/0/15715/coverbig.jpg?v=34c33b61959cfa40cf280b02ecd6132a)
บทนำ "อยากตาย" เป็นคำพูดของคนที่ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวนามฟางเซียนพบกับความลำบากและความเหนื่อยยากของการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาแล้ว น้องสาวคือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิต แต่เมื่อไม่นานมานี้น้องสาวของเธอก็เพิ่งจะตายไปเพราะโรคร้าย เธอจึงคิดว่าตัวเองไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะงั้นเธอจึงพยายามฆ่าตัวตาย... เธอพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าสิบครั้งด้วยกัน ผลน่ะหรือ? ล้มเหลวน่ะสิ!! ถ้าสำเร็จเธอคงไม่ต้องมานั่งคิดว่าวิธีตายใหม่แบบนี้หรอก!! "ดื่มยาพิษ กรีดข้อมือ โดดน้ำ โดดตึก ขนาดนี้แล้วทำไมฉันยังไม่ตายอีก!! สวรรค์ ไม่สิ นรกไม่อยากรับคนเพิ่มรึไง!! " ฟางเซียนกรีดร้องอย่างหนักราวกับคนบ้า ในตอนนั้นเองบางสิ่งก็ได้ปรากฏต่อหน้าเธอ [สวัสดีคุณฟางเซียน ผมคือระบบห้ามฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ไปคุณต้องถูกผูกมัดกับระบบห้ามฆ่าตัวตาย กฎของระบบห้ามฆ่าตัวตายที่หนึ่งคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สองคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สามคือ ห้ามฆ่าตัวตาย] "...." มองหน้าต่างระบบตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ฟางเซียนหันไปหยิบมีดขึ้นมาเตรียมฆ่าตัวตายต่อ แต่จู่ๆ ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถที่จะขยับได้อีกราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามาควบคุมร่างกายของเธอ [คุณจะไม่สามารถฆ่าตัวตายได้จนกว่าจะมีอายุครบหนึ่งหมื่นปี โปรดเข้าใจด้วย] "เข้าใจมารดาแกสิ!! หมื่นปีเรอะ! ใครจะอยากอยู่นานขนาดนั้นกัน! " [มนุษย์] "เออ! แต่พอดีฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวเนปจูน ฉันจะฆ่าตัวตาย!! " [กฎคือห้ามฆ่าตัวตายเด็ดขาด เนื่องจากสถานที่รอเกิดเต็มแล้ว หากคุณต้องการฆ่าตัวตายคุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ภารกิจแรก เป็นอาจารย์ของตัวร้ายสูงสุด ภารกิจที่สองจะตามมาในอีกร้อยปีต่อมา และอีกหนึ่งร้อยปีต่อไปภารกิจที่สามจะตามมา และอีกร้อยๆ ปีต่อมาภารกิจที่สี่ก็จะตามมา] "....ไปตายซะไอ้ระบบเฮงซวย!! " ....................................................................... ฟางเซียนต้องการที่จะฆ่าตัวตายเพราะมันคือทางที่เธอได้เลือกแล้ว ตายไปทุกอย่างที่ผ่านมาก็จะเป็นเพียงภาพลวงตา เธอจะได้เกิดใหม่โดยที่ใหม่ต้องจำอะไรได้อีก เพียงแค่ตายเธอก็จะได้เห็นโลกใบใหม่แล้ว! แต่ทำไมระบบห้ามฆ่าตัวตายถึงไม่ยอมให้เธอตายสักที!! ขัดขวางการฆ่าตัวตายของเธอไม่พอมันยังลากเธอไปโลกจีนโบราณและบังคับให้เธอรับตัวร้ายในอนาคตเป็นลูกศิษย์!! ใครก็ได้ช่วยฆ่าเธอทีเถอะ!! ในภายหลังฟางเซียนพยายามคิดหาวิธีฆ่าตัวตายมากมาย ...................................................................... ระบบ: กฏที่หนึ่งคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สองคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สามคือห้ามฆ่าตัวตาย คนอยากตาย: ......ระบบเวร!! ระบบ: เพื่อความอมตะคุณต้องฝึกตนเป็นมาร ไม่ต้องห่วงระบบจะเติมทรูให้เอง! คนอยากตาย: ไม่อยากเป็นอมตะโว้ย!! ระบบ: ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน! ระบบมีเงินพร้อมที่จะเปย์คุณ *โปรยเงิน คนอยากตาย: .....
บทที่ 1.1 ความตายหายาก ทำยังไงก็ไม่ตายสักที
ฟางเซียน มีความหมายว่า นางฟ้าผู้มีกลิ่นหอม มันคือชื่อเล่นภาษาจีนที่แม่ของนางตั้งให้เพราะแม่ของนางเป็นชาวจีน แต่เนื่องจากว่าพ่อของนางเป็นชาวไทยดังนั้นฟางเซียนจึงอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เกิดกับพ่อแม่และน้องสาว พวกเราดูเหมือนครอบครัวอบอุ่นทั่วไปจนกระทั่งแม่ของนางจับได้ว่าพ่อแอบมีผู้หญิงคนอื่น
แม่ของนางพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิมเพราะเห็นแก่นางที่เพิ่งมีอายุเจ็บขวบและน้องสาวของนางที่มีอายุเพียงสามขวบ แต่แล้วพ่อของนางก็ทิ้งครอบครัวไปพร้อมกับเงินจำนวนมาก
แม่ของนางจึงตัดสินใจพาพวกนางสองพี่น้องกลับไปยังบ้านเกิดที่ประเทศจีน แต่เพราะแม่ของนางถูกตัดขาดออกจากตระกูลแล้วพวกเราสามแม่ลูกจึงต้องไปอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็ก แม่ของนางต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงนางและน้องสาวจนกระทั่งแม่ของนางพบรักครั้งใหม่กับผู้ชายคนหนึ่ง
มันดูเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดีเพราะผู้ชายคนนั้นที่แม่หลงรักไม่ต้องการลูกติด ดังนั้นแม่ของนางซึ่งเหนื่อยกับการเลี้ยงดูนางและน้องจึงตัดสินใจทิ้งพวกนางที่เป็นเหมือนภาระและไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับสามีใหม่อย่างไม่ลังเล
ฟางเซียนในวัยเพียงสิบสองขอบและน้องสาววัยแปดขวบจึงต้องไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นั่นไม่น่าอยู่เท่าไหร่นัก เตียงนอนไม่อบอุ่น อาหารน้อย และไม่อร่อย และยังมีเด็กเกเรหลายคนที่ชอบรังแกเด็กที่อ่อนแอกว่า ฟางเซียนพยายามปกป้องน้องสาวเพียงคนเดียวของนางอย่างสุดความสามารถและฟางเซียนก็ได้ให้คำสัญญากับตัวเองว่านางจะไม่มีวันทิ้งน้องสาวเด็ดขาด
ฟางเซียนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้มีชีวิตอย่างมีความสุขกับน้องสาว แต่แล้วฟางเซียนก็ต้องได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต น้องสาวที่รักของนางป่วยเป็นโรคร้าย การรักษาจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ฟางเซียนจึงต้องพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษาน้องสาวให้หายป่วยจากโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหนนางก็ยอมทำ แม้ว่ามันจะเป็นงานผิดกฎหมายหรืองานขายร่างกายก็ตาม
ระหว่างนั้นนางก็ได้พบรักกับชายคนหนึ่ง ซึ่งมันเป็นความรักที่ย่ำแย่มากเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นพวกหลอกลวง มันเป็นบทเรียนราคาแพงมากทีเดียว ราคาแพงพอๆ กับเงินที่นางเก็บสะสมมาเพื่อรักษาโรคร้ายของน้องสาวของนางเลยล่ะ...
ฟางเซียนขอบอกเลยว่า เธอ เกลียด ผู้ชาย!
เมื่อเงินที่นางเก็บสะสมมาหายไปเกือบหมด น้องสาวของนางจึงได้รับการรักษาช้าลงและต้องนอนซมอยู่บนเตียง ฟางเซียนหวังอยากให้น้องสาวมีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่น้อย นางจึงพยายามทำงานหนักมากกว่าเดิมจนกระทั่งเมื่อนางอายุสิบเก้าปี นางได้ถูกทาบทามให้ไปเป็นนักร้อง
ฟางเซียนไม่มีทางยอมพลาดโอกาสนี้ นางจึงพยายามฝึกฝนการเต้นและร้องเพลงอย่างหนักจนกระทั่งได้เดบิวต์เป็นนักร้องเสียงดีและมีชื่อเสียงโด่งดัง และในที่สุดฟางเซียนก็มีเงินพอที่จะจ่ายค่ารักษาให้กับน้องสาวแล้ว
เมื่ออาการป่วยของน้องสาวของนางดีขึ้นมาแล้ว น้องสาวของนางจึงสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติเหมือนคนอื่น ได้เรียน ได้มีเพื่อน และมีแฟนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฟางเซียนไม่ห้ามอะไรเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ในเมื่อพวกนางไม่มีดวงเรื่องผู้ชายถ้างั้นก็คบผู้หญิงซะก็สิ้นเรื่อง!
แต่แล้วปัญหาชีวิตก็เข้ามาอีก ฟางเซียนถูกขุดคุ้ยประวัติ งานที่นางเคยทำในอดีตเพื่อหาเงินถูกค้นพบทั้งหมด สังคมได้แสดงความรังเกียจนางทุกช่องทางของสื่อ อีกทั้งยังหาว่านางขายตัวเพื่อให้ได้ตำแหน่งนักร้องชื่อดังมา การถูกเกลียดจากสังคมมันแย่มาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถูกด่าทอและขับไล่ราวกับว่ามันไม่มีที่สำหรับนาง
เรื่องเลวร้ายไม่ได้เกิดกับแค่ฟางเซียน น้องสาวของนางก็ถูกเหมารวมว่าเป็นคนไร้ยางอายไปด้วย น้องสาวของนางถูกกดดันจนกระทั่งอาการป่วยเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้น้องสาวของนางอาการทรุดกว่าเดิมก็คือ แฟนสาวของน้องสาวของนางไปท้องกับคนอื่นและกำลังจะแต่งงานกับผู้ชาย
“อยู่กับน้องนะพี่ฟางเซียน...น้องกลัว น้องมีแค่พี่แค่คนเดียว อย่าทิ้งน้องไปเลย...” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่น้องสาวของนางพูดก่อนที่จะเสียชีวิตเนื่องจากโรคที่รักษาไม่หาย ในตอนนั้นโลกของฟางเซียนก็คล้ายจะพังทลายลงไปด้วย
ถ้าหากนางพยายามทำงานมากกว่านี้ ถ้าหากนางใส่ใจดูแลมากกว่านี้ ถ้าหากนางมีเงินมากกว่านี้ และถ้าหากว่านางปกป้องน้องสาวได้ดีกว่านี้ น้องสาวของนางก็คงจะมีชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาวมากกว่านี้ ฟางเซียนโทษตัวเองด้วยความเสียใจและเริ่มคิดว่า ในเมื่อคนสำคัญเพียงคนเดียวของนางจากโลกนี้ไปแล้วและทุกคนก็ผลักไสนางเหมือนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ แล้วนางจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรอีก?
“ฉันอยากตาย” ฟางเซียนหมดกำลังใจในการมีชีวิตอยู่แล้ว นางจึงได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตายวิธีที่หนึ่ง แขวนคอ ฟางเซียนไปซื้อเชือกมาและแขวนคอตัวเองกับต้นไม้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ขาดอากาศหายใจตายเชือกดันคลายตัวซะก่อน รอบที่สองกิ่งไม้ก็ดันหักก่อน รอบที่สามเชือกก็ดันขาด รอบต่อไปพลเมืองดีก็ดันผ่านมาเห็นและเข้ามาห้ามไม่ให้นางฆ่าตัวตาย ฟางเซียนจึงเปลี่ยนวิธีฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตายวิธีที่สอง กรีดข้อมือ วิธีที่เป็นที่นิยมอีกอย่างหนึ่งในละคร นางเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดน้ำร้อนเต็มอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็กินยานอนหลับและใช้มีดกรีดข้อมือของตัวเอง แต่ฟางเซียนกลับรอดตายมาได้เพราะโจร ใช่แล้ว โจร! มีโจรคนหนึ่งแอบเข้ามาในบ้านของนางเพื่อขโมยเงินและบังเอิญมาเห็นตอนที่นางกำลังตัวฆ่าตายพอดี โจรใจดีจึงช่วยพานางไปส่งโรงพยาบาล
ช่างเป็นโจรที่จิตใจงามยิ่งนัก...
“ถึงฉันจะไม่มีเงินและต้องนอนข้างถนน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะตายเลย พยายามมีชีวิตเข้าล่ะ!” โจรใจงามบอกกับฟางเซียนไว้ แต่ฟางเซียนอยากจะตะโกนตอบกลับไปว่า ฉันอยากตายโว้ย!
การฆ่าตัวตายวิธีที่สาม โดดตึก เป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมสำหรับการฆ่าตัวตาย ฟางเซียนขึ้นไปยืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกสิบชั้นและกระโดดลงไปข้างล่างอย่างไม่ลังเล แต่นางก็ไม่ตาย...ใช่แล้ว นางกระโดดตึกสิบชั้นแต่ดันไม่ตาย! นั้นเพราะว่านางอัดบังเอิญตกลงไปบนเตียงนอนนุ่มๆ ที่พนักงานขนของกำลังขนมันเข้าไปในตึกพอดี ฟางเซียนจึงได้รับบาดเจ็บแค่แขนหักเท่านั้น
“บัดซบ!” ฟางเซียนสบถออกมาอย่างหัวเสีย แม้ความโชคดีจะช่วยชีวิตไว้ฟางเซียนก็ไม่มีความรู้สึกยินดีกับมันเลยสักนิด ฟางเซียนยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะฆ่าตัวตายเหมือนเดิม
การฆ่าตัวตายวิธีที่สี่ ไปที่สะพานแขวนและกระโดดลงไปในแม่น้ำที่เย็นเฉียบ แต่เชื่อไหมว่าฟางเซียนสามารถรอดตายมาได้อีกเหมือนเดิมเพราะสุนัขตำรวจตัวหนึ่ง มันถูกฝึกมาให้ช่วยเหลือคนที่จมน้ำมันจึงได้เข้ามาช่วยเหลือนางไว้ การถูกสุนัขช่วยชีวิตทำให้ฟางเซียนร้องไห้ ไม่ใช่เพราะซาบซึ้งใจหรอกนะ มันเป็นอารมณ์อัดอั้นที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ต่างหาก
และตอนที่นางถูกสุนัขตำรวจช่วยชีวิตไว้นักข่าวคนหนึ่งก็ได้บังเอิญผ่านมาเห็นเข้าพอดี นักข่าวคนนั้นจึงได้ทำข่าวของฟางเซียนจนดังระเบิด นักข่าวหลายคนจึงบุกมาที่บ้านของฟางเซียนเพื่อขอทำข่าว
กูอยากตายโว้ย! อย่ามายุ่งได้ไหม!!
การฆ่าตัวตายวิธีที่ห้า กินยาพิษ ในเมื่อการฆ่าตัวตายข้างนอกมันเป็นปัญหามากก็ต้องพยายามฆ่าตัวตายในบ้าน แต่ฟางเซียนก็ดันถูกช่วยไว้ได้โดยนักข่าวที่แอบเข้ามาส่องในบ้านของนาง ฟางเซียนรอดอีกแล้ว...
การฆ่าตัวตายวิธีที่หก ไปที่ทะเล และถ่วงน้ำตัวเองซะ แต่นางก็ไม่ตายเช่นเดิม เพราะคลื่นทะเลได้ซัดร่างของนางเข้าฝั่งซะก่อน...
วิธีการฆ่าตัวตายที่เจ็ด แปด เก้า สิบก็ได้ตามมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายฟางเซียนถึงไม่ตายสักที
“ดื่มยาพิษ กรีดข้อมือ โดดน้ำ โดดตึก ฉันทำถึงขนาดนี้แล้วทำไมฉันถึงยังไม่ตายอีก!! สวรรค์ ไม่สิ นรกไม่อยากรับคนเพิ่มแล้วรึไง!!” ฟางเซียนกรีดร้องอย่างหนักราวกับคนเสียสติ
นางสิ้นหวังในการฆ่าตัวตายสำเร็จแล้ว...
ฟางเซียนหยิบมีดขึ้นมาและมองมันด้วยอาการเหม่อลอย ในขณะที่นางกำลังตัดสินใจที่จะใช้มีดแทงหัวใจของตัวเองอยู่นั้นหน้าต่างระบบปริศนาก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ บนหน้าต่างระบบได้แสดงตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ จากนั้นมันก็แสดงข้อความว่า [เชื่อมต่อสมบูรณ์]
[สวัสดีครับคุณฟางเซียน ผมคือระบบห้ามฆ่าตัวตาย] เสียงปริศนาดังขึ้นมาพร้อมกับปรากฏอีโมจิรูปยิ้ม ฟางเซียนมองด้วยสายตาว่างเปล่า [จากนี้ไปคุณจะถูกผูกมัดกับระบบห้ามฆ่าตัวตายและคุณจะต้องทำตามกฎที่เรามีอยู่ กฎข้อที่หนึ่งคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎข้อที่สองคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎข้อที่สามคือ ห้ามฆ่าตัวตาย]
“...” ฟางเซียนนิ่งสนิทไร้ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์ นางหันปลายมีดเข้าหาตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ทันใดนั้นเองนางก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้ตามใจชอบ มันราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามาควบคุมร่างกายของนาง
[คุณจะไม่สามารถฆ่าตัวตายได้จนกว่าคุณจะมีอายุครบหนึ่งหมื่นปี โปรดเข้าใจด้วย] สิ่งที่เรียกตัวเองว่าระบบห้ามฆ่าตัวตายบอกฟางเซียน
“เข้าใจมารดาแกสิ!! หมื่นปีเรอะ! ใครจะอยากอยู่นานขนาดนั้นกัน! ฟังฉันนะ ฉัน อยาก ตาย! ชัดเจนพอไหม!” ไม่ว่าสิ่งปริศนานั่นจะเป็นอะไรฟางเซียนก็ไม่เกรงใจ นางตะโกนใส่มันด้วยความโมโห
[มนุษย์อยากมีชีวิตยืนยาว] ระบบตอบ
“เออ! แต่พอดีว่าฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวเนปจูน ฉันจะฆ่าตัวตาย!!” ฟางเซียนกำมีดในมือแน่นและพยายามที่จะกดปลายมีดลงไปแทงหัวใจของตัวเอง แต่มือของนางมันแข็งค้างไม่ยอมขยับตามที่นางต้องการ
[ผู้ที่ถูกผูกมัดกับระบบห้ามฆ่าตัวตายมีกฎว่าห้ามฆ่าตัวตายเด็ดขาด หากคุณต้องการฆ่าตัวตายคุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อน ภารกิจแรก เป็นอาจารย์ให้กับตัวร้ายสูงสุด ภารกิจที่สอง เป็นอาจารย์ให้กับรองตัวร้าย ซึ่งภารกิจนี้จะตามมาในอีกร้อยปีต่อมา และอีกหนึ่งร้อยปีต่อไปภารกิจที่สามก็จะตามมา และอีกร้อยๆ ปีต่อไปอีกภารกิจที่สี่ก็จะตามมา]
“...ไปตายซะไอ้ระบบเวร!!” ฟางเซียนเปลี่ยนทิศทางของมีดจากตัวเองไปที่หน้าต่างระบบใสตรงหน้าทันที นางพยายามใช้มีดแทงมันแต่มีดของนางกลับทะลุผ่านมันไป “ทำไมต้องเป็นฉันด้วย! ฉันอยากจะตาย!” ฟางเซียนตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย นางเริ่มมีอาการหอบหายใจอย่างหนักหลังจากออกแรงไปเยอะกับการพยายามทำลายหน้าจอประหลาดตรงหน้า
[เนื่องจากคุณตรงกับเงื่อนไขของเรามากที่สุด] ระบบตอบ
“เงื่อนไขอะไร?”
[เงื่อนไขของเราคือ คนที่ต้องการความตายอย่างแท้จริง ไม่มีความลังเลหรือความเสียใจก่อนจะจบชีวิตตัวเอง แต่กลับไม่ตายสักทีทั้งที่พยายามฆ่าตัวตายมากกว่าสิบรอบขึ้นไป ระบบจึงเลือกคุณ]
“คนอยากตายทำไมแกต้องมาขัดขวางด้วย!!” ฟางเซียนรู้สึกคับแค้นใจอย่างมาก นางจึงใช้มีดแทงพื้นเพื่อระบายอารมณ์ ในเมื่อแทงตัวเองก็ไม่ได้ แทงไอ้ระบบประหลาดนี่ก็ไม่ได้อีก แทงพื้นแทนแล้วกัน!
พื้นที่น่าสงสาร: ทำไมเป็นฉัน?
[เนื่องจากมีคนตายทั้งที่ยังไม่ถึงฆาตมากเกินไปสถานที่รอเกิดจึงเต็มแล้ว ผู้สร้างจึงได้สร้างระบบห้ามฆ่าตัวตายขึ้นมาเพื่อห้ามไม่ให้มีคนฆ่าตัวตายไปมากกว่านี้ และเพื่อนำคนที่พยายามฆ่าตัวตายไปใช้ประโยชน์ด้วย เอาล่ะ! ได้เวลาเดินทางของคุณแล้ว]
“เดินทาง? เดินทางไปไหน? ฉันไม่ไป ยังไงฉันก็ยังอยากจะฆ่าตัวตาย!” ยังไม่ทันที่จะได้พูดไปมากกว่านี้ฟางเซียนก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายกำลังโดนบางอย่างดึงดูด
[วางใจได้เลยครับ การเดินทางข้ามมิติของเราปลอดภัยหายห่วงไม่ตายแน่นอน ไว้เจอกันอีกครั้งที่โลกใหม่นะครับ คุณฟางเซียน]
ไอ้ระบบเวร!!!
หลังจากนั้นฟางเซียนก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกหมุนอยู่ในเครื่องซักผ้ายาวนานหลายชั่วโมง...
อยากตายแล้วสิ
ห้าสิบปีแล้วนับต้องแต่วันสิ้นโลกได้เริ่มต้นขึ้น เพื่อเอาชนะสงครามกับสัตว์ประหลาดต่างดาวที่กินเวลามายาวนานทหารหน่วยพลีชีพจึงถือกำเนิดขึ้น แต่มีทหารหน่วยพลีชีพอยู่สามคนที่เอาชีวิตรอดมาได้ตลอด พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้อีกนานแค่ไหนและความสัมพันธ์พิเศษที่พวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นมากกว่าเพื่อนจะลงเอยไปอย่างไร เรื่องราวกับทหารในวันสิ้นโลกทั้งสามคน #3P #โอเมก้า #อัลฟ่า #วันสิ้นโลก #ต่อสู้ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเป็นเพื่อนตายเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเพศรองของพวกเขาปรากฏ สโนว์ที่แม้จะเป็นอัลฟ่าหญิงแต่ก็ดันพัฒนาไม่สมบูรณ์จนไม่แต่จะสามารถมีอวัยวะของอัลฟ่าได้ ส่วนเพื่อนชายทั้งสองของเธอดันเป็นโอเมก้า แถมเป็นโอเมก้าที่ดุร้ายพร้อมที่จะกดอัลฟ่าไม่สมบูรณ์อย่างเธอด้วย ท่ามกลางสงครามในวันสิ้นโลกนี้จะทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาความสัมพันธ์เป็นมากกว่าเพื่อนได้หรือไม่?
วันหนึ่งมีกล่องปริศนาว่างอยู่หน้าบ้านของเลอาและแฟนหนุ่มของเธอ ในกล่องนั้นมีหนังสือนิยายเล่มหนึ่งด้วยความสงสัยเลอาจึงเปิดอ่านและเธอก็พบว่ามันเป็นนิยายวาย! แถมดูเหมือนมันจะเป็นแนว 3P เสียด้วย ในนิยายมีตัวละครที่ชื่อเหมือนเธอด้วย และนายเอกของนิยายเรื่องนั้นก็มีชื่อเหมือนแฟนของเธอ! เลอาไม่อยากจะอ่านต่อเพราะความหึงหวง แต่เธอก็มาพบภายหลังว่านิยายเล่มนั้นได้เขียนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเธอและแฟนหนุ่มของเธอ "ฉันจะตายเรอะ!? แถมแฟนของฉันก็จะถูกผู้ชายสองคนรุมทึ้ง!? ไม่! ฉันไม่ยอมให้แฟนสุดที่รักถูกใครหน้าไหนแย่งไปเด็ดขาด! ถ้ากล้าแตะต้องแฟนของฉัน ฉันจะต้องได้ข้ามศพของพวกแกไปก่อน! " เพื่อไม่ให้แฟนหนุ่มถูกผู้ชายอื่นแย่งไปเลอาพยายามหลบเลี่ยงความตายของตัวเองและพยายามขัดขวางเหล่าพระเอกนิยายวายไม่ให้เข้าใกล้แฟนของเธอ แต่ฆาตกรก็ยังพยายามตามฆ่าเธอและแฟนหนุ่มของเธอเสียเหลือเกิน พวกพระเอกนิยายวายก็สลัดทิ้งยากยิ่งกว่าฆาตกร จะรอดไปได้หรือไม่ติดตามกันได้เลย!
บทนำ เธอไม่รู้หรอกว่าโลกนักเขียนที่แท้จริงคืออะไร สิ่งที่เธอทำก็คือการเขียนจินตนาการลงไปในกระดาษหรือพิมพ์บนแป้นพิมพ์ เรื่องราวในนิยายของเธอมีผู้คนชอบอย่างมาก พวกเขาติดตามเธอเพราะต้องการอ่านเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจที่ในโลกความเป็นจริงจะไม่มีวันพบเจอ เธอชอบที่พวกเขาชื่นชมและสนุกไปกันมัน เธอเป็นนักเขียนที่ชอบเขียนนิยายเพราะมันจะปลดปล่อยความเครียดของเธอได้ เธอเขียนอย่างต่อเนื่องจนสามารถขายออกเป็นรูปเล่มได้ เธอหากินโดยการเขียนนิยายตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอ นักเขียนที่มีนามปากกาว่า เลล่า หรือชื่อเล่นก็คือ นิรา ก็ได้รับพลังวิเศษ! สิ่งนั้นถูกเรียกว่า God eyes และระบบ Writer มันสามารถทำให้เธอมองเห็นโลกอีกโลกหนึ่งได้โดยการหลับตา มันมีโลกมากมายที่แตกต่างกันออกไป และระบบ Writer สามารถทำอะไรได้มากมายอย่างเช่นแลกเงินหรือไม่ก็ของวิเศษ! พลังพวกนี้มันมีไว้สำหรับนักเขียนโดยเฉพาะ! และได้มีจดหมายจากผู้ที่เรียกตัวเองว่า พระเจ้า ส่งมา จดหมายได้บอกว่านักเขียนผู้ถูกเลือกจะต้องเลือกใครสักคนจากต่างโลกแล้วเขียนบรรยายเรื่องราวชีวิตของคนๆ นั้นให้โลกอีกฝั่งได้อ่าน ยิ่งเรื่องราวชีวิตของคนนั้นมีความน่าสนใจเท่าไหร่ก็จะได้รับค่าตอบแทนมากเท่านั้นและสิ่งที่เธอทำนั้นสามารถช่วยโลกได้อีกด้วย! สรุปง่ายๆ คือมองหาตัวละครที่จะเป็นตัวเอกของนิยายจากนั้นก็ติดตามชีวิตของคนๆ นั้นแล้วเขียนเล่าเรื่องราวออกมาเป็นตัวอักษร! ต่อไปนี้เธอจะกลายเป็นนักเขียนที่บรรยายเรื่องราวชีวิตของบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ จากต่างโลก
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”