ณ.ดินแดนเสี่วยเป้ย ท่ามกลางขุนเขาล้อมรอบด้วยป่าสน สายลมรุนแรงพัดผ่านทุกช่วงเวลา เกล็ดหิมะสีขาวปกคลุมดินแดนแห่งนี้ขาวโพลนทุกหย่อมหญ้า จนพื้นดินมีแต่ความหนาวเย็น ‘เรือนนารี’ เป็นสถานที่ที่ผู้คนด้านนอกอยากเข้ามาชมความงาม แต่เรือนนารีปิดตัวตายมานับสิบปี นับตั้งแต่เจ้าของเรือนตายแบบปริศนา ผ่านมาสิบปี ...ต้นวสันต์ฤดู ใบไม้เริ่มผลิบานหลังหิมะที่ปกคลุมมาหลายเดือนเริ่มละลาย ด้านนอกไม่มีใครสักคนรู้ ภายในเรือนที่ปิดตายหลังนี้ ยังหลงเหลือสายเลือดของสกุลเจียว เจียวเจี๋ย (เจี๋ยเอ๋อ) พี่สาวคนโต อายุยี่สิบห้าปี ตอนนี้นางคือผู้สืบทอดที่คอยดูแลสมาชิกสกุลเจียวที่ยังมีชีวิตรอด สตรีงามสะคราญโฉมเหล่านี้ ต้องซ่อนตัวจากสายตาผู้คน เพื่อให้ปริศนาการตายของเจ้าของเรือนนารี ลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่ทว่า...ความแค้นที่สะสมอยู่ในใจบุตรหลานสกุลเจียวไม่มีทางลบเลือน เจียวลู่ (ลู่เอ๋อ) น้องคนสุดท้องที่เพิ่งมีอายุล่วงเข้าปีที่สิบห้า ตามธรรมดาแล้ว บุตรสาวสกุลเจียวจะถูกส่งเข้าวัง หลังมีอายุครบสิบห้าปี แต่เมื่อสิบปีก่อน ก่อนที่เจียวเจี๋ยจะถูกส่งเข้าวัง มีมือสังหารชายชุดดำบุกมาเข่นฆ่าคนสกุลเจียวจนหมดสิ้น เหมือนฟ้าไม่อยากให้ลมหายใจที่ถูกพรากอย่างไม่เป็นธรรมจบสิ้นลงแค่วันนั้น สองพี่น้องที่สมควรตาย เลยยังมีชีวิตรอด อยู่จนถึงวันนี้
1.
“ลู่เอ๋อ ตื่นได้แล้ว”
เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนที่ได้ยินทุกวันดังอยู่ข้างหู จากนั้นประตูไม้กรุกระดาษสีซีดก็ถูกผลัก แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านเงาร่างอรชรที่ยืนเท้าเอวอยู่ด้านหน้าประตูห้องนอนนั่นเอง
เจียวลู่บิดขี้เกียจแล้วค่อยๆ ปรือเปลือกตามอง
เจียวเจี๋ยถอนใจ เดินผ่านประตูเข้ามา “ได้เวลาฝึกชงชาแล้วนะ เจ้าจะเกียจคร้านถึงเมื่อไหร่กัน” นับตั้งแต่เหลือกันแค่สองพี่น้อง จากผู้หญิงอ่อนแอก็ต้องปรับตัวให้เข้มแข็ง เพราะหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นที่เรือนหลังนี้ หญิงอ่อนแอก็ต้องรีบลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง
“เจียเจี่ย ขอข้านอนต่ออีกสักสองก้านธูปได้หรือไม่” วงหน้าขาวดังไข่ปอก ดวงตาเรียวรีเหมือนหยดน้ำค้าง ริมฝีปากสีระเรื่อยิ่งกว่าสีดอกกุหลาบแรกแย้ม
เจียวเจี๋ยส่ายหน้า “เห็นจะมิได้”
เสียงเย็นชาเช่นนั้นของพี่สาว เจียวลู่ถึงรู้ว่ามารยาครั้งนี้ของนางไม่เป็นผล นางทรงตัวนั่ง กำลังจะอ้าปากต่อรอง เจียวเจี๋ยก็พูดสำทับมาอีกครั้ง
“จำได้หรือไม่ ว่าเจ้ามีภาระที่ต้องทำหลังจากนี้อีกสามวัน”
เจียวลู่เบี่ยงปลายเท้าลงจากเตียง ฉวยอ่างน้ำอุ่นที่ใครสักคนนำมาวางไว้ให้ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นล้างคราบขี้ตา เจียวเจี๋ยเดินเลยไปรินน้ำชาจากกาใส่จอกดินเผา และเดินมายื่นส่งให้น้องสาวที่ยังพยายามโอ้เอ้รั้งเวลาอยู่
เจียวลู่ที่กระหายน้ำอยู่พอดีจึงรับจอกน้ำชาจากพี่สาว พลางมองเจียวเจี๋ยด้วยแววตาซาบซึ้ง
“ถ้าข้าไม่มีเจียเจี่ย วันนั้นข้าคงตายไปแล้ว”
“ลู่เอ๋อ!!” เจียวเจี๋ยตวาดเสียงแหลม
เจียวลู่สีหน้าสลดลง ความทรงจำที่ยังติดตรึงอยู่ในใจ กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งอยู่เหนือศีรษะ นางมองลอดรอยแตกของฝาไม้ปากบ่อน้ำแห้ง บุรุษและสตรีที่เคยอาศัยอยู่ในเรือนแห่งนี้นอนเกยก่ายสูงท่วมศีรษะ ลำคอบางคนขาดห้อยร่องแร่งเพราะคมกระบี่ เศษเนื้อ ลิ่มเลือดแผ่กระจายเป็นวงกว้าง กลิ่นควันไฟ เสียงแตกปะทุของไม้ดังสนั่นเต็มสองหู เจียวเจี๋ยกอดน้องสาวแน่น ทั้งที่ตนเองก็หวาดกลัวจนตัวสั่น
สองพี่น้องที่หลบอยู่ก้นบ่อน้ำแห้ง เลยรอดตายหวุดหวิด
ดวงตางดงามหลุบลง ริมฝีปากหุบสนิท
เจียวเจี๋ยทิ้งตัวนั่งบนขอบเตียง พลางมองหน้าน้องสาวแล้วก็ถอนใจแรงๆ
“จำไว้ให้ขึ้นใจนะลู่เอ๋อ จากนี้อีกสามวัน เจ้ามีภารกิจต้องทำ”
คนสองร้อยกว่าชีวิตถูกสังหารหมู่ จวบจนทุกวันนี้มือสังหารยังไม่ได้รับโทษทัณฑ์ คนเป็นที่ยังมีชีวิตรอดจะนอนหลับสนิทได้อย่างไร แม้จะเป็นแค่หญิง แต่การแก้แค้นให้คนสกุลเจียว ก็ถือเป็นหน้าที่
ความแค้นเลือดครั้งนี้ คนบงการต้องชดใช้
“เจี่ย ข้าสัญญา” กลีบปากสีระเรื่อย้ำคำสัญญา
“กินข้าวก่อนดีหรือไม่ ข้าทำเกี๊ยวน้ำของโปรดเจ้าไว้ให้” ถึงจะเข้มงวดกับน้องสาวทุกชั่วยาม แต่เจียวเจี๋ยก็ยังไม่วายลดความเข้มงวดในบางครั้ง
“พี่ใหญ่ หากวันนี้ข้าอยากทำอย่างอื่นก่อนการฝึกชงชา พี่สาวคิดว่าข้าจะทำได้ไหมเจ้าคะ”
แววตาเจ็บปวดรวดร้าวของเจียวเจี๋ยผุดขึ้นมา เจียวลู่สัมผัสได้ถึงความโศกสลดในใจพี่สาว พลันนั้นแผ่นหลังบอบบางก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่ไปทั่วห้องนอน
“เจ้าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่แล้วเหรอลู่เอ๋อ”
เป็นคำถามสั้นๆ แต่กระแทกเข้ามากลางใจ เจียวลู่สูดลมหายใจลึกๆ สลัดความกระหายตามประสาสาวแรกแย้มทิ้ง
“พี่ใหญ่ ลู่เอ๋อขอโทษ หลังกินมื้อเช้าอิ่ม ข้าจะไปฝึกชงชา ต่อด้วยการท่องบทกวี” คุณสมบัติของสตรีในวัง ต้องมีความรู้ อ่านออกเขียนได้ กิริยานุ่มลื่นประณีตตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สตรีสกุลเจียวเป็นต้นแบบของความงดงามทั้งสิบประการนั่น
นับร้อยปี ที่สกุลเจียวฝึกสาวแรกแย้ม และส่งเข้าวังหลัง เพื่อรับใช้บรรดาสนมและกุ้ยเฟย รวมทั้งฮองเอาหรือตัวไทเฮาเอง
ดังนั้นไม่แปลกเลย ที่บิดา มารดายากจนจะส่งลูกสาวของตัวเองมาฝึกมารยาทที่สกุลเจียว ปะเหมาะเคราะห์ดี จับพลัดจับผลูได้ถวายตัวรับใช้ฮ่องเต้ขึ้นมา สุกลนั้นๆ ก็จะพลอยสบาย ได้มีโอกาสเสวยอำนาจผ่านตำแหน่งของบุตรสาว
ตัวบุตรหลานสกุลเจียวเองก็มีวาสนาดี ได้ครองตำแหน่งกุ้ยเฟยก็หลายคน บางคนบารมีสูงส่ง ไปไกลถึงตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
“ลำบากเจ้าแล้ว” เจียวเจี๋ยวางมือบนแผ่นหลังน้องสาว
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"