอาเด็ก ๆ ไปอยู่กับท่านช่วงปิดเทอมแน่นอน เพราะเป็นแบบนี้มาตลอดสามปี ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น
"ค่ะท่าน พรุ่งนี้เลิกงานแล้วน้ำผึ้งจะพาเด็ก ๆ ไปหาคุณท่านนะคะ" เธอคุยเรื่องงานกับท่านอยู่อีกครู่ใหญ่ก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ
ออกจากห้องก็เห็นเพื่อนรักอยู่ที่โต๊ะทำงานพอดี จึงโบกมือเป็นการบอกลา
"เที่ยงนี้ไปกินส้มตำเจ้าประจำกัน" สินีบอกเพื่อนรัก
"อือ อยากกินอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวเจอกันนะ"
“โอเค”
“อาเบียร์สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยที่ทักใครบางคน ทำให้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาทางประตูด้านหลังบริษัท และกำลังจะกดลิฟต์ต้องหยุดมองด้วยความสงสัย.. เด็กทั้งสองเดินตรงมาที่เขายืนอยู่ แล้วเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่นก็เอื้อมมือไปกดลิฟต์ ส่วนเด็กผู้หญิงที่น่าตาฝรั่งจ๋า ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า หน้าตาน่ารักยิ่งนัก ก็หันมามองเขาด้วยความสนใจก่อนจะส่งยิ้มมาให้
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามก็เดินเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์ เด็กชายเอื้อมมือไปกดที่เลขสาม แล้วจึงหันมาถามเขา
"ชั้นไหนครับ" พร้อมส่งยิ้มผูกมิตร
"ชั้นสามครับ" ความจริงเขาจะไปชั้นห้าเพื่อไปหาบิดา แต่ได้มาเจอกับเด็กหน้าตาน่ารักสองคนนี้ ก็ทำให้อยากรู้ว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่ในเวลางานแบบนี้
"คุณลุงจะไปหาแม่น้ำผึ้งของน้องวาเหรอคะ" เด็กหญิงถามตามความเข้าใจของเด็กสามขวบ
"ถึงชั้นสามแล้วครับเด็ก ๆ"
"คุณลุงยังไม่ได้ตอบน้องวาเลยค่ะ" เด็กหญิงทักท้วงเมื่อออกจากลิฟต์มาแล้ว
"ถ้าคุณลุงจะไปแผนกออกแบบก็อยู่ห้องนั้นครับ แต่ถ้าเป็นแผนกอื่นต้องไปถามอาเบียร์ที่อยู่ฝ่ายต้อนรับข้างล่างครับ"
คำแนะนำของเด็กชายตัวน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้ว่า อาเบียร์คือประชาสัมพันธ์ของบริษัทเขานั่นเอง
"น้องวาจะพาคุณลุงไปหาแม่น้ำผึ้งนะคะ ถ้าคุณลุงอยากได้บ้านก็ต้องให้แม่ของน้องวาวาดรูปบ้านให้ก่อนนะคะ" แล้วเด็กหญิงก็จูงมือเขาเดินไปตามทาง โดยมีเด็กชายเดินตามหลังไปห่าง ๆ
ณัฐวราลุกจากที่นั่งในห้องส่วนตัวที่เป็นกระจกใส รีบเดินออกไปหาเด็ก ๆ ที่กำลังเดินเข้ามาในเข้ามาในแผนกพร้อมกับชายแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก
"แม่น้ำผึ้งขา" เด็กหญิงวลาลีหรือน้องวาปล่อยมือจากชายหนุ่มแล้ววิ่งไปหามารดาทั้งตัว กอดขาทั้งสองข้างของเธอไว้
"สวัสดีครับแม่น้ำผึ้ง ลุงเควี่เขาจะมาหาแม่เรื่องงานครับ" เด็กชายวาคิมหรือน้องคิมชี้ไปที่ชายหนุ่ม ที่สอบถามชื่อแซ่ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกัน
เควินมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเขาผิดปกติ เขาเห็นเธอเปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวออกมา แสดงว่าเธอต้องใหญ่ที่สุดในห้องนี้ แต่ด้วยหน้าตาและบุคลิก เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคุณแม่ลูกสองแล้ว เพราะเธอยังดูเด็กอยู่เลยอายุน่าจะยี่สิบกลาง ๆ
ถึงแม้หน้าตาเธอไม่ได้สวยฉูดฉาดบาดใจเหมือนกับคู่ขาทั้งหลายของเขา แต่เธอก็ดูน่ารักมาก แต่งหน้าบาง ๆ เผยให้เห็นเนื้อแท้ของผิว ปากเคลือบไว้ด้วยลิปมันดูเป็นประกายวาว แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็หุ่นของเธอนี่แหละ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกสองคนแล้ว
"สวัสดีค่ะคุณเควี่ ดิฉันณัฐวราค่ะ หรือจะเรียกน้ำผึ้งก็ได้นะคะ" ณัฐวราทักทายชายหนุ่ม ผู้ชายคนนี้สเป็กเธอเลย สูงใหญ่ บึกบึน ทรงอย่างแบด แต่ถ้าจะเกินสเป็กไปหน่อยก็ตรงความหล่อนี่แหละ เพราะเขาหล่อมาก ๆ ที่สำคัญเป็นลูกครึ่งเสียด้วยสิ กรี๊ดมาก.. น้ำผึ้งเอ๊ย ถ้าชาตินี้แกได้ผู้ชายคนนี้เป็นสามีคงนอนตายตาหลับ
"เควินครับ หรือจะเรียกเควี่ก็ได้" เขาแนะนำตัวเองบ้าง
"ยินดีค่ะ คุณเควินมาติดต่อเรื่องแบบเหรอคะ จากที่ไหนคะเดี๋ยวน้ำผึ้งเช็คให้" เธอเรียกเขาด้วยชื่อจริง รู้สึกคุ้น ๆ กับชื่อนี้มากแต่นึกไม่ออก
“ไม่ได้ติดต่อครับ วันนี้ผมตั้งใจมาพบท่านประธาน แต่บังเอิญเห็นน้องคิมกับน้องวาขึ้นลิฟต์มาแค่สองคน ก็เลยเดินมาส่งพวกเขาเท่านั้น" ความจริงแล้วตามมาดูมากกว่าว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร และพอได้เห็นมารดาของเด็ก ๆ เขากลับคิดว่าคุ้มมาก ๆ ที่ตามมาดู ถึงแม้จะได้แค่ดูแต่ไม่มีสิทธิ์แล้วก็ตาม
"ต้องขอบคุณคุณเควินมาก ๆ เลยค่ะ แต่น้องคิมเขาเก่งค่ะทำอะไรเป็นตั้งหลายอย่าง เรื่องขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์นี่ไว้ใจเขาได้เลยค่ะ" เธอชมลูกชายแล้วลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
"จริงครับ ผมขอตัวก่อนดีกว่า โอกาสหน้าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ"
“ค่ะ เด็ก ๆ สวัสดีคุณลุงค่ะลูก คุณลุงจะไปแล้ว”
ชติรสรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันทีที่เขาผละจากเธอไปยืนอยู่ข้างเตียง ควานมือไปด้านหลังเพื่อหาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนให้พ้นจากสายตาร้อนแรงสีน้ำตาลเฮเซลคู่นั้น แต่ให้ตายเถอะผ้าห่มมันหายไปไหนวะ! ชายหนุ่มกอดผ้าห่มไว้กับอก มองทรวดทรงอวบอัดที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เธอคือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของเขาจริงๆ คิดไปคิดมาความต้องการที่เพิ่งสงบลงไปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง เขารีบคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอแล้วแต่งตัวเพราะกลัวอดใจไม่ไหว กลัวจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมานจนเข็ดขยาด “ผมไปก่อนนะยอดรัก” เขาเกี่ยวร่างที่ตะแคงหันหลังให้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโน้มหน้าไปกระหน่ำจูบที่เรียวปากอิ่มนั้นอย่างเสน่หา ก่อนจะออกไปจากห้องเขายังหยิบโทรศัพท์ของเธอมากดเข้าหาเบอร์ตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางมากอดแนบอกและดูดดื่มความหวานของเรียวปากอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อเขาจะจากไป เขามองร่างที่กอดกระชับผ้าห่มนวมเอาไว้ด้วยความรักใคร่อย่างเปิดเผย “ผมจะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดถ้าคุณไม่ผิดคำสัญญา” “เราควรทำหนังสือสัญญาต่อกัน” “ไม่จำเป็น หน้าที่ของคุณคือเป็นตัวแทนของลิก้า หน้าที่ของผมคือห้ามยุ่งกับลิก้า ดังนั้นคุณและผมแค่ทำหน้าของตัวเองอย่างเคร่งครัดหนังสือสัญญาก็ไม่มีความหมาย” “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยุ่งกับพี่สาวของฉันทั้งที่ฉันยอมคุณถึงขนาดนี้ เราได้เห็นดีกันแน่” เธอข่มขู่ “ผมไม่โง่เสียคุณไปหรอกยอดรัก คุณเด็ดกว่าเธอเป็นไหนๆ” “อย่ามาหยาบคายกับฉัน ไสหัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เธอหยิบหมอนปาใส่คนปากเปราะนัยน์ตาลามกด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา ทำไมต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นง่อยอย่างเธอด้วยล่ะ.. ------------------ เขากอดเธอแน่น จูบหนักหน่วงขึ้น เรียกว่าแทบจะสูบเอาวิญญาณออกมา จูบจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด “หายใจไม่ทันเหรอ” ถามเสียงนิ่ง จ้องใบหน้านวลไม่กะพริบ “ตอบผมสิ” คะยั้นคะยอขอคำตอบเมื่อเธอเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าจะสบตาด้วย “..ค่ะ” ตอบอย่างขัดเขิน “มองหน้าผมให้เต็มตาแล้วค่อยตอบสิหนูเล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปจับปลายคาง รั้งใบหน้าเธอให้หันมามองตน.. แต่ใบหน้าเรียวแดงซ่านช่างน่ารักเหลือเกิน อดใจไม่ได้ต้องโน้มไปหาและจูบเสียอีกที หอมอีกสองฟอด “เด็กเลี้ยงแกะ!” แล้วตำหนิเสียงขรึม แววตาวาว คนถูกดุเหลือบสายตามองโต้ ทั้งเขินทั้งงง ไม่เข้าใจว่าตนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไร
อดีตนักดนตรีรูปหล่อพ่อรวยที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว สามปีที่เขามัวแต่เรียนรู้เรื่องงานที่ไม่ถนัดจนต้องปล่อยวางเรื่องความรัก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้เหมือนเธอคนนั้นเลยสักคน ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ เขาอยากเจอเธออีกสักครั้ง และครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือเด็ดขาด เชิญพบกับความรักของพี่โฉดผู้น่ารักกับน้องแนนผู้ใสซื่อ(จากบัญชารักจากหัวใจ)ได้ในเล่มนี้เลยค่ะ
เขาคือเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนเธอคือหญิงสาวที่เขารับมาทำงานด้วยเพราะถูกน้องชายขอร้อง อะไรจะเกิดขึ้น? เมื่อคนที่เขาคิดว่าขี้เหร่นักหนากลายเป็นนางฟ้าเดินดินที่อยากครอบครอง
“เป็นอะไร หน้ามืดเหรอ” เขาตีหน้าเครียดถามไถ่ เก็บซ่อนอาการขำขันด้วยความเอ็นดูเอาไว้มิดชิด เธออายจนต้องยกมือปิดหน้า ซ้ำยังบิดตัวซุกหลบกับอกแกร่งเพราะกลัวจะตก “คุๆๆๆ คุณ..คุณไคปล่อยครีมลงเถอะค่ะ” “ไม่ปล่อย” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ไม่อยากปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยทำตัวเป็นสามีภรรยากันเลย ผมก็อยากอุ้มภรรยาดูบ้างไม่ได้เหรอ” “ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้คุณไคไม่สบายอยู่นะคะ ปล่อยครีมลงก่อนดีกว่าค่ะ อุ้มของหนักมากๆ เดี๋ยวยิ่งปวดหัวนะคะ” เธอแก้ตัวบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่ารักน่าฟัด พาให้หมั่นเขี้ยวนัก
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง