เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
ตอนที่1.จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
ไฟหน้องผ่าตัดดับลงพร้อมกับประตูห้องที่ถูกดันให้เปิด นายแพทย์อาวุโสท่านหนึ่งเดินออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน สีหน้าของเขาเรียบสงบ คงเพราะเคยชินกับความเป็นความตายในทุกๆ วัน
ดานันทะลึ่งพรวด โผเข้าไปหาด้วยความร้อนใจ
“คุณหมอคะยายหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ”
เสียงถอนใจดังขึ้นเบาๆ ดานันใจหายวาบ!!
“คนสูงอายุที่บาดเจ็บตอนนี้ต้องใช้เวลาพักรักษาตัวนานหน่อย แต่ว่า...” สีหน้าของนายแพทย์ท่านนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะถูกเกลื่อนหายไป
มือเรียวเล็กกำเข้าหากันแน่น
“หนูเข้าใจค่ะ หนูจะพยายามหาค่ารักษาพยาบาลมาจ่ายให้เร็วที่สุดค่ะ” โรงพยาบาลเอกชนเป็นเรื่องธรรมดามากที่ค่าใช้จ่ายจะเยอะจนเป็นภาระให้กับครอบครัวผู้ป่วย
“ผมเข้าใจ แต่หากหนักเกินไป ผมจะช่วยทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้”
ท่าทางซอมซ่อของเด็กสาวตรงหน้า คนที่ผ่านโลกมานานเลยอดเป็นห่วงไม่ได้
ดานันเม้มปากก้มหน้ายอมรับ
ถึงเธอจะมีนามสกุลพ่วงท้ายที่คนทั้งเมืองรู้จัก แต่สถานะของเธอก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกๆ คนคิด
ดานัน อินทรโชติ เธอเป็นแค่ลูกสาวนอกสมรสของบิดาผู้มั่งคั่ง ครอบครัวอินทรโชติไม่ใคร่ใยดีเธอนัก คงเพราะรังเกียจความต่ำต้อยของมารดาเธอ แต่ครั้นจะไม่ใส่ใจเลยก็จะพลอยทำให้วงสุกลมัวหมอง ดานันเลยได้รับการอุปการะแบบเสียไม่ได้ แถมมารดาผู้อาภัพของเธอก็ชิงลาโลกไปก่อนเสียอีก ปล่อยให้บุตรสาวกับมารดาของท่านเผชิญหน้ากับความรัดทดแค่เพียงสองคน
“ขอบคุณค่ะ”
ดานันเดินจากมา สองเท้าและบ่าหนักอึ้ง
เธอนึกไม่ออกเลยว่าปัญหาหนักหน่วงครั้งนี้เธอจะบากหน้าไปพึ่งพาใครได้ ในเมื่อประกาศิตครั้งสุดท้ายของสุรีพร ภรรยาของบิดาผู้มั่งคั่งของเธอกำหนดไว้ว่า... “หล่อนเรียนจบแล้วนะยะ จะมาเบียดเบียนบ้านใหญ่อีกต่อไปไม่ได้แล้ว รีบๆ ออกไปหางานทำซะ แล้วอย่ามาเสนอหน้าที่บ้านใหญ่ให้ฉันรำคาญลูกตาอีกละ”
ยายคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ ไม่นับบิดาที่เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายตอนไหน ดานันเองก็คร้านที่จะจำ
ช่วงนี้เธอกับยายลำบากมาก คงเพราะบ้านใหญ่ตัดความช่วยเหลือทุกทาง อาหารการกินที่อัตคัดอยู่แล้วเลยเข้าขั้นวิกฤติ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ยายก็เกิดอุบัติเหตุหนักบาดเจ็บขึ้นมาอีก เงินเก็บก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ยังต้องงัดออกมาใช้ แถมยังไม่พอชดใช้ค่ารักษาพยาบาล
เนื่องจากร้อนใจอาการบาดเจ็บของยาย ดานันเลยไม่ทันได้คิดทบทวน โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเป็นโรงพยาบาลเอกชน ค่ารักษาพยาบาลเกินกว่าที่เธอจะแบกรับไหว
“มาพอดีเลย จะได้ไม่ต้องถ่อสังขารไปตาม”
ทันทีที่โผล่หน้าเข้ามาในอาณาเขตบ้านหลังใหญ่
“คุณนายรออยู่ รีบเข้าไปหาสิ!!” เพราะดานันยืนนิ่ง เพลินตาเลยตะคอกซ้ำ
“ป้าเพลินพอรู้ไหมคะ ว่าคุณผู้หญิงอยากพบฉันทำไม?” ดานันพยายามหาข้อมูลล่วงหน้า เผื่อไม่ให้ตนเองทำให้สุรีพรขุ่นเคืองใจ ยังไงวันนี้เธอก็ต้องมาขอความช่วยเหลือจากสุรีพรอยู่แล้ว ต่อให้ถูกเสียดสีจนแทบทนไม่ไหว เธอก็ต้องได้เงินก้อนนี้
“ฉันจะไปรู้เรอะ!!”
เป็นเรื่องปกติเสียแล้วที่ดานันต้องเจอ คนรับใช้บ้านอินทรโชติไม่มีสักรายที่ยำเกรงเธอ ในเมื่อเจ้าบ้านฝ่ายหญิงเหยียดหยามดานันไม่เว้นวัน
“กาฝาก!!” เสียงพึมพำที่ตั้งใจให้ตนเองได้ยิน ดานันหลุบเปลือกตาลง พยายามไม่ใส่ใจ ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองจะมีเรื่องหนักใจเพิ่มขึ้น
โถงกว้างห้องรับรองแขก ชุดรับแขกนำเข้าจากต่างประเทศดูโอ่อ่าสมฐานะของครอบครัวมั่งคั่ง ดานันทรุดนั่งที่พื้นพรม ยกมือทำความเคารพมารดาเลี้ยงอย่างเรียบง่าย
“หล่อนหายหน้าไปไหนมาทั้งวันยะ” เสียงกระแทกกระทั้นดังผ่านริมฝีปากสีแดงสด
“ออกไปข้างนอกมาค่ะคุณผู้หญิง”
“ได้ข่าวว่ายายหล่อนเข้าโรงพยาบาลเหรอยะ” ในน้ำเสียงไม่ได้แฝงด้วยความเป็นห่วง คงถามอย่างเสียไม่ได้นั่นเอง “ฉันเองก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร เรื่องยายหล่อนฉันจะช่วยเอง”
ดานันเงยหน้ามองอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“คุณผู้หญิงพูดจริงๆ เหรอคะ?”
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
อดีตที่น่าอับอาย กับแววตาหยามหยันของใครบางคน เลยทำให้ ‘บุหลัน’ ฮึดสู้ขึ้นมา มันจะเป็นยังไงนะ หากเธอสามารถ ‘หลอกล่อ’ เขาให้ติดกับได้ มันจะเป็นไงนะ หากเธอทำให้ ‘เขา’ หลงรักเธอได้สักครั้ง ...แม้ความหวัง จะมีเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ตาม... แต่หากเสี่ยงแล้วได้ผลลัพธ์เหมือนที่ตั้งความหวังไว้ ‘เกมล้างอัปยศ’ ครั้งนี้ก็น่าจะคุ้มค่า แต่...บุหลันลืมไป ก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ไม่มีมนุษย์คนไหนควบคุมได้ เรื่องที่เกินความคาดหมายเลยเกิดขึ้น
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"