เขาคือท่านประธานนิรันดร์ ท่านประธานที่อยู่ห้องพักข้างๆ แถมยังชอบเรียกเธอให้ไปหาตอนดึกๆ ดื่นๆ
“นี่คุณ แครอทหัวนี้ฉันหยิบก่อน” เพลินตาหันไปถลึงตาเข้าใส่ชายหนุ่มแปลกหน้า
นิรันดร์ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะเขาไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง แต่พอหันไปหยิบหัวผักกาด เธอก็หยิบหัวเดียวกับเขาอีก
“สงสัยว่าคุณจะใจตรงกับผมแล้วล่ะ”
“เอ๊ะ! คุณ ฉันไม่อยากไปใจตรงกับคุณหรอก” เธอสะบัดมือพยายามดึงหัวผักกาดออกมา แต่เขาก็รั้งเอาไว้
“ไม่ปล่อยมือฉันใช่ไหม ได้!” เธอกระทืบเท้าเขาเต็มแรง ทำเอานิรันดร์ถึงกับร้องเสียงหลง
“ฝากไว้ก่อนยัยตัวดี”
“ไม่รับฝาก” เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ก่อนจะเข็นรถผักหนีไปจ่ายเงิน นิรันดร์เองก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสถานที่สาธารณะ ถ้าเขาทำอะไรลงไป คงโดนหาว่ารังแกผู้หญิงหรือโรคจิตเป็นแน่
ฝากไว้ก่อน เจอกันรอบหน้าจะจับตีก้นเสียให้เข็ด!!!
ยัยเด็กบ้าเอ๊ย!!!
เขาเคยเจอผู้หญิงแสบๆ มาเยอะ แต่ไม่เคยเจอใครแสบเท่าเธอมาก่อน
นิรันดร์รีบเข็นรถไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ เขาไม่เจอยัยเด็กตัวแสบนั่นอีก คงจ่ายเงินและหนีขึ้นรถไปแล้ว
ชายหนุ่มกลับห้องมาทำอาหารเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะเขาชอบทำอาหารรับประทานเอง วันนี้เป็นวันหยุดเขาจึงมีเวลาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ กิจกรรมที่เขาทำในวันหยุดคือทำอาหารและอ่านหนังสือ หลังจากนั้นก็นอนหลับพักผ่อน ตกเย็นก็หันมาออกกำลังกาย
นิรันดร์เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัด เขามีคอนโดมิเนียมส่วนตัวอยู่เป็นของตัวเอง เนื่องด้วยสะดวกและใกล้ที่ทำงาน เขาไม่ได้ทำงานอยู่แต่ในอ๊อฟฟิศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาต้องออกไปดูหน้างานด้วย
ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เขาต้องประคับประคองบริษัทให้อยู่รอด พยายามที่จะไม่เอาพนักงานออก เพราะทุกคนก็มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวหรือเลี้ยงดูตัวเอง เขาก็ตกลงกับพนักงานว่าจะไม่ขึ้นเงินเดือนให้ แต่ก็ไม่ไล่ใครออกหรือบีบใครออกแน่นอน ประคับประคองกันไปให้ตลอดรอดฝั่ง เศรษฐกิจดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง
เลขาคนสนิทของเรามาขอลาออกเพื่อไปแต่งงานเนื่องด้วยมีสามีอยู่ต่างประเทศ เขาเองก็ยินดีด้วย แม้บริษัทไม่ได้มีนโยบายรับพนักงานใหม่ แต่หากมีพนักงานออกและมีตำแหน่งว่างเขาก็ยังรับสมัครเหมือนเดิม เพราะหากขาดบางตำแหน่งที่สำคัญไป จะทำให้งานค่อนข้างติดขัด
ดีที่เขามีธุรกิจหลายอย่าง มีสายป่านที่ยาวพอสมควร ทั้งธุรกิจบ้านเช่า อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ร้านอาหาร และมีที่ดินทำการเกษตรเอาไว้อีกหลายร้อยไร่ ธุรกิจไหนไปไม่รอดหรือเจ๊งเขาก็ยังมีธุรกิจอย่างอื่น หรือทรัพย์สินอย่างอื่นสำรองเอาไว้ ไม่ได้ลำบากเสียทีเดียว
ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ข้าวยากหมากแพง อีกทั้งยังมีโควิดระบาด เขารับสมัครเลขาแค่ตำแหน่งเดียวแต่กลับมีคนมาสมัครนับร้อยคนจนเขาต้องปิดรับสมัครแทบไม่ทัน เพราะมันเยอะมาก คิดว่าน่าจะสัมภาษณ์ไม่ไหวแน่ๆ
นิรันดร์เลยใช้วิธีคือให้ผู้จัดการสัมภาษณ์ก่อน คัดกรองคนที่มีความสามารถหรือเคยมีประสบการณ์มาก่อน
เขาเองคิดว่าคนบางคนอาจจะไม่มีคุณสมบัติเลขานุการเลย แต่ก็อยากมาสมัครงาน สมัครไว้ก่อนขอให้ได้งาน ซึ่งเขาไม่พร้อมที่จะสอนงานใครในเวลานี้ เขาอยากได้คนที่เข้ามาและทำงานได้เลย
นิรันดร์เบรกรถแทบไม่ทันเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งทะเล้อทะล้าเดินข้ามถนนแบบไม่มองทาง เขาเบรกรถจนหัวทิ่ม เสียงล้อรถเบียดไปกับถนน จนได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ดังระงมไปทั่วบริเวณ
นิรันดร์สบถอย่างหัวเสีย เขารีบลงไปจากรถ ต่อว่าหญิงสาวคนนั้นในทันที
“นี่คุณ! เดินยังไงห้ะ”
“แล้วคุณขับรถยังไง เกือบชนฉันแล้วเห็นไหม”
“นี่คุณ/นี่คุณ” ทั้งสองชี้หน้ากันกลางสี่แยกไฟแดง ก่อนที่เสียงแตรรถจะบีบไล่หลัง
“ฝากไว้ก่อน ยัยตัวแสบ” นิรันดร์จำต้องวิ่งไปขึ้นรถขับออกไปเพราะโดนด่า รถด้านหลังติดยาวเป็นพรืด
“ฝากไว้ก่อน อย่าลืมมาเอาคืนล่ะ ฝากไว้หลายรอบแล้วนะ” เพลินตาย่นจมูกใส่ ก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปอีกด้าน เธอต้องรีบไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขา เนื่องด้วยเธอกำลังตกงาน บริษัทเก่าปิดกิจการ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเจ๊งก็ย่อมได้ นั่นทำให้เธอต้องหางานใหม่
เธอมีเพื่อนรักอยู่หนึ่งคนชื่อมินตรา ติดต่อกันมาตลอดเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล มินตรานั้นแต่งงานแต่งการต้องย้ายไปอยู่เมืองนอกกับสามี ตำแหน่งที่ว่างลง มินตราจึงให้เธอมาสมัครงานที่นี่ อาจเพราะเธออยากหลีกหนีจากความชอกช้ำใจ เลยดั้นด้นมาถึงจังหวัดทางภาคเหนือแห่งนี้
ในช่วงวิกฤติของชีวิต ตอนที่เธออยู่ในเมืองกรุงฯ เธอทั้งตกงาน แถมหางานใหม่ทำไม่ได้ บ้านและรถโดนยึด แถมยังโดนแฟนทิ้งอีกด้วย เธอเลยต้องระเห็จมาที่นี่ ด้วยว่ามินตราเพื่อนรักบอกเธอว่าที่นี่ค่าครองชีพต่ำ ไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือนเยอะ ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย
นิรันดร์จอดรถอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเห็นยัยเด็กสาวตัวป่วนวิ่งเข้าไปในบริษัทรับเหมาก่อสร้างของเขา เขากะพริบตาปริบๆ เธอเป็นลูกค้าหรือมาทำอะไรที่บริษัทของเขา ทำให้เขาต้องเดินไปแอบดู
นิรันดร์เห็นว่าเธอมาสมัครงานในตำแหน่งเลขาของเขา ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที!
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอเห็นหน้าเขาจะทำหน้ายังไง ตอนเขาสัมภาษณ์งานเธอ
เพลินตารู้สึกตื่นเต้นจนมือเย็นเยียบไปหมด เธอคาดหวังกับการสัมภาษณ์งานครั้งนี้มาก ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเธอนั้นมีเงินติดตัวไม่มาก ถ้าเธอไม่ได้งานนี้คงต้องไปนอนข้างถนนแน่ๆ
คนไร้ญาติขาดมิตรแถมยังถูกแฟนทิ้งอีกไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เธอเห็นคนมาสมัคงานนับร้อยคนก็ถึงกับใจแป้วไปเลยทีเดียว แต่เข้าไปสัมภาษณ์งานเมื่อไหร่เธอจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เธอมีประวัติการทำงานที่ดี แถมเรียนจบได้เกียรตินิยมด้วย เธอต้องได้งานนี้สิ
มินตราแนะนำให้เธอมาสมัครงาน แต่ไม่ได้ฝากฝังเธอกับเจ้านายของหล่อนเหมือนอย่างที่คนอื่นทำกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้านายของมินตราไม่ชอบเส้นสายและรับคนที่ความสามารถมากกว่าฝากฝัง ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ต้องการให้มินตราเพื่อนรักตอ้งทำอะไรเช่นนั้นด้วย
มีคนเคยบอกว่าถ้าเรามั่นใจว่าจะทำสิ่งไหนได้ เราก็จะทำสิ่งนั้นได้ เธอมั่นใจว่าต้องสัมภาษณ์งานได้ ก็ต้องสัมภาษณ์ได้สิ
เพลินตารู้ว่านี่เป็นการหลอกตัวเอง ให้มีกำลังใจมากขึ้น เธอไม่ได้แต่งตัวทันสมัยหรือเข้าสังคมเก่ง แต่คิดว่าแค่ทำงานเก่ง แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับต่างจังหวัดเช่นนี้
“คุณเพลินตา เชิญสัมภาษณ์งานครับ” เสียงเรียกนั้นทำให้เพลินตาดีดตัวลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น ตอนสัมภาษณ์งานครั้งแรกหลังจากเรียนจบทำไมเธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้นะ แต่รอบนี้มันเพิ่มความกดดันเข้าไปอีกเท่าตัว ที่บ้านไม่เหลืออะไร พ่อแม่ที่จากโลกนี้ไปทิ้งหนี้สินก้อนใหญ่เอาไว้ ทำให้เธอจำต้องขายบ้าน ขายรถ ขายทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ แฟนหนุ่มที่บอกว่ารักกันหนักหนาตีตัวจากเมื่อรู้ว่าเธอเหลือแต่ตัวแถมยังตกงานอีก
ที่เจ็บใจไปมากกว่านั้นก็คือเขากำลังได้ดิบได้ดีในงานการที่ทำอยู่ และหันไปคบกับลูกสาวเจ้าของบริษัทอย่างหน้าชื่นตาบาน
ความรักไม่มีในโลก มีแต่ความหลอกลวง นั่นคือสิ่งที่เพลินตาคิดอย่างเคืองแค้นระคนเสียใจที่หลงคบกับการันต์อยู่ได้เป็นนานสองนาน
เพลินตาพยายามเดินตัวตรงยืดอกอย่างมั่นอกมั่นใจเข้าไปในห้องของผู้บริหาร ไม่ว่าเธอจะจนกรอบและกำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแค่ไหน เธอก็ต้องมั่นใจในตัวเองเอาไว้ก่อน เธอจะเป็นเลขาผู้บริหาร ถึงแม้จะเป็นผู้บริหารบริษัทเล็กๆ ต่างจังหวัดเช่นนี้ แต่เธอก็ต้องดูดีในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมั่นใจกับชุดที่สวมใส่นัก
เธอจะทำท่าให้น่าเชื่อถือ เจ้านายจะได้อยากรับเธอเข้าทำงาน
“วะ... ว้าย!” เพลินตาคิดว่าเสื้อผ้าหน้าผมของเธอน่าจะพอไปวัดไปวาได้ แต่เธอดันเดินสะดุดขาตัวเองจนหกล้ม หญิงสาวอยากจะกรีดร้องให้ความซุ่มซ่มของตัวเองนัก
โปรย หวานใจเฮียเจ้า ปิ่นเพชรยืนมองประตูห้องน้ำอย่างลังเล เขากำลังอาบน้ำเช่นนี้ เธอควรจะเข้าไปดูแลเขาไหมนะ เขาไม่เคยเรียกร้อง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ถ้าเขาจะทำอะไรก็ควรทำสักที เธอมาอยู่กับเขาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ตัดสินใจได้ดังนั้น ปิ่นเพชรก็ทะลึ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำของเขาในทันที เจ้าทัพตกใจเมื่อจู่ ๆ เธอก็โผเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ในขณะที่เขาเองก็กำลังเปลือยเปล่าอยู่ “มีอะไร” เขาเอ่ยถามเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ ไม่คิดว่าเธอจะโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ “คือปิ่นจะมาช่วยอาบน้ำให้คุณน่ะค่ะ” คนบอกว่าจะมาช่วยอาบน้ำกอดเขาเอาไว้แน่น ไม่กล้าผละออกห่างหรือเงยหน้ามองเขาเพราะอาย “จะมาช่วยอาบน้ำให้ผม แต่กอดผมเอาไว้ซะแน่นแบบนี้จะอาบได้ยังไงกันครรับ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางกลั้นยิ้มเอาไว้ “ก็คุณโป๊อยู่” “มาช่วยผมอาบน้ำก็ต้องรู้สิครับว่าผมโป๊” “เอ่อ...” เธออึกอัก เขาจึงค่อย ๆ ดันเธอออกห่าง ก่อนจะมองหน้าเธอไม่วาง เจ้าทัพทาบริมฝีปากลงไปหาริมฝีปากน้อยสั่นระริกของเธอ เธอเกร็งตัวหลับตาแน่น จิกมือเข้าที่บ่าของเขา ท่าทีของเธอบอกว่ากำลังหวาดกลัว และไม่พร้อม ทำให้เขาต้องละริมฝีปากออกห่าง เมื่อเขาจูบลงไปแต่เธอกลับปิดปากแน่น “คุณไม่ต้องฝืนใจตัวเองหรอกนะ ผมไม่บังคับคุณจนกว่าคุณจะเต็มใจ” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงักและอึ้งไป
“เดี๋ยวพลอยไปเอาเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วกันค่ะ” เขาทำท่าจะตามมา เธอเลยรีบปรามเอาไว้ “พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพลอยดีกว่า ยืนรอตรงนี้มันหนาว” “ไม่ได้ค่ะ” “กลัวพี่เหรอ” “กลัวค่ะ” เธอตอบตามตรง จะไปอวดดีว่าไม่กลัวเขา เดี๋ยวก็เจอดีเข้าหรอก “พี่ไม่ทำอะไรหรอก ถ้าพลอยไม่ยอม” “แน่ใช่ไหม” เธอพูดอย่างไม่ไว้ใจ “แน่ครับ” เขาเอานิ้วไปเกี่ยวไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะฉีกยิ้มให้เธออย่างบริสุทธิ์ใจ “พลอยไม่ไว้ใจพี่เจตน์หรอกค่ะ พี่น่ะเสือผู้หญิง รออยู่นี่แหละค่ะ พลอยจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้” เธอรีบตัดบท ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ พลอยไพลินเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดให้เขา พอหันมาก็ต้องสะดุ้ง “อุ๊ย! พี่เจตน์เข้ามาตอนไหนคะ พลอยบอกว่าให้รออยู่ข้างนอกไง” “ห้องน้องพลอยเรียบร้อยจังเลยครับ หอมด้วย” เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากห้องนอนของเธอ “ชุดพี่เจตน์ค่ะ” เธอยื่นให้เขา เขาก็รับมาถือเอาไว้ “ชุดน้องพลอยหอมจังเลยครับ” เจตน์ยกขึ้นมาดม ก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ “เวลาพี่เจตน์จีบผู้หญิงก็ใช้มุขนี้เหรอคะ” “พี่ไม่เคยจีบผู้หญิง” “จะบอกว่าผู้หญิงวิ่งเข้าหาพี่เองเหรอคะ” “น้องพลอยเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” “...” เธอเงียบไม่ได้ตอบโต้ “หึงพี่เหรอ” เขาเดินเข้าหา ก่อนจะใช้มือดันไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ใครจะไปหึงพี่กันล่ะคะ” “น้องพลอยก็เปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนชุดพร้อมพี่ไหม” “อุ๊ย! อย่ามาลามกกับพลอยนะคะ” เธอยกขึ้นกอดอกเมื่อเขาหลุบสายตามองต่ำลง “ยังไม่ตอบเลยว่าหึงพี่เหรอ” เขาขยับเข้าไปใกล้ พลางกระซิบถามตรงริมหู ลมหายใจร้อนแรงของเขาเป่ารดอยู่ตรงพวงแก้มหอมกรุ่น “ไม่ได้หึงค่ะ” เธอตอบเขาออกไป ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด การใกล้ชิดกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายแบบเขา ทำให้เธอใจสั่น พยายามจะอยู่ให้ไกลจากเขา เพราะรู้ว่าหัวใจตัวเองคงทานทนไม่ไหว แต่ก็เผลอเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่ร่ำไป “อย่าค่ะ” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะก้มลงมาประทับริมฝีปากกับกลีบปากหวานฉ่ำของเธอ
เธอขอพรได้ 1 ข้อ ถ้าเป็นไปได้ คุณจะขอพรอะไรเหรอ เมื่อเพียงดาวเจอกับชีวิตครอบครัวที่มีแม่สามีประสาทแดก สามีนอกใจไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน เขาดีแต่ดีไม่เกินแม่ของเขา เพียงดาวจึงขอพรหนึ่งข้อให้กับตัวเองในวันปีใหม่ ในวันที่เธอคิดสั้นฆ่าตัวตาย
เรื่องราวของภพและภาม ความรักมั่นคงของพวกเขาทำให้ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“เฮีย! ขึ้นมาทำไม ทำไมไม่ไปนอนที่ห้องตัวเอง” “ทีเมื่อกี้เรียกร้องจะให้นอนด้วย” “นั่นมันเมื่อก่อนนะ แต่ตอนนี้ไม่อยากให้นอน” “ใจร้าย...” เขาบ่นอุบ ซุกหน้าเข้าหาอกอวบๆ ของเมีย “เฮีย... จะมาซงมาซุกทำไมนี่” “พอได้เฮียเป็นผัวก็จะไล่ใช่ไหม เห็นเฮียเป็นของตาย” “ไม่ใช่ อัญกลัวเฮียจะลักหลับอัญ” เธอนิ่วหน้ายังเจ็บตรงหว่างขาอยู่เลย “เฮียไม่ลักหลับหรอก ชอบแบบดิ้นได้มากกว่า โอ๊ย! หยิกทำไมนี่ ยัยเด็กซาดิสม์” “ถ้าจะนอนด้วยกันก็อย่าลามกนะคะ” อัญชัญอ้าปากหาวอีก ซุกหน้าเข้าหาหมอน แต่เขาดึงศีรษะของเธอให้มาซุกหน้าเข้าหาอกกว้างของเขาแทน “ซุกตรงนี้” “เฮียไม่ใช่หมอนเสียหน่อย” เธอบ่นเสียงอู้อี้อยู่ที่อกเขา ตาปรือด้วยความง่วง ตะกายมือกับเขากอดเขาเหมือนเขาเป็นหมอนข้าง
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป