หวังฉิงชวน สาวสวยจากศตวรรษที่ 21 นักศึกษาคณะศิลปะการแสดงและการละคร ซึ่งจะต้องเขียนบทละครแนวพีเรียดย้อนยุคเพื่อผลิตซีรีย์เรื่องยาว 40 ตอนจบ และยังเป็นผลงานภาคบังคับที่นักศึกษาทุกคนจะต้องทำบทละครเพื่อขออนุมัติจบการศึกษา หญิงสาวจึงนำเกร็ดประวัติของท่านหญิงธิดาลูกเจ้าเมือง จากยุคจ้านกว๋อ มาเขียนบทละคร ทว่าประวัติของท่านหญิงผู้นั้นเป็นของปลอมที่ถูกทำขึ้นในยุคนั้น เป็นเหตุให้หวังฉิงชวนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิต เมื่อเธอเกิดหัวใจวายกะทันหัน ครั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งดวงวิญญาณของเธอกลับอยู่ในร่างของท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน ธิดาเจ้าเมืองอูเจี๋ยนผู้วายชนม์ เธอถูกกลับมาในเหตุการณ์ของท่านหญิงที่นำประวัติของนางมาทำเป็นบทละคร เพื่อล่วงรู้เหตุการณ์จริงในอดีตที่เกิดขึ้น และเธอกลับมาเพื่อผูกวาสนากับจอมโจรเยี่ยคัง ซึ่งมีอดีตเป็นถึงองค์ชายเฉินคัง องค์ชายห้าแคว้นหมิ่นเย่ว วาสนาผูกพันลึกซึ้งเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง และสัญญารักมั่นจากหัวใจที่พี่คังมีต่อเฉียนเฉียน นำหวังฉิงชวนให้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอด องค์ชายเฉินคังแห่งแคว้นหมิ่นเย่วอีกครั้งเพื่อครองคู่ไปชั่วนิจนิรันดร์
จวนขนาดใหญ่ตั้งสูงตระหง่าน มีพื้นที่กว้างขวางนับพันหมู่ ภายในเต็มไปด้วยชีวิตของผู้คนนับหลายร้อยชีวิต มีทั้งชายหญิงเด็กและคนชรา เรือนขนาดใหญ่มากมายถูกสร้างขึ้นด้วยช่างฝีมือจำนวนนับหลายร้อยชีวิตจนสามารถเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่พำนักของผู้เป็นเจ้าของจวน ได้อย่างงดงามเป็นยิ่งนัก
ภายนอกเต็มไปด้วยผู้คนมากมายต่างทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกับผู้เป็นเจ้าของจวน ส่วนพื้นที่ภายในคับคั่งไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีกันอย่างถ้วนหน้า กับข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วเมือง อันเป็นเมืองท่าสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทางสายไหมของทะเล ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองอูเจี๋ยน นามว่าหยางผิง
เสียงผู้คนมากมายส่งเสียงเอ็ดอึงเข้ามาถึงภายในเรือนส่วนตัวของหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งมีฐานะเป็นบุตรีคนรองของผู้เป็นเจ้าของจวน ใบหน้าขาวนวลเนียนเป็นยองใยสะท้อนอยู่บนกระจกสัมฤทธิ์ทรงกลม ยิ่งทำให้แลดูเงาที่กำลังสะท้อนอยู่ในขณะนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เส้นผมสีดำสนิทยาวสลวยกำลังถูกมือเรียวบางของสตรีผิวพรรณในวัยสาวแรกแย้มซึ่งอยู่ในวัยออกเรือนเช่นเดียวกัน มือนั้นค่อยๆ ยกเส้นผมดำขลับขึ้นมันเป็นแวววาว ก่อนจะบรรจงใช้หวีแปรงผมสีดำสนิทอย่างเบามือ พลางติดเครื่องประดับผม
จำพวกหยกสูงค่าสลักลวดลายงดงามหลากหลายรูปทรงลงบนเรือนผมสวยที่ถูกเกล้าขึ้นสูงอย่างสวยงาม ติดตามด้วยรอยแย้มเยือนปรากฏอยู่บนดวงหน้างาม
“น้องพี่งดงามจริงๆ สมแล้วที่ท่านพ่อเลือกเจ้าให้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์ไทจื่อ”เสียงนั้นพูดออกมาแม้ว่าจะฟังแล้วแลดูน้ำเสียงเรียบเฉยก็ตามที หากแต่แฝงเร้นแรงริษยาเอาไว้อย่างรุนแรง
ใบหน้ากลม ปากนิด จมูกหน่อยรับกับดวงตากลมโตของหญิงสาวในวัยเพิ่งจะครบกำหนดปักปิ่นในวันนี้ได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ออกมาครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ความเป็นจริงแล้วผู้ที่จะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์ไทจื่อ ควรจะเป็นท่านพี่มากกว่าข้านะ ท่านมีความเพียบพร้อมทุกอย่าง มิหนำซ้ำยังรอบรู้ช่วยท่านพ่อแบ่งเบาภาระไปได้อย่างมากมาย ซึ่งมันช่างตรงข้ามกับข้าที่เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ สิ่งที่ข้าถนัดและเก่งที่สุดก็มีแค่เรื่องกินเท่านั้น”หญิงสาวตอบพี่สาวของนางกลับไป
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏอยู่บนใบหน้าอันสวยงามของผู้เป็นพี่สาว ช่างเป็นรอยยิ้มที่แอบแฝงความอำมหิตออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าคนเป็นน้องกลับไม่ล่วงรู้
“เจ้าจะพูดเช่นนั้นไม่ได้หรอกนะ ขึ้นชื่อว่าบุตรเกิดจากภรรยารองย่อมมิได้รับสิทธิเหนือกว่าบุตรที่เกิดจากภรรยาเอกเช่นเจ้าเสียที่ไหนกันเล่าเสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าเองก็ล่วงรู้ดีมิใช่รึ”ผู้เป็นพี่สาวถามน้องสาวต่างมารดากลับไป
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้เด็กสาวที่กำลังจะเข้าพิธีปักปิ่นในวันนี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ออกมาทันทีครั้นได้ยินพี่สาวของนางถามกลับมาเช่นนั้น
“ท่านพี่ทำไมพูดแบบนั้น ใช่ว่าข้าอยากจะแต่งงานออกเรือนไปเสียที่ไหนกันเล่า ตรงกันข้ามไม่เคยมีความคิดเลยนะ อยากอยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ รวมไปถึงเฉินเอ๋อร์น้องชายของท่านและข้าที่เพิ่งจะเกิดได้ไม่นาน หากเป็นไปได้อยากให้ท่านพี่ของข้าเข้าพิธีอภิเษกสมรสนี้ที่จะถูกจัดขึ้นมากกว่า เพราะท่านเหมาะสมในทุกๆ
ด้านอย่างไม่มีที่ติ”เด็กสาวพูดออกมาตามประสาซื่อและด้วยความรักที่มีให้กับพี่สาวต่างมารดา
“เจ้าคิดนั้นจริงรึเสวี่ยเอ๋อร์!”เสียงคนเป็นพี่ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
ใบหน้ากลมรีบพยักขึ้นลงติดต่อกัน เมื่อความคิด ความรู้สึกและจิตใจของคนเป็นน้องคิดเช่นนั้นจริงๆ
“ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ นะท่านพี่ หากเจ้าสาวในพิธีอภิเษกสมรสในครั้งนี้คือท่านพี่ ข้าจะดีใจมากๆ เลย”แม่สาวน้อยตอบกลับไปตามประสาซื่อ
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏออกมาบนใบหน้าเรียวไข่นั้นขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“แล้วมีวิธีเยี่ยงไรที่จะทำให้ข้าได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสที่กำลังจะถูกจัดขึ้นอีกไม่นานแทนเจ้าเล่า น้องสาวที่น่ารักของข้า”นางกล่าวหยั่งเชิงออกไปพร้อมยกมือเรียวบางขึ้นลูบไล้ใบหน้ากลมของน้องสาวไปมาเบาๆ
คนเป็นน้องยกมือขึ้นกอดอกพยายามครุ่นคิดหาวิธีแต่จนแล้วจนรอดสมองช่างตีบตันเสียนี่กระไร ก่อนจะส่ายหน้าไปมาติดต่อกัน
“คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกเลย ท่านพี่ฉลาดกว่าข้าตั้งเยอะช่วยคิดแทนน้องสาวคนนี้หน่อยนะ”พูดพลางหันไปเกาะแขนประจบพี่สาวของนางทันที เป็นกิริยาที่มักจะใช้ประจำเวลาจะออดอ้อนอยากได้อะไรหรือขอสิ่งใด
ใบหน้างามปรากฏรอยแสยะยิ้มเหยียดออกมาบางๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณจวนชั้นในซึ่งเป็นเรือนนอนส่วนตัวของนางและน้องสาวต่างแม่ ซึ่งมีแต่บ่าวรับใช้เพียงไม่กี่คนกำลังทำความสะอาดอยู่ตรงบริเวณส่วนย่อมและอยู่ห่างจากเรือนนอนของนางและน้องสาวพอสมควรเลยทีเดียว
ร่างระหงค่อยๆ เยื้องย่างตรงไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดอยู่ในขณะนี้ และหน้าต่างบานดังกล่าวทำให้ผู้คนภายนอกสามารถมองเห็นจากด้านนอกมาถึงด้านในภายในห้องดังกล่าวอย่างชัดเจน ก่อนจะเอื้อมมือปิดหน้าต่างบานดังกล่าวจนสนิทด้วยเจตนาแอบแฝงบางอย่าง
วันนี้ข้างนอกลมแรงยิ่งนัก หน้าต่างบานนี้ควรปิดซะ หาไม่แล้วจะทำให้เจ้าไม่สบายเอาได้ เกิดไม่สบายขึ้นมาละก็จะพาลกระทบถึงงานมงคลที่กำลังใกล้เข้ามา”คำกล่าวของนางแสร้งพูดด้วยความหวังดี
ในขณะที่คนเป็นน้องยิ่งฟังเช่นนั้น ความรู้สึกที่ไม่อยากจะแต่งงานทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ท่านพี่ก็พูดแบบนี้อีกแล้ว ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่อยากเข้าพิธีแต่งงานเลย ดูเอาเถอะท่านยังไม่ออกเรือนทั้งๆ ที่ถึงวัยออกเรือนก่อนข้า ในขณะที่ข้าเพิ่งจะผ่านพิธีปักปิ่นได้ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแล้วจู่ๆ ก็ต้องออกเรือนเลย เช่นนี้แล้วมันไม่ยุติธรรมกับข้าแม้แต่น้อย ตามจริงแล้วฮ่องเต้ประทานสมรสพระราชทานให้ในครั้งนี้ มิได้กำหนดว่าให้ใครเป็นเจ้าสาวเสียหน่อย”เด็กสาวบ่นพึมพำมิรู้วาย
คำพร่ำบ่นที่กำลังพรั่งพรูออกมาไม่ขาดปาก ทำให้คนเป็นพี่ยืนมองน้องสาวของนางเขม็งก่อนจะได้ยินเสียงพูดทวงถามกลับมาอีกครา
“แล้วท่านพี่คิดออกหรือยังว่าจะทำอย่างไง ข้าจึงจะหลุดพ้นจากพิธีแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นอีกในไม่ช้า”เด็กสาวพูดพลางยกมือขึ้นกอดอกทำท่าฮึดฮัดเป็นการใหญ่ เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายกลับมาเสียที
ดวงตาคู่สวยลุกวาวโรจน์ครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ข้ามีวิธีหนึ่งที่จะทำให้เจ้าหลุดพ้นไม่ต้องเข้าพิธีอภิเษกในครั้งนี้”นางตอบน้องสาวกลับไป
และนั่นทำให้คนฟังหูผึ่งขึ้นมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“วิธีอะไรเหรอท่านพี่”เสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีอย่างเห็นได้ชัดถามกลับมาอย่างรวดเร็ว
ร่างงามค่อยๆ เดินกลับไปหาน้องสาวต่างแม่ของนาง พร้อมสองมือเรียวตรงเข้าจับบ่าทั้งสองข้างพลางก้มลงกระซิบเบาๆ ชิดริมหู
“ข้าก็จะทำให้เจ้าสิ้นลมหายใจไปตลอดกาลอย่างไรเล่าเสวี่ยเอ๋อร์”เสียงกระซิบช่างทำให้ขนทั่วกายพากันลุกเกรียว
ทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบบอกกลับมาเช่นนั้น ดวงตากลมโตของคนเป็นคนเป็นน้องเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน
“ทะ..ท่าน!!!”เสียงพูดดังออกมาเพียงแค่นั้น กลับต้องเงียบงันลงทันใด
ผลุบ!!! ถุงผ้าถูกคลุมลงบนศีรษะของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกจับลากลงบนตั่งล้มลงไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น ร่างของคนเป็นพี่รีบขึ้นคร่อมนั่งทับแผ่นหลังที่พยายามดิ้นรนให้ตัวเองอยู่รอด
อู้ว! อู้ว! อู้ว!!! เสียงอู้อี้ดังออกมาตลอดเวลา ด้วยกำลังร่ำร้องขอความช่วยเหลืออยู่ในขณะนั้น
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยข้าที! ช่วยข้าด้วย!!!”เสียงร้องพยายามขอความช่วยเหลือดังออกมาไม่ขาดสาย
“ดิ้นรนร่ำร้องเอาชีวิตรอดทำไมเสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากแต่งงานไม่ใช่รึ! ข้าก็กำลังจะสนองให้ได้สมดั่งใจหวังอยู่แล้วนี่ไงเล่าใยจึงขัดขืนเช่นนี้! ขัดขืนทำไม!!!”เสียงของคนเป็นพี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
มือเรียวทั้งสองข้างยังคงจับกดน้องสาวของนางลงกับพื้นอยู่เช่นเดิม ก่อนจะไขว่คว้าหาหมอนพร้อมผ้าห่มผืนหนาบนเตียงนอนมาวางสอดไว้ใต้ใบหน้าของน้องสาวก่อนจะจับกดลงอย่างแรงเพื่อให้หมดลมหายใจ
“ท่านทำเช่นนี้กับข้าทำไม! ฆ่าข้าทำไม! ฆ่าข้าทำไม!!!” เด็กสาวส่งเสียงร่ำร้องในขณะที่กำลังถูกจับกดลงบนหมอนและผ้าห่มของตัวเองก่อนจะได้ยินเสียงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวที่นางรักมากยิ่งนักพูดขึ้นมา
“เมื่อไร้สิ้นคนเช่นเจ้า! ข้าก็จะได้เข้าพิธีกับไท่จื่อสมดั่งใจเสียที ชีวิตของข้าจะได้หลุดพ้นจากคำว่าลูกเมียรอง! ไม่ต้องอยู่ใต้อาณัติของผู้ใดอีกต่อไป อย่าโทษข้าเลยเสวี่ยเอ๋อร์แต่ต้องโทษตัวเจ้าเองที่เกิดมาแย่งทุกอย่างจากข้าไป เมื่อไม่มีเจ้าสักคน! ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นของข้าดั่งเดิม และจงรู้เอาไว้เถิดว่าข้าเกลียดและชิงชังเจ้าเหนือกว่าสิ่งใดทั้งปวง!!!”สิ้นเสียงถ้อยเจรจาดังกล่าว
มือทั้งสองข้างออกแรงอย่างสุดกำลังจับศีรษะของน้องสาวกดลงจนจมอยู่ใต้หมอนกับผ้าห่ม ท่ามกลางอาการดิ้นรนเพื่อให้รอดพ้นจากความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
“เจ้ามันไม่ใช่คนเฉียนเฉียน!...เจ้ามันไม่ใช่คน! ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า! อย่าหวังว่าจะหนีข้าพ้น!!!”เสียงตะโกนร่ำร้องดังเอ็ดอึงด้วยความแค้นอย่างสุดขีด
ร่างที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดอยู่ในขณะนั้น ค่อยๆ เชื่องช้าลงก่อนจะสงบนิ่งและเงียบงันลงไปทันใด โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยความสะใจที่ได้เห็นความตายของร่างนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้า
“จบสิ้นกันเสียที! ต่อไปนี้ข้าก็จะพ้นสภาพของการเป็นลูกเมียรองพร้อมก้าวขึ้นนั่งตำแหน่งพระชายาขององค์ไท่จื่อ ว่าที่ฮองเฮาแห่งแคว้นหมิ่นเย่วองค์ต่อไป”เสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอด้วยความสะใจ
ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ร่างไร้วิญญาณของน้องสาวต่างแม่พร้อมรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นทั่วดวงหน้างาม
ตำหนักไร้รัก สถานที่พำนักของอุปราชหนุ่มแห่งเทียนจิน เจ้าของตำหนักนี้ หัวใจเต็มไปด้วยความด้านชามาแทบทุกพระองค์ แต่แล้ววันหนึ่ง คุณหมอสาวแสนสวย นามว่าจ้าวย่าเจินได้รับของขวัญ ย้ายเข้าบ้านใหม่เป็นภาพวาดตำหนักโบราณ มีชื่อว่าตำหนักเย่วเชียง ในภาพนั้นมีผู้ชายยืนเอามือไพล่หลังไม่เห็นหน้า เฝ้ามองตำหนักฝั่งตรงกันข้าม และที่น่าประหลาดผู้ชายในภาพวาดจะโตขึ้นทุกวัน จวบจนกระทั่ง คุณหมอคนสวยถูกดึงเข้าไปในภาพวาดตำหนักโบราณดังกล่าวและได้พบกับ เจ้าของตำหนักไร้รัก ซึ่งเขาก็คืออุปราชแห่งเทียนจินและเป็นผู้ชายคนเดียวกัน ที่อยู่ในภาพวาดที่หญิงสาวเห็นเขาอยู่ทุกค่ำคืน ตำหนักไร้รักเมื่อไร้หัวใจ ตำหนักไร้กังวลเมื่อหัวใจกลับมามีรักอีกครั้ง
คำโปรย การกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตครั้งนี้ ทำให้นางมารใจโฉดกลับกลายเป็นคนดี แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ถานหยี่เหยียนซึ่งผสานจิตใจกับร่างในปัจจุุบัน จนสงบกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และกลับมาทำลายล้างทุกอย่างจนวอดวาย เอลิซาเบธ ลีหรือหยางลี่จู บินกลับประเทศจีนเป็นครั้งแรกในชีวิตและถูกดวงตาสวรรค์ที่มีวาสนาผูกพันกันนำนางหวนคืนกลับตระกูลถาน ซึ่งเป็นชาติอดีตของตัวเองเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตตามที่เคยอ้อนวอนต่อสวรรค์เบื้องบน ดวงตาสวรรค์นำนางกลับมาในชาติที่เกิดเป็นสตรีที่แสนจะร้ายกาจที่สุดในตระกูลถาน และนางก็คือนางมารชื่อกระฉ่อน ถานหยี่เหยียน คุณหนูใจโฉดที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สนใจแต่ตัวเองไม่เคยใส่ใจผู้ใดและต้องได้ทุกอย่างที่นางต้องการ จนเป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถานถูกประหารล้างตระกูล และการคัดเลือกพระชายาของอดีตฉู่อ๋องเพื่อเลือกเฟ้นให้กับพระอนุชา เป็นที่มาของการประหารล้างตระกูลถานในอดีต แต่การกลับมาอีกครั้งของถานหยี่เหยียน ซึ่งเป็นร่างในยุคปัจจุบันทำให้ร่างในอดีตและปัจจุบันหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันและนางก็คือนางในฝันของบุรุษหน้าหยกผู้เลื่องลือ สตรีใจโฉดผู้เคยเป็นอนุชายาของชินอ๋องรูปงามก่อนที่จะกลับมาแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อุปราชปีศาจ สมญานามนี้เลื่องลือไปทั่วหล้า อุปราชเฟิงหลง ผู้ก่อตั้งแผ่นดินเป่ยถังจนเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว วิชาอมตะทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และมีญาณหยั่งรู้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและหูทิพย์ หากแม้นผู้ใดเข้ามาใกล้พระวรกายน้อยกว่ารัศมีสิบฉื่อ ร่างจะต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีขาวไปทันที อุปราชในตำนานประทับอยู่ในพระตำหนักลืมเลือนมานานกว่า 329 ปีนับตั้งแต่สถาปนาแคว้น จวบจนกระทั่งองค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย จากแคว้นเย่วปรากฎกาย นางเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าใกล้และสัมผัสพระองค์ได้ และนางคือสตรีที่ผูกพันกับพระองค์นับตั้งแต่พานพบกันตั้งแต่ครั้งแรก แรงรักแรงพิศวาสเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตำหนักลืมเลือน ก่อนจะถึกปิดตายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อรอคอยนางหวนคืนกลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อครองรักกับอุปราชปีศาจอีกครั้งตามสัญญาที่มีไว้ให้ต่อกัน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานนับพันปีก็ตาม
เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่าง จอมอำมหิตแห่งกู้กงและหวางเย่หลิง ทำให้รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ต้องการนางเก็บไว่้ใกล้ตัวเพื่อ เหตุผลบางอย่าง และเพื่อสืบเสาะหามารดาผู้ให้กำเนิดจากนาง ครั้นเกิดเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในสำนักคุ่้มกันหวางซื่อของตระกูลหวาง จึงทำให้จอมอำมหิตสบโอกาส หวางเย่หลิง บุตรีเพียงคนเดียวของหวางเจี้ยนเฉิง จะต้องถูกนำส่งเข้าจวน ในฐานะสตรีของอิ๋งชวนโหว เพื่อช่วยทุกชีวิตของตระกูลหวางให้รอดพ้นจาก การถูกประหารชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ตงฟางลี่หยาง แม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นเทียนหยวน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความด้านชาและเต็มไปด้วยความแค้น ที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจที่รอวันชำระแค้นกับอดีตสหายเก่า หากแต่หัวใจที่เต็มไปด้วยความด้านชา กลับปรากฏหมอหญิงจากสกุลหลิง ผู้มาจากยุคปัจจุบัน ผุดขึ้นอยู่ภายในหัวใจ หยกบุบผานำเธอให้มาพบกับแม่ทัพจอมโหด และหลิงลี่ย่านางคือสตรีที่แม่ทัพหนุ่มต้องตามจับเธอ !!!
ว่านฉีฉี ลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ถูกส่งตัวไปเมืองปักกิ่ง เพื่อความปลอดภัยจึงต้องแยกจากพ่อของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลครองเมือง หญิงสาวเข้าเรียนสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองปักกิ่ง และสถานที่แห่งนั้นทำให้เธอ ถูกนำกลับไปเมืองหลวงจี้ แห่งเมืองต้าเยียน ซึ่งกำลังถูกฆ่าล้างเมืองอยู่ในเวลานั้น หลี่เหวินฉาง แม่ทัพผู้โหดเหี้ยมและอำมหิตผิดมนุษย์ ได้พบกับว่านฉีฉี ในวันคือพระจันทร์สีเลือด แม่ทัพหนุ่มนำลูกสาวเจ้าพ่อในยุคอนาคตมาเป็นสตรีบำเรอ โดยไม่รู้ว่าเธอมีพลังปีศาจของนางพญามาร และเขาคือแม่ทัพปีศาจแห่งเฉียนฉิน
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"