บทนำ เธอไม่รู้หรอกว่าโลกนักเขียนที่แท้จริงคืออะไร สิ่งที่เธอทำก็คือการเขียนจินตนาการลงไปในกระดาษหรือพิมพ์บนแป้นพิมพ์ เรื่องราวในนิยายของเธอมีผู้คนชอบอย่างมาก พวกเขาติดตามเธอเพราะต้องการอ่านเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจที่ในโลกความเป็นจริงจะไม่มีวันพบเจอ เธอชอบที่พวกเขาชื่นชมและสนุกไปกันมัน เธอเป็นนักเขียนที่ชอบเขียนนิยายเพราะมันจะปลดปล่อยความเครียดของเธอได้ เธอเขียนอย่างต่อเนื่องจนสามารถขายออกเป็นรูปเล่มได้ เธอหากินโดยการเขียนนิยายตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอ นักเขียนที่มีนามปากกาว่า เลล่า หรือชื่อเล่นก็คือ นิรา ก็ได้รับพลังวิเศษ! สิ่งนั้นถูกเรียกว่า God eyes และระบบ Writer มันสามารถทำให้เธอมองเห็นโลกอีกโลกหนึ่งได้โดยการหลับตา มันมีโลกมากมายที่แตกต่างกันออกไป และระบบ Writer สามารถทำอะไรได้มากมายอย่างเช่นแลกเงินหรือไม่ก็ของวิเศษ! พลังพวกนี้มันมีไว้สำหรับนักเขียนโดยเฉพาะ! และได้มีจดหมายจากผู้ที่เรียกตัวเองว่า พระเจ้า ส่งมา จดหมายได้บอกว่านักเขียนผู้ถูกเลือกจะต้องเลือกใครสักคนจากต่างโลกแล้วเขียนบรรยายเรื่องราวชีวิตของคนๆ นั้นให้โลกอีกฝั่งได้อ่าน ยิ่งเรื่องราวชีวิตของคนนั้นมีความน่าสนใจเท่าไหร่ก็จะได้รับค่าตอบแทนมากเท่านั้นและสิ่งที่เธอทำนั้นสามารถช่วยโลกได้อีกด้วย! สรุปง่ายๆ คือมองหาตัวละครที่จะเป็นตัวเอกของนิยายจากนั้นก็ติดตามชีวิตของคนๆ นั้นแล้วเขียนเล่าเรื่องราวออกมาเป็นตัวอักษร! ต่อไปนี้เธอจะกลายเป็นนักเขียนที่บรรยายเรื่องราวชีวิตของบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ จากต่างโลก
ตอนที่ 1
นักเขียนนิยาย
ปลายนิ้วเรียวของฉันกดลงบนแป้นพิมพ์โปร่งใสที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างรวดเร็วและไม่มีหยุดชะงัก แต่สายตาของฉันไม่ได้มองไปยังตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าสายตาของฉันมองตรงไปยังภาพตรงหน้าเพียงอย่างเดียว นั่นก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดฉากสำคัญตรงหน้าและก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดการบันทึกเรื่องราวที่เห็นฉันจึงขยับนิ้วพิมพ์บรรยายอย่างรวดเร็ว
แวมไพร์สาวฝังเขี้ยวลงไปบนคอของเหยื่อและดูดเลือดแสนอร่อยเข้าปากอย่างเชื่องช้าเพื่อลิ้มรสเลือดอันแสนหวานของชายหนุ่ม และชายหนุ่มผู้ถูกกัดก็ครางออกมาอย่างพอใจ ความสุขที่โดนกัดทำให้เขาล่องลอยไปสู่โลกอื่น?
ต่อด้วย...
ทั้งสองพาร่างของกันและกันไปต่อที่เตียงโดยที่ไม่ยอมผละออกจากกันแม้แต่เสี้ยววินาที เสื้อผ้าของทั้งสองถูกกระชากออกโดยฝีมือของฝ่ายตรงข้าม ไม่นานพวกเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่บนร่างกาย แวมไพร์สาวคลอเคลียริมฝีปากไปทั่วแผงอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มก่อนที่จะกัดไหล่ของชายหนุ่มอย่างรักใคร่(?) คู่รักที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความดิบเถื่อนเช่นนี้มันช่างเร้าใจนัก มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างหญิงสาวและไปหยุดที่....
ผลัวะ!!
ยังไม่ทันได้บันทึกฉากพิเศษหัวของฉันถูกตบคว่ำด้วยฝีมือของใครบางคน ฉากที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของปีศาจสองตนหายวับไปทันที แป้นพิมพ์ที่ใช้พิมพ์เมื่อครู่ก็จางหายไปเช่นกัน
“นิรา! ฉันเรียกเธอตั้งนานทำไมไม่ตอบสักที!” แพรว เพื่อนสาวของฉันตะโกนใส่หูของฉันอย่างโมโห ฉันกะพริบตาปริบๆ และมองสถานที่ปัจจุบันของตัวเอง ฉันยังนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านของตัวเอง
“โทษที” ฉันหันไปขอโทษแพรวเบาๆ เมื่อรวบรวมสติได้
ฉันมีชื่อว่านิรา นามปากกาจากการเขียนนิยายก็คือ เลล่า ฉากที่ฉันเห็นและบรรยายไปเมื่อกี้ไม่ใช่อะไร มันก็คือการมองข้ามโลกของฉัน พลังนี้เรียกว่า God eyes หรือจะเรียกว่า ดวงตาพระเจ้า ก็ได้ ซึ่งการใช้มันก็เหมือนกับการถอดจิตไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอื่น
ฉันได้รับพลังนี้มาจากคนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า จากทางจดหมายที่ส่งผ่านมาทางเมล์ คนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า บอกกับฉันว่าฉันเป็นอีกหนึ่งคนที่จะสามารถช่วยโลกได้โดยให้คำอธิบายว่าในตอนนี้โลกมากมายต่างหมดพลังและกำลังแตกสลาย การที่จะช่วยให้โลกเหล่านั้นอยู่ต่อไปได้ก็คือ บุคคลจากโลกอื่นจะต้องรับรู้การมีอยู่ของคนจากอีกโลก ความรู้สึกของคนจากอีกโลกที่มีต่อคนจากอีกโลกจะทำให้โลกที่กำลังล่มสลายได้รับพลัง
ซึ่งวิธีที่จะทำให้คนจากต่างโลกจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกโลกได้ก็คือการอ่าน
ข้อสรุปจึงออกมาว่า นักเขียนสามารถช่วยได้ ซึ่งนักเขียนผู้ถูกเลือกก็จะต้องใช้พลังดวงตาพระเจ้าที่ได้รับมองข้างไปยังอีกโลก จากนั้นก็เลือกก็ได้มาและเอาเรื่องราวชีวิตของคนคนนั้นมาเขียนเป็นนิยายลงเว็บ Go - D เพื่อให้ผู้คนจากต่างโลกได้อ่าน
นักอ่านที่มีความรู้สึกร่วมกับนิยายเหล่านั้นก็จะสามารถสัมผัสได้ว่าตัวละครในหนังสือเหล่านั้นมีตัวตนอยู่จริง สิ่งพวกนั้นจะช่วยเป็นพลังให้กับโลกที่พวกเขารู้จักในนามของนิยายเรื่องหนึ่ง
ส่วนเว็บ Go - D เป็นเว็บอ่านนิยายที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านและลงนิยายของตัวเองฟรี ก่อนที่ฉันจะได้รับดวงตาพระเจ้ามาฉันก็เขียนนิยายของตัวเองและนำไปลงในเว็บ Go - D แห่งนี้จนกระทั่งมีสำนักพิมพ์หันมาสนใจ นิยายบางเรื่องของฉันจึงได้กลายเป็นเล่มไปแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาฉันก็ตัดสินใจที่จะทำอาชีพเป็นนักเขียนนิยายหลังจากเรียนจบมหาลัย
ฉันเขียนนิยายมากมายตามอารมณ์จนกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในหมู่คนอ่านนิยายแฟนตาซี จนกระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่เพิ่งฉันได้รับพลังมา ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้รับความสนใจจากพระเจ้าจนได้พลังดวงตาพระเจ้ามาพร้อมกับระบบ Writer
อย่างที่บอกไปดวงตาพระเจ้าทำให้ฉันรู้ว่าโลกในมิติอื่นมีอยู่จริงและมันมีโลกที่ฉันไม่รู้จักมากกว่าจำนวนดวงดาวบนฟ้าซะอีก มันมีทั้งโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยปีศาจและเวทมนต์และโลกอนาคตที่การเดินทางระหว่างดวงดาวเป็นเรื่องปกติ
ในตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างกับพลังนี้จึงลองผิดลองถูกไป นั่นทำให้ฉันได้รู้ว่าระหว่างที่ฉันมองข้ามมิติไปยังอีกโลก เวลาของโลกที่ฉันอาศัยอยู่และโลกเหล่านั้นมันต่างกัน หนึ่งวันของอีกโลกจะเท่ากับห้านาทีของโลกที่ฉันอาศัยอยู่ และด้วยระบบ Writer ที่ได้มาพร้อมกับดวงตาพระเจ้าฉันสามารถทำได้หลายอย่าง เช่นเรียกแป้นพิมพ์และหน้าจอข้อมูลออกมาจากกลางอากาศได้ตลอดเวลา อย่างที่ฉันทำตอนแรก ดูสิ่งที่เกิดขึ้นและพิมพ์บรรยายเป็นตัวอักษรไปด้วย
ที่จริงมันสามารถกดบันทึกวิดีโอได้ด้วยแต่ฉันไม่ทำเพราะอยากเห็นฉากเหล่านั้นด้วยตาของตัวเอง พอได้บรรยายในระหว่างที่ดูด้วยตาตัวเองมันได้อารมณ์ดีกว่าตั้งเยอะ
ที่ผ่านมาฉันทดลองเขียนตอนสั้นมาหลายเรื่องจึงรู้ว่าเมื่อยอดวิวเพิ่มขึ้นหนึ่งฉันจะได้เหรียญเงิน 100 เหรียญ หากมีหนึ่งความคิดเห็นฉันก็จะได้เหรียญทอง 100 เหรียญ มันจะปรากฏขึ้นมาในแอปพลิเคชัน Writer shop ที่อยู่ในระบบ Writer อีกที ฉันสามารถนำเหรียญไปแลกเงินจริงได้ด้วย ซึ่งเหรียญทอง 1 เหรียญแลกเป็นเงินบาทได้ตั้ง 1000 บาท! แถมยังสามารถใช้เหรียญซื้อสินค้าต่างๆ ใน Writer shop ได้อีกด้วย
ไม่ออกจากบ้านมันแล้วโว้ย! นั่งปั่นนิยายทั้งวันดีกว่า!
แม้บางครั้งฉันจะคิดว่าการทำแบบนี้มันใช่การเขียนนิยายแน่เหรอ? ทั้งที่นิยายควรมาจากจินตนาการของผู้เขียนที่สามารถเขียนเล่าออกมาเป็นเรื่องราว สิ่งที่ฉันทำก็เหมือนการบันทึกชีวิตของคนอื่นเพียงเท่านั้น แต่ฉันก็ได้เลิกคิดเรื่องนี้ไปเพราะสิ่งที่ฉันทำมันช่วยโลกที่น่าสนใจเหล่านั้นให้คงอยู่ต่อไปได้
ฉันสนุกกับการมองไปยังต่างโลกและมีความสุขกับเงินมากมายที่ได้มา และที่สำคัญ ฉันสนุกที่คนอื่น ๆ ได้อ่านเรื่องราวของคนที่ฉันเลือกบันทึกเป็นตัวอักษรให้พวกเขาได้อ่าน
“ยัยนิราตกลงเธอฟังฉันรึเปล่า!?” แพรวเริ่มโมโหหนักกว่าเดิมเมื่อฉันเผลอเหม่อลอยไป แหม เผลอเล่าซะยาวเลย
“ฟังสิ ฟัง....ว่าแต่ เธอพูดว่าอะไรนะ?” และฉันก็ถูกตบหัวไปอีกทีหนึ่ง แพรวเริ่มบ่นเมื่อเห็นฉันอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน ด้วยเหตุนี้เองบทสรุปจึงออกมาว่าฉันต้องออกจากบ้าน
เพียงไม่นานแพรวก็ลากฉันเข้าไปในห้างที่แสนจะเย็นฉ่ำจนหนาว เราเดินเข้าไปในร้านอาหารเป็นอย่างแรกเพราะตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยงแล้วฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย
“กินเยอะๆ ช่วงนี้เธออยู่แต่ในบ้านได้ทานอาหารครบเวลาบ้างไหมก็ไม่รู้” แพรวบ่นออกมาอีกแล้ว แต่ฉันดูออกว่าเธอเป็นห่วงฉันมาก ฉันยิ้มให้แล้วเริ่มยัดข้าวเข้าปาก แต่ขณะที่เคี้ยวข้าวอยู่นั่นฉันก็หันไปเห็นคู่รักที่นั่งโต๊ะข้างหน้า
นี่เป็นการมาออกเดตครั้งแรกของพวกเขา หญิงสาวสั่งอาหารอย่างเงอะงะขณะที่สายตามองเมนูอาหารสลับกับใบหน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าถูกแอบมองจึงเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม เขาขยับยิ้มขำเบาๆ กับความน่าเอ็นดูของเธอ เห็นแล้วมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่เท้าคางแล้วจ้องมองหญิงสาวตอบ ฝ่ายหญิงเขินอายกว่าเดิม
ว้าว! คู่รักที่น่าอิจฉา คู่นั้นก็ด้วย เห็นแล้วอดบรรยายไม่ได้เลยแฮะ คิดแล้วอยากกลับไปเขียนนิยายจริงๆ
“ตั้งใจกินหน่อย เหม่ออะไรอีก เพราะไม่ได้กินข้าวตามเวลาสินะสติสตังถึงหายไปหมดแบบนี้” แพรวเอ่ยเตือนฉันอีกครั้ง ฉันจึงรีบกินแล้วควักโทรศัพท์ออกมา ฉันกดอัพเดตนิยายที่ได้เขียนไปก่อนหน้านี้ก่อนที่จะถูกแพรวลากออกจากบ้าน มันเป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับความรักของแวมไพร์สาวตนหนึ่ง แม้มันจะถูกตัดฉากกลางคันตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ก็พอถูไถไปได้ อีกอย่างยังไงฉันก็ไม่คิดจะเขียนเรื่องติดเรทอยู่แล้วเพราะทุกครั้งที่เห็นเรื่องติดเรทฉันจะจดจ่ออยู่กันมันจนลืมเขียนบทบรรยายออกมา..
เมื่ออัพเดตลงไปแล้วฉันก็รอความคิดเห็นของนักอ่านอย่างใจจดใจจ่อ!
“ยัยนิรา! ดาราเกาหลียืนอยู่นั้น!”
“หือ!? ไหน?” ฉันเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ฉันก็ไม่เห็นอย่างที่หวังเลย ฉันจึงรู้ว่าโดนหลอกซะแล้ว “เล่นอะไรเนี่ย” ฉันหันไปทำหน้าบูดใส่เพื่อนสาว
“ก็เธอเอาแต่ก้มหน้ามองมือถือนี่หว่า คนหล่อระดับดาราเดินผ่านเธอก็คงไม่มีวันรู้ตัวหรอก” แพรวส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เธอเริ่มเหมือนแม่ของฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เดินผ่านไปสิยังไงผู้ชายต่างโลกก็หล่อกว่า” พึมพำเบาๆ
“อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร” ฉันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก้มอ่านความคิดเห็นที่เด้งขึ้นมาเรื่อย ๆ
“ไปดูหนังกันต่อไหม” แพรวเสนอ
“ไปสิ” ฉันพยักหน้าหงึกหงักขณะไล่อ่านความคิดเห็นของนักอ่านต่อ
จิ้งจกแดง: มันได้อารมณ์ยิ่งนัก แต่ถ้ายาวกว่านี้จะดีกว่านะคุณเลล่า
ดอกบัวแดง: ใช่ ช่วงนี้คุณแต่งเรื่องสั้นเยอะเกินไปแล้ว
แพนด้าแดง: กลับมาแต่งนิยายเรื่องยาวเถอะคุณเลล่า พวกเรารออยู่!
ไก่แดง: เราโหยหาเรื่องยาวของคุณแล้ว!
และอีกหลายความคิดเห็นที่ขอให้ฉันกลับไปเขียนนิยายเรื่องยาวอีกครั้ง พวกเขาส่งเสียงเชียร์กันเต็มที่จนมันส่งมาถึงฉัน ฉันอยากเขียนนิยายเรื่องยาวตอนนี้! ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งกลับบ้าน
“เดี๋ยว! เธอจะไปไหนน่ะนิรา!” แพรวเรียกไว้แทบไม่ทัน
“ไม่ดูหนังแล้ว ฉันต้องกลับบ้านด่วน!” ฉันรีบวิ่งกลับบ้านทันทีไม่สนเสียงเรียกของแพรวที่ร้องตามมา
“เธอรีบเรียนจบมหาลัยเพื่อมาเป็นนีทเหรอยะ!!”
ไม่มีอะไรมาหยุดจิตวิญญาณนักเขียนของฉันได้ ในขณะที่ฉันกำลังกระตือรือร้นฉันต้องรีบเคลื่อนไหวก่อนที่จะหมดไฟ ฉันกลับถึงบ้านในเวลาที่รวดเร็วกว่าตอนออกจากบ้าน จากนั้นฉันก็ตรงไปนอนบนเตียง ฉันคิดว่าจะไปส่องอีกโลกหนึ่งสักเดือนหนึ่งหรือสองชั่วโมงในโลกนี้ ฉันเป็นพวกนั่งเกินชั่วโมงไม่ได้เพราะมันจะปวดเมื่อยร่างกายมาก ฉันจึงต้องนอนนี่ล่ะ
เมื่อจัดท่าเรียบร้อยฉันก็หลับตาลง ไม่ใช่ความมืดที่ฉันเจอแต่เป็นท้องฟ้าที่สดใส ตอนนี้ฉันอยู่ในร่างจิตที่คล้ายกับร่างวิญญาณ ข้อดีของร่างนี้คือจะไม่มีใครสามารถมองเห็นฉันได้และร่างกายก็นี้เบามากและสามารถทะลุได้ทุกสิ่งอีกด้วย และร่างจิตของฉันก็มีรูปลักษณ์เหมือนฉันทุกอย่าง ทั้งความสูง 160 เซนติเมตร เส้นผมสีดำยาวและดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
แต่ชุดที่ฉันสวมมันไม่เหมือนชุดที่ฉันสวมในโลกของตัวเอง มันเป็นชุดกระโปรงยาวสีดำและรองเท้าส้นสูงสวยงามที่ฉันไม่ค่อยใส่ในโลกของตัวเองเพราะกลัวสะดุดล้มกลางสาธารณะ และที่ฉันชอบที่สุดก็คือต่างหูกระดิ่งแก้วคู่นี้! ซื้อมาจาก Writer Shop เลยนะเนี่ย
พวกมันจะส่งเสียงไพเราะทุกครั้งที่ฉันขยับ พวกมันโดดเด่นมากเพราะเป็นกระดิ่งแก้วที่ส่องประกายสีขาวอ่อนๆ ถึงมันดูจะเป็นขั้วตรงกันข้ามกับชุดที่ฉันใส่ก็เถอะ แต่มันก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด!
เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องของตัวเองจะดีกว่า ฉันล่องลอยเข้าไปในต่างโลกทันที โลกที่ฉันเลือกไปก็คือโลกปีศาจ ฉันเข้ามาที่นี่บ่อยเพราะที่นี่มีปีศาจที่เหมาะจะเป็นตัวละครเอกอยู่เยอะ โดยเฉพาะแวมไพร์ ฉันชอบเผ่านี้ที่สุด
ฉันไปหาปีศาจที่น่าจะมาเป็นตัวเอกในเรื่องยาวนี้
แต่ฉันก็ไม่พบปีศาจที่มีเรื่องราวแปลกใหม่เลยเพราะฉันเข้ามาเขียนบ่อย ๆ หากเขียนออกไปในพล็อตเดิม ๆ มันก็จะมีแต่บรรยากาศเดิม ๆ ไม่น่าสนใจ และหากฝืนเขียนออกไปมันก็เป็นเพียงเรื่องราวชีวิตประจำวันแทนที่จะเป็นเรื่องราวชีวิตที่น่าตื่นเต้น ฉันจึงแวะไปหาปีศาจที่ฉันเคยจับเอามาเขียนเป็นตัวเอกนิยายเรื่องสั้น ซาตานหัวแดง มังกรหัวเขียว พวกนี้หล่อไม่พอนิสัยยังเป็นพระเอกของนักอ่านหญิงหลายๆ คน
พวกเขาดังมากในเรื่องสั้น
ติ่ง!
ในขณะที่ฉันกำลังมองหาตัวละครที่น่าสนใจอยู่นั้นเสียงเตือนข้อความก็ดังเข้ามาผ่านระบบส่งข้อความของ Writer ฉันโบกมือกลางอากาศ หน้าจอโปร่งใสก็ฉายขึ้นมา มันเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่คล้ายกับของอนาคตในหนังมาก ๆ เลยล่ะ ฉันกดเข้าไปในข้อความที่ส่งมาและกวาดสายตาอ่านอย่างแปลกใจ
[ข้าเห็นว่าเจ้าหาตัวเอกเรื่องใหม่ข้าแนะนำให้เจ้าไปโลก MP จาก พระเจ้า]
ข้อความสั้นๆ ที่แนะนำมาทำให้ฉันสนใจ พระเจ้าถึงกับแนะนำมาเองอย่างนี้ไม่ไปได้ยังไง ฉันไปตามพิกัดของโลก MP ที่พระเจ้าส่งมา ภาพรอบตัวของฉันค่อยๆ หายไปและปรากฏภาพใหม่ขึ้นมาแทน จากอาคารยุโรปในยุคกลางได้เปลี่ยนเป็นตึกกระจกสูงแทน มันเหมือนตึกในยุคของฉันมาก
ฉันสงสัยว่ามันเป็นโลกที่น่าสนใจตรงไหน แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงฉันก็เห็นคนลอยผ่านหน้าไป ตามด้วยรถตำรวจลอยได้...
“จอมโจรหน้ากาก เราเตือนแกว่าอย่ามาป้วนเปี้ยนที่เมืองมิลเลอร์ของเราอีก!"”เสียงตะโกนดังผ่านลำโพงของรถตำรวจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! แน่จริงก็จับฉันให้ได้สิ!” จอมโจรที่ว่าหัวเราะเยาะและรีบกระโดดหนีอย่างว่องไว ฉันมองตามไปอย่างสนใจ
“จอมโจรหน้ากากอีกแล้วเหรอ?”
“ฉันว่าจอมโจรเคไอดีเท่กว่าตั้งเยอะ พลังจิตของเขามีหลากหลายจนฉันไม่รู้เลยว่าอันไหนคือพลังของเขา”
ฉันได้ยินคนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่ากันอย่างนั้น ดูเหมือนว่าโลกนี้จะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ฉันคิดแวบแรก มันเป็นโลกสมัยใหม่ที่มีวิทยาการล้ำสมัยและทุกคนก็ใช้พลังจิตกันจนเป็นเรื่องปกติ จากที่ฉันได้สำรวจ ดูเหมือนว่ากฎเกณฑ์ในโลกนี้จะไม่มีผลสำหรับผู้ใช้พลังเท่าไหร่ อาชญากรค่อนข้างเกลื่อนโลก
นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ เหตุผลที่ฉันไปโลกปีศาจบ่อย ๆ ก็เพราะกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตไม่ค่อยมีมาก มันอิสระมาก
โลกนี้เป็นโลกที่เหมือนจะมีวิทยาการที่ดีกว่าโลกของฉันบวกกับเรื่องการใช้พลังจิตด้วยแล้วมันทำให้โลกนี้น่าสนใจ
ฉันตื่นเต้น น่าสนุกจริงๆ! ฉันทนแทบไม่ไหวที่จะเขียนเรื่องราวของใครสักคนให้กลายเป็นนิยายด้วยการบรรยายของฉันแล้ว!
ห้าสิบปีแล้วนับต้องแต่วันสิ้นโลกได้เริ่มต้นขึ้น เพื่อเอาชนะสงครามกับสัตว์ประหลาดต่างดาวที่กินเวลามายาวนานทหารหน่วยพลีชีพจึงถือกำเนิดขึ้น แต่มีทหารหน่วยพลีชีพอยู่สามคนที่เอาชีวิตรอดมาได้ตลอด พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้อีกนานแค่ไหนและความสัมพันธ์พิเศษที่พวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นมากกว่าเพื่อนจะลงเอยไปอย่างไร เรื่องราวกับทหารในวันสิ้นโลกทั้งสามคน #3P #โอเมก้า #อัลฟ่า #วันสิ้นโลก #ต่อสู้ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเป็นเพื่อนตายเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเพศรองของพวกเขาปรากฏ สโนว์ที่แม้จะเป็นอัลฟ่าหญิงแต่ก็ดันพัฒนาไม่สมบูรณ์จนไม่แต่จะสามารถมีอวัยวะของอัลฟ่าได้ ส่วนเพื่อนชายทั้งสองของเธอดันเป็นโอเมก้า แถมเป็นโอเมก้าที่ดุร้ายพร้อมที่จะกดอัลฟ่าไม่สมบูรณ์อย่างเธอด้วย ท่ามกลางสงครามในวันสิ้นโลกนี้จะทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาความสัมพันธ์เป็นมากกว่าเพื่อนได้หรือไม่?
วันหนึ่งมีกล่องปริศนาว่างอยู่หน้าบ้านของเลอาและแฟนหนุ่มของเธอ ในกล่องนั้นมีหนังสือนิยายเล่มหนึ่งด้วยความสงสัยเลอาจึงเปิดอ่านและเธอก็พบว่ามันเป็นนิยายวาย! แถมดูเหมือนมันจะเป็นแนว 3P เสียด้วย ในนิยายมีตัวละครที่ชื่อเหมือนเธอด้วย และนายเอกของนิยายเรื่องนั้นก็มีชื่อเหมือนแฟนของเธอ! เลอาไม่อยากจะอ่านต่อเพราะความหึงหวง แต่เธอก็มาพบภายหลังว่านิยายเล่มนั้นได้เขียนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเธอและแฟนหนุ่มของเธอ "ฉันจะตายเรอะ!? แถมแฟนของฉันก็จะถูกผู้ชายสองคนรุมทึ้ง!? ไม่! ฉันไม่ยอมให้แฟนสุดที่รักถูกใครหน้าไหนแย่งไปเด็ดขาด! ถ้ากล้าแตะต้องแฟนของฉัน ฉันจะต้องได้ข้ามศพของพวกแกไปก่อน! " เพื่อไม่ให้แฟนหนุ่มถูกผู้ชายอื่นแย่งไปเลอาพยายามหลบเลี่ยงความตายของตัวเองและพยายามขัดขวางเหล่าพระเอกนิยายวายไม่ให้เข้าใกล้แฟนของเธอ แต่ฆาตกรก็ยังพยายามตามฆ่าเธอและแฟนหนุ่มของเธอเสียเหลือเกิน พวกพระเอกนิยายวายก็สลัดทิ้งยากยิ่งกว่าฆาตกร จะรอดไปได้หรือไม่ติดตามกันได้เลย!
บทนำ "อยากตาย" เป็นคำพูดของคนที่ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวนามฟางเซียนพบกับความลำบากและความเหนื่อยยากของการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาแล้ว น้องสาวคือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิต แต่เมื่อไม่นานมานี้น้องสาวของเธอก็เพิ่งจะตายไปเพราะโรคร้าย เธอจึงคิดว่าตัวเองไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะงั้นเธอจึงพยายามฆ่าตัวตาย... เธอพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าสิบครั้งด้วยกัน ผลน่ะหรือ? ล้มเหลวน่ะสิ!! ถ้าสำเร็จเธอคงไม่ต้องมานั่งคิดว่าวิธีตายใหม่แบบนี้หรอก!! "ดื่มยาพิษ กรีดข้อมือ โดดน้ำ โดดตึก ขนาดนี้แล้วทำไมฉันยังไม่ตายอีก!! สวรรค์ ไม่สิ นรกไม่อยากรับคนเพิ่มรึไง!! " ฟางเซียนกรีดร้องอย่างหนักราวกับคนบ้า ในตอนนั้นเองบางสิ่งก็ได้ปรากฏต่อหน้าเธอ [สวัสดีคุณฟางเซียน ผมคือระบบห้ามฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ไปคุณต้องถูกผูกมัดกับระบบห้ามฆ่าตัวตาย กฎของระบบห้ามฆ่าตัวตายที่หนึ่งคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สองคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สามคือ ห้ามฆ่าตัวตาย] "...." มองหน้าต่างระบบตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ฟางเซียนหันไปหยิบมีดขึ้นมาเตรียมฆ่าตัวตายต่อ แต่จู่ๆ ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถที่จะขยับได้อีกราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามาควบคุมร่างกายของเธอ [คุณจะไม่สามารถฆ่าตัวตายได้จนกว่าจะมีอายุครบหนึ่งหมื่นปี โปรดเข้าใจด้วย] "เข้าใจมารดาแกสิ!! หมื่นปีเรอะ! ใครจะอยากอยู่นานขนาดนั้นกัน! " [มนุษย์] "เออ! แต่พอดีฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวเนปจูน ฉันจะฆ่าตัวตาย!! " [กฎคือห้ามฆ่าตัวตายเด็ดขาด เนื่องจากสถานที่รอเกิดเต็มแล้ว หากคุณต้องการฆ่าตัวตายคุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ภารกิจแรก เป็นอาจารย์ของตัวร้ายสูงสุด ภารกิจที่สองจะตามมาในอีกร้อยปีต่อมา และอีกหนึ่งร้อยปีต่อไปภารกิจที่สามจะตามมา และอีกร้อยๆ ปีต่อมาภารกิจที่สี่ก็จะตามมา] "....ไปตายซะไอ้ระบบเฮงซวย!! " ....................................................................... ฟางเซียนต้องการที่จะฆ่าตัวตายเพราะมันคือทางที่เธอได้เลือกแล้ว ตายไปทุกอย่างที่ผ่านมาก็จะเป็นเพียงภาพลวงตา เธอจะได้เกิดใหม่โดยที่ใหม่ต้องจำอะไรได้อีก เพียงแค่ตายเธอก็จะได้เห็นโลกใบใหม่แล้ว! แต่ทำไมระบบห้ามฆ่าตัวตายถึงไม่ยอมให้เธอตายสักที!! ขัดขวางการฆ่าตัวตายของเธอไม่พอมันยังลากเธอไปโลกจีนโบราณและบังคับให้เธอรับตัวร้ายในอนาคตเป็นลูกศิษย์!! ใครก็ได้ช่วยฆ่าเธอทีเถอะ!! ในภายหลังฟางเซียนพยายามคิดหาวิธีฆ่าตัวตายมากมาย ...................................................................... ระบบ: กฏที่หนึ่งคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สองคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สามคือห้ามฆ่าตัวตาย คนอยากตาย: ......ระบบเวร!! ระบบ: เพื่อความอมตะคุณต้องฝึกตนเป็นมาร ไม่ต้องห่วงระบบจะเติมทรูให้เอง! คนอยากตาย: ไม่อยากเป็นอมตะโว้ย!! ระบบ: ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน! ระบบมีเงินพร้อมที่จะเปย์คุณ *โปรยเงิน คนอยากตาย: .....
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"