เจียงเหว่ยยี่ และ กู้เหยียนอันเป็นคู่รักในวัยเด็กมา 12 ปีแล้ว และคบกันมา 3 ปีแล้ว การแต่งงานระหว่างตระกูลเจียง และตระกูลกู้นั้นยิ่งใหญ่มากจนผู้หญิงทุกคนในเมืองเอต่างก็อิจฉา ในวันแต่งงาน สถานที่จัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแขกและเพื่อนต่างๆ แต่แล้วเมื่อมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาทำให้กู้เหยียนอันละทิ้งเจียงเหว่ยยี่ ซึ่งแต่งตัวอย่างหรูหราสวยงามแล้ว การหลบหนีจากงานแต่งงานของกู้เหยียนอันทำให้เจียงเหว่ยยี่ดลายเป็นตัวตลกของเมืองเอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่คนในเมืองเหล่านั้นได้หัวเราะเยาะเท่าไร ก็เห็นเจียงเหว่ยยี่โพสต์ใบทะเบียนสมรสระหว่างเธอกับเสิ่นจินโจว: "แต่งงานแล้ว" จากนั้นไม่นาน เสิ่นจินโจวที่ไม่ได้โพสต์ข้อความมาหลายปีก็โพสต์ว่า "อ่านแล้ว" บางคนบอกว่าครั้งนี้เจียงเหว่ยยี่โชคเข้าข้าง และสูญเสียของเล็กน้อยไป แต่กลับได้ของมีค่ามากกลับมา เพราะกู้เหยียนอันเทียบไม่ติดเสิ่นจินโจวแม้แต่นิดเลย เมื่อเผชิญกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาเหล่านี้ เจียงเหว่ยยี่ก็ตอบเห็นด้วยทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา จนกระทั่งวันหนึ่ง นักข่าวการเงินตัวกล้าถามเสิ่นจินโจวว่าเขาคิดอย่างไรกับการแต่งงานของเขา เมื่อทุกคนคิดว่าเสิ่นจินโจวจะเยาะเย้ยเจียงเหว่ยยี่อย่างหยิ่งผยอง แต่เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า: "ผมสมหวังแล้ว"
วันนี้เป็นการแต่งงานของตระกูลเจียงและตระกูลกู้แห่งเมืองเอ งานถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ห้องจัดเลี้ยงที่มีพื้นที่กว่าพันตารางเมตรได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราและชวนฝันมาก
พิธีกรบนเวทีกำลังกล่าวเชิญเจ้าบ่าว “ขอเชิญคุณกู้อี้อัน เจ้าบ่าวสุดหล่อของเราขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ!”
พอพิธีกรพูดจบ ผู้ชมก็ปรบมือดังกึกก้อง
แต่หลังจากที่พิธีกรกล่าวเชิญจบไปแล้วหลายวินาที ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเจ้าบ่าวที่ควรจะปรากฏตัวขึ้นจากด้านข้างของเวทีเลย
ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเริ่มซุบซิบกันขึ้นมา พิธีกรบนเวทียิ้มอย่างสงบเพื่อชดเชย “เรื่องไม่คาดคิด” นี้ หลังจากสงบไปได้ครึ่งนาที พิธีกรก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติเลยหยุดพูดไป บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงเลยเงียบขึ้นมาทันที
ในขณะนี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงตบหน้าดังมาจากหลังเวที ญาติและเพื่อนที่อยู่ใกล้เวทีนั้นต่างก็มองเห็นภาพหลังเวทีได้อย่างชัดเจน
และก็เห็นว่ากู้อี้อันที่เป็นเจ้าบ่าวนั้นโดนแม่ของเขาตบหน้าเข้าอย่างแรงหนึ่งที กู้อี้อันกระชากเข็มกลัด “เจ้าบ่าว” ที่หน้าอกซ้ายของเขาออก ก่อนจะหันหลังกลับไปพลางก้าวเท้ายาว ๆ แล้ววิ่งออกไปทันที
ในขณะเดียวกัน เจียงเหวยอี้นั้นกำลังกอดแขนเจียงเฉาเชิงอยู่ สองพ่อลูกนั้นกำลังรอประตูด้านหลังเปิด จากนั้นก็จะเดินขึ้นไปบนเวที
“ตื่นเต้นเหรอ อี้อี้?”
เจียงเฉาเชิงตบแขนลูกสาวของเขาด้วยความรัก เจียงเหวยอี้ก็เหลือบมองพ่อของเธออย่างอาย ๆ
และตอนที่เธอกำลังจะพูดนั้น จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคุณนายกู้ดังมาจากด้านหลังเธอ “กู้อี้อัน กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
พอได้ยินเสียงคุณนายกู้ เจียงเหวยอี้ก็หันกลับไปมองทันที
พอเธอหันกลับไป เธอก็เห็นกู้อี้อันวิ่งผ่านเธอไปอย่างรีบร้อน
พอเห็นเธอ สายตาของกู้อี้อันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “อี้อี้ ผมขอโทษนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเสี่ยวเหยียนน่ะ เลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนสองสามวันละกัน!”
ตอนที่พูดนั้น เท้าของเขาไม่ได้หยุดเลย
พอเจียงเหวยอี้ได้ยินที่เขาพูดเช่นนี้ เธอก็รู้สึกว่าความสุขที่มีนั้นเหมือนโดนเขาเอาน้ำเย็นราดซะจนไม่เหลืออะไรแล้ว
เมื่อกี้เจียงเฉาเชิงถามเธอว่าตื่นเต้นรึป่าว ใช่ เธอรู้สึกตื่นเต้นนัก แต่เธอไม่ได้ตื่นเต้นเพราะที่จะได้แต่งงานกับกู้อี้อัน เธอตื่นเต้นกับเรื่องที่ว่างานแต่งงานคืนนี้จะไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่จ้าวชือเหยียนบอกในข้อความเมื่อคืนหรือไม่ต่างหากล่ะ!
สีหน้าของเจียงเฉาเชิงที่อยู่ข้าง ๆ ยิ่งดูไม่สู้ดีเข้าไปใหญ่ งานแต่งงานกำลังจะเริ่มแล้ว ในงานนั้นก็เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย แต่กู้อี้อันนั้นกลับจากไปตอนสำคัญแบบนี้ซะได้!
เจียงเหวยอี้ยืนอยู่ที่นั่นพลางมองร่างของกู้อี้อันที่วิ่งออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ตัวของเธอนั้นแข็งและเย็นไปหมด
ไม่!
เธอจะปล่อยให้กู้อี้อันจากไปไม่ได้!
เจียงเหวยอี้กลับมาได้สติก่อนจะยกกระโปรงแต่งงานแล้ววิ่งตามไปทันที “กู้อี้อัน!”
เธอสวมรองเท้าส้นสูงซึ่งทำให้เท้าของเธอเจ็บ ทุกก้าวที่เธอวิ่ง ส้นเท้าของเธอนั้นรู้สึกเหมือนมีคนใช้มีดคม ๆ หั่นเนื้อของเธอไม่มีผิด
แต่เจียงเหวยอี้ก็ไม่ได้หยุดวิ่งสักที เธอกัดฟันและพยายามไล่ตามกู้อี้อันไปให้ทัน
งานแต่งงานจัดขึ้นบนชั้นสอง กู้อี้อันวิ่งไปที่บันได พอได้ยินเสียงเจียงเหวยอี้ก็ชะงักไป
แต่ก็หยุดไปแค่ครู่เดียว จากนั้นเขาก็รีบเดินออกไปจากโรงแรมอย่างรวดเร็วทันที
ตอนที่เจียงเหวยอี้วิ่งออกมาจากโรงแรมนั้น กู้อี้อันนั้นก็เดินไปถึงถนนฝั่งตรงข้ามซะแล้ว
เจียงเหวยอี้นั้นรีบตามเข้าไปอย่างไม่ได้คิดอะไรทันที
กู้อี้อันกำลังจะขึ้นรถ แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเบรกกะทันหัน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของแม่ของเขา “อี้อี้!”
เจียงเหวยอี้ที่สวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์นั้นถูกรถเก๋งสีดำชนเข้า ความปวดที่น่องนั้นแผ่ขยายขึ้นมาทันที
เจียงเหวยอี้โดนชนจนล้มลงกับพื้น ชุดแต่งงานสีขาวของเธอมีเลือดไหลออกมาทันที แขนของเธอถลอกไปหมด คุณเจียงที่สวยและสง่างามเมื่อครู่นั้นตอนนี้กลับอยู่ในสภาพแย่และน่าสงสาร
เจียงเหวยอี้เอามือเท้ากับพื้นและบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง กัดริมฝีปากเอาไว้และจ้องมองไปที่กู้อี้อันที่ยืนอยู่ข้างรถอย่างไม่ละสายตา
เธอไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำตาคลอเบ้านั้นเต็มไปด้วยคำขอร้อง
อยู่ต่อได้ไหม?
เลือกเธอสักครั้งได้ไหม?
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด