หนี้ที่ไม่ได้ก่อ เธอ ต้องใช้แทนเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาจนโต ทว่า ความเป็นจริงกลับทำร้ายเธอ เมื่อพ่อเลี้ยงได้สร้างรอยแค้นให้ เขา มาเฟียหนุ่มฮ่องกง ไม่ใช่แค่เพียงหนี้ก้อนโต เขา...มาเฟียไร้หัวใจ อดีตเขาเคยมีหัวใจ ทว่า เมื่อเขาสูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือลูกหนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ที่ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ ไร้ความปรานี และปิดกั้นความรักตั้งแต่นั้นมา เธอ...หญิงสาวสู้ชีวิต ตั้งแต่มอปลาย เธอทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด เมื่อผู้เป็นแม่เสียชีวิต เธอก็ใช้ชีวิตกับพ่อเลี้ยง มาตลอดจนเรียนจบด้วยความยากลำบาก เธอมีหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
บทนำ
บ้านสวน, อัมพวา
เสียงกุกกักดังขึ้นกลางดึกทำให้ชญานินสะดุ้งตื่น เธอตัดสินใจเปิดไฟแค่ห้องนอนเพราะห้องของเธออยู่ติดกับโถงห้องนั่งเล่นทำให้ไฟสามารถส่องสว่างถึงแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม แต่เธอก็สามารถเห็นความเคลื่อนไหวและของภายในโถงห้องนั่งเล่น เธอค่อยๆ เปิดประตูห้องอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเธอเปิดประตูกว้างขึ้นก็พบร่างท้วมของผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเดินออกจากห้องและเอ่ยเรียกชายร่างท้วม
"พ่อค่ะ มาทำอะไรกลางดึกแบบนี้ค่ะ พ่อดื่มเหล้ามาอีกแล้วเหรอ" ชญานินเอ่ยพลางขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นสุราจากชายร่างท้วมที่เธอเอ่ยเรียกว่า 'พ่อ' เธอชินแล้วกับการเห็นชายร่างท้วมกลับมาพร้อมกลิ่นสุรา แต่เธอก็ไม่เคยชินกับการที่พ่อส่งเสียงดังกลางดึก แม้พักหลังจะบ่อยขึ้นก็ตาม
บ้านของเธอเป็นบ้านสวนอยู่ริมแม่น้ำ ห่างจากถนนใหญ่ไม่มากแต่ก็ไม่มีเพื่อนบ้าน หากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้ รอบตัวบ้านก็มีสวนผลไม้เล็กๆ ที่แม่เป็นคนทำไว้ตั้งแต่เธอจำความได้และหลังจากสูญเสียแม่ไปจากโรคร้ายเธอก็คอยดูแลสวนหลังกลับจากงานร้านกาแฟและช่วงวันหยุดเพียงคนเดียว เพราะเธอไม่มีเงินมากมายที่จะจ้างคนมาดูแล
"มีเงินหรือเปล่า พ่อต้องการเงินสักห้าหมื่น" ธนัทพงษ์เอ่ยขึ้นพลางรื้อค้นลิ้นชักไปทั่วโถงห้องนั่งเล่น ชญานินมองตามร่างท้วมที่เดินไปทั่วก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
"หนูไม่มีเงินแล้วค่ะ เมื่อวานพ่อก็มาเอาไปแล้วสามหมื่น เงินก้อนสุดท้ายที่หนูมี กว่าจะได้เงินเดือนจากร้านกาแฟก็สิ้นเดือนค่ะพ่อ"
"แกต้องมี! ถ้าแกไม่มีให้ฉันพวกเจ้าหนี้ก็จะมาฆ่าพวกเราและยืดบ้าน แกต้องการให้เป็นแบบนั้นหรือไง! " ธนัทพงษ์เดินมาตะคอกใส่ชญานินก่อนจะเดินชนไหล่หญิงสาวเข้าห้องนอนของเธอเพื่อรื้อค้นหาเงินต่อโดยไม่ฟังคำพูดของเธอที่เริ่มสั่นเครือพลางน้ำตาเอ่อคลอหันไปมองผู้เป็นพ่อ
ธนัทพงษ์ ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเธอ เขาคือพ่อเลี้ยง หลังจากพ่อแท้ๆ ของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แม่ของเธอก็แต่งงานใหม่เพื่อที่จะได้สบายและมีชีวิตครอบครัวที่มั่นคงดีกว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียว แม้จะมีสวนแต่เศรษฐกิจก็ย่ำแย่จนบางครั้งก็ขายผลไม้ไม่ได้ต้องนำไปแจกให้กับคนในตลาด ในช่วงแรกแม่และพ่อเลี้ยงของเธอทั้งขยันและช่วยกันทำงานจนมีเงินพอใช้แต่ก็ไม่ขาดแคลน แต่ทว่า พ่อเลี้ยงของเธอเริ่มติดการพนันและเปลี่ยนไปในช่วงที่เธอขึ้นมัธยมปลาย นับแต่นั้นมาเธอต้องดิ้นรนทำงานส่งตัวเองเรียนมาตลอด แม่ของเธอก็เริ่มป่วยเพราะทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้สูญเสียแม่ไป เงินทำศพของแม่ก็ถูกพ่อเลี้ยงนำไปเขาบ่อนจนหมด เธอจึงต้องออกค่าทำศพเองทั้งหมด ในช่วงนั้นเธอทั้งเหนื่อยและท้อแต่เพราะแม่ของเธอเคยสอนไว้ว่า
...ถ้าล้มต้องรีบลุก ถ้ามัวแต่เจ็บมัวแต่ท้อ เราก็ไม่มีทางไปถึงฝันและทำสำเร็จ...
เพราะคำสอนของแม่ทำให้เธอฮึดสู้และขยันให้มากขึ้นจนผ่านช่วงเวลายากลำบากมาได้จนเธอเรียนจบ แต่เพราะเศรษฐกิจไม่ดีทำให้เธอหางานยากโดยเฉพาะกับสายที่เธอเรียนมา เธอไม่เคยได้งานประจำนอกจากทำงานรายวันและทำงานหลายงานเพื่อที่จะได้หาเงินมาหมุนเวียนทันใช้ แม้ค่าใช้จ่ายจะไม่เยอะแต่เพราะพ่อเลี้ยงของเธอเข้าบ่อนบ่อยมากกว่ากลับบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายหนักไปทางนี้เสียมากกว่า
เธอนึกถึงคำสอนของแม่ก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาและหันกลับไปยังธนัทพงษ์พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้พ่อของเธอเข้าใจในสิ่งที่พูดออกไป
"ไม่มีค่ะ ไม่มีสักบาทเลยค่ะพ่อ พ่อกลับไปผ่อนผันได้ไหมคะ แล้วหนูจะเร่งทำงานหาเงินมาให้ค่ะ"
"ก็ได้ แกต้องรีบหาเงินมาให้ฉันให้ทันสิ้นเดือนหน้าก็แล้วกัน! " ธนัทพงษ์เอ่ยเสียงห้วนก่อนจะเดินกลับออกจากห้องของชญานินตรงไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปนอนที่ห้องของตัวเอง
ชญานินมองตามร่างท้วมของพ่อเลี้ยงจนลับตาก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพลางเสยผมยาวสลวยของตัวเองให้พ้นใบหน้าที่ตกลงมาปรกหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจและควบคุมไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมากับสิ่งที่เธอเจอเป็นประจำ แต่ไม่เคยคุ้นชินเลยสักครั้ง
...
ห้าเดือนต่อมา
ชญานินยังคงทำงานหาเงินอยู่เช่นเดิม แม้ห้าเดือนก่อนเธอจะเร่งทำงานหาเงินจนครบจำนวนที่พ่อของเธอต้องการ หลังจากได้เงินแล้ว ธนัทพงษ์ก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลยสามเดือนจนกระทั่งช่วงเช้าพ่อของเธอติดต่อกลับมาว่าจะกลับบ้าน แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ กับน้ำเสียงที่ดูร้อนรนและเหมือนกับกำลังกลัวใครมาเห็นเพราะจากการรีบร้อนคุยให้เธอรู้เพียงว่าจะกลับเท่านั้นและตัดสายทันที
หลังจากเลิกงานที่ร้านกาแฟเธอก็ตรงไปยังตลาดเพื่อซื้อกับข้าวกลับบ้านมาทานกับธนัทพงษ์หลังจากที่ไม่ได้ทานข้าวพร้อมหน้ามาหลายเดือน แม้จะรู้สึกว่าธนัทพงษ์จะกลับบ้านระยะสั้นแต่เธอก็อยากทานข้าวกับพ่อ หลังจากซื้อจบครบท้องฟ้าก็มืด เธอจึงรีบกลับบ้านทันทีเพื่อไม่ให้พ่อของเธอรอนานและเธอไม่อยากกลับบ้านดึกไปมากกว่านี้
"กลับมาแล้วค่ะพ่อ" ชญานินเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังไม่ทันเข้าบ้าน พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยที่เห็นบ้านยังมืดอยู่แต่กลับมีร้องท้าของธนัทพงษ์ และก่อนหน้าที่เธอจะเลิกงานธนัทพงษ์ก็ส่งข้อความมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ยอมเปิดไฟ ชญานินไม่ได้คิดอะไรมาก เธอถอดรองเท้าและเดินเข้าบ้านก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟที่อยู่ไม่ห่างจากประตูทางเข้าบ้าน และเมื่อไฟสว่างขึ้นเธอก็พบธนัทพงษ์นั่งกุมศีรษะอยู่ที่เก้าอี้หวายยาวสีขาวหน้าทีวี หากเธอไม่ได้เห็นรอยเลือดที่ติดมือของธนัทพงษ์ก็คงไม่ตกใจและไม่คิดอะไรมาก เธอยืนตัวสั่นมองไปยังธนัทพงษ์พลางเอ่ยถามเสียงสั่น
"พ่อค่ะ เป็นอะไร...หรือเปล่าคะ"
"แกมาแล้วเหรอ แกมีเงินให้พ่อมั้ย พ่อจะไปต่างจังหวัดกับเพื่อน เพื่อนมันหางานมาให้พ่อทำ แต่พ่อไม่มีเงินติดตัวเลย" ธนัทพงษ์ที่ได้สติหลังจากได้ยินเสียงของชญานินอีกครั้ง ธนัทพงษ์ผละมือออกจากศีรษะพลางหันไปมองชญานินที่ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู
"จริงเหรอคะ พ่อจะไปทำงานเหรอคะ แล้ว...แล้วที่มือพ่อ" ชญานินเอ่ยถามออกไปด้วยความสับสน เธอไม่รู้ว่าควรจะถามหรือพูดเรื่องไหนก่อนพลางก้าวเดินเข้าไปใกล้ธนัทพงษ์และวางถุงกับข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะคุกเข่ากับพื้นด้านหน้าธนัทพงษ์
"พ่อแค่ขับรถชนหมานะ พ่ออุ้มมันไปไว้ข้างทาง แกมีเงินให้พ่อมั้ย"
"งั้นเหรอคะ ตอนนี้หนูมีแค่หมื่นห้าเองค่ะ" ชญานินเอ่ยไปทั้งที่ในใจกลับรู้สึกว่าธนัทพงษ์กำลังโกหก แต่เธอก็ไม่ได้สอบถามอะไรไปมากกว่านั้นและเอ่ยตอบออกไป
"มันไม่พอ...จริงสิ! " ธนัทพงษ์เงียบลงก่อนจะพูดขึ้นใหม่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะลุกเดินไปยังลิ้นชักข้างโต๊ะวางทีวี ธนัทพงษ์หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมา ทำให้ชญานินรีบลุกขึ้นไปดึงกล่องแว่นออกจากมือธนัทพงษ์ทันที
"ไม่ได้นะคะ แหวนแต่งงานของพ่อกับแม่หนู" ชญานินรีบเอ่ยออกไปด้วยความตกใจและกลัวว่าชายหนุ่มจะเอาไปขาย เธอจึงกำกล่องแหวนไว้ในมือแน่น แต่แรงของเธอไม่อาจสู่แรงของธนัทพงษ์ได้ ธนัทพงษ์ออกแรงดึงและกระชากกล่องแหวนจากมือของเธอพลางผลักเธอจนล้มลงศีรษะกระแทกขอบโต๊ะวางทีวี เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนรู้สึกได้มีเลือดอุ่นๆ ไหลลงมาที่หน้าผาก
"พ่อกับแม่แกตายไปนานแล้ว! มีแค่ฉันที่เลี้ยงแกมาจนโตป่านนี้แล้ว แกควรจะตอบแทนบุญคุณฉัน! แหวนแต่งงานคู่นี้คงขายแล้วได้เยอะอยู่ ฉันขอก็แล้วกัน" ธนัทพงษ์พูดพลางมองกล่องแหวนด้วยรอยยิ้มพอใจก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของชญานินขึ้นมาและหยิบเงินในกระเป๋าของเธอไปจนหมดก่อนจะหันกลับไปยิ้มขอบใจชญานินโดยไม่สนใจว่าเธอเจ็บกับการกระทำของเขามากแค่ไหนและเดินออกจากบ้านไป
"พ่อค่ะ! อย่าเอาไปนะคะ หนูขอร้อง! พ่อค่ะ พ่อ! " ชญานินตะโกนเรียกพลางลุกขึ้นวิ่งไปยังหน้าบ้านทันทีทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอไม่สนใจว่าเลือดจะไหลจนเปรอะเปื้อนใบหน้า สิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้คือแหวนแต่งงานของพ่อกับแม่เธอที่ทิ้งไว้เป็นของแทนใจให้เธอมีกำลังใจชิ้นสุดท้าย สิ่งเดียวที่มีค่าและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แต่ตอนนี้ถูกพ่อเลี้ยงที่เธอมองว่าเป็นเหมือนพ่อแท้ๆ คนหนึ่งที่เลี้ยงดูเธอมาจนโต
ชญานินเร่งฝีเท้าวิ่งตามรถกระบะที่ขับออกไปโดยไม่สนว่าเธอกำลังวิ่งเท้าเปล่าบนทางที่เต็มไปด้วยหินและเศษไม้ยามค่ำคืนที่มองไม่เป็นอะไรตามข้าง เธอวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อตามธนัทพงษ์ แต่ทว่า ความมืดก็ทำให้เธอมองไม่เห็นทางและคราบน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ตลอดเวลาที่วิ่งตามรถของธนัทพงษ์ก็ยิ่งทำให้เธอลำบากในการมองเห็น เธอวิ่งไปสะดุดหินจนล้มลงหัวเข่ากระแทก ชญานินมองรถกระบะที่ขับออกไปจนลับตาทั้งน้ำตาที่ไหลมาผสมกับเลือดอาบแก้มขวาของเธอ
"พ่อ พ่อค่ะ ฮึก ฮือ อย่าเอาไป ฮึก แม่จ๋า หนูขอโทษ ฮือ แม่จ๋า หนูคิดถึงพ่อกับแม่ หนูเหนื่อยเหลือเกิน ฮือ" ชญานินสะอึกสะอื้นทั้งน้ำตา เอ่ยเรียกเสียงแผ่วพลางนึกถึงพ่อกับแม่แท้ๆ ของเธอ ภาพความทรงจำสมัยเด็กที่แสนอบอุ่นและมีความสุขมากกว่าตอนนี้ที่ไม่มีเศษเสี้ยวของความสุขหลงเหลืออยู่ เมื่อความสุขสุดท้ายของเธอถูกพ่อเลี้ยงเอาไปจากเธอเสียแล้ว และไม่มีวันที่จะได้กลับคืนมา
--------------------------------------------------------
สำหรับเรื่องนี้ หนี้ร้ายพ่ายรัก เป็นนิยายชุด หัวใจมาเฟีย ซึ่งเป็นตอนของ โลแกนและชญานิน
เรื่องนี้ก็จะมีทั้ง ดราม่า ฉากอิโรติก รักหวานแหวว บู๊ สลับกันไปนะจ้ะ แบบว่าเกือบจะครบรสก็ว่าได้
คอมเม้นต์ติชมกันได้นะจ้ะ คำติชมของรีดทุกคนคือคำกำลังใจและแนะแนวนำไปปรับปรุงจ้า
เธอมีแฟนมาแล้วหลายคนก็จริง แต่ไม่เคยมีสักคนที่จะได้แอ้มเธอ แต่ไหงกลับกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนกันที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปได้เล่า! ไม่ใช่เธอไม่อยากมีแฟนเสียหน่อย แต่มีแล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะ! --------------------------------- คุณเชื่อเรื่อง 'ตกหลุมรัก' ตั้งแต่แรกพบหรือไม่ มันมีอยู่จริงหรือ กับรักแรกพบที่มาพร้อมกับสัมพันธ์ที่เร่าร้อน! เซนนิก้า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเกิดอาการแปลกๆ เมื่อได้เห็นวงหน้าของเธอ คุณหนูเชอเอม แต่เขาแค่เพียงหวังจะเครมเธอเท่านั้น เพราะเหยื่อยังไงก็คือเหยื่อ ทว่าไม่รู้ว่าใครลิขิตหรือกลั่นแกล้งกันแน่ ลิขิตให้คนทั้งสองคือรักแรกพบ! เรือนร่างที่เสียให้กับเขาเป็นคนแรกที่ได้แอ้มเธอคือกำไร หวั่นไหวคือโบนัส ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างเร่าร้อนที่เริ่มง่ายก้จบงาน แต่เชอเอมไม่จบ! ทว่า เขาก็ไม่จบเช่นกันเมื่อก้อนเนื้อในอกยังคงเรียกร้องหาเธอไม่ต่างกันกับเธอ
สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
น้องสาวข้างบ้านสุดเผ็ดร้อนกำลังยืนเปลื้องผ้าอยู่ปลายเตียงนอนในห้องของเขา มีหรือเขาจะไม่รีบดึงเธอมาร่วมเตียง แม้ใจจะไม่คิดเอาน้องสาวเพื่อนแต่เธอร้อนแรงจนความเป็นชายแข็งขื่อเพียงเธอสัมผัสโดนตัวเขา!
เธอลุ่มหลงไปกับรสสวาทในตัวเขา พลันเปลี่ยนเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว ทว่าช้ากว่าเขาที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น!
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน