กรรณิการ์และราชาวดี คือ สองสาวที่งดงามดั่งดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเรียกหมู่ภมรจากทุกสารทิศมาดอมดม จนพวกเขาต้องแย่งชิงเพื่อครอบครอง เพราะฐานะซวนเซของบิดาทำให้สองดรุณีต้องออกเรือนแต่งงานเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด ทั้งที่ไม่เคยคิดจะเต็มใจ พวกหล่อนจึงพยายามพยศเพื่ออิสระ แต่มันจะง่ายหรือ เมื่อพวกหล่อนต่างอยู่ในอุ้งมือมารที่จะไม่ยอมปล่อยพวกหล่อนจากการดอมดมสักวินาที เรื่องที่คุณน่าจะสนใจ
“คุณหนูคะมันไม่ดีนะคะทำอย่างนี้คุณหนูโธ่” เสียงกระซิบกระซาบบอกอย่างเกรงใจของหญิงสาวอายุคราวแม่ที่ทำหน้าที่
พี่เลี้ยงไม่ได้ทำให้ราชาวดีหยุดการกระทำที่กำลังถูกห้ามปรามอยู่เลยแม้แต่น้อยนิด...
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ... หนึ่งแค่มีธุระนิดหน่อยเท่านั้น...พี่จันดา
ไม่ต้องกลัวหนึ่งแต่งตัวเป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรอันตรายหรอกค่ะ...”
“โธ่พิโธ่พิถังแต่งตัวเป็นชายแต่กายยังเป็นหญิงนะคะคุณหนูหนึ่ง... จะออกนอกบ้านยามราตรีอย่างนี้ได้อย่างไรกันคะ... ไม่ควรนะคะพี่จันดาหัวใจจะวายอย่าไปเลยค่ะนะคะ” พี่เลี้ยงพยายามอ้อนวอนหากแต่ไม่ได้รับการสนใจแม้แต่น้อย...
สาวน้อยร่างเพรียวบางในชุดเยี่ยงชายชาตรียังคงป่ายปีนกำแพงบ้านในมุมอับของกล้องวงจรปิดอย่างตั้งใจ...
“ว้ายคุณหนูนั่นเจ็บไหมคะ”
“โอ๊ะพี่จันดาคะ... อย่าร้องสิคะแค่นี้ไม่มีอะไรหรอกค่ะเดี๋ยวหนึ่งปีนใหม่” หญิงสาวป่ายปีนบ้านอีกรอบ... และก็โหนตัวไปนั่งบนกำแพงสำเร็จ...
“คุณหนู” พี่เลี้ยงทำท่าจะร้องไห้ที่ห้ามปรามหญิงสาวไม่ได้แถมยังมีส่วนรู้เห็นในการทำความผิดครั้งนี้เต็มๆ อีกต่างหาก
“ไม่ต้องห่วงค่ะหนึ่งแค่ไปช่วยเพื่อนหนึ่งจะกลับมาอย่างปลอดภัยเชื่อสิคะ... พี่จันดาคอยมารับหนึ่งที่ตรงนี้นะคะหนึ่งจะโทรหาให้เอาเชือกมาพาดกำแพงตรงนี้แล้วโยนไปอีกฝั่งหนึ่งจะปีนกลับเข้ามา... หนึ่งไปไม่นานไม่ต้องกลัวค่ะบ๊าย บาย”
หญิงสาวโบกมือลาพร้อมกับกระโดดลงไปอีกฝั่งพร้อมกับเสียงตุ้บดังๆ และ
“โอ๊ย”
“คุณหนูคะคุณหนู... เป็นอะไรไหมคะ” จันดาตะโกนถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่จันดาหนึ่งไหวๆ”หญิงสาวบอกผ่านกำแพงมา “ไปแล้วจริงๆ นะคราวนี้”
หญิงสาวหายไปพร้อมกับคนที่ยืนกังวลอยู่เบื้องหลัง... จันดาเก็บบันไดที่หญิงสาวใช้ปีนมาซ่อนไว้ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านอย่างใจจดใจจ่อที่หญิงสาวขอความร่วมมือก็เพราะว่าหล่อนอยากมีคนมาช่วยตอนหล่อนกลับเพราะด้านนอกของบ้านไม่มีอุปกรณ์ช่วยปีนนั่นเองนั่นทำให้จันดาไม่สบายใจเลยและไม่เห็นด้วยทั้งหมดที่หญิงสาว
ทำแต่ความดื้อดึงของหญิงสาวก็เอาชนะจันดาจนได้...
