โปรย หวานใจเฮียเจ้า ปิ่นเพชรยืนมองประตูห้องน้ำอย่างลังเล เขากำลังอาบน้ำเช่นนี้ เธอควรจะเข้าไปดูแลเขาไหมนะ เขาไม่เคยเรียกร้อง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ถ้าเขาจะทำอะไรก็ควรทำสักที เธอมาอยู่กับเขาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ตัดสินใจได้ดังนั้น ปิ่นเพชรก็ทะลึ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำของเขาในทันที เจ้าทัพตกใจเมื่อจู่ ๆ เธอก็โผเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ในขณะที่เขาเองก็กำลังเปลือยเปล่าอยู่ “มีอะไร” เขาเอ่ยถามเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ ไม่คิดว่าเธอจะโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ “คือปิ่นจะมาช่วยอาบน้ำให้คุณน่ะค่ะ” คนบอกว่าจะมาช่วยอาบน้ำกอดเขาเอาไว้แน่น ไม่กล้าผละออกห่างหรือเงยหน้ามองเขาเพราะอาย “จะมาช่วยอาบน้ำให้ผม แต่กอดผมเอาไว้ซะแน่นแบบนี้จะอาบได้ยังไงกันครรับ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางกลั้นยิ้มเอาไว้ “ก็คุณโป๊อยู่” “มาช่วยผมอาบน้ำก็ต้องรู้สิครับว่าผมโป๊” “เอ่อ...” เธออึกอัก เขาจึงค่อย ๆ ดันเธอออกห่าง ก่อนจะมองหน้าเธอไม่วาง เจ้าทัพทาบริมฝีปากลงไปหาริมฝีปากน้อยสั่นระริกของเธอ เธอเกร็งตัวหลับตาแน่น จิกมือเข้าที่บ่าของเขา ท่าทีของเธอบอกว่ากำลังหวาดกลัว และไม่พร้อม ทำให้เขาต้องละริมฝีปากออกห่าง เมื่อเขาจูบลงไปแต่เธอกลับปิดปากแน่น “คุณไม่ต้องฝืนใจตัวเองหรอกนะ ผมไม่บังคับคุณจนกว่าคุณจะเต็มใจ” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงักและอึ้งไป
นักร้องที่กำลังร้องเพลงอยู่นั้นทำให้เจ้าทัพมองนิ่งไม่วางตา หล่อนคือลูกสาวคนเดียวของตระกูลดังที่เพิ่งมีข่าวว่าบิดามารดาฆ่าตัวตายเพราะที่บ้านล้มละลาย
เขารู้จักเธอในฐานะลูกคุณหนูที่แสนร่ำรวยและเป็นที่หมายปองของชายหลายคน
เจ้าทัพทอดสายตามองปิ่นเพชรไม่วางตา เขาเป็นหนึ่งในผู้ชายที่พึงพอใจเธอเช่นกัน แต่โดนเธอปฏิเสธทั้ง ๆ ที่ยังไม่เจอหน้ากัน
เขาให้คนไปนัดเธอทานข้าว แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ถามว่าเขาเสียหน้าไหม ก็รู้สึกเสียหน้าพอสมควร แต่นั่นอาจเพราะเธอยังไม่รู้จักเขา
“นักร้องคนใหม่เป็นยังไงบ้าง” เจ้าทัพเอ่ยถามผู้จัดการร้าน หน้าที่การรับพนักงานและนักร้องประจำร้าน เขาให้เทิดไทเป็นคนตัดสินใจเอง เพราะมีธุรกิจกลางคืนแบบนี้หลายที่ เขาไม่มีเวลามานั่งสัมภาษณ์ใคร แต่ก็รับรู้ทุกอย่างภายใต้การรายงานของลูกน้องคนสนิท
“เธอร้องเพลงเพราะมากครับ เล่นดนตรีก็เก่ง” เทิดไทเอ่ยกับเจ้านายหนุ่มด้วยน้ำเสียงชื่นชม
เขาได้รับรายงานจากลูกน้องว่าเพิ่งรับนักร้องคนใหม่ซึ่งก็คือปิ่นเพชร จึงแวะเข้ามาดู
หล่อนกำลังตกอับ ที่บ้านล้มละลาย บิดามารดารับไม่ได้จึงฆ่าตัวตาย จากลูกคุณหนูผู้แสนร่ำรวย เลยทำให้หล่อนไม่มีเงิน ต้องหางานทำ แต่หล่อนยังไม่มีงานทำ จึงมาทำงานที่ร้านของเขา เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหล่อน ในขณะที่หล่อนไม่เคยรู้จักเขาเลย
“อย่างนั้นเหรอ” เขาเคยเห็นเธอเล่นเปียโนมาแล้ว ในงานวันเกิดของเธอนั่นแหละ มีผู้ชายมากหน้าหลายตารุมกันจีบเธอ แต่เขาไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลย
“ดูแลเธอให้ดีด้วย” เจ้าทัพนั่งมองปิ่นเพชรนั่งร้องเพลงนิ่ง ๆ ค่อย ๆ จิบไวน์เบา ๆ ด้วยสายตาเสน่หา
เธอเล่นดนตรีได้หลายประเภท ทั้งกีตาร์ ไวโอลินและเปียโน แถมยังร้องเพลงเพราะอีกด้วย
ความสามารถอันโดดเด่นนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากบิดามารดา ทำให้เธอได้เล่าเรียนในสาขาวิชาที่ชื่นชอบ
“ครับนายรอง” เทิดไทรีบรับคำ เพราะการรับปิ่นเพชรเข้ามาทำงานเป็นความประสงค์ของเจ้านายหนุ่ม
เจ้าทัพนั่งฟังหญิงสาวร้องเพลงไปสักครู่ ก่อนที่จะมีแขกของร้านเข้าไปหาเธอ
อีกฝ่ายกำลังเมาได้ที่ และกำลังพูดจาลวนลามขอซื้อเวลาจากปิ่นเพชร ซึ่งหล่อนปฏิเสธ ทำให้ลูกค้าคนนั้นไม่พอใจ
“เมื่อก่อนเป็นนางฟ้า สวยเชิด เธอก็เลยปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบ แต่ตอนนี้เธอมันไอ้หงส์ปีกหัก อย่าเล่นตัวนักเลย ที่บ้านไม่มีจะกิน จนมาทำงากลางคืนแบบนี้แล้ว เธอยังจะเล่นตัวอยู่อีกเหรอ ถ้าเธอยอมไปกับฉัน ฉันจะให้เงินเธอเท่าที่เธอต้องการ ไม่เอาเหรอเงิน ต้องการเงินไม่ใช่เหรอถึงมาทำงานกลางคืนแบบนี้” คนพูดดึงเงินออกมา ก่อนจะยิ้มเยาะ เจ็บใจที่ในอดีตปิ่นเพชรปฏิเสธตนอย่างไร้เยื่อใย
ปิ่นเพชรไม่โต้ตอบ เธอเดินหนีลงจากเวที แต่คนที่ตามตอแยและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจนตรอกรีบเข้าไปกระชากแขนของปิ่นเพชรเอาไว้ และทำท่าจะลวนลาม
แต่แทนที่จะได้แตะเนื้อต้องตัวไปมากกว่านั้น มือหนาของใครบางคนก็รั้งเอาไว้เสียก่อน
“ใครวะ”
“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ทางร้านของเราไม่มีนโยบายให้ลูกค้าลวนลามพนักงานหรือนักร้องของร้านนะครับ” เจ้าทัพพูดเสียงสุภาพก็จริงแต่มันปนไปด้วยความดุดัน
“ยุ่งอะไรด้วยวะ อ้าว... คุณเจ้านั่นเอง” หนุ่มคนนั้นชะงักก่อนจะมีท่าทีพินอบพิเทา รู้ดีว่าร้านนี้เป็นของเจ้าทัพ ผู้ทรงอิทธิพล เขาไม่กล้าไปงัดข้อด้วยแน่นอน
“หวังว่าคุณลูกค้าจะไม่ทำผิดกฎของเรานะครับ”
“ผมก็แค่ทักทายคนเคยรู้จักน่ะครับ” คนพูดรีบถอยหนี เพราะเคยเห็นเพื่อนเมาแล้วลวนลาม
พนักงานในร้านแบบไม่เต็มใจ โดนกระทืบปางตายมาแล้ว แถมเพื่อนยังไม่สามารถทำอะไรได้อีก ใครมาเที่ยวที่นี่รู้ดีว่าจะได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย ในเวลาเดียวกันหากทำผิดกฎของร้านก็
จะโดนเละเหมือนกัน
ผับ บาร์ ร้านเหล้าซึ่งเป็นธุรกิจของเจ้าทัพไม่มียาเสพติดหรือการค้าบริการทางเพศ แต่อย่างหลัง
นั้นขึ้นอยู่กับความเต็มใจของผู้ซื้อกับผู้ขาย ถ้าไปต่อกันนอกร้านก็ถือว่าจบ ยกเว้นอาบอบนวดที่บริการด้านความสุขของผู้ชายโดยเฉพาะ
“เป็นยังไงบ้าง” เจ้าทัพเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังยืนมองเขาอยู่ หลังจากผู้ชายคนดังกล่าวเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ขอตัวก่อนนะคะ” เธอไม่ประสงค์จะคุยกับผู้ชายคนไหนอย่างสนิทสนมในสถานที่เช่นนี้ แต่เขาก็มีบุญคุณกับเธอ เธอจึงสนทนาปราศรัยด้วยอย่างดี
“ถ้าต้องการให้ผมช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะครับ นี่นามบัตรของผม” เขายื่นนามบัตรให้เธอ ปิ่นเพชรมองสบตาเขา แล้วก้มมองนามบัตรที่เขายื่นมาให้
“ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคุณค่ะ คุณเป็นพวกเดียวกับเขาไม่ใช่เหรอ” เขาในที่นั้นหมายถึงชายหนุ่มเมื่อครู่ที่พูดจาและทำท่าจะลวนลามเธอด้วย
“ไม่ใช่ครับ เขาเป็นแขก” เจ้าทัพพูดเสียงนุ่มมองเธอไม่วางตา ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เธอก็ยังสวยน่ารักเสมอสำหรับเขา
“คุณเจ้าเป็นเจ้าของที่นี่ครับคุณปิ่น” เทิดไทรีบบอกหญิงสาว ทำให้เธอเข้าใจ เธอไม่รู้หรอกว่าใคร
เป็นเจ้าของที่นี่ เพื่อนสาวแนะนำมาว่าที่นี่รับนักร้องเธอก็เลยมาสมัคร
“เดี๋ยวพลอยไปเอาเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วกันค่ะ” เขาทำท่าจะตามมา เธอเลยรีบปรามเอาไว้ “พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพลอยดีกว่า ยืนรอตรงนี้มันหนาว” “ไม่ได้ค่ะ” “กลัวพี่เหรอ” “กลัวค่ะ” เธอตอบตามตรง จะไปอวดดีว่าไม่กลัวเขา เดี๋ยวก็เจอดีเข้าหรอก “พี่ไม่ทำอะไรหรอก ถ้าพลอยไม่ยอม” “แน่ใช่ไหม” เธอพูดอย่างไม่ไว้ใจ “แน่ครับ” เขาเอานิ้วไปเกี่ยวไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะฉีกยิ้มให้เธออย่างบริสุทธิ์ใจ “พลอยไม่ไว้ใจพี่เจตน์หรอกค่ะ พี่น่ะเสือผู้หญิง รออยู่นี่แหละค่ะ พลอยจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้” เธอรีบตัดบท ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ พลอยไพลินเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดให้เขา พอหันมาก็ต้องสะดุ้ง “อุ๊ย! พี่เจตน์เข้ามาตอนไหนคะ พลอยบอกว่าให้รออยู่ข้างนอกไง” “ห้องน้องพลอยเรียบร้อยจังเลยครับ หอมด้วย” เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากห้องนอนของเธอ “ชุดพี่เจตน์ค่ะ” เธอยื่นให้เขา เขาก็รับมาถือเอาไว้ “ชุดน้องพลอยหอมจังเลยครับ” เจตน์ยกขึ้นมาดม ก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ “เวลาพี่เจตน์จีบผู้หญิงก็ใช้มุขนี้เหรอคะ” “พี่ไม่เคยจีบผู้หญิง” “จะบอกว่าผู้หญิงวิ่งเข้าหาพี่เองเหรอคะ” “น้องพลอยเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” “...” เธอเงียบไม่ได้ตอบโต้ “หึงพี่เหรอ” เขาเดินเข้าหา ก่อนจะใช้มือดันไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ใครจะไปหึงพี่กันล่ะคะ” “น้องพลอยก็เปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนชุดพร้อมพี่ไหม” “อุ๊ย! อย่ามาลามกกับพลอยนะคะ” เธอยกขึ้นกอดอกเมื่อเขาหลุบสายตามองต่ำลง “ยังไม่ตอบเลยว่าหึงพี่เหรอ” เขาขยับเข้าไปใกล้ พลางกระซิบถามตรงริมหู ลมหายใจร้อนแรงของเขาเป่ารดอยู่ตรงพวงแก้มหอมกรุ่น “ไม่ได้หึงค่ะ” เธอตอบเขาออกไป ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด การใกล้ชิดกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายแบบเขา ทำให้เธอใจสั่น พยายามจะอยู่ให้ไกลจากเขา เพราะรู้ว่าหัวใจตัวเองคงทานทนไม่ไหว แต่ก็เผลอเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่ร่ำไป “อย่าค่ะ” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะก้มลงมาประทับริมฝีปากกับกลีบปากหวานฉ่ำของเธอ
เธอขอพรได้ 1 ข้อ ถ้าเป็นไปได้ คุณจะขอพรอะไรเหรอ เมื่อเพียงดาวเจอกับชีวิตครอบครัวที่มีแม่สามีประสาทแดก สามีนอกใจไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน เขาดีแต่ดีไม่เกินแม่ของเขา เพียงดาวจึงขอพรหนึ่งข้อให้กับตัวเองในวันปีใหม่ ในวันที่เธอคิดสั้นฆ่าตัวตาย
เรื่องราวของภพและภาม ความรักมั่นคงของพวกเขาทำให้ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
เขาคือท่านประธานนิรันดร์ ท่านประธานที่อยู่ห้องพักข้างๆ แถมยังชอบเรียกเธอให้ไปหาตอนดึกๆ ดื่นๆ
“เฮีย! ขึ้นมาทำไม ทำไมไม่ไปนอนที่ห้องตัวเอง” “ทีเมื่อกี้เรียกร้องจะให้นอนด้วย” “นั่นมันเมื่อก่อนนะ แต่ตอนนี้ไม่อยากให้นอน” “ใจร้าย...” เขาบ่นอุบ ซุกหน้าเข้าหาอกอวบๆ ของเมีย “เฮีย... จะมาซงมาซุกทำไมนี่” “พอได้เฮียเป็นผัวก็จะไล่ใช่ไหม เห็นเฮียเป็นของตาย” “ไม่ใช่ อัญกลัวเฮียจะลักหลับอัญ” เธอนิ่วหน้ายังเจ็บตรงหว่างขาอยู่เลย “เฮียไม่ลักหลับหรอก ชอบแบบดิ้นได้มากกว่า โอ๊ย! หยิกทำไมนี่ ยัยเด็กซาดิสม์” “ถ้าจะนอนด้วยกันก็อย่าลามกนะคะ” อัญชัญอ้าปากหาวอีก ซุกหน้าเข้าหาหมอน แต่เขาดึงศีรษะของเธอให้มาซุกหน้าเข้าหาอกกว้างของเขาแทน “ซุกตรงนี้” “เฮียไม่ใช่หมอนเสียหน่อย” เธอบ่นเสียงอู้อี้อยู่ที่อกเขา ตาปรือด้วยความง่วง ตะกายมือกับเขากอดเขาเหมือนเขาเป็นหมอนข้าง
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!