เรื่องที่ 1 ผมอยู่นี่ครับ ผมมีรุ่นพี่ท่านหนึ่ง มักใช้เวลาว่างไปทำงานกับกู้ภัย ซึ่งมักจะเจอเรื่องราวเกี่ยวกับความตายและวิญญาณอยู่เป็นประจำ ครั้งหนึ่ง ทีมเขาได้รับแจ้งวิทยุว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ พอบึ่งไปถึงที่เกิดเหตุ ปรากฎว่าเป็นทางสามแยก มีทั้งรถเก๋ง รถบรรทุกและรถจักรยานยนต์ น่าจะชนกันอย่างแรงมาก จนร่างและชิ้นส่วนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต กระเด็นเกลื่อนไปหมด ทั้งบนถนนและพงหญ้าข้างทาง ทีมงานช่วยกันเก็บกู้ จนได้เกือบครบ เหลือศพหนึ่ง ที่ท่อนแขนขาดช่วงข้อศอก หัวหน้าทีม อายุราว 40 กว่าๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เขาจิตแข็งและเก๋าประสบการณ์มาก เพราะทำงานนี้มาตั้งแต่ยังหนุ่ม หันไปหาศพรายนั้น แล้วเอ่ยขึ้นว่า ‘เอ้า ไปหล่นอยู่ตรงไหน ก็บอกหน่อย..เดี๋ยวญาติเขาจะได้เอาไปทำพิธีต่อ’ ทันใดนั้น บริเวณข้างทางที่มีหญ้ารกมาก ก็มีมือๆหนึ่ง ยกขึ้นมา หัวหน้าทีมก็บอกให้ทีมงานที่เป็นเด็กใหม่คนหนึ่งไปเก็บมา เขาก็เหงื่อตก ไม่กล้าไป หัวหน้าทีมจึงเดินนำพาน้องเด็กใหม่ไปดู ปรากฎว่าเป็นแขนท่อนที่ขาดไปของศพๆนั้นเอง! ทำเอาเด็กใหม่ทั้งขนหัวลุกและงงในคราวเดียว เพราะบริเวณนั้นถึงจะมีหญ้ารกสูง แต่ก็ดูไม่เหนียวพอที่จะรับน้ำหนักแขนท่อนนั้นได้ เรื่องที่ 2 โดดลงมาไหม รุ่นพี่ผม อีกเช่นเดิม เขามีเหตุต้องไปเยี่ยมญาติที่ป่วยนอนโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง.. ..เมื่อเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ก็ได้ทราบว่าญาติเขาพักอยู่ห้องรวมที่ชั้น 6 โรงพยาบาลแห่งนี้ ก็ดูค่อนข้างเก่าๆ ขลังๆ น่าจะสร้างมานานแล้ว พอรุ่นพี่ไปถึงปรากฎว่า ญาติมีคนมาเยี่ยม ท่าทางรุ่นราวคราวเดียวกับญาติแก น่าจะเป็นเพื่อน นั่งคุยกันอยู่ แกก็เลยยกมือไหว้ทั้ง 2 คน เอาของฝากวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วบอกว่า ขอไปห้องน้ำ แล้วจะมานั่งคุยด้วย ปรากฎว่า ทางไปห้องน้ำ ผ่านห้อง ICU แกรู้สึกขนลุกเล็กน้อย ก็อาจเป็นธรรมดา ของคนทำงานกู้ภัยหลายคน ซึ่งอาจจะมีสัมผัสกับพลังงานบางอย่าง สุดทางเดินเป็นลิฟท์และบันไดหนีไฟ รุ่นพี่เข้าห้องน้ำเสร็จ ก็เดินออกไปตรงบันไดหนีไฟ กะว่าจะสูบบุหรี่สัก 1-2 มวน พอแกคาบบุหรี่ และหยิบไฟแช๊คมาจุด อยู่ๆก็มีลมตีขึ้นมาจากด้านล่าง พร้อมกับมีเสียงแว่วมาตามลมว่า ‘โดดลงมาไหม’ ทำเอาแกสะดุ้งเผยอปาก ทำให้บุหรี่ตกลงไปข้างล่าง แต่แกก็ยังอุตส่าห์จุดไฟสูบบุหรี่หมดไปมวนนึง พอกลับเข้าไป แกก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง พอดีเพื่อนของญาติกลับ แกก็ถือโอกาสนั่งคุย แล้วก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่พยาบาลด้วย ทำให้ทราบว่า..มีห้องเล็กๆ ที่มีฉากบังอยู่ติดกับห้อง ICU นั่นคือห้องเก็บศพ ก่อนจะขนลงลิฟท์ด้านหลังที่อยู่ใกล้กับห้องน้ำนั่นแล..นอกจากนี้ ยังเคยมีคนโดดตึก ตรงที่เขาไปยืนสูบบุหรี่ ด้วย..ก็ไม่รู้ว่า ผู้ป่วยบางคนที่ทรมานจากอาการสารพัดจะเครียดจนคิดจบชีวิตตน หรือเหล่าวิญญาณ ต้องการหาตัวตายตัวแทน..ก็เป็นได้ เรื่องที่ 3 เข้าค่ายหรรษา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น สมัยผมยังเรียนชั้นมัธยมต้น โรงเรียนพาไปเข้าค่ายแห่งหนึ่ง ที่อยู่ต่างจังหวัด ทั้งคณะครูและนักเรียน ช่วยกันปรับกิจกรรมช่วงเย็นให้กระชับ โดยเริ่มราว 5 โมงเย็น จบ 2 ทุ่ม เพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนชุมชนข้างเคียง แม้ว่าค่ายจะอยู่ห่างจากชุมชนรอบๆ ค่อนข้างมาก (เห็นมีแต่ป่า) สำหรับคนหมู่มาก ย่อมมีบางคน ที่มักชอบทำตัวเด่น ชอบแหกกฎ เอะอะโวยวาย หรือประเภทพวกเรียกร้องความสนใจนั่นแล หนึ่งในนั้นก็มีเพื่อนร่วมรุ่นคนนึง ชื่อ ขิง ก็พยายามทำทุกอย่าง เป็นข้อห้าม เพื่อจะพิสูจน์ว่ามันเจ๋ง ไม่เกรงกลัวใคร เช่น ไปยืนฉี่อยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ หรือคุยเสียงดัง ตอนที่เข้านอนแล้ว พอโดนครูดุว่า มันก็ยังทำตัวน่ารำคาญเช่นเดิม พอทำเสียงดังไม่ได้ มันก็หาอุปกรณ์ใกล้ตัว นั่นคือ ไฟแช๊ค มาจุดเสียงดัง แชะ แชะ ลำพังเสียงจุดไฟนั้น ก็ยังไม่ค่อยเท่าไร พอรวมพลังกับแสงที่แยงตา ทำให้เพื่อนที่นอนร่วมเต้นท์เดียวกัน หนีไปนอนเต้นท์อื่น เหลือมันคนเดียว สักพักก็มีเสียงร้องโวยวายของมัน แต่ทุกคนไม่สนใจ เพราะมันก็มักจะมีพฤติกรรมอย่างนี้ ประจำอยู่แล้ว พอรุ่งเช้า มันก็หายตัวไป เพื่อนๆสงสัย ก็เลยถามหากัน สักพักมีคนไปถามครู ครูก็บอกว่า เมื่อคืนมันวิ่งมาที่พักครูร้องว่า ผีหลอกๆ ตัวสั่น หน้าซีด ครูก็ช่วยปฐมพยาบาล แล้วส่งมันกลับบ้านไปเมื่อเช้า กลับมาที่โรงเรียน มันก็ไม่มาเรียนอยู่ 2-3 วัน พอวันที่มา ก็เห็นว่าหัวโกร๋น โดนเพื่อนล้อ ทำเอามันนั่งซึมจ๋อยไปพักใหญ่ จนยอมเปิดปากเล่ากับเพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน เพื่อนถามว่า มันเจอผีอะไรหลอกมา มันเล่าว่า ตอนค่ำที่ทุกคนนอนกันหมด มันก็ยังเอาไฟแช๊คจุดดูมุมมืดในเต้นท์ จุดไปมา จนอยู่ๆ แสงจากไฟแช๊คก็ส่องให้เห็นหน้าคนลอยอยู่ในความมืด ใบหน้านั้น เอ่ยถามว่า ‘สนุกไหม’ ..มันตกใจกรีดร้องจนสลบไป
เรื่องที่ 1 ผมอยู่นี่ครับ
ผมมีรุ่นพี่ท่านหนึ่ง มักใช้เวลาว่างไปทำงานกับกู้ภัย ซึ่งมักจะเจอเรื่องราวเกี่ยวกับความตายและวิญญาณอยู่เป็นประจำ
ครั้งหนึ่ง ทีมเขาได้รับแจ้งวิทยุว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ พอบึ่งไปถึงที่เกิดเหตุ ปรากฎว่าเป็นทางสามแยก มีทั้งรถเก๋ง รถบรรทุกและรถจักรยานยนต์ น่าจะชนกันอย่างแรงมาก จนร่างและชิ้นส่วนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต กระเด็นเกลื่อนไปหมด ทั้งบนถนนและพงหญ้าข้างทาง
ทีมงานช่วยกันเก็บกู้ จนได้เกือบครบ เหลือศพหนึ่ง ที่ท่อนแขนขาดช่วงข้อศอก หัวหน้าทีม อายุราว 40 กว่าๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เขาจิตแข็งและเก๋าประสบการณ์มาก เพราะทำงานนี้มาตั้งแต่ยังหนุ่ม หันไปหาศพรายนั้น แล้วเอ่ยขึ้นว่า ‘เอ้า ไปหล่นอยู่ตรงไหน ก็บอกหน่อย..เดี๋ยวญาติเขาจะได้เอาไปทำพิธีต่อ’
ทันใดนั้น บริเวณข้างทางที่มีหญ้ารกมาก ก็มีมือๆหนึ่ง ยกขึ้นมา หัวหน้าทีมก็บอกให้ทีมงานที่เป็นเด็กใหม่คนหนึ่งไปเก็บมา เขาก็เหงื่อตก ไม่กล้าไป หัวหน้าทีมจึงเดินนำพาน้องเด็กใหม่ไปดู ปรากฎว่าเป็นแขนท่อนที่ขาดไปของศพๆนั้นเอง! ทำเอาเด็กใหม่ทั้งขนหัวลุกและงงในคราวเดียว เพราะบริเวณนั้นถึงจะมีหญ้ารกสูง แต่ก็ดูไม่เหนียวพอที่จะรับน้ำหนักแขนท่อนนั้นได้
เรื่องที่ 2 โดดลงมาไหม
รุ่นพี่ผม อีกเช่นเดิม เขามีเหตุต้องไปเยี่ยมญาติที่ป่วยนอนโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง..
..เมื่อเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ก็ได้ทราบว่าญาติเขาพักอยู่ห้องรวมที่ชั้น 6 โรงพยาบาลแห่งนี้ ก็ดูค่อนข้างเก่าๆ ขลังๆ น่าจะสร้างมานานแล้ว
พอรุ่นพี่ไปถึงปรากฎว่า ญาติมีคนมาเยี่ยม ท่าทางรุ่นราวคราวเดียวกับญาติแก น่าจะเป็นเพื่อน นั่งคุยกันอยู่ แกก็เลยยกมือไหว้ทั้ง 2 คน เอาของฝากวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วบอกว่า ขอไปห้องน้ำ แล้วจะมานั่งคุยด้วย
ปรากฎว่า ทางไปห้องน้ำ ผ่านห้อง ICU แกรู้สึกขนลุกเล็กน้อย ก็อาจเป็นธรรมดา ของคนทำงานกู้ภัยหลายคน ซึ่งอาจจะมีสัมผัสกับพลังงานบางอย่าง สุดทางเดินเป็นลิฟท์และบันไดหนีไฟ
รุ่นพี่เข้าห้องน้ำเสร็จ ก็เดินออกไปตรงบันไดหนีไฟ กะว่าจะสูบบุหรี่สัก 1-2 มวน
พอแกคาบบุหรี่ และหยิบไฟแช๊คมาจุด อยู่ๆก็มีลมตีขึ้นมาจากด้านล่าง พร้อมกับมีเสียงแว่วมาตามลมว่า
‘โดดลงมาไหม’
ทำเอาแกสะดุ้งเผยอปาก ทำให้บุหรี่ตกลงไปข้างล่าง แต่แกก็ยังอุตส่าห์จุดไฟสูบบุหรี่หมดไปมวนนึง
พอกลับเข้าไป แกก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง พอดีเพื่อนของญาติกลับ แกก็ถือโอกาสนั่งคุย แล้วก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่พยาบาลด้วย ทำให้ทราบว่า..มีห้องเล็กๆ ที่มีฉากบังอยู่ติดกับห้อง ICU นั่นคือห้องเก็บศพ ก่อนจะขนลงลิฟท์ด้านหลังที่อยู่ใกล้กับห้องน้ำนั่นแล..นอกจากนี้ ยังเคยมีคนโดดตึก ตรงที่เขาไปยืนสูบบุหรี่ ด้วย..ก็ไม่รู้ว่า ผู้ป่วยบางคนที่ทรมานจากอาการสารพัดจะเครียดจนคิดจบชีวิตตน หรือเหล่าวิญญาณ ต้องการหาตัวตายตัวแทน..ก็เป็นได้
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว