หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ประตูตำหนักเย็นถูกปิดมิดชิด อดีตฮองเฮาสกุลหลิวกำลังนอนเกลือกกลิ้งด้วยความทรมานบนพื้นอันเย็นเยียบหลังได้รับพระราชทานยาพิษจากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนเอง
เบื้องหน้าคือบุรุษผู้หนึ่งใบหน้าคมคายหล่อเหลาอยู่ในอาภรณ์สีทองสูงส่งสง่างาม รอบกายคล้ายจะมีรัศมีบางอย่างแผ่กระจายออกมาดูเยือกเย็นน่ากลัวยิ่งนัก ทว่าบัดนี้เขาผู้นั้นกำลังมองนางด้วยสายตารังเกียจทั้งอำมหิต
หลิวฉูฉู่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดูน่าเวทนา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสนใจเสียงร้องนั้นเลยแม้แต่น้อย นางค่อย ๆ ขยับร่างกายเข้าหาเขาผู้นั้นอย่างช้า ๆ อีกเพียงนิดเดียวนิ้วมือเรียวก็จะสัมผัสรองเท้าของเขาอยู่แล้ว ทว่าคนผู้นั้นกลับขยับกายห่างไม่ยอมให้นางได้แตะต้องตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
"ฝะ ฝ่าบาท มะ หม่อมฉัน ทรมานเหลือเกิน"
ดวงตาของหลิวฉูฉู่แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เมื่อความทรมานนั้นถึงที่สุด โลหิตสด ๆ ไหลออกมาจากปากของนางเป็นสายกระทั่งคำที่จะเอื้อนเอ่ยยังไม่อาจพูดได้มีเพียงเสียงแหบแห้งที่หลุดออกมา ยังมีสายตาเย็นชาของคนผู้นั้นที่เฝ้ามองการตายของนางด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ
"เจ้ากล้าวางยารัชทายาททั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นผู้ชุบเลี้ยงเขามากับมือตนเอง เขาอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น หลิวฉูฉู่การตายของเจ้าครานี้ยังน้อยไปนัก สกุลหลิวเลี้ยงบุตรีให้เป็นคนต่ำช้าเลวทราม ต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตร บิดามารดา ข้าก็ไม่ละเว้นแม้แต่ผู้เดียว"
เสียงกรีดร้องโหยหวนพลันดังขึ้นในขณะที่ร่างสูงค่อย ๆ สะบัดผ้าเดินออกจากตำหนักเย็นไป หลิวฉูฉู่ดวงตาเบิกค้างไม่อาจทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไป ลมหายใจพลันขาดสะบั้นก่อนตายเจ็บปวดทรมานทั้งกายและใจสาสมกับความผิดที่นางได้ก่อเอาไว้
ความเงียบเข้าปกคลุมแสงตะเกียงรำไรสาดส่องร่างกายเล็กในอาภรณ์ขาว ทว่าแปดเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต ปิดฉากชีวิตฮองเฮาผู้เคยมีอำนาจสูงสุดในวังหลัง ไร้คนเหลียวแล สิ้นวาสนากระทั่งชีวิตบัดนี้ยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้.....
"คัท"
หลังความสงบเงียบและเสียงของผู้กำกับพลันดังขึ้น ผู้จัดการของหลิวฉูฉู่รีบเข้ามาแล้วประคองร่างเล็กของเธอขึ้นมา
"เหนียวไปหมดแล้ว เช็ดหน้าก่อน"
ซ้อสี่พี่สะใภ้และผู้จัดการส่วนตัวของหลิวฉูฉู่พูดขึ้น
"ฉากสุดท้ายแล้วต้องทุ่มเทหน่อยไม่เป็นไร"
เธอรับผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาจนสะอาดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาดูที่จอมอนิเตอร์ ผู้กำกับเอ่ยชมเธอจนยิ้มหน้าบาน
"ทำได้ดีมากเลยอาจารย์หลิว สุดยอดเลย สมแล้วที่เป็นเบอร์หนึ่งของวงการ"
"ขอบคุณค่ะ ทั้งหมดนี้เพราะได้ผู้กำกับลี่ฉันเลยเข้าถึงบทบาทและทำได้ขนาดนี้ค่ะ"
แน่นอนว่า แม้ในใจของหลิวฉูฉู่จะลำพองแค่ไหนว่าตัวเองเก่งกาจ แต่เธออยู่ในวงการมานาน การอ่อนน้อมถ่อมตัวกับผู้กำกับและคนอื่นอยู่เสมอจึงกลายเป็นฉากหน้าบังตา และสุดท้ายกลายเป็นนิสัยถาวรของหลิวฉูฉู่ไปแล้ว
ผู้กำกับลี่ยิ้มหน้าบานเมื่อดาราสาวเอ่ยยกย่อง
"เฮ้ยเรื่องนี้ความจริงส่งกันทั้งหมด บทนี้ผู้เขียนบทเขาเขียนมาให้อาจารย์หลิวโดยเฉพาะ กระทั่งชื่อของตัวเอกยังยืมชื่อของอาจารย์หลิวมาใช้ เรตติ้งถึงได้เอาชนะซีรีส์ที่ออกฉายในเวลาเดียวกันนี้ทั้งหมด ใคร ๆ ก็เกลียดฮองเฮาหลิวเข้าไส้เพราะอาจารย์หลิวเข้าถึงบทบาทยังไงล่ะครับ"
หลิวฉูฉู่ยิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างนอบน้อมยังพูดคุยกับผู้กำกับหลิวอีกหลายคำก่อนที่จะปลีกตัวออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวส่วนตัวของเธอเอง
"พรุ่งนี้ยังมีคิวอะไรอีกหรือเปล่าคะ"
หลิวฉูฉู่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลียก่อนจะหลับตาลงแล้วปล่อยให้ช่างแต่งตัวช่วยกันแกะวิกผมออกจากศีรษะของตัวเอง
ซ้อสี่ตอบคำถามอย่างรวดเร็ว
"พรุ่งนี้ไม่มีพี่จัดตารางให้เธอพักสามวันหลังจากนั้นต้องออกรายการโทรทัศน์เพื่อโพรโมตซีรีส์เรื่องนี้อีกหลายรายการ เธอจะไม่ว่างไปอีกสองเดือน"
"แล้วซีรีส์เรื่องใหม่ล่ะคะ พี่ว่ายังไง"
"ติดต่อเข้ามามากเกินไป พี่ต้องให้เธอดูก่อนว่าอยากแสดงบทแบบไหน จะเอาปัจจุบันหรือเป็นย้อนยุคดีล่ะ พี่จะได้เลือกให้"
หลิวฉูฉู่ส่ายหน้า
"ย้อนยุคพักก่อนค่ะ เดี๋ยวจะเข้าหน้าร้อนแล้วขอเป็นแนวปัจจุบันก็แล้วกันถ้าให้ถ่ายย้อนยุคตอนหน้าร้อนฉันได้ตายแน่ ๆ ต้องใส่ชุดแบบนี้ทั้งหนาแล้วยังถูกมัดเป็นบ๊ะจ่าง ไม่ไหวค่ะ"
"ก็ได้ งั้นพี่เลือกแนวปัจจุบันให้เธอก็แล้วกัน"
หลิวฉูฉู่พยักหน้า ช่างทำผมแกะวิกออกจากผมของเธอจนหมดแล้วหลังจากนั้นเลยช่วยเธอเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว จู่ ๆ ท้องของหลิวฉูฉู่ก็ร้องขึ้นมาเธอเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าเธอถ่ายละครตั้งแต่เที่ยงวันจนตอนนี้เกือบจะตีสองแล้วเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย
ซ้อสี่ได้ยินเสียงท้องร้องของหลิวฉูฉู่เธอจึงพูดขึ้นทันใด "พี่จะไปหาอะไรมาให้กินนะ รอก่อนก็แล้วกันยังมีอาหารแฟนคลับที่ส่งมาซัปพอร์ตเธอข้างนอก เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้กิน"
หลิวฉูฉู่ยิ้มกว้างขอบคุณพี่สะใภ้ที่เอาใจใส่เธอจริง ๆ
"ขอบคุณค่ะ"
ตอนนี้ในห้องมีเพียงหลิวฉูฉู่อยู่เพียงลำพัง เธอจึงนอนพักสายตาเงียบ ๆ หลังจากพี่สะใภ้หายไปไม่ถึงห้านาที ประตูก็ถูกเคาะ ใครบางคนโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นสดในมือ
"ฉันเป็นทีมงานค่ะ ผู้จัดการของอาจารย์หลิวให้มาเชิญอาจารย์หลิวไปทานข้าวค่ะ ดื่มน้ำส้มก่อนนะคะ"
หลิวฉูฉู่ยิ้มขอบคุณ เพราะหิวเธอจึงดื่มน้ำส้มไปเกือบหมดแก้ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย คิดว่าอาหารแฟนคลับคงมีเยอะมากจนซ้อสี่เอามาไม่ไหวแน่เลยให้คนมาตามแบบนี้
หลิวฉูฉู่เดินตามทีมงานคนนั้นไปโดยเงียบ ๆ ปกติเธอไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้าอยู่แล้วและทีมงานคนนี้ก็ไม่ช่างพูดเช่นกัน
"ด้านโน้นค่ะเห็นหรือเปล่าคะ ที่แสงไฟตรงนั้น"
หลิวฉูฉู่พยักหน้าเดินนำหน้าทีมงานคนนั้นในขณะที่กำลังเดินข้ามสะพานจู่ ๆ ก็เกิดอาการเวียนหัวกระทั่งหน้ามืดจนมองไปรอบตัวรู้สึกว่ารอบบริเวณหมุนคว้างเหมือนแผ่นดินกำลังไหวอย่างแรง ร่างกายของหลิวฉูฉู่โงนเงนหน้าแทบจะพุ่งลงพื้นดินเธอขยับตัวจับราวสะพานเอาไว้ยกมือจับศีรษะของตัวเองเอาไว้
"โอ๊ะ ฉันหน้ามืดช่วยพยุงฉันหน่อย"
ในตอนแรกหลิวฉูฉู่คิดว่าเพราะตัวเองทำงานโดยไม่ได้พักจึงเกิดอาการแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่ามีความผิดปกติบางอย่าง เมื่อร่างกายถูกกระแทกอย่างแรง กระทั่งหลิวฉูฉู่คล้ายจะพุ่งถลาลงจากที่สูงจนร่างกระแทกเข้ากับผิวน้ำอย่างแรง
เธอพยายามกระเสือกกระสนที่จะว่ายน้ำขึ้นมา แต่เจ้ากรรมหลิวฉูฉู่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับสายน้ำ ปกติแล้วเธอก็ไม่ถูกกับน้ำเพราะเคยเล่นบทใต้น้ำแล้วทำให้เกือบตายในอดีตและตอนนี้เธอยังมีความหวาดกลัวฝังใจ
สายน้ำเย็นเยียบแทบจะคร่าชีวิตของเธอแล้ว ทีมงานคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมาช่วยเธอเลยแม้แต่คนเดียว
ร่างกายของหลิวฉูฉู่ค่อย ๆ จมลงไปที่ก้นสระลึกทั้งมืดมิดและเย็นเยียบในตอนนี้ที่เธอได้ไร้สติไปแล้ว!
ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เหวินเฟยเทียนเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่เห็นแก่ตัวที่สุดโดยเขามีผู้ช่วยคนสำคัญก็คือเฉินลี่จู เด็กสาวที่เขาได้ช่วยเอาไว้จากหมู่บ้านขอทานเมื่อนานมาแล้ว เขาเพียงใช้นางเพื่อหวังผลประโยชน์ในขณะที่เฉินลี่จูกลับมอบหัวใจให้เขาจนหมดใจ กระทั่งวันหนึ่งก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อเหวินเฟยเทียนไม่เห็นความสำคัญของนางอีกต่อไป เขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูซุนซื่อผู้มอบผลประโยชน์ให้เขาได้มากกว่านาง จนทำให้นางเสียใจและหนีเตลิด เพราะนางหนีจากเขาทำให้เหวินเฟยเทียนกินไม่ได้นอนไม่หลับใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น เขาตามหานางและสุดท้ายได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนามว่าหลี เด็กหญิงซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงเขาราวกับถอดแบบออกมา! นิยายเรื่องนี้เป็น ประเภท ดราม่า และ มีเด็กในเรื่องค่ะ
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
องค์หญิงหลิวอี้เฟยถูกส่งตัวไปแต่งงานกับอ๋องชราต่างแคว้นโดยไม่เต็มใจยังถูกคุมตัวโดยหัวหน้าองครักษ์ผู้เหี้ยมโหดที่คิดสังหารนางเพราะนางดันไปรู้ความลับดำมืดของเขาโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตายนางจึงคิดหนี! หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นนิยายแนวโรมานซ์ ปมไม่หนักจบแบบสุขนิยมนะคะ
อยากหนีก็หนีไป แต่ถ้าตามเจอเมื่อไหร่ รับรอง! ได้ทรมานกว่าเดิมแน่..!! LEE ZONMIN (อีโซมิน) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี จีน ชีวิตแสนมืดมนผลักดันให้เขาต้องดิ้นรน กว่าจะมีวันนี้ได้ ... เจ้าของคาสิโนและคอมเพล็กซ์ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชา และ มาเก๊า เขาตามหาหญิงสาวคนหนึ่งและเธอพยายามหนี "ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้รอด!!" BUA YONHWA (บัว หรือ ยอนฮวา) หญิงสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีสุดแสนน่ารักชีวิตครอบครัวอบอุ่น ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ... แต่ชีวิตกับพลิกผันเมื่อเจอกับคนเลวแบบเขา " ฉันไม่รู้จักคุณ!!"
ไอรัก เธอเป็นสาวสวยวัย19ปีที่หุ่นอวบสมส่วนผิวขาวน่ารัก ทว่าเธอถูกเก็บมาเลี้ยงในครอบครัวร่ำรวยที่มีพี่ชายต่างพ่อต่างแม่ถึงสี่คน แล้วเหล่าพี่ชายวัยกลัดมันจะทนความสวยของน้องสาวที่โตขึ้นทุกวันๆจนไม่ล่วงเกินเธอได้หรือ? ในบ้านบ้านหลังใหญ่นี้มีอยู่เจ็ดคนคือไอรักน้องสาวคนเล็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ไออุ่นพี่ชายคนโต ไอเย็นพี่ชายคนรอง ไอคิวพี่ชายคนที่สามไอน้ำพี่ชายคนสุดท้อง และพ่อกับแม่ ไออุ่นเป็นพี่คนโตอายุ27และทำงานในบริษัทของพ่อ เขาอบอุ่น เป็นผู้นำและรักน้องๆ และหล่อเข้มสูงใหญ่ล่ำสันผิวสีแทน ไอเย็นอายุยี่25เขาเป็นคนใจเย็นสุขุม เงียบ ๆ นิ่งๆ และหล่อคมผิวขาวผอมสูง ไอคิวเรียนอยู่มหาลัยปี4เป็นหนุ่มแว่นหน้าหล่อตี๋มาดเด็กเรียนที่ฉลาดและชื่อดังในมหาลัย ไอน้ำเรียนอยู่ปี2เขาเป็นนักกีฬารักบี้ประจำมหาลัยที่ร่าเริงผิวขาวและหล่อล่ำกล้ามใหญ่ มีสาวมาติดพันเขาเยอะเอาเรื่อง ส่วนไอรักน้องสาวคนสวยเรียนอยู่มหาลัยปี1 เธอมีใบหน้าสวยรูปไข่ผิวขาว สูง160และอวบอิ่มสมส่วนไปทุกจุด
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เพราะอุบัติเหตุสิบสองครั้งในระยะเวลาหนึ่งเดือนทำให้ พิมนรา เต็มไปด้วยความสยดสยองและขวัญกระเจิง หมอดูคือที่พึ่งหนึ่งเดียวที่คิดได้ ณ ตอนนั้น แต่คำทำนายที่ได้รับกลับทำให้ยิ่งตกใจ “หนูชะตาขาด ไม่มีหัวแล้วนะตอนนี้น่ะ” “แล้วหนูจะ... จะทำยังไงดีคะ หนูยังไม่อยากตาย” “มีผัว” “มีผัว?!” “ใช่ ต้องมีภายในคืนนี้ด้วย หลังออกจากตำหนักของแม่ไป ผู้ชายคนแรกที่พูดกับหนู เขานั่นแหละคือคนที่จะช่วยหนูได้ จับทำผัวให้ได้ก่อนเที่ยงคืนนะ” มหาเศรษฐีเพลย์บอยหมื่นล้าน ลีโอนาโด เด รอสซี ผู้ชายที่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลา แต่จู่ๆ กลับต้องมาซวยเมื่อถูกผู้หญิงจืดชืดคนหนึ่งปลุกปล้ำจับทำสามี ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เต็มใจจะถูกปล้ำเลยสักนิด และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น... เช้ามาแม่คุณแม่ทูนหัวกลับหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย นี่เพลบอยย์อย่างลีโอนาโด เด รอสซี ถูกฟันแล้วทิ้งจริงๆ เหรอ?! และทุกอย่างมันก็คือจะเลือนหายไปตามกาลเวลา หากเขากับยายผู้หญิงเฉิ่มแต่ร้อนราวกับไฟป่าคนนั้นจะไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง!
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"