“ตายๆ นังจันดาได้ตายแน่คงนอนไม่หลับจนกว่าคุณหนูจะกลับมา... ตายๆ”
พี่เลี้ยงจันดาเดินกลับไปยังตัวบ้านด้วยความกลัดกลุ้ม... ยามวิกาลเช่นนี้คนในบ้านอย่างบิดาของราชาวดีและน้องสาวของราชาวดีอย่างลีลาวดีคงนอนหลับไปแล้วไม่ได้รับรู้ว่ามีคนคนหนึ่งหนีออกจากบ้านไป...
ราชาวดีวิ่งออกมาพ้นตัวบ้านแล้วก็เดินให้เป็นปรกติยามค่ำคืน
ในเมืองนี้ไม่ได้ร้างผู้คนแต่ก็ไม่ได้ครึกครื้นมากมายอะไรนักหล่อนนัดเพื่อนเอาไว้และเมื่อเห็นรถโฟล์กสวาเกนสีขาวคุ้นตาของเพื่อนที่สนิทสนมกันเปิดไฟหน้ารถเป็นจังหวะเรียกหล่อนก็เปิดเข้าไปที่นั่งข้างๆ คนขับ...
“ว่าไงยัยหนึ่ง... ถึงกับต้องปีนกำแพงบ้านออกมาเลยหรือไง” หลิงหลิงเพื่อนสนิทที่อยู่หลังพวงมาลัยและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเอ่ยถามติดตลก... ค่อนข้างขำแต่ก็ยังเกรงใจที่สร้างความลำบากให้เพื่อนขนาดนั้น
“เกือบจะพิการเลยล่ะ... ขากลับถ้าไม่มีพี่เลี้ยงคอยโยนผ้ามา
ให้ปีนกลับ... หนึ่งเข้าบ้านไม่ทันอาจตายได้”
“ขอบใจมากนะที่ช่วย... หลิงหลิงสัญญาว่าจะรีบกลับมาส่งหนึ่งให้ทันแต่ว่าทำไมหนึ่งแต่งตัวมาแบบนี้ล่ะ”
“ก็แต่งชุดผู้ชายออกจากบ้านมาเพราะกลัวพี่จันดาสงสัย... แล้วจะเปลี่ยนชุดได้ที่ไหนเนี่ยต้องแต่งหญิงใช่ไหมล่ะถ้าจะไปทำตามแผนของเราน่ะ” ราชาวดีมองชุดแมนๆ ของตัวเองที่ไปแย่งของน้องสาวที่ชอบสวมชุดแนวสปอร์ตคล้ายทอมบอยมาสวมใส่เพราะไม่อยากให้พี่เลี้ยงต้องกังวลมากนักกับการหนีออกจากบ้านยามค่ำคืน...
“ก็แน่นอนล่ะ... ถุงนั่นคือชุดที่หนึ่งเตรียมมาเปลี่ยนใช่ไหม... หนึ่งปีนไปเปลี่ยนที่หลังรถได้ไหม... มีเวลาไม่มากคนของเราบอกว่าพี่เราพานังนั่นไปผับแล้ว... เราต้องไปที่นั่นก่อนที่พี่ภพเทพจะพานังนั่นขึ้นห้องไม่อย่างนั้นแผนเราไม่สำเร็จ” หลิงหลิงเร่งเร้าเพื่อนสาว...
“ตายๆ จะให้เราแก้ผ้าบนนี้แล้วเปลี่ยนหลิงหลิงคิดได้ยังไงน่ะ...” ราชาวดีบ่นแต่ก็ปีนไปด้านหลังเพราะต้องทำตามที่ตกลงกับเพื่อนไว้ด้วยความที่ตกลงเรื่องผลประโยชน์ที่เอื้อต่อกันเอาไว้แล้วยังไงหล่อนก็ต้องทำตามที่หลิงหลิงต้องการ... “อย่าแอบดูเรานะ... ขอยืมผ้าห่มที่อยู่หลังรถพันตัวด้วย”
“หนึ่งน่ารักที่สุดเลย... ขอบคุณมากนะ... เราไม่แอบดูหรอกเราไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อยแต่ก็อยากมองนะหนึ่งอึ๋มขนาดนั้นเราชักอยากเบี่ยงเบน”
“พูดเรื่อยเปื่อยไป... เธอเหรอจะเบี่ยงเบนลง... เลิกกรี๊ดผู้ชายให้ได้ก่อนเถอะแม่คุณไอ้อึ๋มก็มีเหมือนกันไม่เห็นต้องมาเบี่ยงเบนเพราะเห็นว่าหนึ่งอึ๋มเลย...” ราชาวดีบ่นเพื่อนสนิทไปพลางเปลี่ยนชุดไป... หลังจากการเปลี่ยนชุดอย่างระแวดระวังในขณะที่รถยนต์ยังวิ่งทำให้ค่อนข้างทุลักทุเล... แต่โชคดีที่ชุดเดรสผ้ายืดเนื้อดีสีแดงไม่ได้ยากต่อการสวมใส่เท่าไหร่นักทำให้เปลี่ยนชุดได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“อื้อหือโป๊สะบัดได้ใจจริงๆ”หลิงหลิงมองชุดเกาะอกที่อยู่บนเรือนร่างสวยของเพื่อนสาวหากว่าอยู่บนเนื้อตัวคนอื่นมันคงไม่โป๊แต่ว่าราชาวดีนั้นมีหน้าอกหน้าใจล้นหลาม... ผิวขาวผ่องสีน้ำนมกับ
ดวงหน้าสวยโฉบเฉี่ยวทำให้น่ามองขนาดว่าหลิงหลิงเป็นผู้หญิงยังคิดว่าสวยไม่อยากคิดว่าผู้ชายได้เห็นคงน้ำลายหก... “หนึ่งสวยขนาดนี้... แผนเราไปได้สวยแน่นอนแต่หนึ่งแต่งหน้ามาอ่อนไปนะลงลิปสติกสีแดงจัดๆ เหมือนชุดไปเลยดีกว่า” หลิงหลิงชมและแนะนำไปด้วย...
“ฮื่อรู้แล้วล่ะ... ตอนออกมาแต่งชายไงพี่จันดาคงตกใจเป็นลมถ้าจะทาปากแดงมาตั้งแต่ตอนนั้น...”
เสียงหัวเราะคิกคักของสองสาวเพื่อนสนิทดังก้องรถราชาวดีหยิบลิปสติกสีแดงสดออกมาแล้วบรรจงทาลงไปบนเรียวปากอิ่ม... ดวงหน้าที่แต่งไว้บางๆ อย่างเตรียมพร้อมนั้นสวยโดดเด่นเซ็กซี่เข้ากับชุดแดงได้อย่างภาคภูมิ... ขนาดว่าหลิงหลิงจอดรถติดไฟแดงหันมามองแล้วยังร้องโอ้โฮ...
“จ้างร้อยเล่นล้านจริงเพื่อนฉัน...” หลิงหลิงหัวเราะน้อยๆ พอรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนหล่อนที่สนิทกันตั้งแต่เรียนโรงเรียนนานาชาติด้วยกันที่ฮ่องกงจนกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทยก็ยังเรียนที่เดียวกันนั้นจะสวยเซ็กซี่ได้ขาดนี้เพราะปรกติแล้วราชาวดีเป็นสาวสวยหวานเหมือนพวกนางเอกแต่ไม่นึกว่าเมื่อแปลงโฉมจากนางฟ้าสุดสวยใจดีเป็นนางร้ายจะสวยจัดชวนมองกว่าเดิมเสียอีก...
“จ้างร้อยที่ไหนเล่า... สิ่งที่หลิงหลิงเอามาตอบแทนค่าที่หนึ่งไปช่วยปัดเป่าผีร้ายๆ ที่หลอกหลอนพี่ชายหลิงหลิงน่ะมันมีค่ามากสำหรับหนึ่งหนึ่งต้องตอบแทนให้คุ้มค่าอย่างไรล่ะ...
“จ้า... ยังไงก็ขอบใจนะขอบใจมากที่สุดที่เข้าใจเราและไม่คิดว่าแผนเราคือแผนบ้าๆ หนึ่งเป็นคนเดียวเลยที่เข้าใจเรามากที่สุดมาโดยตลอด”
“อย่าทำซึ้งสิจ๊ะเดี๋ยวหนึ่งตีหน้าร้ายไม่ลงนะเออ”
“ก็ไม่ต้องตีหน้าร้ายแต่วีนนังนั่นให้แตกพ่ายเลิกยุ่งกับพี่ชายของเราสักที”
“นั่นแหละจ้ะเค้าเรียกบทร้าย...”
“ร้ายได้ยังไงจ๊ะบทที่หนึ่งเล่นนี่บทนางเอกถูกคนอื่นแย่งคู่หมั้นนะจ๊ะ...ว่าแล้วก็ลืมนี่แหวนจ้ะแหวนประจำตระกูลของเรา
แม่นั่นจะได้เชื่อสนิทว่าเธอคือคู่หมั้นของพี่ภพเทพจริงๆ ”
หลิงหลิงถอดแหวนจากนิ้วนางข้างขวามาให้ราชาวดีสวมในนิ้วนางข้างซ้ายอย่างพอดิบพอดี... แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวบนเรือนทองเนื้อดีแต่ดีไซน์ค่อนข้างเก๋เพราะว่ามีการใส่พลอยไพลินเล็กๆ เป็นเส้นรอบวงแหวนหญิงสาวสวมมันได้พอดีก่อนจะนั่งเงียบๆ เรียกกำลังใจให้ตัวเอง...
สิ่งที่ราชาวดีตกลงกับหลิงหลิงคือราชาวดีจะต้องทำตัวเป็นคู่หมั้นของภพเทพพี่ชายของหลิงหลิงแล้วก็โผล่ไปขัดขวางการเดตแบบสนิทสนมสุดๆ ของเขากับนาตาชาหรือยัยเห็บแนตตี้ที่หลิงหลิงชอบเรียก
นาตาชาเป็นดาราที่ดังมากหลิงหลิงเล่าว่าภพเทพพี่ชายของหล่อนกำลังต้องการแต่งงานกับใครสักคนแล้วนาตาชาก็ดูเพียบพร้อมในสายตาเขา... ภพเทพไม่ฟังเสียงคนรอบข้างเลยเขาเดินหน้าเดตกับดาราสาวปล่อยข่าวการคบหาให้ดังไปทั้งฝั่งไทยฝั่งฮ่องกงแล้วนาตาชาก็พูดออกสื่ออย่างหน้าชื่นตาบานว่ากำลังดูใจอยู่กับมหาเศรษฐีฮ่องกงสิ่งนั้นทำให้หลิงหลิงทนไม่ได้ต้องบินกลับมาขอร้องให้เพื่อนสนิทช่วยเหลือเป็นการด่วน...
“แล้วถ้าเกิดว่าสองคนนั้นเขารักกันเราไม่บาปแย่เหรอ”
“สองคนนั้นไม่ได้รักกันพี่ภพเทพจะแต่งงานเพราะแฟนเก่าที่เลิกกันตามมาขอคืนดีเขายังรักผู้หญิงคนนั้นมากแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นไปคั่วกับเพื่อนของเขา... พี่ภพเทพคงมองออกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มาดีและจะตัดใจเขาเลยต้องการแต่งงานกับใครสักคนเพื่อตัดปัญหา... ส่วนยัยเห็บแนตตี้นั่นเธออยู่เมืองไทยเธอไม่อ่านข่าวดาราบ้างหรือไง... เราอยู่ฮ่องกงตามอ่านข่าวแม่นี่ทางอินเทอร์เน็ตอย่างเดียวยังแทบอยากกราบงามๆ ในความร่านที่แสนเหนือชั้นของแม่นี่... ข่าวฉาวมีตลอดไม่ได้ถูกกล่าวหาลอยๆ ด้วยนะหลักฐานเพียบที่สำคัญคนที่เราส่งมาทดสอบความร่านของแม่นี่ก็ได้ฟาดแม่นี่ทั้งสามคนแล้วเธอคิดว่าเราจะให้คนแบบนี้แต่งงานไปเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลไหม”
ราชาวดีจำคำพูดที่เต็มไปด้วยความอัดอั้นของหลิงหลิงได้...หล่อนอยู่เมืองไทยก็ทำแต่งานไม่ได้สนใจวงการบันเทิงเลยแม้หล่อนจะสวยเข้าตาจนมีคนชักชวนเข้าวงการแต่การทำงานธุรกิจของหล่อนสำคัญกว่าหล่อนจึงไม่รู้เรื่องในวงการที่หลิงหลิงบอกเลยแต่พอค้นข่าวนาตาชาดูก็เห็นด้วยกับหลิงหลิงผู้หญิงคนนี้ฉาวตั้งแต่เข้าวงการมาตอนอายุสิบเก้าตอนนี้สามสิบเต็มหล่อนก็ยังฉาวสะท้านเมืองที่เป็นดาราดังได้เพราะความฉาวของหล่อนทั้งแย่งสามีชาวบ้านกิ๊กกับคนนั้นแล้วแอบควงคนนี้รวมทั้งข่าวเกาเหลาดาราคนอื่นข่าวถูกจับเพราะปาร์ตี้ยาอีแต่ก็รอดมาได้เพราะแค่ไปมั่วเซ็กซ์ในปาร์ตี้ไม่ได้เสพยาฉี่เลยไม่เป็นสีม่วง
ข่าวที่ว่ามานี่ดูรู้ว่าไม่ได้ถูกใส่ร้ายเลยเพราะว่าหลักฐานเพียบทั้งคลิปวิดีโอภาพนิ่งไฟล์เสียงที่นาตาชาผู้มีเสียงเป็นเอกลักษณ์โทรออดอ้อนสามีคนอื่น... แน่นอนว่าหากภพเทพแต่งงานกับนาตาชาเข้าคนไทยคงได้หัวเราะเยาะเขาเหมือนที่หลิงหลิงบอกหล่อนจึงคล้อยตามที่จะช่วยเหลือหลิงหลิงโดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือให้หลิงหลิงจัดหาแพกเกจเที่ยวต่างประเทศที่รวมค่าตั๋วโดยสารที่พักและพ็อกเก็ตมันนี่ให้หล่อนเพื่อที่หล่อนจะได้มอบมันให้กรรณิการ์เป็นของขวัญที่น้องสาวจบการศึกษาการช่วยเหลือครั้งนี้นอกจากจะทำให้เพื่อนสบายอกสบายใจแล้วหล่อนยังสามารถหาของขวัญที่ดีให้กับน้องสาวได้เพราะลำพังหล่อนเองคงไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนั้นเพื่อสานความฝันของน้องสาวในการไปเที่ยวต่างประเทศหลังเรียนจบให้เป็นจริงในสภาวะที่ที่บ้านขาดเงินหมุนเวียนอย่างหนัก...
การช่วยหลิงหลิงจึงเป็นการเอื้อผลประโยชน์กันแบบวินวิน
ราชาวดีจึงยอมทำและทุ่มเทเต็มที่กับภารกิจรักลวงโลกนี้...
เธอทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด เขาจึงเอาคืนให้เธอเจ็บกว่าร้อยเท่า ในวันที่เขาแก้แค้นเธอสำเร็จจนเธอเจ็บปวดเจียนตาย เขากลับค้นพบว่าเขารักเธอ การเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งหนึ่งเพ่ื่อตามหาหัวใจตัวเองจึงเกิดขึ้น แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเธอเจ็บแล้วจำเธอเลยไม่ให้โอกาสซ้ำยังเอาแต่จะหนีไปจากชีวิตเขา เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา เขาจึงต้องทำทุกทางและทุกอย่างเพื่อได้หัวใจเธอมาเป็นของเขาเหมือนเดิม hope and nink "อย่าลืมไปเล่าให้พี่ชายคุณฟังด้วยล่ะ ว่าความรู้สึกที่ถูกหลอกให้รักมันรู้สึกอย่างไง แล้วเรื่องที่กล่าวหาว่าอีฟทำ รับรู้เอาไว้ด้วยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้" "ทำไมถึงปกป้องผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น" แล้วคำที่บอกว่าอยู่ข้างเธอ ที่ผ่านมาหมายความว่าอะไร... "ที่ผมปกป้องขนาดนั้นเพราะว่ารักอีฟ และไม่ยอมให้ใครมาทำลายอีฟได้ยังไงล่ะ" "รัก?" แล้วไม่ได้รักเธอหรอกหรือ เธอตั้งคำถามอย่างโง่งั่ง ไม่พยายามเข้าใจสิ่งที่เขาบอก แม้ส่วนลึกเริ่มจะเห็นเค้าลางว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างที่วิษุวัติทำมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว "ใช่" "..." เขาลุกขึ้นยืน แขนเล็กๆ ที่เกาะเเขนเขาไว้ร่วงผล็อย นลินวิภาเงยหน้าขึ้นมองเขา "แล้วความรู้สึกดีๆ ที่คุณแสดงออกกับฉันที่ผ่านมา" "มันแค่การเอาคืน..." เขาพึมพำ ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ "ผมมาก็เพื่อแก้แค้นให้อีฟตอนนี้หน้าที่ของผมจบแล้วถือว่าเราจบกัน คุณไปเก็บของซะผมจะให้คนไปส่ง" เขาทำท่าจะเดินจากไป แต่นลินวิภาดึงชายเสื้อเขาไว้ ดวงหน้ายังสับสนและในใจพร่ำบอกว่ามันไม่ใช่ และเธอฉุดรั้งเขาไว้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนมีแรงตึงที่มือและเขาหยุดชะงักนั่นล่ะ เธอถึงปริปากออกมา... "คุณเคยบอกฉันว่าไม่ต้องสนเรื่องอื่นว่าเราพบกันอย่างไง เพราะระหว่างเราเข้าใจกันก็พอ ฉันเข้าใจว่าคุณพูดออกมาจากใจจริงๆ เสียอีก" "มันคือคำโกหกคุณคงไม่คิดว่าผมจะรักคุณหรอกนะเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคืออีฟ คนแบบที่ผมชอบคืออีฟเท่านั้น" ไม่ต้องมีมีดนับร้อยนับพันมาจ้วงแทง เพียงแค่สายตาคู่เดียวของเขาที่จ้องมองมาก็ทำให้เธอเหมือนถูกกระหน่ำแทงจากความจริงที่เขากำลังบอก เธอกับเอวิตาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และเธอไม่ใช่คนแบบที่เขาชอบ ทั้งหมดที่ผ่านมาคือการหลอกลวงเพื่อแก้แค้นให้เอวิตา คนที่เขารัก... "โฮป" "เรียกผมว่าวิษุวัติ... อย่าเรียกชื่อเล่น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น "..." นลินวิภากะพริบตาปริบๆ มือร่วงผล็อยจากชายเสื้อเขาไปในทันที สิ่งที่เขาบอก เหมือนดึงเธอมาสู่โลกแห่งความจริงที่เธอไม่อาจหนี เขาบอกชัดเจนขนาดนี้เธอคงไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว... #ทินอีฟ "ยินดีด้วยนะครับคนไข้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้วครับ คนไข้ตั้งครรภ์ เดี๋ยวหมอจะส่งคนไข้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝากครรภ์นะครับ" คำพูดของนายแพทย์ประจำคลินิกทำให้เธอยิ้มออกหลังจากทนกับอาการเวียนหัวในช่วงเช้ามาหลายวันไม่ไหวเธอจึงไปตรวจให้รู้แน่ชัด ผลที่แพทย์บอกตอนที่อยู่คลินิกทำให้เธอมีความสุขมาตลอดบ่าย เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์กับทิน...ผู้ชายที่เธอรัก วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ การได้รับข่าวดีเรื่องลูกจึงเปรียบประหนึ่งเป็นของขวัญ หญิงสาวรีบกลับมาที่เพนธ์เฮาส์และจัดเตรียมสถานที่รอพ่อของลูกกลับมาอย่างคาดหวังและตื่นเต้น เรื่องที่ตั้งครรภ์เธอยังไม่ปริปากบอกใครแม้แต่พี่เลี้ยงคนสนิทที่อยู่กับเธอตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะอยากให้ทินรู้เป็นคนแรก ทันทีที่เขาให้ของขวัญวันเกิดแก่เธอ เธอจะยื่นกระดาษอัลตราซาวน์ให้เขาแล้วบอกว่าเป็นของขวัญที่เธอมอบกลับคืนในฐานะที่เขารักและดูแลเธอมาตลอด แต่เมื่อประตูห้องเปิดก็เกิดเรื่องผิดแผนครั้งใหญ่เพราะทินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสาวที่มีดวงหน้าสวยโฉบเฉี่ยวดูมั่นใจในตัวเอง ริมฝีปากสีแดงสดของผู้หญิงคนนั้นยิ้มและมองเอวิตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก คนทั้งคู่ที่เข้ามาใหม่ไม่ได้สนใจบรรยากาศปาร์ตี้ ทินมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนทุกวัน มีเพียงเสียงทุ้มน่าฟังที่เหมือนเดิม "อีฟ ผมมีเรื่องจะบอก" "เรื่องอะไรคะ" เสียงของเธอแทบไม่หลุดจากปาก ความหวาดกลัวในสถานการณ์เกาะกุมหัวใจเธอ รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาครามครัน "ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ธุระที่ผมไปทำวันนี้คือไปจดทะเบียนกับนิ้ง" "..." ดวงตาของเอวิตาเบิกกว้าง "นิ้งท้องกับผม ท้องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาคบกับคุณ มันอาจจะผิดต่อคุณแต่คุณคงเข้าใจว่าผมต้องรับผิดชอบลูกในท้องของนิ้งเป็นอันดับแรก..." "ทิน" เธอเรียกชื่อเขา น้ำตาเอ่อล้นปริ่มขอบตาที่ร้อนผะผ่าวในใจมีร้อยพันหมื่นถ้อยคำแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ กระดาษอัลตราซาวน์ในมือถูกกำแน่น อย่าว่าแต่ยื่นมันให้เขาได้เห็น แค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและหายใจ เอวิตายังทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน "ผมเสียใจนะอีฟ... แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมเลือกนิ้ง" "ที่จริงฉันต้องรีบพาทินไปพบครอบครัว แต่ว่าเขาอยากแวะมาบอกเธอก่อนไม่อยากหายไปเลย" ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก เอวิตาจับใจความไม่ได้เลยว่าคนตรงข้ามพูดอะไรกับเธอบ้างเพราะในหูมีแต่เสียงอื้ออึ้งน้ำตาก็ไหลจากตาจนไม่เห็นหน้าคนสองคนตรงหน้าเสียแล้ว... สติของเธอหลุดลอยไปตั้งแต่ที่ทินบอกว่าเขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เรื่องที่เตรียมจะบอกในทีแรกจึงไม่หลุดจากปากและไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอีกเธอก็ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว จนเมื่อคำว่าลาก่อนแว่วเข้าหู และมีเสียงประตูปิด เธอถึงได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เพราะหมดแรงที่จะยืน... หลังจากที่ร้องไห้จนไม่เหลืออะไรจะร้อง ในหัวไม่มีสติพอที่จะคิดอะไรอีก ภาพเลือนรางที่เห็นเขาเดินจูงมือออกไปกับผู้หญิงอื่นฉายวนซ้ำ เธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก เขาเดินจากไปง่ายดายราวกับไม่เคยรักกันเลย ความทุกข์ที่หนักหนาที่สุดที่เคยพานพบเกาะกินหัวใจจนเธอคิดว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว... เธออยากหนีไปให้พ้นจากความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังถาโถมเธออยู่ในตอนนี้ "อีฟ" เสียงเรียกคุ้นหู เป็นเสียงเรียกที่เหมือนอยู่ไกลออกไป ภาพของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นไม่แจ่มชัด สาเหตุไม่ใช่เพราะหยาดน้ำตา หากแต่เป็นเพราะสติรับรู้ของเธอนั้นสุ
"ปะป๊า" อยู่ดีๆ ก็มีเด็กที่หน้าเหมือนตัวเองมาเกาะแข้งเกาะขาแล้วเรียกว่าปะป๊า แล้วจะให้คีรินเข้าใจว่ายังไง "บอกฉันมาซิว่าแม่ของหนูคือใคร!" "แม่ของหนูคือหม่าม๊า" "..." .................. แสงดาว... คุณปกปิดอะไรเอาไว้" เขาย้ำเธออีกครั้งเพราะอยากได้ยินจากปากเธอเอง "ปกปิดอะไรคะ?" แสงดาวมองเขาด้วยสายตางุนงง ที่ผ่านมาก็คุยกันจนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าคีรินจะมาคาดคั้นเอาอะไรอีก "เรื่องเกี่ยวกับไคร่า มีอะไรที่คุณบอกผมไม่หมด" "ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว "ถ้าไม่พูด ผมจะลงโทษคุณ" เขาบอกพร้อมๆ กับสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นคล้ายจะข่มขวัญ ลงโทษที่ว่านี่คงไม่ใช่กอดไว้แน่นแล้วปล้ำหอมแก้มให้จั๊กจี้เหมือนที่ทำกับลูกหรอกนะ หญิงสาวจินตนาการเล่นๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าคนที่อยู่ห่างจากตัวเองไม่ถึงคืบแล้วก็ต้องกะพริบตาปริบๆ เพราะดูท่าทางเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ "ลงโทษอะไร คุณไม่มีสิทธิ์นะ!" แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ท่าทางคุกคามของเขาก็ทำให้แสงดาวต้องถอยไปหลายก้าวจนหลังเธอชนฝา แล้วเขาก็ค้ำมือกับผนัง เพื่อกักกันเธอไว้ในวงแขน "ผมเป็นพ่อของไคร่า ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ลงโทษแม่จอมปากแข็งของแกล่ะ" ชายหนุ่มจดจ้องแสงดาวไม่วางตา... ดวงตาของคนตรงหน้าเหมือนกับดวงตาของเจ้าตัวน้อยที่เธอฟูมฟักตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยราวกับเป็นดวงตาคู่เดียวกัน แต่ก็นั่นล่ะ ถึงเขาจะเหมือนยัยหนูไคร่าของเธอทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรกับเธอตามอำเภอใจได้นี่นา... พรึ่บ... ยังไม่ทันที่เธอจะได้ห้ามปราม คีรินก็คว้าตัวเธอไปแนบชิดกับกายแกร่งแล้วก้มหน้าลงมาจูบปิดปากเธอเอาไว้ แม้เธอจะดิ้นขลุกขลักเพื่อถามว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม แต่เหมือนคนตัวโตจะไม่เปิดโอกาสให้ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาโมโหแล้วลงโทษเธออย่างที่ว่าจริงๆ หรือว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ริมฝีปากอุ่นที่บดขยี้ดูดดึงกลีบปากของเธอเอาไว้ไม่ให้พูดฟ้องว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า... แสงดาวค่อนข้างแน่ใจว่าคีรินหาเรื่องรังแกเธอชัดๆ ถึงจะเป็นพ่อของลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอย่างนี้กับเธอได้นะ! หญิงสาวพยายามดันอกเขาแล้วเบี่ยงหน้าหนีการรุกล้ำที่เริ่มจะกลืนกินสติสตังของเธอไป แต่นอกจากจะไม่ทำให้เขาไหวติงแล้วเธอก็ยังเบี่ยงหน้าหนีไม่พ้นการปล้นจูบของคนตรงหน้าเลย บ้าจริง!
“พี่อุ่นรู้ตัวไหมคะว่าเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน” “ก็รู้ในระดับหนึ่ง” เขาพยักหน้ายอมรับ แล้วยิ้มขันที่เธอทำหน้าตาเหมือนไปไม่เป็น... นี่ยังสารภาพไม่หมดเลยว่าตลอดเวลาที่นอนห้องด้วยกันหลายครั้งที่เธอตื่นมาบนเตียงเขาแบบไม่รู้ตัวนั้น มีเพียงครั้งสองครั้งที่เธอละเมอมานอนผิดที่ แต่ทุกครั้งที่เหลือเขาไปอุ้มเธอมาจากโซฟามานอนกอดล้วนๆ เรื่องที่คุณน่
“ตอนนี้เข็มดีขึ้นแล้ว ผมจะให้คุณไปขอโทษเค้า” “...” ไม่มีถ้อยคำใดเอ่ยจากปากเธอ ริมฝีปากที่แย้มยิ้มหุบลง และสั่นระริก สายตาที่ทอดมองเขาตัดพ้อ “ลุก” เขาจะคว้าแขนเธอให้ลุก แต่เธอสะบัดแขนหลุดจากมือเขาทันใด “เลิฟไม่มีวันไปขอโทษในสิ่งที่เลิฟไม่ได้ทำ” “คุณยังกล้าพูดคำนั้นอีกหรือไง...” เขาตวาดเธอจนสะดุ้ง ภูรินไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอมาก่อน “รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่กลับมา คุณเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน คุณมาพร้อมคำโกหก หลอกลวง จากที่เคยคิดว่าแค่เฉยๆ กับคุณก็พอ คุณกลับทำให้ผมรู้สึกว่าเกลียดความเป็นตัวตนของคุณมากขึ้นทุกวัน สิ่งที่คุณหวังมันไม่มีทางเกิดขึ้น และยิ่งผ่านไปทุกวันก็ยิ่งไม่มีทางไปใหญ่ เลิกหวังแล้วก็ไปตามทางของคุณดีกว่า ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” ร่างสูงหันหลังแล้วเดินออกไป แผ่นหลังมั่นคงที่เคยกอดห่างไกลและเลือนรางเพราะม่านน้ำตาบดบัง เขาไม่ได้อยู่ไกลจนคว้าไม่ถึง แต่เอื้อมมือไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเขาสักที
เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ
ด้วยภาระหนี้สินก้อนโตของบิดา ทำให้เคียงเดือนต้องวิ่งรอกรับงานทั่วราชอาณาจักรเพื่อหาเงิน นางแบบสาวต้องวิ่งรอกรับงานจนไปถึง เบเดน ดินแดนแห่งทะเลทราย หล่อนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ปากร้าย บ้าอำนาจ ชอบยัดเยียด จอมใส่ร้ายเป็นที่สุดอย่างนาคินเลย แค่เขาหลงคิดเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นคนใช้ ก็น่าโมโหพออยู่แล้ว... แต่เขาก็อาจหาญหาว่าหล่อนเป็นนางนกต่อของผู้ก่อการร้าย และยังจับหล่อนไปขังเพื่อสอบสวน... เขาชักจะทำกับหล่อนมากเกินไปแล้ว... เคียงเดือนจะไม่ขอทน !
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -