เขายอมแต่งงานกับเธอเพราะเงื่อนไขบางอย่าง ส่วนเธอแต่งงานกับเขาเพราะความรัก
เขายอมแต่งงานกับเธอเพราะเงื่อนไขบางอย่าง ส่วนเธอแต่งงานกับเขาเพราะความรัก
“พี่คิรินอย่าคะ เจ้าปวดหัวมากเลย”จันทร์เจ้าเอ่ยบอกเสียงอ่อนล้ากับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ทว่าคิรินกับไม่ฟังคำของจันทร์เจ้า เขาเอาแต่ไซ้ซอกคอขาวของเธออย่างเอาแต่ใจ ทั้งที่เธอนอนหลับไปแล้ว แต่ผู้เป็นสามีก็มาปลุกเธอกลางดึก หลังจากที่เขาพึ่งจะกลับมาจากด้านนอก
กลิ่นกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนหัวเป็นอย่างมาก พยายามผลักไสชายหนุ่มให้ออกไป ทว่าแรงน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ชายอย่างเขาได้
“พี่คิริน เจ้าปวดหัวจริง ๆ นะคะ”
“อยากเป็นเมียพี่ ก็อย่ามาทำตัวสำออยแบบนี้”เขาซุกไซ้ลงซอกคอของเธออย่างหนัก พร้อมกับมือของเขาที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของเธอ
เธอพยายามผลักเขาออก พยายามหลบหลีกใบหน้าของเขาที่เอาแต่ซุกไซ้ซอกคอขาวของเธอ ทว่าเหมือนเธอยิ่งปฏิเสธเขา ชายหนุ่มก็เริ่มทำรุนแรงกับเธอมากขึ้น คิรินจับมือทั้งสองข้างของเธอบีบตึงเอาไว้กับที่นอน พร้อมกับกัดซอกคอลามไปยังบ่าของเธอสุดแรง
“อื้อ พี่คิรินเจ้าเจ็บ” จันทร์เจ้าถึงกับน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บ ทว่าเขาก็ไม่ได้ส่งสารแม้แต่น้อย
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ยอมให้พี่เอาเจ้าดี ๆ อย่ามาทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลย” เขาลุกขึ้นมาตอบเธอ ทำเสียงไม่สบอารมณ์ใส่ พร้อมกับเขาที่กำลังปลดเม็ดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกไปที่ล่ะเม็ด จวบจนถอดกางเกงของเขาทุกชิ้นด้วย เผยให้เห็นความใหญ่โตที่ผงาดมาต่อหน้าหญิงสาว
“เจ้าบอกว่าเจ้าปวดหัว เจ้าไม่ได้เล่นตัวเสียหน่อย” เธอลุกขึ้นมาพยายามกระเถิบถอยหนีเขา จนไปชนกับหัวเตียง
“หึ ไม่ได้เล่นตัวก็ยอมให้เอาดี ๆ สิวะ” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเขาลากขาของเธอให้มานอนอ้าขาอยู่ใต้อาณัติของเขา
ชายหนุ่มเปิดกระโปรงชุดนอนสีขาวลายลูกไม้ของเธอให้เปิดออก พร้อมกับพยายามจะดึงแพทตี๋ตัวจิ๋วภายใน ทว่าหญิงสาวขัดขืนไม่ยอมให้เขาถอดเสื้อผ้าของเธอได้ คิรินจึงเกิดอาการโมโหหนักมากขึ้น จึงดึงแพทตี๋ตัวจิ๋วออกอย่างไม่ไยดี จนบาดผิวเป็นรอยแดง พร้อมกับที่เขากำลังจับความใหญ่โตมาจ่อที่ปากถ้ำดอกไม้ แต่ยังไม่ได้ทันใส่เข้ามา หญิงสาวก็พยายามดันตัวเขาเอาไว้ก่อน
“ทุกครั้งที่พี่ต้องการ เจ้าก็ยอมพี่คิรินทุกครั้ง มีครั้งไหนบ้างที่จะปฏิเสธ แต่ครั้งนี้เจ้าปวดหัวมากเลยค่ะ ปวดตั้งแต่เย็นแล้ว”
“แล้วยังไง” เขาตวาดใส่
“เจ้าไม่มีอารมณ์ด้วย!!” เธอตวาดเขากลับบ้าง
“ใครสนกันล่ะ!” เขามองใบหน้าของผู้หญิงที่เขาเกลียดที่สุดด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับดันความเป็นชายของเขาใส่เข้าไปสุดลึก
“อื้อ พี่คิริน เจ้าเจ็บนะคะ” เธอร้องโวยวาย พร้อมกับพยายามดิ้นหนีเขา ทว่ามันไม่เป็นผล เขาจับขาทั้งสองข้างของเธอล็อกเอาไว้ พร้อมกับอัดกระแทกเข้าไปสุดแรง แม้จะรู้ว่าภายในของเธอมันฝืดมากเพียงใด
“อ๊าส์ อ๊าส์ พี่คิรินเจ้าเจ็บ” แรงกระแทกของเขาไม่เพียงแต่ถ้ำดอกไม้ของเธอที่เจ็บทว่ามันกระเทือนมาถึงศีรษะของเธอ จนมันแทบจะระเบิดออกมา
“เจ็บนะสิดี” เขาทำหน้าซะใจพร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดนอนออกจากตัวของเธอให้พ้นทางโดยที่เธอไม่สามารถที่จะขัดขืนเขาได้แม้แต่น้อย แม้กระทั่งบราเซียของเธอก็โดนเขากระชากออกหมด
ชายหนุ่มก้มลงไปครอบครองยอดปทุมถันเอาไว้เต็มปากอย่างแรง ทั้งดูดดึง ทั้งกัด โดยที่ไม่คิดจะทะนุถนอมเธอเลยสักนิด จนอกอวบอิ่มของเธอมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ด้วยฝีมือของเขาทั้งนั้น แม้ว่าหญิงสาวจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทว่าเขาก็ไม่แม้แต่จะปรานีกับเธอเลยสักนิด ทว่าเธอยิ่งร้องออกมาด้วยความเจ็บเขาก็ยิ่งซะใจมากขึ้น โยกใส่เธอเต็มที่ พร้อมกับเขาที่กัดตามร่างกายของเธอเต็มไปหมด
“อ๊าส์ พี่คิรินเบากับเจ้าหน่อย” ไม่รู้ว่าเธอขอร้องเขาครั้งที่เท่าไรแล้ว ทว่ามันก็ไร้ความปรานีจากเขาเหมือนเดิม “พี่คิรินไปอารมณ์ไม่ดีอะไรมากันคะ ถึงมาลงกับเจ้าแบบนี้”
“เลิกกับพี่สิ พี่ถึงจะอารมณ์ดี” เขาบอกเธอ ทั้งที่ก็ยังกระแทกกระทั้งเข้ามาสุดแรงตามเดิม
“พี่คิริน”
“ทำไม่ได้ก็อย่ามาพูดมาก” เขาว่าพร้อมกับก้มลงไปจูบปากปิดเสียงของเธอ คิรินมีแต่มอบจูบที่รุนแรงมาให้ ไม่มีแม้แต่จะจูบแสนหวาน ในปากของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นคาวคละคลุ้งของเลือดเต็มไปหมด จนเธอที่ปวดหัวมากอยู่แล้ว ตอนนี้รู้สึกเวียนหัวเพิ่มเข้าไปอีก
แม้ว่าเธอจะร้องไห้เจียนตายแค่ไหน ทว่าเขาก็ไม่คิดจะสงสาร ทำราวกับว่าเธอเป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ไม่มีหัวใจ ที่เขาจะทำอะไรกับร่างกายของเธอก็ได้ แม้ว่าเธอจะทำดีแค่ไหน ปรนนิบัติเขาดีมากเพียงใด ทว่าเขาก็ไม่เคยเห็นความดีของเธอเลยสักครั้ง ทุกครั้งมีแต่จะทำร้ายจิตใจของเธอเสมอ
“อื้อ ฟาฟา ดีมากเลย มันดีมากเลย แน่นฉิบ” เขาสบถคำต่าง ๆ นานาออกมา ทว่าชื่อผู้หญิงที่เขาเอ่ยมากเล่นทำหัวใจของเธอที่เจ็บมากอยู่แล้วเจ็บมากกว่าเดิมไปอีก
แม้แต่เสียงที่จะเรียกเขาออกมามันแทบไม่มีเลย มันเจ็บจนจุกอก ทั้งที่เธอก็พอรู้ว่าเขามีผู้หญิงอีกคน แต่เธอก็พยายามหลับหูหลับตาไม่รับรู้ ทว่าครั้งนี้มันมากไป เขาเห็นเพียงเธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงอีกคน ถึงกระทั่งเรียกชื่อผู้หญิงคนนั้นออกมา
“อ๊าส์ ฟาฟา พี่จะแตกแล้ว อ๊าส์ ฟาฟาพี่รักฟาฟา อ๊ากกกก” เขาบอกพร้อมกับหลับตาซอยเข้าออกละรั่ว จนในที่สุดชายหนุ่มก็ปล่อยน้ำกามาเข้าไปในตัวของเธอมากมาย
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายของเธอที่เจ็บปวด หัวใจของเธอมันก็เจ็บปวดมากไม่แพ้กัน ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่รัก แต่ก็พยายามจะทนเพื่อรักษาคู่ชีวิตให้ถึงที่สุด แม้ว่าเขาจะมอบความเจ็บปวดมาไม่รู้กี่ครั้ง ถึงแม้ว่าทุกครั้งเขาจะมอบน้ำตามาให้เธอ ทว่าจันทร์เจ้าก็พร้อมที่จะรับมันไว้ขอเพียงได้กอดเขาไว้แน่น ๆ ก็พอ
ค่ำคืนนี้จันทร์เจ้าก็ได้แต่เป็นตัวแทนของผู้หญิงอีกคน ยอมให้เขาทำรักได้แต่ตามแก่ใจ แม้ว่าจะทำรุนแรงมากเพียงไหน เธอก็ทำได้เพียงกอดเขาแน่น ๆ อย่างเช่นเคย จวบจนเขาได้ปลดปล่อยอย่างพอใจ เธอถึงเป็นอิสระจากเขาได้ ทว่าพอเขาทำรักเสร็จก็ไม่คิดจะดูแลทะนุถนอม ใส่เสื้อผ้าให้เลยสักนิด เขากลับล้มลงไปนอนอย่างสบายใจ ทิ้งให้คนที่ปวดหัวเจียนตายนอนหนาวสั่นอยู่ใต้ผ้าห่ม เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้าหายามากิน เธอยังไม่มี และจะหวังพึ่งพาเขารายนั้นก็หลับสนิทเป็นตายไปแล้ว
จันทร์เจ้าได้แต่นอนหนาวสั่นอยู่ใต้ผ้านวม จนกระทั่งหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY