เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เสียงประกาศราชโองการดังลั่นไปทั่วห้องโถง ทุกคนในห้องต่างคุกเข่านั่งเงียบไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากแม้แต่เพียงครึ่งคำ คล้ายกับว่าที่นี่คือป่าช้าอันเงียบสงบ
“บุรุษที่อายุเกินกว่าสิบห้าปีประหารชีวิต หากต่ำกว่าสิบห้าปีเนรเทศไปชายแดน สตรีที่อายุเกินกว่าสิบห้าปีให้ปลิดชีพตนเองด้วยการผูกคอ สตรีที่ต่ำกว่าสิบห้าปีให้ลดฐานะและส่งขายในตลาดทาส”
ซูลี่จูไม่มีโอกาสแม้จะพูดคุยต่อหน้าบิดามารดาหลังจากที่ประกาศราชโองการสิ้นสุดลง ด้วยถูกทหารแยกตัวพวกเขาออกจากกันไปโดยพลัน
ซูลี่จูคุกเข่าอ้อนวอน
“ขอโอกาสข้าได้พูดคุยกับบิดามารดาและน้องชายน้องสาวของข้าสักคำเถิดเจ้าค่ะ”
แม้นางจะอ้อนวอนเช่นนั้นทว่าทหารกลับไม่สนใจคำของนางแม้แต่ประโยคเดียว
“หุบปาก ใครก็ได้หาผ้ามาปิดปากนางที”
ซูลี่จูถูกปิดปากสนิท ไม่อาจเอ่ยคำใดได้อีก นางได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องทั้งสองคน พวกเขายังเด็กอยู่แท้ ๆ อายุเพียงแปดและสิบขวบเท่านั้นจะทนถูกเนรเทศได้อย่างไร
ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของนางเอง
“ลากตัวนางไปแขวนคอ”
ซูลี่จูนึกถึงความสุขสบายในอดีตที่เป็นเฉกเช่นความฝัน นางเป็นคุณหนูใหญ่สกุลซูที่บิดารักใคร่ที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดที่นางต้องการเพียงแค่เอ่ยปากก็ล้วนถูกวางไว้ตรงหน้า นับตั้งแต่ลืมตามีบ่าวไพร่รายล้อมรอบกาย กระทั่งถอดรองเท้านางยังทำไม่เป็นด้วยซ้ำ
ทว่าด้วยความริษยาของนางจึงทำให้สกุลซูต้องเดินทางมาถึงจุดจบ
และคนที่ทำให้ครอบครัวของนางต้องพบกับภัยพิบัติก็คือคนที่นางรักและหึงหวงเขาสุดหัวใจ
ท่านอ๋องเกาเฟยอวี่ผู้ดำรงเจ้าเมืองห้วยโจวแห่งนี้
เกาเฟยอวี่เป็นเชื้อพระวงศ์ มารดาของเขาคือเหรินไท่เฟยผู้ที่เป็นเสด็จอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทว่าแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตแต่เมื่อมาปกครองเมืองห้วยโจวเกาเฟยอวี่กลับไม่ถือยศศักดิ์ เขาไม่ชอบให้ผู้คนเรียกเขาว่าท่านอ๋องและใช้คำราชาศัพท์ที่ห่างเหินจากตนเอง
เกาเฟยอวี่ปกครองคนในห้วยโจวด้วยความเป็นธรรม หลายปีมานี้เขาทุ่มเทจนห้วยโจวกลายเป็นเมืองใหญ่และยังเป็นเมืองค้าขายที่สำคัญของแคว้น
คนในเมืองห้วยโจวล้วนเคารพนับถือเขาดุจเจ้าเหนือหัวทุกคนจึงเรียกเขาว่าท่านเจ้าเมือง หรือไม่ก็เรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ จนชินปากไปแล้ว
ซูลี่จูได้ตบแต่งกับเขาก็ด้วยเล่ห์กลของนางที่วางเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงจำยอมแต่งแต่โดยดี
ทว่าเรื่องราวกลับยิ่งเลวร้ายแม้ว่าเขาจะแต่งกับนางแล้วใจของเขากลับไม่เคยมีนางเลยแม้แต่น้อย ด้วยในใจของท่านอ๋องมีสตรีที่เขารักใคร่สุดหัวใจนาม อันผิงจือ หญิงสาวที่งดงามสดใสที่มาจากสกุลอัน
สกุลอันและสกุลซูนับว่าเป็นคู่แข่งทางการค้าแห่งเมืองห้วยโจว
บิดาของซูลี่จูโลภในเงินทองและกิจการของสกุลอันส่วนตัวนางก็โลภในตัวของเกาเฟยอวี่ ต้องการครอบครองเขาเพียงผู้เดียว
นางริษยาอันผิงจือและได้ร่วมมือจัดฉากใส่ร้ายสกุลอันกับบิดาของนาง หากทำเรื่องนี้สำเร็จสกุลอันต้องถูกจับเข้าคุก อันผิงจือก็ต้องถูกร่างแหและหายไปตลอดกาล
ซูลี่จูและอันผิงจือเป็นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เยาว์วัย พวกนางเป็นเพื่อนร่วมสำนักศึกษา และเคยสนิทกันเป็นอย่างยิ่ง นับว่าเคยเป็นสหายรักก็ว่าได้
แต่แล้วเรื่องราวก็พลิกผัน เมื่อวันที่เกาเฟยอวี่มาที่ห้วยโจว พวกนางทั้งสองในฐานะบุตรสาวของพ่อค้าคนสำคัญย่อมได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าเมืองคนใหม่
เพียงซูลี่จูได้พบหน้าบุรุษที่สง่างามเช่นเกาเฟยอวี่ นางก็บังเกิดอาการคลั่งไคล้และตกหลุมรักเขาทันใด
ในวันนั้นพวกนางสองคนตกน้ำเพราะเกิดอุบัติเหตุเกาเฟยอวี่กระโดดลงไปช่วยเพียงอันผิงจือส่วนซูลี่จูถูกผู้อื่นช่วยขึ้นมา
ตั้งแต่นั้นเกาเฟยอวี่ก็มองเพียงอันผิงจือเพียงผู้เดียว ความบาดหมางจึงเกิดขึ้นในใจของซูลี่จู นางเกลียดอันผิงจือเข้ากระดูกดำ
หลังจากนั้นเกาเฟยอวี่ก็ไปเยี่ยมอันผิงจือ ออกปากขอเป็นสหายกับนางและยังส่งของบำรุงร่างกายไปให้อันผิงจือมากมาย
ผู้คนในห้วยโจวล้วนเข้าใจได้โดยพลัน เกาเฟยอวี่คงมีใจให้อันผิงจือแล้ว
อันผิงจือเองก็ตกหลุมรักเขาเช่นกัน ที่ผ่านมาซูลี่จูต้องอดทนฟังเรื่องที่ทำให้นางริษยา เกาเฟยอวี่ดีต่ออันผิงจือมากเพียงใด ซูลี่จูก็เกลียดอันผิงจือมากขึ้นเท่านั้น
อันผิงจือที่ดีแต่โอ้อวดถึงความรักใคร่ของเกาเฟยอวี่ให้นางฟัง ทำให้นางริษยาจนแทบคลั่ง
เมืองห้วยโจวนับเป็นเมืองที่มีเหมืองเกลือใหญ่ที่สุดในแคว้น ก่อนหน้านี้ทางการเป็นผู้ดูแลเหมืองเกลือด้วยตนเอง กระทั่งต่อมาจึงได้คิดมอบสัมปทานให้กับพ่อค้าที่เหมาะสมคอยดูแลและส่งเกลือชั้นดีเข้าวังหลวง
การที่ได้รับสัมปทานนั้นย่อมเกี่ยวข้องกับความสนิทสนมที่เกาเฟยอวี่มอบให้กับอันผิงจือ และเป็นจริงดังคาดในที่สุดการต่อสู้แย่งสัมปทานก็สิ้นสุดลง เมื่อฝ่าบาทมีหนังสือมอบสัมปทานเกลือให้สกุลอันดูแล
ซูลี่จูอิจฉาริษยา ซูเผยบิดาของซูลี่จูจึงละโมบอยากได้สัมปทานนี้แทน เขาจึงได้วางแผนให้โจรขโมยเกลือออกจากคลังหลวงและหมายใส่ร้ายสกุลอันว่าเป็นผู้ที่ลงมือ
ในยามนั้นอันผิงจือคอยดูแลเรื่องรับซื้อเกลือจากพ่อค้ารายเล็กรายน้อย จู่ ๆ อันผิงจือก็บอกว่าบิดาของนางให้นางรวบรวมซื้อเกลือจากพ่อค้ารายเล็ก ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงเข้าแผนการของซูเผยบิดาของซูลี่จู
บิดาของซูลี่จูได้จัดหาพ่อค้าเกลือตัวปลอมมาลวงอันผิงจือ ส่วนซูลี่จูนั้นได้วางแผนให้พ่อค้าเกลือคนนั้นบังเอิญได้ช่วยเหลืออันผิงจือจนทำให้พวกเขารู้จักกันในที่สุด
ในเวลาต่อมา ซูลี่จูก็วางแผนให้อันผิงจือได้พบกับพ่อค้าเกลือผู้หนึ่งและอันผิงจือก็ตกหลุมพราง
หลังจากสกุลอันส่งมอบเกลือเข้าวังหลวงแล้ว เจ้าหน้าที่กลับตรวจพบว่าเกลือที่ได้รับมาครานี้ มีเกลือเก่าจากคลังหลวงปะปนมาด้วย
เมื่อได้โอกาส บิดาของซูลี่จูก็ได้ส่งหลักฐานการซื้อขายเกลือเถื่อนให้กับทางการส่งผลให้สกุลอันได้รับความลำบาก กลายเป็นผู้ต้องหาปล้นคลังหลวงแล้วนำมาเวียนขายให้ทางการอีกรอบหนึ่ง เพื่อกินกำไรการค้าอันมหาศาล
ก่อนที่อันผิงจือจะถูกจับได้เกิดเรื่องลอบสังหารขึ้น ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด วันนั้นเกาเฟยอวี่ได้รับบาดเจ็บเพราะพุ่งตัวเข้าไปรับดาบแทนอันผิงจือ ยิ่งทำให้ซูลี่จูคับแค้นใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
หลังจากอันเหลียนบิดาของอันผิงจือถูกจับ อันผิงจือก็ทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง
ยามนั้นเกาเฟยอวี่ไม่อาจนิ่งดูดายได้ เขาปกป้องสกุลอันสุดชีวิตและติดตามสืบเรื่องนี้ด้วยตนเอง
ฝ่าบาทส่งผู้ตรวจการจากเมืองหลวงคนหนึ่งมาร่วมตรวจสอบ ในเวลาต่อมาพวกเขาก็พบว่าเป็นสกุลซูที่ใส่ร้ายสกุลอัน พวกเขาตามหาหลักฐานเงียบเชียบไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าบัดนี้สกุลซูกำลังล่มสลายแล้ว
นางคิดว่าเมื่อสิ้นขวากหนามอย่างอันผิงจือแล้ว เกาเฟยอวี่จะหันมาชอบนาง ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น นับวันยิ่งเลวร้ายเมื่อเกาเฟยอวี่ไม่เหลียวแลนางเลยแม้แต่น้อย
เมื่อสามีไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้อันผิงจือบังเกิดอารมณ์คลุ้มคลั่งเหมือนคนบ้า บ่าวไพร่ในจวนล้วนนินทาว่าร้าย ซูลี่จูจึงมักมีปัญหากับบ่าวไพร่อยู่เสมอ
หลายคราที่นางจับได้ว่าผู้ใดนินทา นางก็จับโบยไม่ยั้งมือ ทั้งยังขับไล่ออกจากจวน
และหลายครั้งเพียงนางคิดว่าคนพวกนั้นกำลังนินทานาง แม้ไม่มีหลักฐานนางก็ลงโทษอย่างรุนแรงไม่ต่างกัน
ชื่อเสียงของนางเลื่องลือกระฉ่อน สตรีใจบาปที่สามีไม่ต้องการจึงดังไปทั่วเมืองห้วยโจว
ซูลี่จูหัวใจไม่สงบด้วยตนเองมีความผิดติดตัว การสืบหาตัวคนร้ายที่แท้จริงยิ่งทำให้ซูลี่จูอยู่ในจวนด้วยความหวาดระแวง ในวันหนึ่งนางจึงดื่มสุราจนเมามาย กระทั่งเกาเฟยอวี่กลับมาที่จวนและได้พบกับนางที่กำลังรออยู่
“นายท่าน ข้าทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”
ซูลี่จูโผเข้าไปกอดเขาแน่น ทั้งยังร้องไห้สารภาพความผิดที่ตนเองก่อโดยไร้สติ เกาเฟยอวี่กลับฟังอย่างนิ่งเฉยทั้งเอ่ยว่า
“หลักฐานพร้อมแล้ว ข้าจะจัดการเอง เจ้าอยู่เฉย ๆ เถิด คนผิดต้องได้รับการลงโทษไม่อาจละเว้น”
“นายท่าน ท่านจะจับข้าหรือ ท่านจะฆ่าข้าหรือเจ้าคะ ท่านไยใจร้ายยิ่ง ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะรักท่าน”
เขามองนางก่อนจะเอ่ยว่า
“คนรักกันไม่มีใครทำกันแบบนี้หรอก ซูลี่จูเจ้ายังไม่สำนึกถึงความผิดอีกหรือ”
“ข้าไม่ได้ทำผิด ไม่ข้าไม่ได้ทำอะไร เป็นนาง เป็นนางที่ทำให้พวกเราตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เป็นอันผิงจือที่สมควรตาย”
ซูลี่จูถึงขั้นตบตีเขา ที่เขาไม่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยา แต่เขาก็เอาแต่ทำสีหน้าราบเรียบและปล่อยให้นางตีเขาจนพอใจ กระทั่งในที่สุดนางก็ยกสุราขึ้นดื่มจนหมดไหและเมาหลับไปในที่สุด
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น